LOGINม่านควันจางหายไปคล้ายลมหมอก ทุกอย่างขาวโพลนประหนึ่งชายหนุ่มหญิงสาวที่จูงมือกันในงานวิวาห์สมรส ทว่าตอนนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น พีกระเสือกกระสนดึงศีระตัวเองออกมาจากเครื่อง ฝ่าเท้าของเขาประทับแนบกับพื้นคอนกรีตฟุตบาทได้อย่างมั่นคง แม้จะยังมึนหัวอยู่สักหน่อย
.
ทัศนวิสัยค่อย ๆ ปรับชัดขึ้นทีละนิด ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First person) ด้านในหน้ากากครอบแก้วจะมีตัวเลขแสดงค่าความเข้มข้นของโอโซนอยู่ตรงมุมบนด้านขวา ซึ่งจะแทนค่าความบริสุทธิ์ด้วยเฉดสีและตอนนี้มันก็เป็นสีฟ้าน้ำทะเล บ่งบอกว่าภายในหน้ากากทรงหมวกกันน็อคอันนี้คือสะอาดสุด ๆ เชื้อโรคสักตัวก็เข้ามาไม่ได้ เสียอย่างเดียวตรงที่มีกำหนดระยะเวลานับถอยหลังอยู่
.
“ติ๊ก! , ติ๊ก! , ติ๊ก! , ติ๊ก! , ติ๊ก!”
.
“ฟืดดด.. ด.. ด.. ด.. ด , ฮืดดด.. ด.. ด.. ด , ฮาดดด.. ด.. ด.. ด”
พีเร่งสูดลมหายใจโดยพลัน
.
“ชิ! นี่แหละธุรกิจ! นี่แหละโลกแห่งทุนนิยม! ถ้าใช้ซ้ำได้บริษัท AP ก็คงไม่รวยระเบิดระเบ้อขนาดนี้ ฉันล่ะอิจฉาเธอจริง ๆ เลยมิวท์ รวยขนาดนี้ทำไมถึงเอากับแฟนเพื่อนได้นะ!”
คิดในใจไปพลางโดยไม่ฉุดคิดสักนิดว่าตัวเองก็เพิ่งผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนมาหยก ๆ พีเร่งอ้าปากงับเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้ได้คราวละมาก ๆ
.
ด้วยความสัตย์จริงว่านาทีนี้เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องรีบอะไรอีกต่อไป เพราะทันทีที่ใส่หน้ากากครอบแก้วเขาก็ไม่ตกเป็นเป้าสายตาของใครอีก กระเทยควายกลายเป็นเพียงชายคนหนึ่ง รูปร่างทรวดทรงอย่างเขาถ้าไม่ใช่คนที่รู้จักกันจริง ๆ ก็คงไม่มีใครมองออกหรอกว่าเขาคือหนึ่งในสาวประเภทสอง
.
ความสยองกึ่งลุ้นระทึกจึงหายไปในบัดดล พีเดินเตร็ดเตร่ได้อย่างชิวขาโดยที่ทีมแพทย์ต่าง ๆ นา ๆ ไม่มีใครสนใจเขาเลย บรรยากาศรอบตัวดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเสียงระเบ็งเซ็งแซ่ก็ยังคงอยู่ พีมองทะลุหน้ากากครอบแก้วออกมาก็ยังเห็น LGBTQ+ อีกหลายคนโดนกระชากขึ้นรถ มีการกระทบกระทั่งให้เห็นดาษดื่น มีการลงไม้ลงมือด้วยตาข่ายดักสัตว์ , ปืนช็อตไฟฟ้า , ไม้กระบอง และสารพัดความรุนแรง
.
“ช่างแม่งเถอะ! ยังไงซะเราก็ต้องรีบติดต่ออีแพรว"
"ไม่รู้ป่านนี้จะลงแดงตายไปรึยัง ข้อความเป็นพันที่มันส่งมาเหมือนจะเป็นห่วงเรามาก”
“หืม.. ม.. ม..”
“ไหนดูซิ.. มีอะไรบ้าง?”
.
กระเทยหนุ่มหลุบสายตาลงมองหน้าจอ มุมมองผ่านหน้ากากครอบแก้วนับว่าเป็นอะไรที่ลำบากมาก แต่ครั้นจะถอดมันออกก็ใช่เรื่อง สอดคล้องกับการที่ตัวเลขโอโซนบนมุมขวาที่ลดลงเรื่อย ๆ นาฬิกาจับเวลานับถอยหลังไม่ยอมหยุด ประเดประดังหลายอย่างรวมกันทำให้พีตัดสินใจออกวิ่งมันซะดื้อ ๆ
.
“ไม่ไหวอ่ะกว่าจะอ่านข้อความครบโอโซนคงเป็นศูนย์ ฉันว่าฉันวิ่งไปหามุมเงียบ ๆ โทรคุยกับอีแพรวเลยดีกว่า อย่างน้อยก็แจ้งมันสักหน่อยว่าเราปลอดภัยแล้วไม่ต้องเป็นห่วง!”
