เข้าสู่ระบบ“ระบายอารมณ์ไงมึง เจอแต่พวกตัวเหี้ยในคณะวิศวะมาก็เยอะแล้วปะ เราก็ต้องผ่อนคลายไง ไปกัน” น้ำตาลเองก็ไม่ต่างจากนังป๊อปที่อยากกินเหล้าจะตาย กลับบ้านก็สร้างภาพลักษณ์ที่ดี เป็นกุลสตรีให้แม่ควงออกงานไปขาย เพราะบ้านเป็นไฮโซ
“นั่นดิ...มึงว่าปะว่า คณะเรานี่แม่งน่าจะต้องทำบุญใหญ่ล้างป่าช้าสักที ยังไม่ถึงเดือนสิบเลยออกมาให้คนชิงแล้ว เดินกันยั้วเยี้ย กูกลัวจะเหยียบตีนเข้าสักวัน”
นี่แหละปากฉัน...คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวใบหน้าหวานแห่งโยธาที่ปากหมาที่สุด จนไม่มีใครเอาลงสักคน
ฉันก็รอให้คนมาเอาอยู่เหมือนกัน แต่ว่าเห็นอย่างนี้ก็เลือกคนเหมือนกัน
‘หากไม่ดีกว่าใครคนนั้น...ฉันก็ตัดใจให้เอาไม่ลงจริง ๆ’
คิดแล้วก็เศร้า จากนั้นพวกเราก็เข้าเรียนกันด้วยวิชาที่แม่งสูบพลังชีวิตสุด ๆ จนเมื่อถึงเที่ยงก็หิวโซลงมา แต่ฉันดันขอแวะเข้าห้องน้ำก่อน
แต่พออีสองตัวนั่นเข้าไปบ้างมันดันเถลไถล จนฉันหน้าหงิกเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า แล้วก็ถูกมันด่า
“เป็นเหี้ยอะไรเอ่ย ทำหน้าให้ดีกว่าส้นตีนหน่อย ทำไมรอแค่นี้รอไม่ได้ ทีรอคนเก่ายังรอได้เลย”
“เหี้ย!”
“หรือไม่จริง”
“แสนรู้”
แสนรู้จริง ๆ ที่ฉันคบ ๆ เลิก ๆ ก็เพราะรักแรกของฉันที่ไม่สมหวัง จากนั้นชีวิตของฉันก็ดั่งต้องคำสาป จนฉันไปดูดวงเขาบอกว่าต้องได้คบกับแฟนคนแรกเพื่อล้างคำสาป
คบได้ก็เหี้ยแล้ว พี่เขามีแฟนแล้วแพลนจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ชีวิตนี้ฉันคงไม่ได้สมหวังในรักแล้วแหละ
“ไปกินข้าวกัน บ่ายได้ข่าวว่าอาจารย์ปล่อยเร็วมึง จะได้กลับไปนอนต่อ” นั่นคืออีป๊อปเอาเรื่องอาจารย์ปล่อยเร็วมาปลอบใจฉัน
แล้วก็เป็นจริง บ่ายเรียนสองชั่วโมงปล่อย แต่วิชานี้ไม่ต้องห่วงอาจารย์น่ะโหดเกิ๊น ออกข้อสอบหนึ่งข้อให้กระดาษมาสิบหน้า กูอยากจะบ้า
“โมจิ มึงจะไปไหนต่อ”
“เดี๋ยวรอพี่ยอดโทรมาให้ไปเอากุญแจคอนโดใหม่ คอนโดพี่ชายฉันโดนเจ้าตัวยึดไปแล้ว เพราะพาสาวมานอนบ่อยฉันเลยจะฟ้องแม่ มันเลยเสนอว่าจะเช่าคอนโดให้ใหม่ เอาใกล้มหาวิทยาลัย”
“พี่ยูตะอะนะ”
“ใช่ดิ...เรียนวิศวะเคมีกลางวันผสมสาร กลางคืนผสมพันธุ์” ฉันว่าอย่างเคือง ๆ ไอ้เข้าใจก็เข้าใจอยู่ แต่คอนโดมีสองห้อง แต่เสือกจะมาล่อกันในครัว ฉันเดินออกมากินน้ำสำลักแทบตาย
“ครอบครัวมึงนี่หรรษาดีเนอะ แถมเกิดไล่ ๆ กันด้วย พ่อมึงนี่สุดยอดไปเลย แทบไม่ให้แม่มึงพัก”
นี่คือเรื่องจริง ใครจะคิดว่าฉันกับพี่ชายห่างกันคนละปี พ่อเอาดุดันเกิ๊น แถมพอจี้ถามอ้างว่าเครียดเลยต้องปลดปล่อย พี่ชายคนโตกับคนกลางเกิดเดือนเดียวกัน มกราคม แต่คนละปี ส่วนฉันเกิดกุมภาพันธ์ เรียกได้ว่าพ่อรอให้แม่พักฟื้นจนสามารถทำลูกได้ใหม่ก็ทำเลย พอฉันเกิดก็ปิดอู่ถาวร
นั่นจึงเป็นที่มาว่าฉันมักสนิทกับพี่ชาย เพราะแทบจะแย่งดื่มนมจากเต้าของแม่มาด้วยกัน
“พ่อกูจัดจ้านแค่ไหน มึงลองคูณสองเข้าไป เพราะอีพี่เทมโป้กับอีพี่ยูตะควงสาวไม่ซ้ำจำไม่ได้”
ที่มาของชื่อพวกเรามาจากญี่ปุ่นทั้งนั้น เทมโป้นั้นที่จริงตั้งใจจะให้ชื่อเทมปุระ แต่ว่าพี่ชายฉันที่ชอบเล่นดนตรีไม่ชอบ จึงขอเปลี่ยนเป็นเทมโป้แทน ส่วนพี่ยูตะนั้นไม่สนใจว่าชื่อเป็นยังไง ส่วนฉันชื่อโมจิเพราะเป็นผู้หญิงเลยจะให้ชื่อน่ารัก ๆ หน่อย
แต่พวกหื่น ๆ มักจะชอบพูดว่าน่ากิน และฉันไม่ชอบ แต่คนที่ฉันชอบก็ดันไม่พูดไง หงุดหงิดฉิบหายเวลาเจอคนบอกว่าฉันน่ากิน
ติ้ง ติ้ง!
เสียงโทรศัพท์มือถือฉันส่งสัญญาณเตือน จากนั้นจึงเปิดดูบอกว่ารอที่หน้ามหาวิทยาลัยให้ขับมาที่รถพี่เขาได้เลย เดี๋ยวจะขับพาไปกลัวฉันหลง
ก็ดีเหมือนกันฉันขี้เกียจดูจีพีเอส ขับตามพี่ยอดไปก็พอ พี่ยอดอะไรก็ดีหมดนะ เทคแคร์ดี หน้าตาดี นิสัยจัดว่าดีนะสำหรับน้องสาวอย่างฉัน แต่คงไม่ดีสำหรับสาว ๆ เท่าไร ด้วยข้อเสียหนึ่งที่ลืมทุกสิ่ง ลืมทุกอย่าง บอกเมื่อเช้าสาย ๆ ลืมแล้ว เลยโดนทิ้งเพราะจำไม่ได้ว่านัดสาวแล้วไปกินเหล้ากับเพื่อน
ใช้เวลาเพียงสิบนาทีฉันที่ขับรถตามพี่ยอดมาจนถึงคอนโดที่หรูหราแห่งหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัย แม้ว่ารถจะติดแต่ทว่าก็ใช้เวลาน้อยอยู่ดี ยิ่งทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย
“อยู่ชั้นยี่สิบนะ นี่คีย์การ์ด ห้องนี้ลากกระเป๋าอยู่ได้เลยมีครบทุกอย่าง ทำความสะอาดเรียบร้อย และมีแม่บ้านไปทำความสะอาดให้อาทิตย์ละครั้ง”
พี่ยอดบอกตามข้อมูลที่ได้รับรู้มา ฉันก็พยักหน้ารับ ก่อนจะโบกมือลาเขา แต่ไม่วายเจอพี่ในคณะวิศวะที่ไม่ค่อยสนิทกันมากหรอก แต่ว่าเจอกันตอนรับน้องครั้งหนึ่ง พี่เขาชื่อว่าพี่ริน
“สวัสดีค่ะพี่ริน” ฉันก็รู้จักมารยาทอยู่นะ ไหว้คนที่ควรไหว้ และด่าคนที่ควรด่าเช่นกัน
“น้องโมจิ...ย้ายมาอยู่คอนโดนี้เหรอ”
“ใช่ค่ะ ย้ายมาอยู่คอนโดนี้แล้ว พี่ยูเช่าให้ใหม่”
“ดีเลย พี่อยู่คอนโดข้าง ๆ นะ มีอะไรก็ทักหาพี่ได้เลย พี่ไปก่อน เอาของมาฝากให้เพื่อน เพื่อนพี่ก็อยู่คอนโดนี้เหมือนกัน”
ฉันยิ้มให้พี่เขาก่อนจะโบกมือลา ไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักที่นี่ แต่ก็ไม่แปลกเท่าไร เพราะว่าคอนโดนี้ใกล้มหาวิทยาลัย ลูกคนมีเงินก็สามารถอยู่ที่นี่ได้สบาย
ฉันเดินไปบอกนิติส่งคีย์การ์ดให้ตั้งค่าสำหรับขึ้นลิฟต์ด้วย ระหว่างรอหันมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าบรรยากาศช่างดีเหลือเกิน ไม่พลุกพล่าน มีส่วนกลางให้ใช้ มีฟิตเนสใช้ฟรี มีสระว่ายน้ำ เรียกได้ว่าครบครันมาก ๆ เดี๋ยวจะชวนนังป๊อปกับนังน้ำตาลมาเจิม
เมื่อได้รับคีย์การ์ดกลับคืนฉันก็เดินเข้าลิฟต์ กดหมายเลขชั้นที่ยี่สิบ รอเพียงอึดใจก็เคลื่อนขึ้นมาถึง ออกจากลิฟต์ได้ก็มองซ้ายขวาหาห้องที่ว่า จากนั้นเดินตรงไปแตะคีย์การ์ด พร้อมกับเปิดประตู แต่ทว่าเสียงที่ได้ยินกลับทำให้ฉันขมวดคิ้ว
“อ้า...ซี้ด...อื้อ...สะ...สะ...เสียว...อื้อ”
ฉันชะงัก...นี่มันคอนโดใหม่ของฉันนะ แล้วเสียงบ้าอะไรในห้องวะ
ผมที่รู้ว่าพ่อแม่ของผมนัดกินข้าวกับพ่อแม่ของน้องไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ว่าที่ลูกเขยอย่างผมยังไม่เคยได้เข้าไปไหว้คุณพ่อคุณแม่แบบจริงจังสักทีเพราะใครนะเหรอก็เพราะคนตัวนุ่มที่ไม่ยอมพาผมเข้าบ้านสักทีนี่ไงล่ะ “โมจิครับเมื่อไหร่จะพาพี่ไปแนะนำให้คุณพ่อกับคุณแม่รู้จักเป็นทางการสักทีล่ะ”ผมที่นั่งอยู่ในคอนโดหน้าทีวีโดยมีอีกคนนั่งบนตักกอดถังป๊อปคอนดูเน็ตฟลิกอย่างสบายใจ ส่วนผมไม่ค่อยสบายใจเลยเพราะว่าเป็นบ้านผมอย่างเดียวที่ยินดีต้อนรับ ไม่รู้ว่าทางโน้นจะยินดีต้อนรับผมด้วยหรือเปล่า ถามแม่ก็เอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมบอกคล้ายกับจะแกล้งผม “พ่อกับแม่ยุ่งไม่ค่อยอยู่ไทยหรอก อีกอย่างไม่ค่อยชอบให้ใครไปกวนเวลาสวีตกันสองคน” น้องอ้างแบบนี้ตลอดทำให้ผมไม่มั่นใจว่าน้องแอบซ่อนอะไรเอาไว้ที่บ้านหรือเปล่า แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก เพราะก็ไม่น่าจะมีอะไรซ่อนเอาไว้ได้เลย คนที่ต้องกลัวเรื่องนี้แทนที่จะเป็นน้องกลับเป็นผมเสียเอง ก็คนมันเคยผ่านผู้หญิงมาหลายคนกะร่อนปลิ้นปล้อนไปเรื่อยกลัวจะโดนเอาคืนกลับน่ะสิ เรื่องนี้ผมก็เครียดอยู่เหมือนกัน แต่คนที่ชิลล์เหมือนไม่คิดจะจริงจังเรื่องนี้สิทำ
ไอ้เวรนี่ให้ตายเหอะ...มันสรรหาคำมากระแนะกระแหนผมไม่ว่างเว้น แต่พอหันไปเห็นน้องยิ้มให้ก็มีกำลังใจสู้กับมันนิดหน่อยจนกระทั่งตอนที่ผมเถียงเรื่องกลัวผีกับกลัวตุ๊กแกอยู่ ๆ ไอ้สองตัวก็เอ่ยขึ้น“ได้-ทำไมจะไม่ได้” “ไม่ได้”ผมที่เถียงกันไปเถียงกันมาจากนั้นไอ้ยอดรักเพื่อนผมก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย ที่วันนี้เหมือนมีคนที่หายไป “มึงเห็นไอ้สกายไหม...ได้ไปกับไอ้หมอเมฆหรือเปล่า”พอยอดรักพูดอย่างนี้ผมก็หันมองทันที วันนี้หลังจากกินข้าวก็ไม่เห็นมัน แล้วผมก็เกิดหึงขึ้นมาหากมันไปอยู่ ใกล้ ๆ กับน้องโมจิเดี๋ยวมันจะไปพูดถึงความหลังครั้งเก่า กลัวน้องจะเคลิ้ม ผมต้องกันเอาไว้ก่อน “ไม่นะ...วันนี้มันบอกจะอยู่ที่โรงเรียนนี่” ไอ้เทมโป้ว่า นั่นทำให้ผมสบายใจ “แต่แยกกันตั้งแต่ตอนที่ไอ้กรณ์วอแวกับโมจิ ก็ไม่เห็นมันเลยนะ...มึงโทรดิมันอยู่ไหน” ผมบอกไอ้เทมเพราะกลัวมันจะไปทำคะแนนกับแฟนของผมพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปถามคนอื่น ๆ ว่าเห็นไอ้สกายหรือเปล่าจังหวะนั้นเอง ไอ้ไทป์ เพื่อนของยอดรักก็วิ่งหน้าตื่น สภาพมันหอบแฮ่ก ๆ จนพูดแทบไม่เป็นคำ แต่สายตาที่มองมาที่ผมกับไอ้เทมโป้เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นปนรีบร้อน“ไอ้ปุณณ์! พี่เทม! มีค
🐯🐯🐯วันที่ผมพาน้องมานอนที่ห้องตัวเองครั้งแรกเพราะว่าเอาหนักจนผ้าปูที่นอนอีกห้องนอนไม่ได้ในใจรู้สึกฟูจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไง ตั้งใจว่าจะคุยเรื่องนี้กันหลังจากตื่นแต่ใครจะนึกว่าจะเกิดเรื่องตอนนั้น ผมต้องไปจัดการบางอย่างจนรู้อีกทีคือน้องไม่อยู่รออย่างที่บอกเอาไว้ ตอนนั้นผมอยากจะปลีกตัวออกมาจะแย่แต่ก็ทำไม่ได้ จนสุดท้ายทุกอย่างคลี่คลายผมจึงไปหาน้องและที่เดียวที่น้องอยู่ก็คืออู่ของไมล์ส ที่จริงผมรู้จักที่นี่เพราะเป็นอู่รับซ่อมและแต่งรถยนต์ เรียกได้ว่าในวงการของผู้เป็นเจ้าของรถซุปเปอร์คาร์ต่างรู้จัก แค่ผมไม่ได้สนิทมากเท่าไหร่นักเท่านั้นเอง แต่เมื่อรู้ว่าพี่ไมล์สเป็นเสมือนพี่ชายอีกคนของน้อง ผมก็อยากจะรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับน้องจนได้รู้ว่าน้องเชื่อหมอดูไร้สาระนั่น จนผมหงุดหงิดนิด ๆ กับที่บอกว่า ‘คบกับแฟนเก่าแล้วจะสมหวังในรัก’ นั่นก็แย่แล้ว ใครจะให้เมียตัวเองไปคบกับแฟนเก่าเพื่อที่จะได้คบกันยาว ๆ ล่ะ ผมหวงจะตายไม่รู้หรือไง แต่พี่ไมล์สก็เล่าถึงตอนอกหักน้องน่าสงสารมาก เพราะว่าคนที่รักไม่ใช่ใครก็เป็นคนกันเองทั้งนั้นและยังเป็นเพื่
“โมจิ...มึงบอกว่าผัวมึงจะกลับวันไหนนะ” นังป๊อปถามทั้งมองไปด้านหลังพลางขยี้ตาคล้ายกับคนเห็นภาพลวงตา“โอ้ย...ไปสามสี่วัน...วันนี้เพิ่งวันที่สองเอง คงจับน้องปูอยู่มั้งเห็นเขาแทคกัน” ลิ้นเปลี้ยบอกออกไป แต่ทว่าสายตามองไปทางพี่สกายหวานเชื่อม แล้วเรอออกมาเอิ๊ก~~ฉันยิ้มมองไปทางคนหล่อที่สุดในกลุ่มชายโสดสี่คนก่อนจะเอ่ยด้วยความรู้สึกจากใจจริงนะ “พี่โคตรหล่อเลยวะ...เสียดาย!”“เฮ้ย ๆ...ไอ้โมจิ...ยังไง...มึงจะผัวเผลอเจอกันไม่ได้นะ” พี่ไมล์สรีบห้าม“เดี๋ยวเถอะมึง...ไอ้ปุณณ์ได้ยินเดือดแน่” พี่ยอดพูดบ้าง แต่ว่าฉันแสยะยิ้มใส่“พี่ปุณณ์ไม่อยู้...แต่ถึงอยู่ขย่มสองทีก็เงียบแล้ว...ร้องเป็นแมวหง่าว ๆ เลยแหละ” พอเมาก็พูดอะไรต่อมิอะไรออกมาเรื่อยแม้แต่เรื่องบนเตียงก็ไม่เว้นแล้วพี่ไมล์สตบเข่าฉาด “ให้มันได้อย่างนี้เว้ยไอ้น้องรัก...เราอย่าไปยอมให้ผู้ชายข่มเรา เราต้องขึ้น”“เท่าแขนค้า...เท่าแขนก็อมมาแล้วค่ะ...นี่...เท่านี้” ฉันจับที่แขนตบแปะ ๆ พูดอย่างโอ้อวด ทำให้ทุกคนหัวเราะให้กับความลามกของฉันโดยไม่รู้เลยว่าด้านหลังคนที่คิดว่าจะกลับอีกสองวันนั้นยืนกัดฟันกรอดอยู่แล้ว“โมจิ...พี่ปุณณ์กลับวันไหนนะ” นังน้ำตาลที่น
