LOGINคนที่น่าสงสารที่สุดสำหรับเคสนี้เห็นทีจะเป็นคุณพ่อ แกยังคงนอนฟุบหน้าคาสายน้ำเกลืออยู่บนโต๊ะอาหาร เมาหัวราน้ำโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยว่าความลับที่อุตส่าห์ปกปิดไว้ ได้ถูกเฉลยออกไปหมดแล้วโดยสตรีที่ไหนก็ไม่รู้ มิหนำซ้ำยังโดนขโมยมอเตอร์ไซต์ออกไปจากโรงจอดอีกต่างหาก แต่ก็อย่างว่าล่ะ! ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นเทพที่ไม่มีคนคอยดูคอยฟัง กี่หมื่นสัญญาณเตือนดังก็คงไม่มีประโยชน์
.
จอภาพวงจรปิดในแล็บสว่างโพลงชัดยิ่งกว่าชัด มันซูมเข้าซูมออกได้ปรับโฟกัสให้หน้าชัดหลังเบลอก็ได้ แถมยังส่องได้มากกว่าแค่ป้ายทะเบียน กดคีย์บอร์ดปุ่มเดียวเลนส์นี่ยื่นซูมเข้าไปจนเห็นกากจุลินทรีย์บนชั้นหนังกำพร้าเลยทีเดียว เสียดายที่ไม่มีใครอยู่ดูสักคน พ่อเมาเกินกว่าจะได้สติ พลางปล่อยให้พีกับแพรวสองหัวขโมยคนใกล้ชิดแว๊นซ์รถออกไปสู่โลกภายนอกแบบไม่ยี่หระ
.
“บรี๊นนน! , บรื้นนน! , บรื้นนน!”
.
ควันโขมงโฉงเฉงพีขับแพรวซ้อนหมวกกันน็อคไม่ต้อง เพราะลำพังหน้ากากกันเชื้อที่ใส่อยู่ก็รูปร่างเหมือนหมวกนิรภัยอยู่แล้ว อาศัยพื้นที่เล็ก ๆ บนทางเท้าวางพาดล้อยางลงไป กระเทยหนุ่มทำการบังคับทิศทางหักแฮนด์ซ้ายบ้างขวาบ้างฉวัดเฉวียนเสียวไส้ เจตนาจะไปให้ถึงที่หมายให้เร็วที่สุด ซึ่งนั่นแหละที่ทำให้แพรวถึงกับต้องรีบป้องปาก
.
“อีพีช้าหน่อยก็ได้มึง~! ทางมันไม่ดีอีเหี้ย~! กูจะตก~!”
.
“ตกก็ดีสิมึงจะได้แท้ง! กูจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ!”
.
“อีเหี้ย! พ่องมึงตายเหอะ!”
.
“มึงสิวางยาพ่อกู! กูยังไม่ได้ลงไปดูแกเลยนะ ต้องมามีมึงเป็นภาระอีกเนี่ยะเห็นไหม?”
.
“อีสัด!”
.
ไป ๆ มา ๆ ออกแนวทะเลาะกันได้ไงก็ไม่รู้ จากกอด ๆ เอวอยู่แพรวเปลี่ยนมาขยุ้มชายเสื้อ หล่อนแทบจะกระชากมันขาดออกจากกันด้วยความโมโห ผนวกรวมกับทางเท้าที่ชื่อก็บอกว่าห้ามรถวิ่งก็ดันตะปุ่มตะป่ำขรุขระอีก บรรยากาศแวดล้อมก็เลยมีแต่เรื่องชวนให้หงุดหงิด นมกระเด้งชนหลังก็ไม่ช่วยอะไร หลายสิ่งหื่นที่เคยคิดไว้มลายหายหมดสิ้น
.
