เข้าสู่ระบบ“แม่งอยากกินโมจิว่ะ!”
"กูจะราดน้ำโมจิให้ฉ่ำ ๆ แล้วแดกแม่งในคำเดียวเลย"
"มึงอยากกินโมจิไหนวะ ไอ้ลูกกลม ๆ ที่อยู่ในตู้ร้านตรงข้ามนั่น หรือลูกกลม ๆ สองลูกที่เดินอยู่โน่น?"
"กูมันชอบเหมาอยู่แล้ว จะแดกให้หมด"
เสียงที่ดังหึ่ง ๆ อยู่ในหูตอนนี้เรียกได้ว่า ทำให้คนที่เพิ่งเลิกกับแฟนมาอย่างฉันต้องการระบายอารมณ์ใส่ใครสักคน
“ไอ้สัดนี่!”
นั่นเสียงพี่ยอดรักพี่รหัสของฉัน พร้อมกับมือที่โบกไปที่หัวไอ้รุ่นพี่สารเลว ในหัวคิดแต่เรื่องต่ำสะดือที่ชอบเห่าเวลาฉันเดินมาหาพี่ยอดรัก
เห็นมันทำหน้าเจ็บเจียนตาย แต่ฉันว่ามันยังไม่ค่อยพอเท่าไรนะ คนพวกนี้สันขวานถึงจะเหมาะกับกบาลพวกรุ่นพี่ปากเสีย
“สวัสดีค่ะพี่ยอด มาเอากุญแจห้องที่พี่ยูตะฝากไว้” พี่ยูตะนี่ก็เป็นพี่ชายคนรองของฉันเอง พี่ชายคนรองชื่อจริงชื่อวริศ เรียนอยู่คณะวิศวะเคมี อีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง ที่บ้านติดกับพี่ยอดรักลูกชายนักการเมืองในจังหวัดเพชรบุรี แถมยังเป็นเพื่อนซี้พี่ชายฉันด้วย
“มาอยู่ห้องพี่ก่อนไหมคะ น้องโมจิ”
“เสือก...หลบไป” พี่ยอดรักชิงด่าไปก่อนที่ฉันจะเปิดปาก รอดตัวไปนะ ถ้าเป็นอีโมจิหนักกว่านี้
“โทษทีว่ะโมจิ...พี่ลืมเอาไว้ที่ห้อง เดี๋ยวพี่เรียนเลิกเที่ยงจะไปเอามาให้นะ หนูเรียนถึงเย็นใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
ฉันพยักหน้าเข้าใจได้ อีพี่ยอดก็เป็นพี่โรงเรียนฉันอีกนั่นแหละ ฉันเป็นเด็กติดพี่วิ่งเล่นกับพวกพี่ ๆ มาตั้งแต่เด็ก ๆ แถมมาเรียนมหาวิทยาลัยยังมาเรียนคณะเดียวกันไม่พอ ดันมาจับได้เป็นพี่รหัสฉันอีก เรื่องทงเรื่องแท็กอย่าหวัง ฉันภาวนาให้พี่แกดูแลตัวเองให้รอดก่อน
“งั้นโมจิไปแล้วนะ” ฉันยิ้มให้พร้อมกับโบกมือลา แต่อีกสองคนที่อยู่ข้างหลังเสนอหน้ามาเสือกไม่เข็ดที่โดนพี่ยอดด่าไปใช่ไหม
“เดี๋ยวสิจ๊ะน้องโมจิ อยู่นั่งเล่นกับพี่ก่อนสิ ยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียนเลย อีกตั้งชั่วโมงแน่ะ กินขนมไหมเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”
นี่ตึกภาคอุตสาหกรรม ไอ้พวกพี่เวรนี่เรียนวิศวกรรมการผลิตหรือเรียกย่อ ๆ ME แต่พวกแม่งนี่คงลืมว่าฉันอยู่โยธาที่แปลว่าอิสระ