เวลาผ่านไปสุดท้ายการปิดเทอมเล็กก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนรู้สึกใจหายเพราะยังอยากนอนขี้เกียจอยู่เลย แต่ที่เปลี่ยนแปลงก็คือฉันได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของ พี่ ๆ เขาและรู้สึกว่าพวกพี่เขาเป็นคนที่เข้าถึงยากนั้นไม่จริงสักนิด ยิ่งกลุ่มเพื่อนของพี่ปุณณ์นั้นฉันก็เพิ่งรู้ว่ารักกันมากขนาดยอมตายแทนกันด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือพวกเขาไม่ได้อคติเลยสักนิดแม้ว่าฉันจะเป็นคนที่ปากหมามาก ๆ ก็เถอะ ก็โยธานี่เนอะ...ไม่ปากหมาจะสู้พวกผู้ชายปากเสียได้ยังไงล่ะ ตอนนี้ข้าวของทั้งหมดที่เคยอยู่ห้องพี่ปัณณ์คนตัวใหญ่ก็ย้ายเข้าไปห้องตัวเองจนหมด ทำให้ฉันไม่ต้องออกแรงขนด้วยซ้ำ และเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวก็เพิ่มขึ้นเพราะคนที่จับฉันแต่งตัวเอฟเสื้อผ้ามาทุกวัน จนพัสดุที่นิติแทบจะมีชื่อเจ้าของห้องคนเดียว คือ ปุณณภพ วรานันท์ แล้วแต่ละชิ้นที่สั่งก็คือชุดนอนไม่ได้นอน ชุดว่ายน้ำ ชุดชั้นในแบบเซ็กซี่ ชุดครอสเพลย์ จนฉันรู้สึกเขินเวลาลงไปเอากล่องพัสดุ แต่เจ้าตัวกลับบอกว่าไม่เห็นต้องเขินเดี๋ยวก็ชินไปเอง เขาที่ชินส่วนฉันไม่ชินเลยสักนิด เมื่อมหาวิทยาลัยเปิดแล้วภาพที่แสนชิ
ลำท่อนใหญ่ดันเบา ๆ อยู่ตามรอยแยกตามร่อง ปลายนิ้วโป้งบดขยี้ถี่ ๆ ทำให้ฉันต้องจับบ่ากว้างเอาไว้จนแน่น ยิ่งเขาวาดขึ้นลงถูกไปมาสลับกับดันนิด ๆ แต่ก็ยังอยู่เพียงภายนอกทำให้น้ำใส ๆ ไหลเยิ้มจนกองอยู่เนินหัวหน่าวของเขา ยิ่งดัน... ยิ่งอยากยัดลงไปให้มิดด้าม... ฉันครางเสียงหวานสองมือจิกบ่ากว้างแน่น เขาเองก็ครางงึมงำอย่างพอใจที่ทรมานฉันได้ ทั้งที่ควรเป็นฉันเสียมากกว่าที่เป็นฝ่ายทรมานเขา ทำไมคนเจ็บแซ่บอย่างนี้นะ “ซี๊ดดดด” “หนูอยากหรือยังครับ” “ยะ...อยาก...อยากแล้ว...พี่ปุณณ์...อื้อ...เร็วหน่อยได้ไหม” แต่ใครจะนึกว่าคนตัวใหญ่ไม่ได้ตามใจฉัน จับเรียวขาของฉันตั้งชันขึ้นสองข้าง จนอะไรต่อมิอะไรก็เปิดเผยต่อหน้าเขาทั้งที่ฉันยังใส่กระโปรงอยู่ด้วยซ้ำ ก่อนเขาจะสอดนิ้วกลางเข้าไปในช่องทางคับแคบที่ฉ่ำน้ำ “อื้อ...” ฉันนิ่วหน้าด้วยความแคบแน่นเมื่อเรียวนิ้วกลางที่มีขนาดเล็กกว่าท่อนเนื้อขนาดห้าสิบแปดของเขาสอดเข้า จนเผลอร้องออกมาด้วยความอึดอัด ลมหายใจของฉันติดขัดเล็กน้อย จนทำให้ฉันต้องสูดหายใจแรง ๆ แต่หน้าอกก็กระเพื่อมไหวไปด้วย







