LOGINปาดดวงเนตรก้มลงมองแผนที่ในมือด้วยความฉับไว ระบบประมวลผลจากแกนสมองสอดประสานกับภาพจำในเมมโมรี่ ได้ออกมาเป็นเส้นทางเดินแบบสามมิติที่แพรวนั้นมองเห็นอยู่คนเดียว มันกระพริบวูบวาบเป็นจุดนำทางราวกับระบบค้นหาในวีดีโอเกมแบบโอเพนท์เวิร์ล เพียงแค่นำทุกคนเดินไปตามนั้นความปลอดภัยก็จะบังเกิด
.
“ข้างหน้ามีร้านมินิมาร์ท ทุกคนตามฉันมา เราจะหาก๊าซเพิ่มกันที่นั่นแล้วก็พักกันสักแป๊บ”
แพรวออกคำสั่งไปพลาง แล้วก็เดินนำหน้าทุกคนไปด้วย
.
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในมือสาวเจ้า จะมีเพียงไม้หน้าสามที่ฝังตะปูไว้ตรงหัวเป็นอาวุธเท่านั้น นั่นแสดงว่าแพรวค่อนข้างมั่นใจในแผนที่ของตัวเองอยู่พอสมควร เธอไม่กลัวเลยสักนิดว่าจะมีพวก AP ดักอยู่รึเปล่า แล้วก็ไม่กลัวด้วยว่าจะมีคนจากแคลนอื่นซุ่มดูอยู่หรือไม่ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว สถิติที่บันทึกไว้บวกกับประสบการณ์ที่เคยปะทะกับกลุ่มต่าง ๆ ตรงนี้มาก่อน ทำให้แพรวค่อนข้างคุ้นชินกับพื้นที่ จนกระทั่งเจนิสต้องขอขัดจังหวะขึ้น
.
“ช้าหน่อยพี่แพรว! พวกเราตามไม่ทันข้างหลังยิ่งมีแต่คนแก่ ๆ”
ที่ต้องบอกเพราะทุกครั้งที่ผินหน้ามองกลับหลัง คนที่รั้งท้ายขบวนดันกลายเป็นลุงกับป้าที่ชรามากแล้ว คนจากบ้านพักคนชราหรือจะเร็วกว่าวัยรุ่นหนุ่มสาว เป็นไปไม่ได้เลย
.
ทว่าแพรวกลับเห็นต่าง เธอยังคงมุ่งหน้าตรงดิ่งไปที่ร้านมินิมาร์ทข้างทางแบบไม่วอกแวกเสียสมาธิ พลันพูดบางอย่างออกมาที่ทำเอาเจนิสกับคนอื่น ๆ ถึงกับต้องเงียบปากไปเลย
.
“โถ่แม่สาวน้อย!”
“ช้าก็ได้ตายกันพอดีสิจ๊ะ! เราเหลือก๊าซแค่ 3 กระป๋อง ถ้าไม่รีบหาเพิ่มก็ได้ลงไปดิ้นกระแด่ว ๆ อีกทีสิ คราวนี้พี่ช่วยไม่ได้แล้วนะ ตายสถานเดียว! ตายอ่ะรู้จักรึเปล่า!”
.
“อึก..ก…ก..ก”
เงียบกริบไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงแต่กลับให้ผลดีเกินคาด เพราะคำพูดสั้น ๆ แค่นั้นกลับทำให้ทุกคนในแคลนเพิ่มสปีดขึ้นมาอย่างทันทีทันใด นี่แหละแพรวเรื่องจิตวิทยาขอให้บอก ไม่งั้นเธอไม่นำพาทีมรอดมาได้เป็นสิบ ๆ หนทั้งที่มีแค่ไม้หน้าสามเป็นอาวุธในมือหรอก
.
.