หรือตรง ๆ คือด่าได้อย่างอิสระ
“นั่งเล่นหาพ่องมึงเหรอ...แล้วเป็นญาติฝั่งไหนไม่ทราบเรียกน้อง จำได้ว่าพี่ชายฉันไม่ได้มีหน้าตาเหมือนหนังกระโปกหมา แล้วนั่นปากเหรอที่พูด คำพูดเมื่อตอนที่ฉันเดินมาพวกนี้ผ่านสมองหรือเปล่า”
พูดจบแล้วก็ฉีกยิ้มหวาน ก่อนยกมือปิดปากคล้ายจะบอกว่าเผลอหลุดความคิดนี้ออกมา
“อุ้ย ขอโทษทีค่ะ เมื่อกี้เผลอพูดความในใจออกมา พอดีแพ้เสียงในหัว ไม่โกรธเนอะ”
ฉันด่าเสร็จก็เดินออกไปเลย ทิ้งให้พวกรุ่นพี่สันดานตัวเหี้ยอึ้งจนอ้าปากค้าง ส่วนพี่ยอดรักก็ยิ้มส่ายหน้ายกมือรับไหว้ฉันที่ไหว้ย่ออย่างสวยงาม ผิดกับคำพูดที่ด่าพวกเพื่อนในรุ่นของเขา
“เชี่ย...สวยขนาดนี้ไม่คิดว่าปากดี”
“นี่เหรอวะ ที่ไอ้ยชนาถึงกับยอมแล้วทั้งที่ยังไม่ได้กิน ขนลุกยันตูดเลยว่ะ”
“กูก็ไม่เอาหรอก ดุฉิบหาย”
เสียงที่ดังไล่หลังมาเรียกได้ว่ามีแต่คำสรรเสริญ ที่เธอรู้ว่ามันไม่ได้มีคำชมอยู่ในนั้นเลย
แต่แล้วไง คนอย่างอีโมจิต้องสนใจด้วยเหรอ กับผู้ชายที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงแบบนั้น จนกระทั่งฉันเดินมายังตึกที่เรียนวันนี้ แม้จะมีกลุ่มพวกโยธาปากหมา แต่คนที่ไม่กล้าแซวก็คือฉัน และผ่านมาได้ง่าย ๆ โดยมีเพื่อนซี้อีกสองคนเพิ่งกลับจากหยุดยาวและเบิกฤกษ์ด้วยการเรียนเช้าวันนี้
ให้ตายเถอะ ใครบ้างอยากตื่นเช้า ฉันก็ไม่อยากตื่นคนหนึ่งแล้วแหละ
“อีโมจิมาได้สักที กูนึกว่าตายอยู่ตึกอุตสาหกรรมแล้ว” นั่นคือนังป๊อป เพื่อนเกย์ควีนปากหมาของฉันเอง และแน่นอนว่ามาช้า ไม่ตายก็ต้องมีอะไรสักอย่างหลุดมาแช่งฉัน
“เจอพวกเหี้ย...เลยแพ้เสียงในหัวหลุดปากไปสองสามคำ”
“เอาดี ๆ แพ้เสียงในหัวหรือหมาในปาก”
นั่นคือนังน้ำตาล เพื่อนชั่วตัวดีของฉันที่ขยันช็อตฟีลทุกเรื่อง แล้วที่สำคัญดันรู้เรื่องไอ้พี่ยชนาที่บอกเลิกกับฉันแล้วไปเด้ากับผู้หญิงคนอื่นที่ริมระเบียง อวดลมอวดฟ้าท้าพายุฝนโดยไม่อาย
แม้ว่าที่ถ่ายจะเห็นแค่เงา ๆ แต่ฉันก็มั่นใจว่ามันแน่นอน และสุดท้ายก็ทะเลาะกันจนเลิกด้วยเหตุผลควาย ๆ ที่มันบอกว่าฉันไม่ยอมให้มันเอา
คนมันเงี่ยนก็ต้องหาทางลง แต่ขอโทษเถอะ มึงก็โคตรเลวตกลงคบเป็นแฟนเดือนที่แล้วก็จะเอาเลย แม่ง!
“แล้วไง...คืนนี้แดกเหล้าไหม”
“แดกเหี้ยอะไร ถ้าไปร้านเหล้าเจอเพื่อนพี่เทมกับพี่ยู ฟ้องแม่ฉันโดนตัดค่าขนมพอดี เดือดร้อนหมาหน้าคอนโดอีกน่ะสิ”
“ทำไมต้องเดือดร้อนหมา” นังน้ำตาลทีงี้ล่ะไม่ทันมุก
“ก็ต้องแย่งข้าวหมาแดกไง”
“ไม่เป็นไรมึง...กินพอเป็นพิธี” นังป๊อปก็คงเปรี้ยวปาก กลับบ้านต้องเป็นคนดีของแม่ เข้าวัดถือศีลเป็นเพื่อนแม่ พอมาอยู่หอก็เลยอยากใส่ให้ยับ ไม่อ้วกไม่เลิก
“พิธีบวงสรวงน่ะสิพวกมึงอะ”
ผมที่รู้ว่าพ่อแม่ของผมนัดกินข้าวกับพ่อแม่ของน้องไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ว่าที่ลูกเขยอย่างผมยังไม่เคยได้เข้าไปไหว้คุณพ่อคุณแม่แบบจริงจังสักทีเพราะใครนะเหรอก็เพราะคนตัวนุ่มที่ไม่ยอมพาผมเข้าบ้านสักทีนี่ไงล่ะ “โมจิครับเมื่อไหร่จะพาพี่ไปแนะนำให้คุณพ่อกับคุณแม่รู้จักเป็นทางการสักทีล่ะ”ผมที่นั่งอยู่ในคอนโดหน้าทีวีโดยมีอีกคนนั่งบนตักกอดถังป๊อปคอนดูเน็ตฟลิกอย่างสบายใจ ส่วนผมไม่ค่อยสบายใจเลยเพราะว่าเป็นบ้านผมอย่างเดียวที่ยินดีต้อนรับ ไม่รู้ว่าทางโน้นจะยินดีต้อนรับผมด้วยหรือเปล่า ถามแม่ก็เอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมบอกคล้ายกับจะแกล้งผม “พ่อกับแม่ยุ่งไม่ค่อยอยู่ไทยหรอก อีกอย่างไม่ค่อยชอบให้ใครไปกวนเวลาสวีตกันสองคน” น้องอ้างแบบนี้ตลอดทำให้ผมไม่มั่นใจว่าน้องแอบซ่อนอะไรเอาไว้ที่บ้านหรือเปล่า แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก เพราะก็ไม่น่าจะมีอะไรซ่อนเอาไว้ได้เลย คนที่ต้องกลัวเรื่องนี้แทนที่จะเป็นน้องกลับเป็นผมเสียเอง ก็คนมันเคยผ่านผู้หญิงมาหลายคนกะร่อนปลิ้นปล้อนไปเรื่อยกลัวจะโดนเอาคืนกลับน่ะสิ เรื่องนี้ผมก็เครียดอยู่เหมือนกัน แต่คนที่ชิลล์เหมือนไม่คิดจะจริงจังเรื่องนี้สิทำ
ไอ้เวรนี่ให้ตายเหอะ...มันสรรหาคำมากระแนะกระแหนผมไม่ว่างเว้น แต่พอหันไปเห็นน้องยิ้มให้ก็มีกำลังใจสู้กับมันนิดหน่อยจนกระทั่งตอนที่ผมเถียงเรื่องกลัวผีกับกลัวตุ๊กแกอยู่ ๆ ไอ้สองตัวก็เอ่ยขึ้น“ได้-ทำไมจะไม่ได้” “ไม่ได้”ผมที่เถียงกันไปเถียงกันมาจากนั้นไอ้ยอดรักเพื่อนผมก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย ที่วันนี้เหมือนมีคนที่หายไป “มึงเห็นไอ้สกายไหม...ได้ไปกับไอ้หมอเมฆหรือเปล่า”พอยอดรักพูดอย่างนี้ผมก็หันมองทันที วันนี้หลังจากกินข้าวก็ไม่เห็นมัน แล้วผมก็เกิดหึงขึ้นมาหากมันไปอยู่ ใกล้ ๆ กับน้องโมจิเดี๋ยวมันจะไปพูดถึงความหลังครั้งเก่า กลัวน้องจะเคลิ้ม ผมต้องกันเอาไว้ก่อน “ไม่นะ...วันนี้มันบอกจะอยู่ที่โรงเรียนนี่” ไอ้เทมโป้ว่า นั่นทำให้ผมสบายใจ “แต่แยกกันตั้งแต่ตอนที่ไอ้กรณ์วอแวกับโมจิ ก็ไม่เห็นมันเลยนะ...