LOGIN“แกร๊ก! ๆ , แอ๊ดดด!”
.
ดูท่าจะไม่ทันการณ์ซะแล้ว เพราะทันทีที่สายถูกตัดไปประตูไม้หน้าบ้านก็อ้ากว้างออกแทบจะทันที หญิงสาวผงะหงายหลังให้แก่ชายร่างโย่งคนหนึ่ง ที่แม้จะเคยเห็นหน้ากันมาแล้วหนหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่การพบกันแบบประจันหน้าสองต่อสองในลักษณะนี้ แพรวจึงพยายยามเลี่ยงด้วยการชูโทรศัพท์ขึ้นมาประกบนาบกับสองฝ่ามือ แล้วผงกหัวไหว้ไปแบบส่ง ๆ พอเป็นพิธี
.
“สะ.. สวัสดีค่ะคุณพ่อ.. พอดีหนูว่าจะมาหาพีแต่ตอนนี้เหมือนมันจะไม่อยู่?”
.
“อะ.. แฮ่ม.. ม.. ม.. อืม พีไม่อยู่จริง ๆ นั่นแหละ ว่าแต่เธอเป็นใคร? ฉันไม่เห็นจำได้ว่าเราเคยรู้จักกัน.. อืม.. ม.. ม..”
เสียงอู้อี้ในลำคอซุ่มเสียงสำเนียงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมาเต็มขั้น นี่ถ้าไม่ได้วงกบประตูค้ำไว้ล่ะก็ป่านนี้พ่อของพีคงล้มกระเท่เร่ไปแล้ว
.
“คือหนูเป็นเพื่อนพีค่ะ.. เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งแล้วตอนที่พ่อมาเคลียร์กับด่านตรวจโควิดให้ แต่ถ้านึกไม่ออกก็ไม่เป็นไรนะคะคือหนูจะกลับแล้ว บังเอิญมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ขอโทษที่มารบกวนจริง ๆ ค่ะคุณพ่อ..”
โน้มตัวลงสนทนาอย่างสุภาพอ่อนน้อม และต่อให้เบื้องหน้าจะเป็นไอ้ขี้เหล้าเมายาแต่อย่าลืมกันสิว่าถ้านับตามศักดิ์แล้วล่ะก็ เขาคนนี้ก็คือพ่อผัวเธอเลยทีเดียว แพรวไม่มีทางผละตัวออกไปแบบไม่มีสัมมาคาราวะหรอก ถ้าไม่โดนแตะเนื้อต้องตัวซะก่อน!
.
“หมับบบ!”
.
“อุ๊ย!”
.
“เฮ้!.. เดี๋ยวเซ้!.. จะรีบไปไหนล่ะสาวน้อย! เธอต้องเป็น Grab ส่งอาหารที่ปลอมตัวมาแน่ ๆ อื้มมม.. ม.. ม.. อั๊ก.. ก.. ก.. ฉันจำชุดยูนิฟอร์มได้ ถึงตอนปกติมันจะไม่อูมตูมเบิ้ม ๆ นมเป็นนมแบบนี้ก็เถอะ ฮั่ว.. ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า”
.
เป็นเรื่องจริงที่คุณพ่อจำแพรวไม่ได้สักนิด ทรวดทรงสุดสะบึมของเธอล้วนถูกปกปิดไว้ด้วยเสื้อผ้าตัวใหญ่ที่หยิบแบบมั่วซั่วมาจากห้องของพี แต่ก็มิวายอำพรางอะไรได้สักเท่าไหร่ มิหนำซ้ำตอนนี้หน้าสวย ๆ ของเธอก็ยังมาอยู่ใต้หน้ากากครอบแก้วรูปร่างคล้ายหมวกกันน็อคซะอีก ก็เลยไม่แปลกที่คนแก่เมา ๆ จะมาทำลามกใส่
.
“หืมมม.. ”
“ฉันจำได้แล้วล่ะ! ว่าฉันสั่งกับแกล้มเป็นชุดเอ็นไก่ทอดไป ก็ไม่คิดนะว่าคนที่มาส่งจะเป็นสาวสะโพกใหญ่ที่น่าตีก้นสักป๊าบ! อั๊ก.. ก.. ก.. อืมมม.. ม.. ม.. ม..”
"ซูดดดด! หอม.. ม.. ม.. ม.. ตัวหอมดีจัง.. ง.. ง.. ง.."
.
“ไม่นะคะคุณพ่อ! ไม่ใช่หนู! เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ปล่อยมือหนูเถอะค่ะได้โปรดเถอะ”
“กรี๊ดดดดด! อย่าค่ะคุณพ่อ!”
.