ครานั้นยนตรกรรมสองล้อก็ยังวิ่งขึ้นหน้าลัดเลาะไปตามฟุตบาทได้เรื่อย ๆ จนกระทั่งผ่านมาได้สักระยะหนึ่ง ป้ายไฟร้านขายยาขนาดใหญ่ก็เด่นหลาอยู่ตรงหน้า ถัดจากมันขึ้นมาราว 50 เมตรเป็นด่านตรวจของทีมสืบสวนโรค ที่พีเพิ่งจะผ่านการทดสอบมาหยก ๆ เขาก็เลยไม่เสี่ยง เขาผ่านด่านตรวจดังกล่าวมาแล้วก็จริงแต่แพรวยัง เกิดพลาดถูกจับกักตัวขึ้นมาจะยุ่งไปกันใหญ่ ด้วยเหตุนี้ลานจอดรถหน้าร้านจึงเป็นดั่งที่พักที่เหมาะสม พีหักแฮนด์นำรถเข้าไปจอดเพื่อตั้งหลักทันที เขาจูงมือแพรวเข้าไปในร้านขายยาด้วยกัน หวังเพิ่มระยะห่างและลดการปะทะกับเจ้าหน้าที่
.
“มึงไม่กลัวทีมแพทย์เขาซุ่มจับในร้านยาแล้วเหรอ?”
แพรวถาม
.
“กูก็เก๊กแมนไว้สิอีโง่! ร้านนี้มันใกล้ด่านคงไม่มีเจ้าหน้าที่โผล่มาหรอก ที่ ๆ อันตรายที่สุดคือที่ ๆ ปลอดภัยที่สุดไม่เคยได้ยินหรอ แล้วเราก็จะได้เช็คข้อมูลด้วยว่า ที่ว่าไม่ขายยาคุมให้ผู้ชายน่ะเป็นจริงตามข่าวลือรึเปล่า?”
.
“อืม.. ก็ฟังดูมีเหตุผลแฮะ.. งั้นเชิญมึงนำหน้าไปเลย กูจะดูทางหนีทีไล่ให้เองเผื่อมีอะไรผิดพลาด”
แพรวพยักหน้าให้ส่วนในใจก็ภาวนาว่าขอให้อย่าเป็นเรื่องจริงเลย เธอไม่อยากบุกไปถึงช็อปหน้าสำนักงาน AP ถ้าซื้อยาคุมได้ที่นี่ก็จะได้รีบกินรีบจบ ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืด
.
ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาดันกลับตาลปัตร! เพราะไม่เพียงแต่เภสัชกรประจำร้านจะปฏิเสธการขายยาคุมให้แก่ผู้ชายตามข่าวแล้ว เจ๊เจ้าของร้านยังบอกอีกว่า ณ ปัจจุบันยาคุมทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นชนิดเม็ด , ชนิดฉีด , ชนิดฝัง , หรือชนิดแผ่นแปะ ล้วนถูกบริษัท AP ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเรียกคืนกลับไปจำหน่ายเองทั้งหมด ถ้าอยากได้ต้องเข้าไปซื้อในช็อปใหญ่สถานเดียวซื้อออนไลน์ก็ไม่ได้!
.
เจอแบบนี้เข้าไปพีก็เลยเดือด เขาเสียงดังกลับไปในลุคที่แมนโคตร ๆ
.
“ไหงเป็นงั้นล่ะหมอ! แฟนผมต้องรีบใช้นะ ออกกฎแบบนี้ได้ไงไม่เข้าใจวัยรุ่นเอาซะเลย!"
ทุบกำปั้นฟาดใส่กระจกเคาท์เตอร์โครม ๆ กัดฟันกรอดเกร็งสะบั้นเดือดดานจัด
.
“มันเป็นนโยบายรัฐน่ะค่ะน้อง ใจเย็นก่อนนะเขาคุมแค่เขตเมืองหลวง ย้ำว่าแค่เขตใจกลางเมือง ถ้าน้องรีบมากน้องก็ขับรถไปซื้อที่อยุธยา , ภาชี , สระบุรี , โคราช , หาดใหญ่ , สงขลา , ยะลา , เชียงใหม่ ก็ได้ แล้วน้องก็ไปได้ด้วยหลายยานพาหนะไม่ว่าจะเป็น รถบัส , รถเบ้นท์ , รถเข็น , รถไส , จักรยาน , มอไซต์ , อีซูซุ , โตโยต้า.."