ราวสามสิบนาทีผ่านไป ทันทีที่ปีนพ้นแท่นแบริเออร์ขนาดใหญ่ยักษ์ที่พังถล่มลงมาจากทางด่วนด้านบนได้ ทุกสายตาก็ประจักษ์เข้ากับร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โลโก้หน้าร้านเป็นรูปเลข 7 มีแถบสีส้มกับสีเขียวพาดคาดตรงกลาง น่ายินดีแต่ก็เหมือนกับทุกทีเพราะทุกที่ในเมืองหลวงแห่งนี้คือร้างสนิท! ไฟโดนตัด! แล้วกระจกทุกบานก็แตกจนไม่อยู่ในสภาพที่จะรับลูกค้าได้อีกต่อไป
.
สายตาของผู้นำจดจ้องมายังลูกทีมทุกคนแบบไม่ยี่หระ กระจับปากขบกันครุ่นคิดราวกับภายในดวงจิตนั้นกำลังสรรหาทรัพยากรบุคคลที่เหมาะสมกับเนื้องานอยู่ “Put the right man in the right job” สำนวนฝรั่งเขาว่างั้น และแพรวเองก็กำลังทำแบบเดียวกันอยู่ เธอเล็งไว้แล้วว่าตู้กดก๊าซหยอดเหรียญตรงหน้าทางเข้าจะเป็นหน้าที่ของเธอ ที่จะเป็นคนงัด ส่วนเจนิสกับแก็งค์เด็กหญิงให้คอยดูต้นทางไปพลางก่อน การบาดเจ็บจากการขาดอากาศหายใจของเพื่อนจะต้องพักต่ออีกเล็กน้อย คงให้ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
.
ก็เลยเหลือแต่ 2 ผู้เฒ่าลุงป้าจากบ้านพักคนชรา แม้สองคนนี้จะไม่ค่อยมีบทบาทนัก หน้าตาท่าทางเป็นยังไงก็ไม่เคยได้ถูกพรรณนาถึงมาก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าพวกแกเป็นหนึ่งในทีม สมาชิกแคลนจำต้องช่วยกันในทุก ๆ บริบท แพรวจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้พวกแกช่วย เธอตรงเข้ามาปรับกระชับสายเป้ให้แก่พวกเขา พลันชี้นิ้วเข้าไปในร้าน
.
“ลุงกับป้าเข้าไปดูในร้านให้หนูหน่อย กระเป๋าเป้เบา ๆ ว่าง ๆ แบบนี้กวาดอะไรได้ก็ยัดเก็บเอามาให้หมด เสร็จแล้วออกมารอกันตรงนี้ ระวังตัวด้วยนะคะ”
.
สั่งเสร็จก็หันกลับมาโฟกัสที่ตู้กดก๊าซบรรจุกระป๋องต่อ ปากบอกไม่รีบแต่พฤติกรรมแพรวเหมือนจะลนลานแปลก ๆ อาจจะเป็นเพราะคุณภาพของตู้ที่ผนึกแน่นราวกับตู้ ATM ก็เป็นได้ ซึ่งก็แน่ล่ะ! เพราะมันเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักของพวก AP นี่นา จะมาทำบาง ๆ กรอบ ๆ ให้โจรกรรมง่าย ๆ ได้ยังไง ไม่งั้นคงไม่ตั้งตระหง่านทนแดด ทนฝน ทนเชื้อ มาได้นานขนาดนี้หรอก
.
เจนิสกับเพื่อนประคองเพื่อนที่บาดเจ็บมานั่งลงแถวละแวก ต่างคนต่างดูแลกันเป็นอย่างดี แล้วก็มีเสี้ยวหางตาหนึ่งที่ทั้งหมดเหลือบมองมาที่ลุงกับป้า แสงสว่างแห่งความหวังพุ่งเสียดแทงมาที่พวกแกจนต้องรีบตื่นตัว มันคือแรงกดดันที่โถมเข้ามาใส่โดยเจตนา แม้ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงพูด แม้ไม่มีแม้แต่ท่างทางฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ทั้งสองก็รู้ดีว่าคนแก่อย่างพวกตนควรจะมีประโยชน์อะไรบ้าง
.