มึงโทรดิมันอยู่ไหน” ผมบอกไอ้เทมเพราะกลัวมันจะไปทำคะแนนกับแฟนของผมพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปถามคนอื่น ๆ ว่าเห็นไอ้สกายหรือเปล่าจังหวะนั้นเอง ไอ้ไทป์ เพื่อนของยอดรักก็วิ่งหน้าตื่น สภาพมันหอบแฮ่ก ๆ จนพูดแทบไม่เป็นคำ แต่สายตาที่มองมาที่ผมกับไอ้เทมโป้เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นปนรีบร้อน“ไอ้ปุณณ์! พี่เทม! มีค
🐯🐯🐯วันที่ผมพาน้องมานอนที่ห้องตัวเองครั้งแรกเพราะว่าเอาหนักจนผ้าปูที่นอนอีกห้องนอนไม่ได้ในใจรู้สึกฟูจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไง ตั้งใจว่าจะคุยเรื่องนี้กันหลังจากตื่นแต่ใครจะนึกว่าจะเกิดเรื่องตอนนั้น ผมต้องไปจัดการบางอย่างจนรู้อีกทีคือน้องไม่อยู่รออย่างที่บอกเอาไว้ ตอนนั้นผมอยากจะปลีกตัวออกมาจะแย่แต่ก็ทำไม่ได้ จนสุดท้ายทุกอย่างคลี่คลายผมจึงไปหาน้องและที่เดียวที่น้องอยู่ก็คืออู่ของไมล์ส ที่จริงผมรู้จักที่นี่เพราะเป็นอู่รับซ่อมและแต่งรถยนต์ เรียกได้ว่าในวงการของผู้เป็นเจ้าของรถซุปเปอร์คาร์ต่างรู้จัก แค่ผมไม่ได้สนิทมากเท่าไหร่นักเท่านั้นเอง แต่เมื่อรู้ว่าพี่ไมล์สเป็นเสมือนพี่ชายอีกคนของน้อง ผมก็อยากจะรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับน้องจนได้รู้ว่าน้องเชื่อหมอดูไร้สาระนั่น จนผมหงุดหงิดนิด ๆ กับที่บอกว่า ‘คบกับแฟนเก่าแล้วจะสมหวังในรัก’ นั่นก็แย่แล้ว ใครจะให้เมียตัวเองไปคบกับแฟนเก่าเพื่อที่จะได้คบกันยาว ๆ ล่ะ ผมหวงจะตายไม่รู้หรือไง แต่พี่ไมล์สก็เล่าถึงตอนอกหักน้องน่าสงสารมาก เพราะว่าคนที่รักไม่ใช่ใครก็เป็นคนกันเองทั้งนั้นและยังเป็นเพื่
“โมจิ...มึงบอกว่าผัวมึงจะกลับวันไหนนะ” นังป๊อปถามทั้งมองไปด้านหลังพลางขยี้ตาคล้ายกับคนเห็นภาพลวงตา“โอ้ย...ไปสามสี่วัน...วันนี้เพิ่งวันที่สองเอง คงจับน้องปูอยู่มั้งเห็นเขาแทคกัน” ลิ้นเปลี้ยบอกออกไป แต่ทว่าสายตามองไปทางพี่สกายหวานเชื่อม แล้วเรอออกมาเอิ๊ก~~ฉันยิ้มมองไปทางคนหล่อที่สุดในกลุ่มชายโสดสี่คนก่อนจะเอ่ยด้วยความรู้สึกจากใจจริงนะ “พี่โคตรหล่อเลยวะ...เสียดาย!”“เฮ้ย ๆ...ไอ้โมจิ...ยังไง...มึงจะผัวเผลอเจอกันไม่ได้นะ” พี่ไมล์สรีบห้าม“เดี๋ยวเถอะมึง...ไอ้ปุณณ์ได้ยินเดือดแน่” พี่ยอดพูดบ้าง แต่ว่าฉันแสยะยิ้มใส่“พี่ปุณณ์ไม่อยู้...แต่ถึงอยู่ขย่มสองทีก็เงียบแล้ว...ร้องเป็นแมวหง่าว ๆ เลยแหละ” พอเมาก็พูดอะไรต่อมิอะไรออกมาเรื่อยแม้แต่เรื่องบนเตียงก็ไม่เว้นแล้วพี่ไมล์สตบเข่าฉาด “ให้มันได้อย่างนี้เว้ยไอ้น้องรัก...เราอย่าไปยอมให้ผู้ชายข่มเรา เราต้องขึ้น”“เท่าแขนค้า...เท่าแขนก็อมมาแล้วค่ะ...นี่...เท่านี้” ฉันจับที่แขนตบแปะ ๆ พูดอย่างโอ้อวด ทำให้ทุกคนหัวเราะให้กับความลามกของฉันโดยไม่รู้เลยว่าด้านหลังคนที่คิดว่าจะกลับอีกสองวันนั้นยืนกัดฟันกรอดอยู่แล้ว“โมจิ...พี่ปุณณ์กลับวันไหนนะ” นังน้ำตาลที่น