ลมโชยโบยลำตัว ฤทธิ์ความเมาบวกกับความหื่นในหัวทำให้คุณพ่อหน้ามืด แกไม่สนดินสนฟ้าอะไรทั้งสิ้น ต่อให้ด้านนอกจะละม้ายคล้ายพายุเข้าแกก็ไม่สนใจ ไวรัสห่าเหวอะไรล่ะ พายุฝนปนกับเชื้อร้ายจะขยายอาณาเขตเพิ่มเติมยังไง ก็ไม่ใช่กงการอะไรของแก พ่อของพีรู้แค่ว่าต้องดึงนังหนูนี่เข้ามาในบ้านให้ได้ กลิ่นกายสาปสาวนั่นทำให้แกฉุดคิดถึงใครบางคน
.
“ฉันไม่ทำอะไรหรอกน่าาา.. เข้ามาก่อน.. แค่นั่งคุยกันเอง ฉันบวกทิปค่าเสียเวลาให้ด้วยก็ได้ คิดซะว่าเป็นบริการเสริมที่รู้กันแค่เราสองคนไง!”
.
“ก็บอกแล้วไงคะว่าหนูไม่ใช่ Grab หนูเป็นเพื่อนลูกคุณนะ! ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้!”
“ไม่งั้นจะกรี๊ดให้คนช่วยจริง ๆ ด้วย!"
.
จากที่ฝนทำท่าเหมือนจะตั้งเค้า จู่ ๆ ฟ้าก็ผ่าโครมลงมาฉาดใหญ่ บรรยากาศสลัวเทาขึ้นมาอย่างน่ากลัว ย้อมทุกสิ่งรอบตัวให้เต็มไปด้วยแรงกดดัน ถึงคราวที่แพรวจะต้องสู้กับวิกฤตบ้าง อสุจิคนเป็นลูกยังไม่ทันฝังตัวจะมาโดนของพ่อเข้าไปสมสู่อีกก็กระไรอยู่ หล่อนจึงดิ้นลนอย่างสุดกำลัง ทั้งสะบัดทั้งตีทั้งตบ เกิดเป็นการยื้อยุดฉุดกระชากที่พอจะสู้กันไหว
.
เพราะคนเมาก็ไม่ต่างจากคนพิการ ลำพังยืนยังลำบากเรี่ยวแรงของแพรวจึงพอจะงัดได้ ฝนเริ่มลงเม็ดถี่รัวฟ้าคำรามน่ากลัวถี่ขึ้น แล้วยิ่งเป็นแบบนี้การจะตะโกนเรียกใครให้ช่วยยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ต่างคนต่างเห็นแก่ตัวที่จะเอาตัวรอด โควิดโดนฝนมีแต่จะซึมเข้าผิวหนังได้ไวกว่าปกติ บรรดาเพื่อนบ้านก็เลยพากันเก็บตัวเงียบ มิหนำซ้ำบางหลังยังถูกปล่อยทิ้งร้าง เนื่องจากชาวเมืองต่างพากันอพยพออกจากเมืองหลวงกันไปหมด
.
“โครมมม! , โครมมม! , ครื้มมม! , โครมมม!”
.
“กรี๊ดดดดด!!!”
“นี่ฉันควรจะกลัวอะไรก่อนดีเนี่ยะ! ช่วยด้วยค๊าาา! ช่วยหนูด้วยมีคนจะข่มขืนหนู!”
“กรี๊ดดดดด!!!”
.
เป็นเสียงกรีดร้องที่สะท้อนมุมตึกแต่ก็ไม่สามารถส่งไปถึงใครได้ แพรวเอี้ยวตัวกลับหลังเพื่อเช็คดูท้องถนนที่แต่ก่อนเคยมีวินวิ่งอยู่บ้าง มันคือพาหนะที่มาส่งเธอ แต่ตอนนี้กลับมีเพียงหลักเสาไฟสามถึงสี่ต้น แล้วก็ชุมสายด้านบนที่วูบไหวไปตามแรงลมที่กระหน่ำพัด
.
ไม่เว้นแม้กระทั่งบ้านไม้หลังนี้ที่โดนหางเลขไปด้วย มันตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ระหว่างความทันสมัยของตึกแถวด้านข้าง เป็นบ้านชั้นเดียวที่ทั้งผุแล้วก็พัง สนามหญ้าด้านข้างเต็มไปด้วยความรกชัฏอันขาดการดูแล ที่ด้านหลังกระบะบุโรทั่งคันเดิมที่เคยบึ่งไปช่วยพวกเด็ก ๆ ยังคงจอดแน่นิ่ง แพรวแทบคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าพ่อของพีเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ได้ยังไง คุณลุงหน้าโหดจิตใจดีที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูก ๆ รอด ทำไมถึงหื่นขนาดนี้เพียงแค่ก๊งเหล้า
.
ประตูหน้าต่างส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดหลอกหลอน พวกมันถูกลมพัดเพราะไมได้ลงกลอนแต่ก็ต้องยอมรับว่าโควิดจากฝน ก็กำลังกัดกินพวกมันอยู่เช่นกัน!
.