"นอกเขตไม่เป็นไรค่ะ ที่ AP เรียกยาคุมกลับไปก็เพราะทีมแพทย์เชิงรุกเขาต้องการควบคุมปริมาณคน พวกเขาต้องการ LGBT ไปผลิตยาต้านเชื้อ เป็นพี่ ๆ ก็ทำเหมือนกันจะได้รวมพวกตุ๊ดพวกแต๋วไว้ ณ จุด ๆ เดียว ไม่ต้องเหนื่อยแรงเจ้าหน้าที่มาซุ่มจับตามร้านขายยาต่าง ๆ ถ้าน้องไม่ใช่กระเทยก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรนี่ หรือว่าน้องเป็น..?”
.
“ปะ..เปล่าครับ! ผมแมนทั้งแท่ง!”
ห่อคอเกร็งเสียงราวกับโฆษณาฟอร์ดเรนเจอร์ ดุดันไม่เกรงใจใครแถมยังเอื้อมมือลงไปจับไอ้จ้อนเขย่าโบ๊ะ ๆ ให้เห็นเป็นลำ ๆ
.
“ขอบคุณครับหมอ งั้นผมไปก่อนล่ะ"
"ต่อให้ต้องจูบปากแฟนต่อหน้าพวก AP ผมก็จะทำ เพื่อให้ได้ยาคุมที่ต้องการมา”
.
กระเทยหนุ่มประชดพลางแกว่งศีรษะเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่เกิด เขาจูงมือแพรวออกมาจากร้านตรงดิ่งไปที่มอเตอร์ไซต์ โดยไม่แยแสต่อคำถามของเพื่อนสาวเลยสักนิด วินาทีที่ก้าวขาขึ้นคร่อมและแพรวกำลังจะนั่งซ้อนลงมา พีก็ได้ลองมองลอดผ่านหน้ากากครอบแก้วที่ใส่อยู่ออกไป ก่อนจะพบว่าท่าทางของเภสัชกรประจำร้านนั้นชักจะแปลก ๆ
.
เธอลุกลี้ลุกลนผิดธรรมชาติแถมยังชะเง้อมองมาที่เขาเป็นระยะ ปิดท้ายด้วยการยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาทำปากขมุบขมิบ ราวกับพยายามจะแจ้งรูปพรรณสันฐานของเขาให้แก่เจ้าหน้าที่ทราบ
.
“ชัดเจนเลยแพรว หมอแม่งแจ้งจับกู!”
.
“แชะ! , แชะ! , แชะ! , แชะ!”
เสียงก้านสตาร์ทกระทบกับตัวถังรถ วิกฤตทีไรสตาร์ทติดยากทุกที
.
“เดี๋ยวมึงพี่เขาอาจจะโทรสั่งของอะไรก็ได้ อาจจะเอฟของไว้”
แพรวพยายามโลกสวย
.
“เชี้ย! เหอะ! สั่งห่าอะไรมึงแหกตาดูซิ! ไฟไซเรนตรงด่านตรวจสว่างวาบขึ้นแล้วโน่น! หมุนติ้ว ๆ ๆ มึงคิดว่าเขาขายโรตีเหรอ!"
“ลงไปแล้วดันรถเร๊ววว!!!”
.
สรรพวิธีสุดจะคิดออกรถเก่า ๆ ต้องใช้วิธีนี้ถึงจะได้ผล แพรวกระโดดครูดไปด้านหลังตูดงอน ๆ ของเธอส่ายดุ๊กดิ๊กน่ารัก พลางก้มจับส่วนท้ายมอไซต์เอาไว้แล้วก็ดันสุดกำลัง ซอยเท้ายิก ๆ ๆ วิ่ง ๆ ๆ ดัน ๆ ๆ จนได้ระยะราว 10 กว่าเมตร พีถึงกระทืบฝ่าเท้าถีบแป้นสตาร์ท
.