เวลาผ่านไปสุดท้ายการปิดเทอมเล็กก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนรู้สึกใจหายเพราะยังอยากนอนขี้เกียจอยู่เลย แต่ที่เปลี่ยนแปลงก็คือฉันได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของ พี่ ๆ เขาและรู้สึกว่าพวกพี่เขาเป็นคนที่เข้าถึงยากนั้นไม่จริงสักนิด ยิ่งกลุ่มเพื่อนของพี่ปุณณ์นั้นฉันก็เพิ่งรู้ว่ารักกันมากขนาดยอมตายแทนกันด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือพวกเขาไม่ได้อคติเลยสักนิดแม้ว่าฉันจะเป็นคนที่ปากหมามาก ๆ ก็เถอะ ก็โยธานี่เนอะ...ไม่ปากหมาจะสู้พวกผู้ชายปากเสียได้ยังไงล่ะ ตอนนี้ข้าวของทั้งหมดที่เคยอยู่ห้องพี่ปัณณ์คนตัวใหญ่ก็ย้ายเข้าไปห้องตัวเองจนหมด ทำให้ฉันไม่ต้องออกแรงขนด้วยซ้ำ และเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวก็เพิ่มขึ้นเพราะคนที่จับฉันแต่งตัวเอฟเสื้อผ้ามาทุกวัน จนพัสดุที่นิติแทบจะมีชื่อเจ้าของห้องคนเดียว คือ ปุณณภพ วรานันท์ แล้วแต่ละชิ้นที่สั่งก็คือชุดนอนไม่ได้นอน ชุดว่ายน้ำ ชุดชั้นในแบบเซ็กซี่ ชุดครอสเพลย์ จนฉันรู้สึกเขินเวลาลงไปเอากล่องพัสดุ แต่เจ้าตัวกลับบอกว่าไม่เห็นต้องเขินเดี๋ยวก็ชินไปเอง เขาที่ชินส่วนฉันไม่ชินเลยสักนิด เมื่อมหาวิทยาลัยเปิดแล้วภาพที่แสนชิ
ลำท่อนใหญ่ดันเบา ๆ อยู่ตามรอยแยกตามร่อง ปลายนิ้วโป้งบดขยี้ถี่ ๆ ทำให้ฉันต้องจับบ่ากว้างเอาไว้จนแน่น ยิ่งเขาวาดขึ้นลงถูกไปมาสลับกับดันนิด ๆ แต่ก็ยังอยู่เพียงภายนอกทำให้น้ำใส ๆ ไหลเยิ้มจนกองอยู่เนินหัวหน่าวของเขา ยิ่งดัน... ยิ่งอยากยัดลงไปให้มิดด้าม... ฉันครางเสียงหวานสองมือจิกบ่ากว้างแน่น เขาเองก็ครางงึมงำอย่างพอใจที่ทรมานฉันได้ ทั้งที่ควรเป็นฉันเสียมากกว่าที่เป็นฝ่ายทรมานเขา ทำไมคนเจ็บแซ่บอย่างนี้นะ “ซี๊ดดดด” “หนูอยากหรือยังครับ” “ยะ...อยาก...อยากแล้ว...พี่ปุณณ์...อื้อ...เร็วหน่อยได้ไหม” แต่ใครจะนึกว่าคนตัวใหญ่ไม่ได้ตามใจฉัน จับเรียวขาของฉันตั้งชันขึ้นสองข้าง จนอะไรต่อมิอะไรก็เปิดเผยต่อหน้าเขาทั้งที่ฉันยังใส่กระโปรงอยู่ด้วยซ้ำ ก่อนเขาจะสอดนิ้วกลางเข้าไปในช่องทางคับแคบที่ฉ่ำน้ำ “อื้อ...” ฉันนิ่วหน้าด้วยความแคบแน่นเมื่อเรียวนิ้วกลางที่มีขนาดเล็กกว่าท่อนเนื้อขนาดห้าสิบแปดของเขาสอดเข้า จนเผลอร้องออกมาด้วยความอึดอัด ลมหายใจของฉันติดขัดเล็กน้อย จนทำให้ฉันต้องสูดหายใจแรง ๆ แต่หน้าอกก็กระเพื่อมไหวไปด้วย







