สมาร์ทโฟนในมือร้อนฉ่าดั่งกระทะร้อน แพรวโกรธจนควันออกหู เป็นไปได้ว่าในแกนสมองเธอคงขัดสีกันจนเผาไหม้เอาความทรงจำระหว่างเธอกับเปรมและมิวท์ออกไปจนหมด
.
"ตู๊ดดด , ตู๊ดดด , ตู๊ดดด , ตู๊ดดด"
.
โทรหามิวท์ไม่ติดปลายสายเลยถูกโอนมาหากระเทยควายคนสนิทอย่างพีแทน ทว่าเสียงแรกที่แว่วผ่านสายกลับมาก็ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากการกู่ร้องว่า ตู๊ด , ตู๊ด , ตู๊ด อยู่เช่นเดิม
.
"ใช่! มึงมันอีตุ๊ดอีพี! รับสายสิคะคุณเพื่อน เรื่องนี้ฉันต้องคุยกับแกนะ ฉันทำคนเดียวไม่ได้!"
.
ความกระวนกระวายใจสุมทรวงหนัก สาวเจ้าเริ่มเดินวนไปทั่วห้อง เฝ้าภาวนากับตัวเองว่าขอให้พีมีมุมมองอะไรดี ๆ สักอย่าง เพื่อรั้งเธอไม่ให้ไปฆ่าใครตาย เธอยังไม่อยากฆ่าเพื่อนตัวเอง
.
"ติ๊ด!"
.
"ฮัลโหลสวัสดีครับ~"
เสียงตอบนุ่มนวลราวกับ "มิตรชัย บัญชา" ที่เคี้ยวเอา "อาแอ๊ดสมบัติ เมทินี" เข้าไปในหลอดอาหาร ทำเอาแพรวถึงกับสะดุ้ง
.
"โทรผิดเหรอวะ?"
เธอคิด
.
"ก็ไม่นี่! นี่ก็เบอร์อีพี!"
"อ๋อ.. รู้แล้วเล่นอย่างงี้ใช่ไหม?"
.
"ซูดดดดดดดดด"
แพรวสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอด กระบังลมเปิดกว้างพร้อมกับการยัดเยียดอารมณ์โกรธาใส่เข้าไปทั้งดุ้น
.
"กรี๊ดดดดดดด!"
"อีพี! มึงอย่ากวนตีน! กูกำลังเครียดอยู่นะโว๊ย!"
"มึงเลิกเก๊กเสียงหล่อใส่กูได้แล้ว แค่หายใจกูยังรู้ว่าเป็นมึงเลยเหอะ!"
"อีเลว! , อีชั่ว!"
.
ส่งผลให้ฝั่งเพื่อนชายต้องรีบเบี่ยงโทรศัพท์หนี พีรู้โดยอัตโนมัติว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เขารับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากคลื่นเสียงที่กระเซ็นซ่านออกมาผ่านสายโทรศัพท์ มือเขาสั่นรัวพลางบอกกับแพรวออกไปตามตรงว่าให้ใจเย็นลงหน่อย
.
"เดี๋ยวนะ! , เดี๋ยวก่อนซิ! "
"แกเป็นไรอ่ะแพรว? นั่นแกร้องไห้อยู่ด้วยเหรอ?"
.
/ก็เออดิ! มึงเห็นข่าวรึยัง? ในทีวีในเน็ตเขาลงกันให้แซด/
.
"ข่าวอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง? ช่วงนี้กูสวดมนต์ตลอด กูขอพรให้โลกเราสงบสุขจากเชื้อไวรัส~!"
.
/อีตอแหล!/
.
"เอ้าอีนี่! กูเพื่อนมึงนะอีดอก!"
.
/สาบาน? ให้ตกนรกหมกไหม้?/
.
"ชิ!"
"เออ ๆ ๆ ก็ได้ กูยอมกูเพิ่งตื่น กูแดกเหล้าอยู่คนเดียวในห้องห่าเหวนี่มาสามวันสามคืนแล้ว แสงแดดก็ไม่ได้เห็น ผู้ชายก็ไม่ได้เจอ"
.