.
คิดได้ดังนั้นฝ่าเท้าก็โรมรันวิ่งพล่าน โทรศัพท์ถูกกำอยู่ในมือจนกระทั่งผ่านไป 5 นาทีพีก็มาหยุดลง ณ ซอกตึกแคบ ๆ แห่งหนึ่ง สองฟากฝั่งเงียบสนิทมีเพียงฝาผนังกับหมาตัวหนึ่ง แล้วก็ถังขยะใบโตที่ปิดกั้นบังสายตาของคนข้างนอกเอาไว้ ไม่รอช้าพีจัดแจงต่อสายหาเพื่อนสาวทันที
.
“ตู๊ดดด.. , ตู๊ดดด.. , ตู๊ดดด.. ”
เสียงสัญญาณดังยังไม่ถึงสามทีฝั่งโน้นก็กดรับ
.
“กึก”
.
/อีพี! , อีเหี้ย!!! , มึงเป็นไงบ้าง? , มึงอยู่ไหน?! , เค้าทำอะไรมึงรึเปล่า?! , กูเห็นคนโดนจับเป็นร้อยเลย?! /
.
/เฮ๊ยมึงใจเย็นก่อน.. กูปลอดภัยดี พูดช้า ๆ หน่อย/
.
/จะช้าได้ไง! กูโทรหามึงมึงแม่งปิดเครื่องใส่กูอ่ะ! กูก็นึกว่ามึงกำลังแย่!/
.
/อ่า.. ก็เกือบแย่จริง ๆ นั่นแหละ/
.
/แล้วข้อความทำไมไม่ตอบอีห่า จากข้อความสุดท้ายจนถึงตอนนี้แม่งเป็น 10 นาที คนเขาเป็นห่วงนะเว่ย! กูไม่เหลือใครแล้วนะพี กูมีมึงแค่คนเดียวอีบ้า!/
.
/เฮ๊ย! กูก็ปลอดภัยแล้วไงถึงได้โทรมาบอกเนี่ยะ มึงอย่าพูดงั้นสิกูจะร้องไห้ /
/แต่จริงของมึงว่ะแพรว! หมอพวกนั้นแม่งตั้งใจจะเล่นงาน LGBTQ+ ชัวร์ ๆ กูรู้สึกได้/
.
/หมาแมวมันก็ไม่เว้นเหอะ! ไม่อยากจะโม้!/
.
/เหี้ย! จริงดิ?/
.
/เออ.. กูเห็นกับตา! กูถึงได้พยายามจะช่วยมึงนักหนาไง แต่ปัญญากูก็มีแค่นี้กูพยายามจะโทรหาเพื่อนหาครูบาอาจารย์แล้ว แต่ก็ไม่เหลือใครอยู่ในเมืองหลวงเลย พอจะติดต่อหาตำรวจพวกเขาก็คงอยู่ข้างเดียวกับพวกหมออยู่ดี เผิน ๆ จะซวยทำให้มึงโดนจับตัวเร็วขึ้นกว่าเก่า กูทำเพื่อมึงจริง ๆ นะขนาดยาคุมกำเนิดของกู ๆ ยังไม่แคร์เลย/
.
/โถ.. อีแพรวผู้น่าสงสาร/
.
/นี่มึงประชดกูเหรอ?!/
.
/เปล่า ๆ ! แค่อยากให้มึงผ่อนคลายลง เอาเป็นว่ามึงหยุดช่วยกูได้แล้วตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว ด้วยมันสมองอันชาญฉลาดของกูทำให้กูหลุดออกมาจากสถานการณ์วิกฤตได้ กูใส่หน้ากากครอบแก้วไว้แล้วด้วย ไม่มีใครรู้หรอกว่าตัวตนที่แท้จริงของกูเป็นใคร มึงไม่ต้องห่วงนะแพรวไปหายาคุมกินซะ ชักช้าประเดี๋ยวกูจะกลายเป็นพ่อเด็ก/
.
/อีเวร! ยังมีอารมณ์มาแดกดันอีก คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง/
.
/เหอะ ๆ ตอนนี้กูอยู่มุมถนนบล็อค 12 มึงอยู่ไหนกูจะเข้าไปหา?/
.
จบคำพูดนี้จู่ ๆ ก็เหมือนสัญญาณจะถูกคลื่นแทรก เสียงจากปลายสายขาดหายเป็นช่วง ๆ พีได้ยินแพรวไม่ชัดเจนจนเขาต้องยกสมาร์ทโฟนออกจากหูแล้วสะบัด ๆ พลางเดินออกไปจากซอกตึกเพื่อรับสัญญาณใหม่
.
/เฮ้! ว่าไงล่ะ! ได้ยินกูไหมเนี่ยะ? ทำไมเงียบไปล่ะแพรว.. เฮ้!/
.