“อะ.. อืม.. ได้เลยหนูแพรว! พวกเด็ก ๆ ด้วย! รอลุงกับป้าตรงนี้นะโปรดสนใจแต่ของสำคัญ ๆ อย่างกระป๋องก๊าซเถอะ ที่เหลือไว้เป็นหน้าที่พวกลุงเอง”
ป้าพยักหน้าเห็นพร้องต้องกัน ก่อนที่สองเฒ่าจะงก ๆ เงิ่น ๆ สืบเท้าก้าวผ่านกระจกหน้าร้านที่แตกละเอียดเข้าไปสู่ภายใน
.
.
เสียงติ๊งต่องไม่มีแอร์ก็ไม่เย็น สิ่งแรกที่เห็นนอกจากเศษแก้วกระจกบาดคือแผงหลอดไฟเพดานที่ห้อยลงมาระเกะระกะ ภายในเหม็นเหมือนของเน่า สองลุงป้าแทบจะเดินเอาหลังพิงกัน ฉากบรรยากาศนั้นเหมือนกับในหนังสยองขวัญหรือไม่ก็พวกเกม Resident evil ภาครีเมคที่ภาพสมจริงโคตร ๆ
.
การสนทนาแทบเป็นศูนย์ลุงกับป้าแค่มองตากันก็รู้ใจลุงรีบตรงดิ่งไปที่ชั้นวางของโดยทันที แกพยายามกวาดขนมและของแห้งทั้งหมดที่พอจะกวาดได้ พลันมองข้ามแผนกที่เป็นเนื้อหมูหรือของสดที่เน่าเสียไปพลางก่อน ในกระเป๋าจึงมีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพียงไม่กี่ซอง ซอสพริก น้ำปลาขวดเล็ก ปลากระป๋อง แล้วก็ผักกาดดอง ของทุกชิ้นล้วนเก่าเขรอะ กระป๋องก็บุบบี้วันเดือนปีหมดอายุนั้นแทบไม่ต้องแคร์ เพราะจากสภาพที่ปรากฏอยู่ก็มีความเป็นไปได้สูงเหลือเกินว่า มินิมาร์ทแห่งนี้น่าจะถูกคนอื่นเข้ามาค้นไปหลายครั้งหลายคราแล้ว ถอนหายใจพรูลุงตะเบ็งเสียงขึ้น
.
“ทางนี้เสร็จแล้ว ทางนั้นเป็นยังไง?!”
.
“จ้า.. อีกนิดนึง มีน้ำให้เก็บเพียบเลย กระเป๋าฉันไม่น่าจะใส่พอหรอกลุงเอ๊ย! มาช่วยกันหน่อยสิ!”
ป้าตะโกนกลับโดยยังคงโน้มตัวเก็บขวดเครื่องดื่มหลากรสใส่ลงในกระเป๋า บางทีอาจจะเป็นเพราะความดีใจก็ได้ถึงทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้น
.
ป้าไม่เอะใจเลยว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงที่ตู้แช่น้ำเหล่านี้ยังมีของอัดอยู่เต็ม ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนหรือใครมาจัดฉากล่อเอาไว้ก่อน หญิงชราชันกายขึ้นเตรียมแบกเป้บรรทุกน้ำขึ้นแผ่นหลัง และในเสี้ยวพริบตานั้นเอง! ที่บริเวณบานประตูกระจกตู้แช่ก็ได้ปรากฏเงาของชายคนหนึ่งขึ้น เขาสวมเสื้อฮูดคลุมศีรษะเข้มกำมะหยี่ สภาพสกปรกมอมแมมโสโครก ก่อนจะง้าง 9 มม.สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 459 โครงอัลลอยด์ ขึ้นมานาบปากกระบอกเข้าหาบานกระจก ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลาสักคำ
.
“ปัง!!!”
.