แพรวนิ่งเงียบไปพักใหญ่ มือยังคงถือสายไว้แต่ภายในกำลังเริ่มสำรวจตัวเอง ก่อนจะพบว่าเป็นจริงอย่างที่พีบอก เพื่อนคนนี้ภายนอกอาจจะกวนส้นตีน แต่ภายในนั้นนับว่ามีอะไรที่มากกว่าความเป็นกระเทยที่ยังไม่ได้แปลงเพศเยอะ พีเหมือนคนสองบุคลิกที่มีทั้งด้านที่เป็นผู้ชายแล้วก็ด้านที่เป็นผู้หญิง เขาจึงเข้าถึงจิตใต้สำนึกของผู้คนได้มากกว่าคนอื่น
.
/ขอบใจนะพี/
แพรวพูดเสียงอ่อยกึ่งกระซิกร่ำไห้
.
"ขอบคุณห่าอะไรกูก็แค่พูดความจริง"
"แต่ก็ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าใจเย็นก่อนมึง แล้วก็ค่อย ๆ เล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้น ข้างนอกมีข่าวอะไรเหรอวัน ๆ กูเห็นแต่ข่าวโควิด"
.
/ก็ไม่เชิง/
/เฮ้อ~/
/พี่เปรมติดโควิด-19/
.
"ห๊ะ! ดาวคณะเภสัชทายาทบริษัทยาชื่อดังน่ะเหรอ บ้า! เป็นไปไม่ได้! ประเทศเราหวังวัคซีนจากพวกเขาอยู่แท้ ๆ ไหงมาติดซะเองได้?!"
.
/ฮู่ววว~/
/ข่าวบอกว่าติดจากเชื้ออสุจิน่ะ เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ร้ายแรงกว่าโควิดเวอร์ชั่นทั่วไป/
.
"เหี้ย! ช่วงนี้เขายิ่งรณรงค์ให้รักษาระยะห่างโซเชียลดิสแตนท์ซิ่งกันอยู่ด้วย อีหรอบนี้เราก็ไม่ได้ไปงานศพพี่เค้ากันน่ะสิ?"
.
/อีพี!/
.
"โอ๋ ๆ ล้อเล่นน่า~ แต่จะว่าไปแล้วแกจะแคร์พี่เขาทำไมวะ ก็ในเมื่อแกเลิกกับเขาไปแล้ว แค่ผู้ชายห่วย ๆ ที่ไม่คิดจะสนใจอะไรแกเลย นึกภาพเหตุการณ์ในร้านกาแฟวันนั้นให้ออกสิลืมไปแล้วเหรอ?"
.
/ไม่ลืม..ไม่เคยลืมเลยด้วย! แต่เป็นแกต่างหากที่ลืมอะไรไปบางอย่าง แกจำวันที่เราแหกด่านเคอร์ฟิวกันได้ไหม? เมื่อประมาณอาทิตย์ก่อน/
.
พีแหงนหน้าขึ้นนึกพลันทิ้งตัวลงใส่เตียงนอนเชยคางดูฝ้าเพดานห้อง กลิ่นเหล้าอันคละคลุ้งบวกกับกลิ่นฝุ่นที่ตลบอบอวล ทำให้เจ้าตัวจอมจมลงสู่ห้วงนิทราแห่งความทรงจำ
.
"อ๊อ! จำได้แล้วมันมีรถสีดำวิ่งตัดหน้าเราไป แล้วเราก็เถียงกันว่าใช่รถของพี่เปรมรึเปล่า? สรุปเป็นรถของพี่แกจริงเหรอวะ?"
.
/ก็เอออ่ะดิ กล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเลย/
/แล้วแกรู้ไหมว่าคืนนั้นพี่แกบึ่งไปที่ไหน?/
.
"ไม่รู้~"
.
/ไปหอมิวท์!/
.
"เหี้ย!!!"
สะดุ้งโหยงโก่งตัวโค้งขึ้นจากเตียง นาทีนี้กลับกลายเป็นพีซะเองที่เหมือนกับโดนแพรวในอดีตเข้าสิง เขาอยู่ในอาการกระวนกระวายเดินพล่านไปทั่วห้อง ราวกับผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรังที่ขาดเหล้าชโลมผนังลำไส้
.
/มึงเอาตัวเงินตัวทองมาทั้งสวนลุมฯก็ไม่พอหรอก ทีนี้มึงรู้รึยังว่าทำไมกูถึงโกรธ ผลการตรวจระบุว่าพี่เปรมติดเชื้อจากอสุจิ นับย้อนหลังไปจนถึงระยะฟักตัวโรคมันก็ตรงกับวันที่เขาไปหอมิวท์พอดี ไปพ่นน้ำใส่กัน! ไปแอบได้กัน! ลับหลังกู! ไอ้เหี้ยยย!/
.
/กรอดดดด!/
เสียงกัดฟันดังลอดผ่านลำโพงโทรศัพท์ แทบไม่ต้องเดาว่าพีจะอยู่ในอาการไหน เพราะแม้แต่เขาเองก็มืดแปดด้าน เขาคงจะหาทางออกให้เพื่อนสนิททั้งสองกับยอดชายนายลักลอบได้ยากเสียแล้ว
.
"มึงโทรหามิวท์ยัง?"
พีถามด้วยเสียงเข้มข้นจริงจัง
.
/กูโทรแล้วแต่ไม่ติด ก็เลยโทรหามึงแทนเนี่ยะ ฆ่าคนตายนี่ติดคุกกี่ปีวะ!?/
.
"อีแพรว~"
"มึงใจเย็นก่อนมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่มึงคิดก็ได้ ข่าวเขาบอกรึเปล่าว่าเป็นใครสถานที่หอพักมันก็ออกจะกว้างขวาง มีผู้หญิงตั้งเยอะตั้งแยะ อาจจะไม่ใช่มิวท์ก็ได้ มิวท์มันรักมึงจะตายมันรักเพื่อนเป็นที่สุดมึงก็รู้ กูว่าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินเลยถ้าไม่ใช่ขึ้นมามันจะเสียเพื่อนเปล่า ๆ "
.
/......../
.
"มึงคิดดูนะล่าสุดระหว่างมึงกับพี่เปรมอ่ะคือตบกันในร้านกาแฟ ผู้ชายสารเลวประเภทไหนที่ทำแบบนั้นได้ เทียบกับมิวท์เจอกันครั้งล่าสุดแม่งสารพัดจะเทคแคร์เพื่อนเลย มันเป็นห่วงมึงจะตาย ร้านเหล้าเขาไม่เปิดก็ใช้เส้นสายไปขอร้องให้เขาเปิดให้ อุปกรณ์หน้ากากอนามัยเจลล้างมือมันก็เตรียมให้เพียบพร้อม"
.
/......../
.
"เฮ้! มึงฟังก็อยู่เปล่าเนี่ยะ?"
.
/เอ้อ!/
/ฟังอยู่.. กำลังคิดอยู่/
.
"ถ้าคิดไม่ออกเอางี้ไหมล่ะ! ก็ในเมื่อโทรหามิวท์ไม่ติดเราก็บุกไปหาถึงบ้านเลยเป็นไง?"
พีออกไอเดียโดยที่ยังไม่ได้คำตอบสักนิด เจ้าตัวก็กำกุญแจมอเตอร์ไซต์รอไว้ในมือแล้ว
.
/แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเขาอายัดหอไว้ เราเข้าไปไม่ได้หรอกอยากติดเชื้อตายรึไง?/
.
"เปล่า ๆ เราก็อย่าไปทำอะไรที่เขาจับได้สิ เราต้องไปที่อื่นที่ ๆ แม้แต่มิวท์เองก็คาดไม่ถึง"
“ซ่าาาา~!”เสียงโครงเรือยอร์ชที่ยังต่อไม่เสร็จกระทบผิวน้ำกระซ่านเซ็น พอดีกันกับโดรนอารักขาที่ใช้งานได้โคตรจะคุ้ม มันตัดสายเคเบิลที่ยึดโยงออกไปหมดสิ้น พลันลอยขึ้นไปบนฟ้าเพื่อทำหน้าที่ฉายไฟส่องสว่างลงมา ราวกับสปอร์ตไลท์ตามสนามกีฬากลางแจ้ง.“แชะ! , แชะ!”.ราตรีกาลเข้าครอบครองท้องฟ้า ส่วนท้องธาราก็เป็นไปตามการคำนวณ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจริงเฉกเช่นที่แพรวฟันธงเอาไว้ ต่างคนต่างรีบกระโจนลงเรือ และแม้ตัวบอดี้จะโคลงเคลงหนักมาก แต่ก็นับว่าดีอย่างที่ยังพอจะแบกรับน้ำหนักของทุกคนไหว ในส่วนนี้ต้องยกเครดิตให้กับทักษะของช่างต่อเรือ หรือไม่ก็เศรษฐีเจ้าของทุนทรัพย์ เพราะลำพังก้าวแรกที่ย่ำลงมา แพรวก็เห็นแล้วว่าทุกส่วนของโครงสร้างล้วนทำขึ้นจากวัสดุชั้นเยี่ยมเกรดพรีเมี่ยมทั้งสิ้น .เธอสั่งให้สองเด็กสาวเพื่อนเจนิสเอาเศษไม้แผ่นแบน ที่วางกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปมาทำเป็นที่คัดท้าย มีความโชคดีอย่างที่ของเหล่านี้ไม่ใช่ของหายากอะไรนัก ถ้าอยู่บนเรือที่ยังต่อไม่เสร็จ หลังจากนั้นก็สั่งให้พวกเธอ Stand by รอคัดท้ายตามคำสั่งอีกที ก็เลยเหลือแต่เจนิสกับโบ๊ทที่ยังว่างงานและยังไม่ได้รับมอบหมายให้ทำอะไร.เรือค่อย ๆ แล่นออ
นั่นจึงเท่ากับว่าน้ำในทะเลอาจจะไม่ปลอดภัย บางทีแม่น้ำสาขาทุกสายก็อาจจะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อแล้วก็ได้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงโบ๊ทจึงได้ขยับนิ้วมือกับแหวนทั้ง 5 ของเขาอีกที .“ฟิ้ว~!”โดรนอารักขาลำเก่งโฉบปักหัวลงมาจากเบื้องบน ราวกับพญาอินทรีย์พร้อมเข้าประจำที่.มันยื่นท่อนเหล็กสีเงินลักษณะคล้ายก้านปรอทวัดไข้ออกมาจากลำตัวส่วนล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่กระสุน .35 มม. จำนวนมหาศาลร่วงกราวลงมาเมื่อตอนก่อน ความยาวของอุปกรณ์ชนิดนี้น่าจะราว 2 ไม้บรรทัดเห็นจะได้ และโบ๊ทเรียกมันว่า “โคโรน่ามิเตอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับตรวจหาเชื้อโควิดโดยเฉพาะ.เขาสั่งการให้โดรนอารักขาหย่อนมันลงไปในน้ำทะเล แกว่งส่ายวนคนไปมาราว 20 - 30 ทีโดรนก็ยกตัวเองขึ้นจากน้ำ ปรากฏว่าไฟสถานะบนลำโดรนถึงกับแดงโล่! การลิงค์สัญญาณเกิดขึ้นทันที ก่อนจะฉายค่าสถานะและชุดข้อมูลพร้อมกับผลแล็บไปยังกระจกครอบแก้วที่โบ๊ทสวมใส่อยู่ พลันเปลี่ยนใบหน้าบ่องแบ้วของเขาให้กลายเป็นจอแสดงผลไปในบัดดล.“มันก็เหมือนการ “swab”(สว็อป) ตอนเราไปให้หมอแหย่จมูกนั่นแหละครับพี่ ๆ แค่เปลี่ยนจากรูจมูกคนเป็นน้ำทะเล ว่าแต่ผลเป็นไงบ้างครับ? ”โบ๊
ห้าชีวิตกับอีกหนึ่งลำโดรนย่างกรายเข้ามายังโซนลับแลแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ย้อนกลับไปไม่ได้คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ส่วนการไปต่อไม่ได้เพราะข้างหน้ามีแต่ทะเลคือเหตุผลข้อที่สอง แพรวก็เลยเดินนำหน้าแบกกระเป๋าเป้อาด ๆ พลางควัก Glock 18 อาวุธประจำกายขึ้นมาประทับเล็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรียนตามตรงว่าท่าเรือเป็นแอเรียที่เธอมีข้อมูลน้อยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่นี่แทบจะไม่ได้ถูกเขียนรายละเอียดใด ๆ ไว้ในแผนที่เลย ฉะนั้นหน้าที่ของมันจึงจบลงเพียงเท่านี้.“พรึบ!”แพรวพับแผนที่เก็บเข้าไปในกระเป๋า สื่อให้ทุกคนเห็นว่าแต่นี้ต่อไปคือการด้นสดล้วน ๆ พลาดก็คือตายและถ้าไม่อยากตายก็จงอย่าพลาด.“ระวังตัวด้วยทุกคน เราจะเข้าไปในโกดังนั่นดู คิดว่าน่าจะเป็นคลังเก็บสินค้าและบันไดลงสู่ท่าเรือก็น่าจะอยู่ในนั้น”แพรวกระซิบบอก.เช่นกันกับเจนิสกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็ระวังหน้าระวังหลังให้กันเป็นอย่างดี เธอจับมือโบ๊ทเอาไว้แทบจะตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าโดรนอารักขาที่ลอยอยู่บนฟ้า นั้นมีขีดความสามารถที่สูงกว่าคนจริง ๆ อย่างพวกเธอสามคนรวมกันซะอีก.“ไม่เป็นไรครับพี่เจนิสไม่ต้องดูแลผมดีนักหรอก ทางที่ดีผมว่าพ
พรรคพวกของโบ๊ทมีกันอยู่หลายคน แล้วก็ดำรงชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากการตามล่าของพวก AP เหมือนกับแคลนอื่น ๆ พวกเขามี LGBT รวมอยู่ในกลุ่มเยอะ ก่อนที่ความผิดพลาดจะมาเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าจำลอง เมื่อหน่วยแพทย์ของ AP ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมเกิดย้อนกลับมาเช็คทรัพย์สิน มีการปะทะกันเกิดขึ้น! แคลนของโบ๊ทแตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากไปถือวิสาสะยึดเอาแลนด์มาร์คตรงนี้เป็นจุดพักแรม ผู้คนก็เลยถูกกวาดต้อนไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย .ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมโบ๊ทถึงรอดมาได้นั้น ก็อยู่ที่แหวนทั้ง 5 วงบนนิ้วมือของเขานั่นเอง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้ใช้บังคับโดรนมากกว่า 150 ลำ บางลำเป็น Riot โดรนติดอาวุธหนัก บางลำเป็นโดรนอารักขา ส่วนบางลำก็เป็นโดรนข่าวสาร โบ๊ทใช้พวกมันอย่างคล่องแคล่วในการต่อสู้กับพวก AP และขับไล่พวกทรราชเหล่านี้ออกไปจากอาคารท้องฟ้าจำลองได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการอยู่คนเดียวในอาคารหลังโตแบบโดดเดี่ยว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องก็โดนหางเลขไปด้วยหมด.ย้อนกลับไปหลายตอนก่อนหน้านี้ เราจึงได้เห็นโบ๊ทใช้กล้องโทรทัศน์ส่องหาแคลนที่ยังมีผู้รอดชีวิตไปทั่วเมือง จนกระทั่งมาพบกับกลุ่
เสมือนหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่กระเสือกกระสนหาทางรอด ตัวเป็นจักรกลทว่าข้างในคงมีจิตวิญญาณของปลาช่อนที่กำลังจะโดนทุบหัวบรรจุอยู่ Riot โดรนถึงได้แสดงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดดังที่เห็น เปลวไฟพ่นออกมารอบทิศราวกับลูกข้างที่รวมร่างกับกระบองไฟ มันพ่นขู่คำรามแล้วก็ได้ผล เมื่อกลุ่มเรดี้ทั้ง 4 นางต่างก็ถอยกรูออกห่างไปทุกที พอเจนิสลองสืบเท้าเข้าไปใกล้มันก็พ่นไฟออกมาใส่อีก.“อ๊ายยย! ไม่ได้เลยพี่แพรวไฟร้อนมากค่ะ!”เธอรีบผินหน้ากลับมาบอก.สวนทางกับแพรวที่มีประสบการณ์มากกว่า หลังจับสัญญาณได้จากไฟสถานะบนตัวโดรนที่มีการกระพริบเปลี่ยนจังหวะไป พลางบอกให้น้อง ๆ ตระเตรียมอาวุธขึ้นมือเอาไว้.“ไม่เป็นไรเจนิส.. ไม่ต้องเข้าไปหรอก.. เราแค่ต้องตามเจ้านี่ไปก็พอ”.“ไปไหนอ่ะพี่?”.“เดี๋ยวก็รู้! เจ้าโดรนนี่ไม่มีทางทำแบบนี้ได้ถ้าไม่มีใครบังคับ.. เชื่อฉัน!”.แล้วก็จริงอย่างที่แพรวสันนิษฐาน ผ่านไปราว 3 นาทีกับอีกนิดหน่อยแก๊สในตัวก็หมดลง จากไฟพุ่ง ๆ ตอนนี้แค่ถ่มถุยออกมายังยากลำบาก ไหนจะท่วงท่าการบินที่กระท่อนกระแท่นเต็มทีนั่นอีก เพดานบินเริ่มลดระดับต่ำลง Riot โดรน เริ่มเบี่ยงเส้นทางบินหนีออกไปอีกฝั่งผ่านการร่อนที่เอียงกระเ
เหลือเชื่อว่าจะได้ยินเสียงจิ้งหรีดแทนที่กระสุนปืน เจนิสส่งทุกคนเข้านอนและตอบแทนความไว้ใจจากแพรวด้วยการห่มผ้าให้กับพี่สาว แม้จะรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้คงยากที่จะข่มตาหลับ แต่ชีวิตนั้นก็ต้องก้าวต่อไป แพรวอุตส่าห์นำทุกคนให้รอดมาถึงพื้นที่ใต้ทางด่วนตรงนี้ได้ แล้วมีหรือที่สายแข็งนักนอนเช้าอย่างเจนิสจะไม่ตอบแทนกลับไปบ้าง.เธอค่อย ๆ ย่องห่างออกมาจากจุดพัก สอดส่ายสายตาผ่านทะลุไปตามซอกหลืบต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าสงสัย พลันตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่าเสียงจิ้งหรีดนั้นมาจากไหน ถ้าเป็นเสียงปืนหรือเสียงคนฆ่ากันตายยังจะเป็นไปได้มากกว่า.“นั่นน่ะสิ! แปลกมากเลย? โควิดมันกินได้แม้กระทั่งผนังปูน แล้วกับสิ่งมีชีวิตเปลือกหุ้มอย่างจิ้งหรีดกลางคืนเนี่ยะนะ ไม่ใช่ล่ะ! เป็นไปไม่ได้!”“ถ้าเราไม่หูแว่วไปเอง เราควรจะตรวจสอบทุกจุดที่น่าสงสัยให้ละเอียดที่สุด”.กระชับหน้ากากครอบแก้วให้ติดแน่น ตัวเลขสถานะก๊าซลดลงเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น ส่วนในมือที่ถืออยู่ก็คือพลองไม้ขนาดยาวที่เป็นเหมือนอาวุธประจำกายของเธอ มันทั้งง่อนแง่นแล้วก็ดูบอบบางจนจินตนาการไม่ออกว่าถ้าเอาไปฟาดหัวใครเข้า Damage จะเข้าสักเท่าไหร่ แต่ครานั้นเจนิสก็