เข้าสู่ระบบเสียงนั้นทำให้ฉันที่โดนกักอยู่บนตักมีสถานการณ์แย่กว่าเดิม เพราะอีกคนที่โดนฉันใช้ท่าไม้ตายบิดหัวนมอย่างเอาเป็นเอาตาย จับฉันให้นั่งคร่อม อยู่ในท่าล่อแหลมไม่พอ ยังต่อหน้าต่อตาคนมาใหม่อีกด้วย
“เฮ้ย...ไอ้ปุณณ์ทำเหี้ยอะไรเนี่ย”
เสียงที่คล้ายกับคนที่ร้องเหมือนหมาอยู่ตอนนี้ทำให้ฉันหันไปหา ราวกับว่าที่เห็นอยู่คือสิ่งประหลาด เพราะคนมาใหม่หน้าตาไม่ได้ต่างกับคนที่ฉันนั่งทับอยู่เลยสักนิด แม้ว่าใบหน้าจะดูคมกว่าเล็กน้อยก็เถอะ หากเทียบความหล่อแล้วคนที่ฉันนั่งอยู่บนตักได้คะแนนเพิ่มเล็กน้อยก็จริง แต่สันดานติดลบก็ชดเชยกันไม่ได้
“มึงจะดูอีกนานไหมช่วยกูก่อน...หัวนมกูจะหลุดแล้ว”
อ้อ ฉันก็ลืมไปว่า ฉันมือเหนียวยิ่งกว่าตีนตุ๊กแก พอจับบิดก็ติดมือเลย แล้วจะไม่ปล่อยถ้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
ซึ่งคนที่กักฉันเอาไว้ไม่ยอมปล่อยฉันลงจากตัก
....ห้านาทีหลังจากนั้น
ฉันที่นั่งคนละมุมกับคนที่ก่อเรื่อง แล้วสักพักคนที่มาช่วยไกล่เกลี่ยฉันก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้พร้อมกับขอโทษแทนไอ้พี่สารเลว
“โมจิ พี่ขอโทษแทนไอ้หื่นนั่นด้วย ปกติมันชอบพาผู้หญิงมากินเรี่ยราด นี่คีย์การ์ดห้องพี่ อยู่ไปก่อน พี่จะไปอยู่บ้านที่ซื้อใหม่แล้ว คงไม่ได้มานอนคอนโดเท่าไร อยู่ชั้นยี่สิบสามนะ มีอะไรก็โทรมา เดี๋ยวพี่ไปรับแฟนก่อน”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไหว้พี่ปัณณ์น้องชายฝาแฝดไอ้รุ่นพี่ผีเปรตนั่นไป ก่อนจะลากกระเป๋าออกไปยังห้องชั้นยี่สิบสาม ก่อนจะได้ยินเสียงเหี้ยมว่า
“มึงกับกูมีเรื่องต้องคุยกัน...”
ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ว่าเรื่องฉันคงไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอกมั้ง โชคดีที่วันนี้มีที่นอนโดยไม่ต้องกลับไปบ้าน อย่างน้อย ๆ อีกคนก็ดูจะน่าไว้ใจมากกว่าไอ้พี่ปุณณ์อะไรนั่น
เมื่อเปิดเข้าไปในห้องชั้นยี่สิบสามเหมือนถูกหวยเลย ทั้งได้อยู่ฟรีหนึ่งปี แลกกับที่ฉันจะไม่เอาเรื่องไอ้พี่ปุณณ์อะไรนั่น ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว แล้วทำเรื่องลามก
ที่จริงก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักหรอก แต่อีกคนเสนอ คนงกอย่างฉันที่ช่วยแม่ประหยัดก็สนองเป็นธรรมดา ห้องนอนนี้มีสองห้อง ห้องใหญ่จะเป็นห้องของพี่เขา เห็นบอกว่าจะขนของออกให้เร็ว ๆ นี้เพราะจะอยู่บ้านใกล้ ๆ แฟน
บอกเลยโคตรโรแมนติกเลย ผู้ชายแบบนี้ต่างหากถึงจะเหมาะกับผู้หญิงดี ๆ ไม่ใช่ไอ้หน้าหื่นนั่น แต่หลังจากเก็บข้าวของเสร็จก็ได้เวลาพักผ่อน ฉันจึงนอนอย่างสบายเปิดแอร์ฉ่ำ ๆ ที่ห้องรับแขก จากนั้นเมื่อสะลึมสะลือใกล้จะหลับเต็มทีหูก็ได้ยินเสียงเคาะห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“เคาะหาญาติฝั่งมารดาหรือไง” ฉันบ่นทั้ง ๆ ที่มีกริ่งให้กดดันเคาะให้เสียงดัง แต่แทนที่จะหยุดเคาะกลับกวนประสานเคาะถี่ ๆ รัว ๆ จนทำให้คนง่วงอย่างฉันเริ่มหงุดหงิด
“ถ้าเปิดไปแล้วบอกเคาะผิดห้องแม่จะด่าให้เช็ด” ฉันบ่นยิ่งกว่าหมีกินผึ้ง พร้อมกับเปิดประตูออกมาก่อนจะเห็นว่าไอ้คนเมื่อตอนบ่ายที่กวนประสาทฉันนี่เอง มิน่าล่ะ ถึงได้ไม่มีความเกรงอกเกรงใจกันเลยสักนิด
“มาวุ่นวายอะไรอีก”
“ที่ห้องท่อน้ำแตก...ขอเข้าไปหน่อย”
“ไม่”
“อย่าใจร้ายได้ปะ สวยก็สวย”
ปัง!