ป้าล้มทั้งยืน คมกระสุนพุ่งผ่านกระจกตู้แตกเป็นเสี่ยง เศษกระจุยบาดผิว ประกายไฟจากปากลำกล้องขนาด 4 นิ้วเผาไหม้รุ่มร้อน มากพอที่จะส่งกระสุนยัดใส่สมองจนกระจุยกระจาย ศีรษะป้าเว้าแหว่ง! แกทิ้งตัวลงนอนเสียชีวิตในเวลาเพียงเสี้ยวหายใจ!
.
“ตุบ!”
.
เช่นเดียวกับอีกฟากหนึ่ง ลุงเองก็ไม่รอด! กระเป๋าเป้เสบียงถูกตัดสายทิ้งด้วยมีดคัตเตอร์ แกถูกจับล็อคจากทางด้านหลังโดยชายใสเสื้อฮูดอีกคน พวกมันทำงานกันเป็นทีม ซึ่งก็อย่างที่บอกมาตลอดว่าเมืองหลวงแห่งนี้ผู้คนแตกเป็นก๊กเป็นเหล่า ไม่ได้มีแต่แคลนของแพรวเท่านั้นที่เป็นผู้อยู่รอด และแสงไฟจากหน้ากากครอบแก้วที่ทุกคนใส่อยู่นั่นแหละคือปัจจัย ความสีฟ้าสว่างโพลงของมันใครเห็นก็ต้องอยากได้ ชะตากรรมสุดซวยจึงตกเป็นของลุงกับป้า
.
ลุงถูกผลักออกมายืนด้านหน้า มีคัตเตอร์จ่ออยู่ที่คอหอย พอดีกันกับชายเจ้าของปืนสมิธแอนด์เวสสันที่ตามมาสมทบ เหมือนพวกเขาพยายามที่จะต่อรองบางสิ่งบางอย่างกับพวกเด็ก ๆ อยู่!
เจนิสโผเข้าหาแบบไม่สะทบสะท้าน เธอปล่อยชายเสื้อหลุดลุ่ยออกจากลำตัวทิ้งลงเบื้องล่าง พลางเผยอริมฝีปากขบลงที่ซอกคอของมิวท์."งั่ม.. ม.. ม.."เบามากจนเหมือนกับการแทะซะมากกว่า ด้วยเพราะรู้ว่าถ้าหนักกว่านี้พี่สาวคงเจ็บ และจะให้อารมณ์ที่รุนแรงเกินกว่าคำว่าเงี่ยนไปไกลโข เจนิสจึงพยายามจะเลี้ยงไว้ด้วยการละเลงเลีย."หยุดนะน้อง.. นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่! ไม่เห็นหรือไงว่าฉันติดเชื้อ! อยากตายไปด้วยกันงั้นเหรอ?!"มิวท์ตะโกนดุเสียงดังสนั่น ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาหาเธอแบบไม่ทันตั้งตัว มีอย่างที่ไหนได้สติขึ้นมาก็ดูทรงจะต้องเย่อร์กับผู้หญิงซะแล้ว เป็นใครมันจะทำใจได้ แถมยังเป็นเรดี้ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ต่อให้เป็นเด็กหน้าตาดีไฟหน้าใหญ่เบิ้มแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่! มิวท์เอาแค่กับผู้ชายแล้วเธอก็ไม่ต้องการแพร่เชื้อให้ใครอีกแล้ว.เจนิสก็เลยอ้อนกลับ."โถ่พี่มิวท์.. ก็ทำแบบที่พี่มิวท์ทำกับคนอื่น ๆ ไง เวลาผู้ติดเชื้อจะขย้ำใครก็มักจะกัดที่คอแบบนี้ก่อนไม่ใช่เหรอ?""หนูอ่ะ.. แค่อยากลองทำแบบพี่ดูบ้าง.. พี่จะได้ไม่เกร็ง.."."งั่มมมม!""งับ! , งั่ม.. , งั่ม.. , งับ! , งับ! , งับ!""แผล็บ, แผล็บ , แผล็บ , แผล็บ
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล






