LOGINปลายลิ้นสากลากวนหัวถันยอดเกสรลุกชูชันเกินจะต่อต้าน แพรวเริ่มขยับหนีตามจริตจะกร้านด้วยเพราะรู้โดยสันดานว่าตัวเองก็สมยอม แต่ก็ต้องพยายามขัดเอาไว้หน่อยไม่ให้ฝ่ายนั้นคิดว่าง่ายเกินไป เธอกระเถิบตัวขึ้นไปพิงกับพนักวางแขนของโซฟา ครานั้นพีก็ยังตามขึ้นมาโดยการใช้คางพาดไว้บนเนินอก
.
“หนีทำไม?”
เขาเค้นเสียงถาม ลมหายใจร้อนผ่าวจนผิวเต้าเกร็งลุก
.
“…….”
แพรวไม่ตอบเธอเหลือบมองไปทางอื่น พลันใช้มือปิดบังหน้าอกตัวเองเอาไว้ ก่อนจะดันร่างอันบอบบางกระเถิบหนีขึ้นไปพิงกับพนักโซฟา
.
“กูไม่ให้มึงหนีหรอก มึงพลาดแล้วที่คิดจะยั่วกูอีแพรว!”
.
ร่างหนาโผขึ้นไปประกบ ชั่วเสี้ยวอึดใจสองกายก็กลมกลึงรวมเป็นหนึ่ง พีสอดแขนเข้าล็อคตัวแพรวเอาไว้ก่อนจะใช้เข่าดันลำตัวส่วนบนอันแน่นหนาทาบลงไปทับ ช่างรุนแรงผิดมนุษย์มนาแรงจนแยกไม่ออกว่าเขาคิดจะปล้ำหรือบ้าคลั่งกันแน่ ซอกคอเนื้อบางใสจึงโดดดูดเข้าอย่างจัง
.
“จ๊วบบบ!!!”
.
“อ่าาา~ พี.. อืม..ม..ม.. พี.. อือ..อ..อ~”
.
แพรวสยิวเสียวจนเผลอหลุดเสียงครางออกมา เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแพรหนวดแหลม ๆ ของเกย์คิงย์จะสร้างมธุรสแห่งกามกำหนัดได้มากถึงเพียงนี้ ทุกครั้งที่พีบี้บดธอจึงต้องพยายามหันคอเปลี่ยนมุม ให้จุดบอบบางได้รับอานิสงห์แห่งความเสียวได้ถ้วนทั่ว
.
สาบานได้ว่าโคตรจะมีความสุขเลย ร่างกำยำของพีรูปคลึงไปโดนส่วนไหนก็มีแต่ความล่ำ ยิ่งเขารุกล้ำแพรวยิ่งมีแต่ความฟิน แต่ทว่าใบหน้านี่สิที่แสนจะเรียบเฉย ต่อให้พีจะเลื้อยขึ้นมาเลียเข้าที่ซอกหูแพรวก็ยังคงทำเป็นเฉยชา เธอไม่หลุดเสียงครางออกมาอีกเลยนับจากครั้งแรกแถมยังเลือกที่จะนอนนิ่งเป็นท่อนไม้แข็งทื่อไร้ความรู้สึก
.
“ทำกูเลยสิ! อยากทำอะไรก็ทำพวกผู้ชายสารเลว!”
เธอประชด
.
“มึงไม่ต้องพูดหรอกกูเอามึงแน่อีแพรว!”
.
กระเทยควายถลกเสื้อออก ตามติดมาด้วยการปลดตะขอกางเกงด้วยความคล่องแคล่ว ไม่ถึงชั่วเคี้ยวหมากแหลกร่างอันล่อนจ้อนก็จู่โจมหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดราวกับปีศาจร้าย กิจกามนี้ไม่จำเป็นต้องยื่นกู้ แค่ชูขาให้สูงเข้าไว้อวัยวะแห่งความเป็นชายก็โยกย้ายทิ่มแทงแต้มสะสม
.