“บรื๊นนน!!! , บรื้นนน!!! , แว๊นนน!!! ๆ ๆ ๆ”
.
ชายหนุ่มหันหลังมาผายมือยื่นออกรับ เพราะกลัวว่าเครื่องจะดับอีกเขาเลยไปลดความเร็วลง เลยกลายเป็นแพรวที่ต้องกระโดดยืดแขนสุดเหยียดเพื่อคว้าโอกาสเดียวนี้เอาไว้ ก่อนจะหวี่ยงตัวเองขึ้นไปนั่งบนเบาะท้ายได้สำเร็จในที่สุด
.
“ฟุบ!”
.
“วู้ววว! เร้าใจชิบ! บิดเลยพีกูโอเคแล้ว!”
.
“เยี่ยม! จับแน่น ๆ นะ”
.
“บรื๊นนน!!! , บรื้นนน!!! , แว๊นนน!!! ๆ ๆ ๆ”
.
.
30 นาทีผ่านไป
.
เดี๋ยวก็โกรธกันเดี๋ยวก็ดีกัน ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดผิดมนุษย์ แพรวนั่งประกบชิดกับพีมากกว่าเดิมซอกนมของเธอแทบจะบี้ใส่หลังเขา ส่วนซอกขาและหัวหน่าวก็แทบจะเสียดสีกับหลังก้น กอดกันรัดแน่นประหนึ่งงูเหลือม เกิดเป็นสายสัมพันธ์ที่เริ่มก่อตัวขึ้นบนหลังเบาะมอเตอร์ไซต์ กระทั่งแว๊บหนึ่งในหัวแพรวก็ถึงกับเผลอคิดขึ้นมาว่า “ปล่อยท้องก็ดีเหมือนกันนะ ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้นน่ะพี~!”
.
ระยะทางไกลอีกกว่า 1 กิโลเมตร ไหนจะถูกล้อมและออกตามล่าตัวอีก อีหรอบนี้จะกลายเป็นแพรวเองที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่น ตกลงเธอเป็นใครกัน ทำไมใครต่อใครถึงต้องมาทำอะไรเพื่อเธอขนาดนี้ด้วย คิดไปคิดมาคิดบ้าคิดบอตามประสาผู้หญิงแล้วจู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเอง แพรวซุกหน้ากากกันแก็สลงที่หลังซอกคอเพื่อน เธอกอดรัดพีจนมือเรียวสัมผัสได้ถึงลอนซิกแพ็คที่แข็งเป็นลูก ๆ พลางกระแอมเสียงแหบ ๆ แบบเซ็กซี่ออกมาเบา ๆ
.
“พี~”
.
“อะไร! กูต้องใช้สมาธินะขับช้าไม่ได้! ต้องเร็วกว่าเดิม!”
.
“กูมีไรจะขอร้อง~”
.
“ว่ามาสิ! ถ้ากูพามึงรอดไปได้กูจะทำให้!”
.
“เอิ่ม.. ม.. ม”
“คือ..”
“เราไปโรงแรมกันไหม มึงมาเอากับกูซ้ำอีกน้ำให้ท้อง ๆ ไปเรื่องจะได้จบ ๆ”
.
“เอี๊ยดดดดดดด!!!”
เบรคลากล้อประหนึ่งหมาขี้เรื้อนวิ่งตัดหน้ารถ!
.
“อีกระหรี่! ร่านผิดที่นะมึง! ก่อนจะพูดอะไรมึงช่วยแหกตาดูสักนิดซิ ก็ในเมื่อกูพามึงมาถึงตึก AP แล้วเนี่ยะ ยังจะให้กูปี้มึงอีกเหรออีห่าราก!”
.
“อ้าวถึงแล้วเหรอ? เหอะ ๆ ขอโทษทีนะ~!”
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