“เห็นไหม?! รีบเข้าไปข้างในกับฉันเดี๋ยวนี้ก่อนเราจะติดเชื้อ!”
คุณพ่อร้องเตือน ทั้งที่ร่างกายซวนเซหวิดจะล้ม
.
“ไม่ค่ะ! จะเป็นจะตายก็ไม่เข้าเด็ดขาด! หนูมีหน้ากากกันเชื้อหนูไม่กลัวหรอก”
“ลุงนั่นแหละปล่อยหนูซะที แล้วก็เข้าไปหลบข้างในได้แล้วถ้าไม่อยากตาย คนแก่ติดเชื้อง่ายกว่าวัยรุ่นไม่เคยดูข่าวเหรอคะ!”
พูดไปพลางสะบัดแขนหลุดพรวด
.
ชั่วเสี้ยวอึดใจนั้นนักศึกษาสาวคิดจะกระโดดถีบลุงขี้เมาให้ล้มหงายท้องด้วยซ้ำ เขาเมาจนแทบจะไม่สามารถประคองตัวเองได้แล้ว ดวงตาแดงก่ำยืนโซซัดโซเซหายใจออกมามีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์ ก่อนที่สักพักแกจะทรุดตัวลงไปเอง ณ บริเวณวงกบหน้าประตูบ้าน
.
“ตุบ!"
.
“แอ๊ก.. ก.. ก.. ก.. อั๊ก.. ก.. ก.. อืม.. ม.. ม.."
"ไม่เข้ามาด้วยกันจริง ๆ เหรอ? ในบ้านฉันปลอดภัยกว่าที่เธอคิดมากนะสาวน้อย?”
กวักมือไหว ๆ สภาพไม่ต่างจากคนชราขาดความอบอุ่น
.
“ไม่ค่ะลุง ลุงเลิกยุ่งกับหนูเหอะ หนูไม่อยากทำร้ายร่างกายพ่อเพื่อน”
.
“แต่ฉันหวังดีนะ ทำไมถึงมองโลกในแง่ร้าย?”
.
“ก็ลุงดูชั่วร้ายไงคะหนูไว้ใจลุงไม่ได้หรอก บ้านหลังนี้แข็งแรงซะที่ไหนดูที่หน้าต่างบานนั้นสิ? มันยุ่ยจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมแล้ว!”
.
ชายสูงวัยหันตามโดยพลัน แน่นอนว่าบางส่วนของบ้านก็มีความสึกหรอจากโควิดไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เว่อร์จนตรงกับที่แพรวบอก แล้วพอเจ้าตัวผินหน้ากลับมาก็พบว่าเด็กสาวได้กระชับหน้ากากครอบแก้ว แล้วก็เดินตากฝนออกไปจากตัวบ้านไปเป็นที่เรียบร้อย หุ่นเธอยังคงเซี้ยะตูดกลม ๆ ดิ้นดุ๊กดิ๊กน่ารัก ประกอบกับรูปทรงของหน้ากากครอบแก้วที่คล้ายกับหมวกกันน็อค จากด้านหลังตรงนี้ก็เลยยิ่งทำให้พ่อของพีนึกถึงใครบางคนขึ้นมามากกว่าเก่า ถึงตัวเองจะโดนหลอกแต่ก็เต็มใจให้เด็กมันหลอก ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเลย
.
ตัดภาพกลับมาเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First person) ระหว่างที่เดินแบบเริ่ด ๆ เชิด ๆ ออกมาในอารมณ์ของผู้ชนะ แต่แล้วแพรวก็รับรู้ได้ถึงความไม่ปกติ เมื่อระดับโอโซนลดลงอย่างฮวบฮาบจนตัวเลขสถานะขึ้นเป็นสีแดงเถือก มิหนำซ้ำตัวเลขบอกเวลาตรงมุมบนด้านขวาก็ระบุว่า เหลือเวลาอีกแค่ 1 นาทีกับอีก 30 วิเท่านั้น หน้ากากจะหมดอายุ!
.
“ชิบหายแล้ว! ต้องเป็นเพราะเราตกใจมากแน่ ๆ อากาศบริสุทธิ์ข้างในเลยลดระดับเร็ว”
“แล้วนี่ก็เกือบ 3 ชั่วโมงมาแล้วด้วย นับตั้งแต่ที่เราสวมเจ้านี่มาจากตู้อัตโนมัติ"
"บ้าเอ๊ย! ดันลืมไปซะสนิท!”
.
ท่ามกลางฝนที่ลงเม็ดหนาตา พายุกำลังมาไวรัสกัดกินทุกอย่าง เสริมแรงด้วยตัวกลางอย่างน้ำที่แทรกซึมไปได้ทุกที่ แพรวหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าบ้าน ถนนแปดเลนโล่งและว่าง ฟ้าผ่า “โครมมมมมม!!!” และเธอโคตรจะกลัว!
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