ดอกเบี้ยไม่ต้องคิด ค่าธรรมเนียมก็ไม่ต้อง แค่ทำเป็นเนียนเอากับเพื่อนได้นั้นก็แย่ยิ่งกว่าหมาตัวหนึ่งแล้ว พีร้องครางราวกับอยู่ในโรงฆ่าสัตว์ อวัยวะของเขาแหวกผ่านโพลงสวรรค์ด้วยน้ำหล่อเลี้ยงที่ปริ่มออกมาพอหลอมแหลม สิ่งนี้บ่งบอกว่าแพรวเองก็ไม่ได้มีอารมณ์เท่าไหร่ เธอขืนตัวเองไว้ นิ่งเงียบ จากจะเงี่ยนกลายเป็นเหลือเพียงความรังเกียจรังงอน
.
แพรวเหงื่อไคลเปรอะเปื้อนเต็มตัว อีกทั้งลำตัวก็ถูกจับโยนไปไหนต่อไหน หญิงสาวกำลังโดนประทุษร้ายโดยเจตนา หว่างขาของเธอถ่างอ้าร้อนวาบไปยันหัวหน่าวแถมยังแสบทรวงจวนจะทนมิอยู่ อีกนิดเดียวคงจะร้องให้พีหยุดกระหน่ำเป็นแน่ แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากโดนริมฝีปากหนา ๆ โน้มลงมาประกบจูบซะก่อน
.
“จุ๊บ , จุ๊บ , จุ๊บ , จ๊วบบบ!”
.
“อ่าาา~ มึงเสร็จกูล่ะอีแพรว”
พีถอนปากออกมากระซิบที่ข้างหู โดยที่บั้นเอวยังคงทำงานเป็นแท่งปั้มไฮโดรลิค
.
“ช่างแม่งมึงสิ”
แพรวตอบกลับ ทั้งที่เหงื่อท่วมตัวปอยผมเปียก ๆ แปะเปื้อนแนบหน้าอก
.
“ปากดีนักนะมึง! หันหลังมา! อ้าาาา! เยส!!! , เร็ว! , กูบอกให้หันหลัง!”
.
“พรึบ!”
.
“ว๊ายยย!”
“พีอย่า! กูไม่ชอบท่านี้กูจุก!”
.
“เปรี๊ยะ!!!”
.
“โอ๊ย!.. อีพี.. ซีดดดด~!”
.
“เปรี๊ยะ!!!”
.
“อีเหี้ย! นั่นตูดกูนะ!”
.
“หึ! ตูดมึงก็เสร็จกูอยู่ดี กูจะล่อแม่งทั้งหน้าทั้งหลังเลย!”
.
จบคำพูดนี้สองเพื่อนซี้ก็ไม่มีบทสนาต่อกันอีกเลย กระบวนท่ารักกลายเป็นการด็อกกี้แบบสมบูรณ์แบบ น่มน๊มของแพรวพาดคาอยู่กับพนักพิงโซฟาดวงหน้าเธอแหงนเชิดขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่พีกระแทกสวน เขาประกบหลังในท่าคุกเข่าใช้ฝ่ามือดึงรั้งกับหัวไหล่สาวเจ้า บางจังหวะก็ลามปามไปถึงการจิกผม
.
พีกระหน่ำสอดท่อนรักจนเนื้อตัวโยกโยน เสียงตุ๊บ ๆ ตั๊บ ๆ ทำเอาผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเสียทรง หยาดเหงื่อหยดกระเซ็นช่านซัดใส่แผ่นหลัง ตัดภาพลงไปด้านล่างจะเห็นขาโซฟาโยกไปตามน้ำหนักตัว มันกระเถิบขึ้นหน้าทำระยะได้ 2 มิลิเมตรในทุกๆ ครั้งที่พีกระแทกดุ้น จากที่ตั้งอยู่กลางห้องหน้าจอทีวีบัดนี้ด้วยฤทธาของการบี้บด โซฟามหัศจรรย์ได้นำพาพีกับแพรวเขยื้อนมาจนจะชนกับผนังห้องฝั่งตรงข้ามอยู่รำไร แล้วถ้าหากก้มลงไปมองแล้วไซร้ เราจะเห็นหลักฐานเป็นรอยครูดลากยาวที่ทำกับพื้นอพาร์ทเมนท์
.
“แกร็ก ๆ , แกร็ก ๆ , แกร็ก ๆ , แกร็ก ๆ”
เสียงโซฟาร้องทรมานพอ ๆ กับคนที่กำลังทำเซ็กส์
.