ฉันกระแทกประตูใส่หน้าและมั่นใจว่าท่อน้ำไม่ได้แตกหรอก แต่ว่าไอ้คนที่เคาะห้องฉันกำลังจะหัวแตกถ้าเคาะอีก
แต่แล้ว...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
ฮึ่ยยยย สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหวหนีเข้าไปในห้องนอนเพราะจะได้ไม่ได้ยินเสียงข้างนอก ปล่อยให้เคาะจนประตูพังเดี๋ยวก็มีคนออกมาด่าเอง
ชีวิตของฉันในคืนนี้จึงผ่านไปด้วยความสงบ แล้วก็ตื่นในเวลาแปดโมงเพื่ออาบน้ำ แต่ห้องนอนของฉันมันเป็นห้องนอนเล็ก ไม่มีห้องน้ำด้านใน ต้องเดินมาเข้าห้องน้ำข้างนอก
คนที่เคยชินกับการนุ่งผ้าขนหนูเดินเข้าห้องไปอาบน้ำอย่างฉัน มีหรือจะใส่เสื้อผ้าให้มันเรียบร้อย แน่นอนว่าถอดหมดทุกชิ้นไม่พอ บนร่างกายยังมีผ้าขนหนูที่ห่อตัวอย่างหมิ่นเหม่พร้อมกับเดินเข้าห้องน้ำ โดยไม่ได้รู้เลยว่าในห้องฉันนั้นมีรุ่นพี่คนเมื่อวานมาอาศัยนอนด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ร่างเล็กแต่นมใหญ่เดินมาถึงกลางห้อง สายตาพลันเหลือบมองไปยังก้อนอะไรสักอย่างที่โซฟาเบด โดยท่อนบนมีผ้าห่มคลุมเอาไว้ ส่วนท่อนล่างนั้น...
ฉันยืนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะถอยออกมา แต่เพียงยกเท้าขึ้นยังไม่ทันขยับ ไอ้คนที่เธอคิดว่าหลับเหมือนซ้อมตายก็ลืมตาโพลงเหมือนผีตายโหง
“เฮ้ย!”
นี่นับว่าเป็นคำอุทานที่ไพเราะที่สุดแล้ว เพราะปกตินั้นสัตว์เลื้อยคลานตามออกมาเป็นพรวน เพราะเคยปากจากที่เกาะติดเหล่าพี่ชายที่สันดานหยาบช้า
“เป็นไง...อึ้งอะดี๊...ของมันคุณภาพน่ะนะ”
ฉันยืนสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด ก่อนจะเหยียดยิ้มชายตามองของลับที่ดูเหมือนจะเหยียดเต็มลำใต้กางเกงบ็อกเซอร์ตัวบาง
“แค่นี้ทำเป็นคุย” ฉันพูดราวกับของเขาเท่านิ้วก้อย และดูเหมือนกระชากอารมณ์คนภาคภูมิใจในของตัวเองพอสมควร
“แค่นี้ที่ไหน...นี่ลองมาจับดู” อีกคนหน้าด้านใช้มือตัวเองจับทำราวกับใหญ่โตเสียเต็มประดา ที่สำคัญมันดันใหญ่เสียด้วยสิ
แต่คนอย่างโมจิแพ้ได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องปาก
“หากใหญ่ได้แค่นี้ ฉันก็ยังมองว่าแตงกวาในตู้เย็นยังดีเสียกว่า”
ใบหน้าหล่อจัดของปุณณ์กระตุกทันทีที่ได้ยิน มือที่เคยจับบ็อกเซอร์แน่นขึ้นจนเส้นเอ็นปูดตามแรงเกร็งเครียด แววตาคมกริบฉายแสงบางอย่างที่ฉันไม่อาจนิยามได้ว่าคือความโกรธ…หรือความอยาก
และร่างที่ลุกตั้งขึ้นกำลังก้าวเข้ามาใกล้ฉันทีละก้าว
ฉันถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อเตรียมจะวิ่งหนีเข้าห้อง แต่ทว่าดันมีระฆังช่วยชีวิตเสียก่อน
ติ๊งต่อง...