“ครืดดด.. ด.. ด.. ด.. , ครืดดดดดด…ด…ด…ด , ซ่าาาาา!!! , ซู่! , ซ่าาาาา!”
.
/พี?/
/พูดไปมึงต้องไม่เชื่อกูแน่/
.
สัญญาณกลับมาแล้วแต่น้ำเสียงแพรวเหมือนไม่ปกติ มันแผ่วเบาอย่างแปลกประหลาด คล้ายกับคนที่ทำความผิดแล้วขาดความมั่นใจ
.
/อะไร?! , มึงอยู่ที่ไหนบอกมาเร็ววว!/
.
/เอิ่ม.. ม.. ม คือ/
/ก็กูติดต่อใครไม่ได้.. ตำรวจก็ช่วยไม่ได้.. มิวท์ก็ไม่ถูกกัน.. กูไม่เห็นใครเลยที่จะช่วยมึงได้นอกจาก../
/พะ…/
.
/แพรว! อยากบอกนะว่ามึง?/
.
/อืม..ม..ม กูอยู่หน้าบ้านมึง กูมาตามพ่อมึงไปช่วยแล้วกูก็กดออดหน้าบ้านไปแล้วด้วย/
.
/เย็ดแม่ง! ชิบหายแล้ว!/
/เขาเมารึเปล่า?!/
.
/ไม่รู้สิแต่ฟังเสียงจากเครื่องอินเตอร์คอมหน้าบ้านแล้ว ก็อ้อแอ้อยู่.. /
/ฮัลโหล! , พี! , พี! , อีพี! , มึงฟังกูอยู่เปล่า? เสียงอะไรอ่ะดังตุบ ๆ !/
.
“ตุบ! , ตุบ! , ตุบ! , ตุบ! , ตุบ!”
.
จะเสียงอะไรซะอีกล่ะนอกจากเสียงฝีเท้าของพีที่ต้องออกวิ่งเป็นการด่วนอีกครั้ง เขาแทบไม่อยากจะจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเด็กสาวหุ่นเซี้ยะมายืนอยู่ต่อหน้าบิดาผู้เมามายในรสวิสกี้
.
/มึงรีบออกจากบ้านกูเดี๋ยวนี้แพรว! , เร็วววว!!! /
/กูกำลังหารถแว๊นเข้าไป กูขอร้องล่ะรีบออกจากบ้านกูให้เร็วที่สุดเลยนะ!/
.
ตะคอกใส่จอคอแทบพัง อะไรที่ทำให้พ่อน่ากลัวขนาดนั้น พีทำเหมือนวิกฤตการณ์ได้ย้ายข้างไปเล่นงานแพรวซะแล้ว
เจนิสโผเข้าหาแบบไม่สะทบสะท้าน เธอปล่อยชายเสื้อหลุดลุ่ยออกจากลำตัวทิ้งลงเบื้องล่าง พลางเผยอริมฝีปากขบลงที่ซอกคอของมิวท์."งั่ม.. ม.. ม.."เบามากจนเหมือนกับการแทะซะมากกว่า ด้วยเพราะรู้ว่าถ้าหนักกว่านี้พี่สาวคงเจ็บ และจะให้อารมณ์ที่รุนแรงเกินกว่าคำว่าเงี่ยนไปไกลโข เจนิสจึงพยายามจะเลี้ยงไว้ด้วยการละเลงเลีย."หยุดนะน้อง.. นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่! ไม่เห็นหรือไงว่าฉันติดเชื้อ! อยากตายไปด้วยกันงั้นเหรอ?!"มิวท์ตะโกนดุเสียงดังสนั่น ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาหาเธอแบบไม่ทันตั้งตัว มีอย่างที่ไหนได้สติขึ้นมาก็ดูทรงจะต้องเย่อร์กับผู้หญิงซะแล้ว เป็นใครมันจะทำใจได้ แถมยังเป็นเรดี้ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ต่อให้เป็นเด็กหน้าตาดีไฟหน้าใหญ่เบิ้มแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่! มิวท์เอาแค่กับผู้ชายแล้วเธอก็ไม่ต้องการแพร่เชื้อให้ใครอีกแล้ว.เจนิสก็เลยอ้อนกลับ."โถ่พี่มิวท์.. ก็ทำแบบที่พี่มิวท์ทำกับคนอื่น ๆ ไง เวลาผู้ติดเชื้อจะขย้ำใครก็มักจะกัดที่คอแบบนี้ก่อนไม่ใช่เหรอ?""หนูอ่ะ.. แค่อยากลองทำแบบพี่ดูบ้าง.. พี่จะได้ไม่เกร็ง.."."งั่มมมม!""งับ! , งั่ม.. , งั่ม.. , งับ! , งับ! , งับ!""แผล็บ, แผล็บ , แผล็บ , แผล็บ
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล