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ใกล้เสร็จกิจ การซอยยิกของมันยิ่งสั่นรัวยิ่งกว่าดิลโด้ที่ต่อกับไฟบ้านซะอีก พีหลับตาในขณะที่แพรวเองก็ด้วย เขาเกร็งจากขาไล่ขึ้นมาจนสุดลำ พลันพ่นน้ำกามอัดเขาใส่กลีบร่องแบบไม่เกรงใจ
.
“อ๊าาาาาาาาาา!!!”
.
“ปิ๊ดดดด!”
.
แพรวพุ่งตัวขึ้นหน้า ก้นของเธอสะบั้นสั่นสะท้านพลันโย้ขึ้นไปตามแรงกระแทก ทิ้งไว้เพียงมวลของเหลวยืดขาวที่หลากลงมาจากร่องเสียว หยดใส่โซฟาเกรอะกรัง
.
“แฮ็ก ๆ , แฮ็ก ๆ , แฮ็ก ๆ , เฮ้อ..!”
หญิงสาวหายใจหอบรัวเธอพาดใบหน้าเข้ากับพนักพิงโซฟา และทันทีที่แหงนขึ้นมาก็เจอเข้ากับผนังทึบตันไร้ซึ่งการหลบหนี ด้วยความสัตย์จริงว่าสีหน้าแพรวดูไม่ดีนัก อาจจะเป็นเพราะตกใจหนักไม่คิดว่าเพื่อนจะปล่อยในก็เป็นได้
.
“อีพี! อีเหี้ยเอ๊ย!”
เธอคิดในใจก่อนจะหลับตาลงทิ้งลำตัวส่วนบนเข้ากับพนักวางแขน แล้วหอบหายใจต่ออีกสักพัก
.
ตรงข้ามกับพีที่ถึงกับหมดสภาพ กระเทยควายหลับลงที่ด้านข้างแพรวเขาพาดลำตัวดำขลับลงติด ๆ กับเธอ แล้วก็มีการสบตากันอยู่แว็บหนึ่ง ก่อนที่เสี้ยวอึดใจต่อมาแรงโน้มถ่วงจะลากพีลงไปกองกับพื้นด้านล่างสลบไสล
.
“ตุ๊บ!”
.
“แพรวของมึงดีจริง กูยอมรับเลย”
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วภาพก็ตัดไป พีหลับด้วยพิษของความเหนื่อย
.
“อีห่าแล้วมึงคิดว่ากูไม่เจ็บกับไอ้นั่นของมึงรึไง แฮ็ก ๆ , แฮ็ก ๆ เสือกแตกในเป็นอีก มึงมันไม่ใช่ตุ๊ดแล้วอีเวร!”
“เฮ้อ.. เหนื่อย..ย..ย..ย~!”
สาวเจ้าพลิกตัวเป็นนอนหงายยกขาเรียวขึ้นพาดกับพนักโซฟา วางศีรษะกับที่วางแขนจากตรงนี้พอมองลงไปแพรวยังเห็นกลีบร่องของตัวเองแดงเรื่ออยู่เลย
.
“เจ็บชะมัดอีเพื่อนเหี้ย!”
“วู่วววว.. เอาเป็นว่ากูขอนอนพักเป็นเพื่อนมึงก่อนล่ะกัน”
.
หลับตาลงอีกครั้งซึ่งคราวนี้ก็ทำให้ทั้งคู่หลับไหลกันไปเลย แพรวนอนบนโซฟาล่อนจ้อนพีเองก็ล่อนจ้อนเช่นกันแต่แผ่หลาอยู่บนพื้น นี่มันคือการได้กันประเภทไหน จะว่าฝืนก็ไม่ใช่จะว่าเต็มใจก็ไม่เชิง ความสัมพันธ์ของพวกเขาเมื่อเพื่อนได้กับเพื่อนแล้วจะมองหน้ากันติดอยู่หรือเปล่า?
.
ร่องรอยจากขาโซฟาที่กรีดร้าวพื้นกระเบื้องที่ครูดจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยง แพรว , พี , มิวท์ , เปรม , พวกเขาอาจจะร้าวกันขนาดนี้แล้วก็ได้ (แค่ยังไม่รู้ตัว)
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