เสียงกดกริ่งที่หน้าห้องทำให้ฉันหันมอง ก่อนจะเห็นว่ามีเครื่องมอนิเตอร์ที่เห็นคนด้านนอกว่าใครมา จากนั้นคนที่อยู่บนโซฟาก็วิ่งจู๊ดหางจุกตูดเข้าไปในห้องฉัน ทั้งสั่งเสียงเข้มก่อนจะปิดประตู
“ห้ามบอกว่าฉันอยู่ในห้องนี้...ไม่งั้นฉันเอาเธอแบบไม่ให้ลงจากเตียงแน่”
ฉันที่จะอ้าปากด่า แต่ไม่ทันคนที่ไวกว่าปิดประตูใส่หน้าฉันดังตึง แล้วก็เข้าไปหลบในห้อง และหากให้ฉันเดาน่าจะเป็นน้องชายฝาแฝดของเขาคนเมื่อวาน ที่ค่อนข้างมีเหตุผลกว่าไอ้รุ่นพี่หื่นนั่น
ฉันเดินไปที่หน้าห้องพร้อมกับเอ่ยพูดที่หน้าจอ
“ค่ะ”
“พอดีพี่จะให้คนมาขนของออก สะดวกไหม เมื่อวานพี่ลืมขอคอนแท็กต์เอาไว้”
“เดี๋ยวขอเวลาครึ่งชั่วโมงนะคะ กำลังจะอาบน้ำแต่งตัว” ฉันบอกไปแล้วทางเขาก็โอเค และฉันก็ไม่กลับเข้าห้องไปให้เสียเวลา เดินเข้าห้องน้ำด้านนอกไปอาบน้ำ เพราะมีอุปกรณ์อาบน้ำครบแล้ว
เพียงยี่สิบนาทีก็ออกจากห้องน้ำ จากนั้นเดินเข้าห้องโดยที่อีกคนนั่งอยู่บนเตียงแบบไม่รู้ไม่ชี้
“นี่...” ฉันชี้ไปที่ร่างสูงที่ยังนิ่งอยู่บนเตียงไม่ยอม
ขยับ
“ออกไปได้แล้ว ฉันจะแต่งตัว”
“แต่งไปสิ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะลุกจากเตียงและเดินเข้ามาใกล้ชิดฉัน จนลมหายใจอุ่นเฉียดแก้ม
“แต่ฉันอยาก...”
คำพูดที่ค้างปลายทำให้ในท้องฉันไหววูบ เผลอถอยหลังจนชนประตู ผ้าขนหนูที่พันตัวแน่นอยู่ ๆ ก็เริ่มคลายตัว จนรู้สึกน่าหงุดหงิด
และดูมันจะเป็นใจพร้อมให้อีกคนกระตุกให้หลุดง่าย ๆ อีกด้วย
“อยากอะไร...อย่าเที่ยวมาทำลามกนะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว”
“อยากรู้ว่าเธอจะมีอะไรดีไปกว่าปากของเธอ”
ฉันถอยหลังไปจนแผ่นหลังชิดประตูห้องจนแนบสนิท มือข้างหนึ่งของฉันคลำหาลูกบิด พร้อม ๆ กับใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเต็มไปด้วยความเจ้าชู้ตอนนี้กลับนิ่งสนิท ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในดวงตาฉัน ก่อนจะก้มลงมากระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหู
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ...แตงกวาในตู้เย็นดีกว่าของฉันใช่ไหม?”
“งั้นฉันจะทำให้เธอรู้ว่าของจริงมันเป็นยังไง”
มือหนาของเขาแตะลงบนผ้าขนหนูที่ห่อตัวฉันไว้...และค่อย ๆ ดึงมันลงต้านกับแรงของมือเล็กของฉันที่รั้งเอาไว้
ปัง!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพอดี ทำให้เขายอมผละออก...แต่สายตาของเขายังคงจ้องมองฉันอย่างไม่ลดละ
“ดูเหมือนไอ้คนด้านนอกรู้แล้ว...แต่ว่าฉันจะไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ หรอกนะยายโมจิ"
ผมที่รู้ว่าพ่อแม่ของผมนัดกินข้าวกับพ่อแม่ของน้องไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ว่าที่ลูกเขยอย่างผมยังไม่เคยได้เข้าไปไหว้คุณพ่อคุณแม่แบบจริงจังสักทีเพราะใครนะเหรอก็เพราะคนตัวนุ่มที่ไม่ยอมพาผมเข้าบ้านสักทีนี่ไงล่ะ “โมจิครับเมื่อไหร่จะพาพี่ไปแนะนำให้คุณพ่อกับคุณแม่รู้จักเป็นทางการสักทีล่ะ”ผมที่นั่งอยู่ในคอนโดหน้าทีวีโดยมีอีกคนนั่งบนตักกอดถังป๊อปคอนดูเน็ตฟลิกอย่างสบายใจ ส่วนผมไม่ค่อยสบายใจเลยเพราะว่าเป็นบ้านผมอย่างเดียวที่ยินดีต้อนรับ ไม่รู้ว่าทางโน้นจะยินดีต้อนรับผมด้วยหรือเปล่า ถามแม่ก็เอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมบอกคล้ายกับจะแกล้งผม “พ่อกับแม่ยุ่งไม่ค่อยอยู่ไทยหรอก อีกอย่างไม่ค่อยชอบให้ใครไปกวนเวลาสวีตกันสองคน” น้องอ้างแบบนี้ตลอดทำให้ผมไม่มั่นใจว่าน้องแอบซ่อนอะไรเอาไว้ที่บ้านหรือเปล่า แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก เพราะก็ไม่น่าจะมีอะไรซ่อนเอาไว้ได้เลย คนที่ต้องกลัวเรื่องนี้แทนที่จะเป็นน้องกลับเป็นผมเสียเอง ก็คนมันเคยผ่านผู้หญิงมาหลายคนกะร่อนปลิ้นปล้อนไปเรื่อยกลัวจะโดนเอาคืนกลับน่ะสิ เรื่องนี้ผมก็เครียดอยู่เหมือนกัน แต่คนที่ชิลล์เหมือนไม่คิดจะจริงจังเรื่องนี้สิทำ
ไอ้เวรนี่ให้ตายเหอะ...มันสรรหาคำมากระแนะกระแหนผมไม่ว่างเว้น แต่พอหันไปเห็นน้องยิ้มให้ก็มีกำลังใจสู้กับมันนิดหน่อยจนกระทั่งตอนที่ผมเถียงเรื่องกลัวผีกับกลัวตุ๊กแกอยู่ ๆ ไอ้สองตัวก็เอ่ยขึ้น“ได้-ทำไมจะไม่ได้” “ไม่ได้”ผมที่เถียงกันไปเถียงกันมาจากนั้นไอ้ยอดรักเพื่อนผมก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย ที่วันนี้เหมือนมีคนที่หายไป “มึงเห็นไอ้สกายไหม...ได้ไปกับไอ้หมอเมฆหรือเปล่า”พอยอดรักพูดอย่างนี้ผมก็หันมองทันที วันนี้หลังจากกินข้าวก็ไม่เห็นมัน แล้วผมก็เกิดหึงขึ้นมาหากมันไปอยู่ ใกล้ ๆ กับน้องโมจิเดี๋ยวมันจะไปพูดถึงความหลังครั้งเก่า กลัวน้องจะเคลิ้ม ผมต้องกันเอาไว้ก่อน “ไม่นะ...วันนี้มันบอกจะอยู่ที่โรงเรียนนี่” ไอ้เทมโป้ว่า นั่นทำให้ผมสบายใจ “แต่แยกกันตั้งแต่ตอนที่ไอ้กรณ์วอแวกับโมจิ ก็ไม่เห็นมันเลยนะ...มึงโทรดิมันอยู่ไหน” ผมบอกไอ้เทมเพราะกลัวมันจะไปทำคะแนนกับแฟนของผมพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปถามคนอื่น ๆ ว่าเห็นไอ้สกายหรือเปล่าจังหวะนั้นเอง ไอ้ไทป์ เพื่อนของยอดรักก็วิ่งหน้าตื่น สภาพมันหอบแฮ่ก ๆ จนพูดแทบไม่เป็นคำ แต่สายตาที่มองมาที่ผมกับไอ้เทมโป้เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นปนรีบร้อน“ไอ้ปุณณ์! พี่เทม! มีค
🐯🐯🐯วันที่ผมพาน้องมานอนที่ห้องตัวเองครั้งแรกเพราะว่าเอาหนักจนผ้าปูที่นอนอีกห้องนอนไม่ได้ในใจรู้สึกฟูจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไง ตั้งใจว่าจะคุยเรื่องนี้กันหลังจากตื่นแต่ใครจะนึกว่าจะเกิดเรื่องตอนนั้น ผมต้องไปจัดการบางอย่างจนรู้อีกทีคือน้องไม่อยู่รออย่างที่บอกเอาไว้ ตอนนั้นผมอยากจะปลีกตัวออกมาจะแย่แต่ก็ทำไม่ได้ จนสุดท้ายทุกอย่างคลี่คลายผมจึงไปหาน้องและที่เดียวที่น้องอยู่ก็คืออู่ของไมล์ส ที่จริงผมรู้จักที่นี่เพราะเป็นอู่รับซ่อมและแต่งรถยนต์ เรียกได้ว่าในวงการของผู้เป็นเจ้าของรถซุปเปอร์คาร์ต่างรู้จัก แค่ผมไม่ได้สนิทมากเท่าไหร่นักเท่านั้นเอง แต่เมื่อรู้ว่าพี่ไมล์สเป็นเสมือนพี่ชายอีกคนของน้อง ผมก็อยากจะรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับน้องจนได้รู้ว่าน้องเชื่อหมอดูไร้สาระนั่น จนผมหงุดหงิดนิด ๆ กับที่บอกว่า ‘คบกับแฟนเก่าแล้วจะสมหวังในรัก’ นั่นก็แย่แล้ว ใครจะให้เมียตัวเองไปคบกับแฟนเก่าเพื่อที่จะได้คบกันยาว ๆ ล่ะ ผมหวงจะตายไม่รู้หรือไง แต่พี่ไมล์สก็เล่าถึงตอนอกหักน้องน่าสงสารมาก เพราะว่าคนที่รักไม่ใช่ใครก็เป็นคนกันเองทั้งนั้นและยังเป็นเพื่
“โมจิ...มึงบอกว่าผัวมึงจะกลับวันไหนนะ” นังป๊อปถามทั้งมองไปด้านหลังพลางขยี้ตาคล้ายกับคนเห็นภาพลวงตา“โอ้ย...ไปสามสี่วัน...วันนี้เพิ่งวันที่สองเอง คงจับน้องปูอยู่มั้งเห็นเขาแทคกัน” ลิ้นเปลี้ยบอกออกไป แต่ทว่าสายตามองไปทางพี่สกายหวานเชื่อม แล้วเรอออกมาเอิ๊ก~~ฉันยิ้มมองไปทางคนหล่อที่สุดในกลุ่มชายโสดสี่คนก่อนจะเอ่ยด้วยความรู้สึกจากใจจริงนะ “พี่โคตรหล่อเลยวะ...เสียดาย!”“เฮ้ย ๆ...ไอ้โมจิ...ยังไง...มึงจะผัวเผลอเจอกันไม่ได้นะ” พี่ไมล์สรีบห้าม“เดี๋ยวเถอะมึง...ไอ้ปุณณ์ได้ยินเดือดแน่” พี่ยอดพูดบ้าง แต่ว่าฉันแสยะยิ้มใส่“พี่ปุณณ์ไม่อยู้...แต่ถึงอยู่ขย่มสองทีก็เงียบแล้ว...ร้องเป็นแมวหง่าว ๆ เลยแหละ” พอเมาก็พูดอะไรต่อมิอะไรออกมาเรื่อยแม้แต่เรื่องบนเตียงก็ไม่เว้นแล้วพี่ไมล์สตบเข่าฉาด “ให้มันได้อย่างนี้เว้ยไอ้น้องรัก...เราอย่าไปยอมให้ผู้ชายข่มเรา เราต้องขึ้น”“เท่าแขนค้า...เท่าแขนก็อมมาแล้วค่ะ...นี่...เท่านี้” ฉันจับที่แขนตบแปะ ๆ พูดอย่างโอ้อวด ทำให้ทุกคนหัวเราะให้กับความลามกของฉันโดยไม่รู้เลยว่าด้านหลังคนที่คิดว่าจะกลับอีกสองวันนั้นยืนกัดฟันกรอดอยู่แล้ว“โมจิ...พี่ปุณณ์กลับวันไหนนะ” นังน้ำตาลที่น
เวลาผ่านไปสุดท้ายการปิดเทอมเล็กก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนรู้สึกใจหายเพราะยังอยากนอนขี้เกียจอยู่เลย แต่ที่เปลี่ยนแปลงก็คือฉันได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของ พี่ ๆ เขาและรู้สึกว่าพวกพี่เขาเป็นคนที่เข้าถึงยากนั้นไม่จริงสักนิด ยิ่งกลุ่มเพื่อนของพี่ปุณณ์นั้นฉันก็เพิ่งรู้ว่ารักกันมากขนาดยอมตายแทนกันด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือพวกเขาไม่ได้อคติเลยสักนิดแม้ว่าฉันจะเป็นคนที่ปากหมามาก ๆ ก็เถอะ ก็โยธานี่เนอะ...ไม่ปากหมาจะสู้พวกผู้ชายปากเสียได้ยังไงล่ะ ตอนนี้ข้าวของทั้งหมดที่เคยอยู่ห้องพี่ปัณณ์คนตัวใหญ่ก็ย้ายเข้าไปห้องตัวเองจนหมด ทำให้ฉันไม่ต้องออกแรงขนด้วยซ้ำ และเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวก็เพิ่มขึ้นเพราะคนที่จับฉันแต่งตัวเอฟเสื้อผ้ามาทุกวัน จนพัสดุที่นิติแทบจะมีชื่อเจ้าของห้องคนเดียว คือ ปุณณภพ วรานันท์ แล้วแต่ละชิ้นที่สั่งก็คือชุดนอนไม่ได้นอน ชุดว่ายน้ำ ชุดชั้นในแบบเซ็กซี่ ชุดครอสเพลย์ จนฉันรู้สึกเขินเวลาลงไปเอากล่องพัสดุ แต่เจ้าตัวกลับบอกว่าไม่เห็นต้องเขินเดี๋ยวก็ชินไปเอง เขาที่ชินส่วนฉันไม่ชินเลยสักนิด เมื่อมหาวิทยาลัยเปิดแล้วภาพที่แสนชิ
ลำท่อนใหญ่ดันเบา ๆ อยู่ตามรอยแยกตามร่อง ปลายนิ้วโป้งบดขยี้ถี่ ๆ ทำให้ฉันต้องจับบ่ากว้างเอาไว้จนแน่น ยิ่งเขาวาดขึ้นลงถูกไปมาสลับกับดันนิด ๆ แต่ก็ยังอยู่เพียงภายนอกทำให้น้ำใส ๆ ไหลเยิ้มจนกองอยู่เนินหัวหน่าวของเขา ยิ่งดัน... ยิ่งอยากยัดลงไปให้มิดด้าม... ฉันครางเสียงหวานสองมือจิกบ่ากว้างแน่น เขาเองก็ครางงึมงำอย่างพอใจที่ทรมานฉันได้ ทั้งที่ควรเป็นฉันเสียมากกว่าที่เป็นฝ่ายทรมานเขา ทำไมคนเจ็บแซ่บอย่างนี้นะ “ซี๊ดดดด” “หนูอยากหรือยังครับ” “ยะ...อยาก...อยากแล้ว...พี่ปุณณ์...อื้อ...เร็วหน่อยได้ไหม” แต่ใครจะนึกว่าคนตัวใหญ่ไม่ได้ตามใจฉัน จับเรียวขาของฉันตั้งชันขึ้นสองข้าง จนอะไรต่อมิอะไรก็เปิดเผยต่อหน้าเขาทั้งที่ฉันยังใส่กระโปรงอยู่ด้วยซ้ำ ก่อนเขาจะสอดนิ้วกลางเข้าไปในช่องทางคับแคบที่ฉ่ำน้ำ “อื้อ...” ฉันนิ่วหน้าด้วยความแคบแน่นเมื่อเรียวนิ้วกลางที่มีขนาดเล็กกว่าท่อนเนื้อขนาดห้าสิบแปดของเขาสอดเข้า จนเผลอร้องออกมาด้วยความอึดอัด ลมหายใจของฉันติดขัดเล็กน้อย จนทำให้ฉันต้องสูดหายใจแรง ๆ แต่หน้าอกก็กระเพื่อมไหวไปด้วย







