วันต่อมา…
@มหาวิทยาลัย M
ฉันนั่งหมุนปากกาไปมา สายตาทอดมองไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมายพลางพ่นลมหายใจออกซ้ำไปซ้ำมา ในหัวฉันมีแต่เรื่องของเขาคนนั้นเต็มไปหมด คุณวาโย วรายุ เหมบดินทร์ ทายาทเจ้าของโชว์รูมรถนอกชื่อดังและยังเป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่ใหญ่สุดในภาค หล่อ รวย เท่ เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง ผู้ชายที่ฉันเฝ้ามองมาตลอดหกปี รู้จัก...หมามองเครื่องบินไหม นั่นแหละฉัน
ว่าแต่...ทำไมเขาถึงปีนมาห้องฉันในสภาพแบบนั้นได้นะ เขากำลังจะทำอะไรกับสาวห้องข้างๆ ฉันยังงั้นเหรอ แล้วทำไมโลกมันกลมแบบนี้ล่ะ ฉันยังไม่พร้อมที่จะเจอเขาเลยสักนิด ความจริงไม่เคยพร้อมเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะได้เจอ ได้คุย แถมยังอยู่ใกล้ในระยะกระชั้นชิดอีก ฉันเกือบช็อกตาย แต่จะเจอทั้งที สวรรค์ก็ไม่เป็นใจหน่อยเนอะ ฉันทั้งมอมแมม แต่งตัวก็โสโครก สภาพแบบว่ายับเยิน น่าอายสุดๆ ครั้งแรกไม่มีความประทับใจสักนิด มิหนำซ้ำยังไปตบหน้าเขาอีก เขาต้องเกลียดฉันไปแล้วแน่ๆ
เฮ้ออออ
“อีหนูเฌอ!!!!”
“โว๊ะ!! ตายๆๆๆ หายใจหายคอหมด” ฉันสะดุ้งสุดตัว พร้อมอุทานออกมาเสียงดังลั่นเมื่อ ปังปอนด์ เพื่อนสาวในร่างชายของฉัน ตะโกนเรียกใส่แก้วหูจนเกือบแตก พลางเอามือทุบอกตัวเองเบาๆ ฉันเกือบช็อกตายจริงๆ นะนั่น
“อุทานเห่ยได้อีกนะมึง” เสียงเล็กดังตามหลังของปังปอนด์มา นั่นคือ ใยไหม เพื่อนสนิทอีกคนของฉัน ใยไหมเดินมาหยุดจ้องหน้าฉันพลางเอามือขึ้นเท้าไหล่ของปังปอนด์ไว้
“เป็นอะไรวะ กูเรียกตั้งนาน”
“อ้าว อาจารย์ไปแล้วเหรอ” ฉันไม่ได้สนใจคำถามของปังปอนด์แต่ถามกลับไปแทนทันทีที่เห็นว่าทุกคนในคลาสทยอยออกไปเกือบหมดและไม่เห็นแม้แต่เงาของอาจารย์ประจำคลาส นี่ฉันเหม่อลอยจนไม่ได้ฟังที่อาจารย์สอนเลยเหรอเนี่ย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคลาสจบตอนไหน
“นี่มึงอาการหนักมากนะ เกิดอะไรขึ้นวะ” ใยไหมโน้มหน้าลงมาระดับเดียวกับฉัน ขณะเอ่ยถามพร้อมจ้องนัยน์ตาอย่างคาดคั้น พวกนี้นี่...ทำไมชอบดูอาการฉันออกอยู่เรื่อย ฉันไม่เคยปิดบังอะไรพวกมันได้เลย แต่เรื่องนี้ให้พวกมันรู้ไม่ได้เด็ดขาด
“เปล่าซะหน่อย” ฉันปฏิเสธพลางหลุบตาลงมาสนใจหนังสือบนโต๊ะแทน และพยายามจะเก็บมันลงกระเป๋า ฉันคิดว่าฉันต้องพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“อีหนูเฌอ” ใยไหมกดเสียงต่ำลงไปอีกโทน ส่วนมือของปังปอนด์ก็จับหน้าฉันให้หันกลับมาสบตาพวกมันสองคน และสุดท้ายฉันก็เลี่ยงไม่ได้
“เออๆ คือคุณเขาปีนระเบียงมาห้องกูเมื่อคืนน่ะ”
สิ้นเสียงฉัน มันสองคนก็เบิกตากว้าง หันมองหน้ากันกับหน้าฉันสลับไปมา เพราะพวกมันรู้ดีว่า คุณ ที่ฉันหมายถึง คือใคร มันเองก็คงตกใจไม่ต่างจากฉันหรอก ใครก็คิดไม่ถึงทั้งนั้นแหละ ขนาดฉันยังคิดว่าฝันเลย
ฮ่าๆๆๆๆๆ
แต่คิ้วฉันก็ต้องขมวดเป็นปมทันที เมื่อมันสองคนพากันหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นแบบลืมอายไปเลย นี่แสดงว่าพวกมันไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ
“นี่!! กูไม่ได้โกหกนะ เขามาห้องกูจริงๆ”
“เหรอๆ โอ๊ยยย...กูจี้วะ ฮ่าๆๆๆ” ปังปอนด์พูดขึ้นด้วยความยากลำบาก เพราะมันเหมือนจะกลั้นหัวเราะไปด้วย แต่สุดท้ายก็ปล่อยออกมาจนหมด มันสองคนพากันหัวเราะเยาะฉันไม่หยุด บ้าจริงเชียว ไอ้เพื่อนบ้า...ทำไมไม่เชื่อฉันกันเล่า
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
สิ้นเสียงฉัน พวกมันก็หยุดไปได้แป๊บหนึ่ง ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาอีกระลอก เสียงดังกว่าเดิม ใส่เอฟเฟ็กต์จนตัวงอ เหอะ! เออดี หัวเราะให้ตายไปเลย ฉันไม่น่าบอกพวกมันเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ! ฉันลุกขึ้นยืนและหยิบกระเป๋าออกมาจากตรงนั้นแบบหงุดหงิดสุดๆ ก่อนพวกมันจะพากันวิ่งตามมา
“กูว่ามึงควรไปหาหมอนะ” ใยไหมเอาแขนขึ้นพาดคอฉันพลางเอ่ยขึ้นแบบขำ คือง่ายๆ มันยังหยุดหัวเราะไม่สนิทดี
“นั่นดิ! นี่มึงเพ้อถึงขั้นนั่นแล้วเหรอวะ ฮ่ะๆ” แล้วปังปอนด์ก็ยกแขนพาดคออีกข้างของฉัน พูดเสริมเพื่อนตัวเองด้วยเสียงแบบเดียวกันเลย ดู...ดูพวกมันยังมีหน้าตามมาเยาะเย้ยฉัน ไอ้เพื่อนบ้า คอยดูนะ วันหนึ่งฉันจะพาเขามายืนอยู่ตรงพวกมึงตัวเป็นๆ เลย ฉันสะบัดไหล่ให้หลุดจากแขนพวกมันทั้งสองข้าง ก่อนจะเดินลิ่วๆ ออกมาแบบอารมณ์เสียสุดๆ
@ อพาร์ตเม้นท์ JJ
ฉันหอบของพะรุงพะรังขึ้นมาบนห้อง ส่วนมากก็ของสดทั้งนั้น ฉันชอบทำอาหารกินเองเพราะมันอร่อยกว่าซื้อกินเป็นไหนๆ และอีกอย่างฝีมือการทำอาหารของฉันไม่ได้ต่างจากเชฟมืออาชีพสักเท่าไหร่หรอก ไม่อยากคุย โฮะๆ แต่ทุกคนที่ได้กินก็บอกแบบนั้น
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จฉันก็พาตัวเองมาอยู่หน้าเตาทันที วันนี้ฉันตั้งใจจะทำอาหารหลายเมนูเพราะพี่สาวฉันมันไลน์มาบอกว่าอยากมากินกับข้าวฝีมือฉัน เราสองคนพี่น้องแทบไม่เคยได้เจอกันเลย เพราะเรียนกันคนละที่ ไกลกันมากด้วย นานๆ จะเจอกันสักที คิดถึงมันจะแย่ ไม่ได้เจอกันมาสามเดือนกว่าได้แล้วมั้ง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป….
ก๊อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกพร้อมกับอาหารเมนูสุดท้ายถูกวางลงบนโต๊ะพอดิบพอดี ฉันถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือนที่ฉันกำลังรออยู่พอดี
เฮ้ย!!!
ปึงงง
ฉันปิดประตูกลับคืนด้วยความตกใจก่อนจะหันหลังพิง คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่พี่สาวฉัน แต่เป็น...หรือฉันคิดถึงเขาจนหลอน เห็นหน้าพี่สาวตัวเอง เป็นเขารึเปล่า เพื่อความมั่นใจ ฉันเลยหันไปเปิดประตูดูอีกรอบ แต่ก็ยังเป็นเขาอยู่ดี และประตูกำลังจะถูกปิดลงอีก แต่…
หมับบบ
ผู้มาเยือนใช้มือหนาเพียงข้างเดียวดันประตูไว้ ก้าวเข้ามาในห้องฉันอย่างอุกอาจ
ปึงงงง!!!
ก่อนประตูจะถูกปิดลงอย่างแรงด้วยฝีมือเขา เล่นเอาซะฉันสะดุ้งเลย เสียงทรงพลังถูกเปล่งออกมาอย่างน่าเกรงขาม
“ใครสั่งให้ปิดประตูใส่หน้าฉัน ฮะ!”
ยิ่งทำให้ฉันกลัวหนักเข้าไปอีก ทำอะไรไม่ถูกเลยทีนี้ ตัวสั่นเทาไปหมด ทั้งตกใจ ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น นะ...นี่ฉันได้เจอเขาอีกแล้ว ได้ใกล้เขาอีกแล้ว งื้ออออ...ใจฉัน ใจฉันมันเต้นแรงมากเลย ฉันจะช็อกตายไหม มือเล็กบีบกันแน่นอยู่ด้านหลัง ในสมองฉันนึกอะไรไม่ออกนอกจาก...
“ขะ...ขอโทษค่ะ”
“เหอะ! ช่างเหอะ! ฉันมาเอาคำตอบ”
“คำตอบ?” ฉันเลิกคิ้วถามขึ้นด้วยความสงสัย คำตอบอะไรหว่า
“คุกกี้นั่นไง” เขาว่าพลางชี้ไปที่โหลคุกกี้บนหลังตู้เย็น ตาฉันโตขึ้นทันที นี่เขาสนใจมันจริงๆ เหรอ นึกว่าพูดเล่นซะอีก แสดงว่าเขาต้องได้กินมันทุกครั้งแน่ๆ ถึงจำมันได้ หรือฉันควรจะบอกเขาไปเลยดีนะ แต่ฉันไม่ทันอ้าปากเขาก็แทรกขึ้นมาก่อน
“แค่นี้ก็ลืมแล้วเหรอ เหอะ! นอกจากเธอจะบ้าแล้ว ยังความจำสั้นอีกเรอะ”
มาเป็นชุดเลย ฉันได้แต่เม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง กะพริบตาปริบๆ ยืนฟังเขาพูดอยู่แบบนั้น ผู้ชายอะไรปากร้ายชะมัด ว่าฉันบ้าได้ยังไงกัน...งื้อออ
“งั้นเอาเบอร์เพื่อนมา ฉันจะโทรไปถามเอง”
“ไม่มีค่ะ” ฉันตอบกลับทันควัน แบบไม่ต้องคิดเลย จะมีได้ไงก็ฉันโกหกเขาเรื่องคุกกี้นั่น
“อะไร! เป็นเพื่อนประสาอะไรไม่มีเบอร์”
“.....” ฉันเงียบ ไม่ใช่ อะไรนะ คิดคำตอบไม่ทัน สมองไม่ประมวลผลแล้วตอนนี้ ใครใช้ให้เขามายืนจ้องหน้าแบบนี้กันเล่า เขินวุ้ย...จะตายอยู่แล้วเนี่ย
“หรือว่าหวง” เขาพูดขึ้นพลางโน้มหน้าลงมาในระดับเดียวกัน รอยยิ้มมุมปากถูกยกขึ้น และมันทำให้ใจฉันแทบจะละลายหายไปกับท่าทางแบบนี้ของเขา บ้าบอที่สุด จะฆ่าฉันให้ตายเลยรึไง แต่เขาบอกว่าอะไรนะ เมื่อกี้ อะไรหวงๆ
“หวงเพื่อนหรือหวงฉันล่ะ หึ!”
เจอประโยคนี้เข้าไปตายเลยฉัน ไปไม่เป็น หวงเขา? ฉันมีสิทธิ์นั้นด้วยเหรอ อร๊ายยยย...หนูอยากกรี๊ดให้ดังไปถึงโลกที่สาม คุณขา...หนูจะตายไหมคะ ใจหนูมันเต้นแรงจนจับจังหวะไม่ได้แล้ว ความร้อนก็เห่อขึ้นใบหน้าจนทะลุสมองไปแล้วมั้ง งื้อออ ถ้านี่เป็นฝันก็คงเป็นฝันดีที่สุดและฉันคงไม่อยากตื่นขึ้นมาอยู่ในโลกแห่งความจริงอีกเลย
ครืดดดด~ ครืดดดด~~
ป๊อก!!
โอ๊ะ!!
นิ้วเรียวดีดมาบนหน้าผากเพื่อเรียกสติฉัน และมันได้ผล ฉันกลับมาสู่โลกแห่งความจริง พร้อมกับยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
“มีสายเข้า” เขาพูดขึ้นเสียงเรียบพลางหยัดยืนเต็มความสูงเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนตัวเองทั้งสองข้าง พยักพเยิดหน้าไปทางมือถือฉันที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร
ฉันเดินมาหยิบมือถือขึ้นเลื่อนสไลด์รับสายพี่สาวตัวเอง ทั้งที่ยังลอบมองผู้มาเยือนเป็นระยะ
[หนูเฌอ เค้าไปไม่ได้แล้วว่ะ มีธุระด่วนอะ ไว้วันหลังนะ]
เสียงหวานกรอกมาตามสาย ดึงสติฉันให้กลับมา สมองฉันตัดเรื่องคุณวาโยออกไปชั่วขณะ เพราะพี่สาวที่รักเทฉันในวินาทีสุดท้ายอีกแล้ว ทำแบบนี้กับฉันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ ลมหายใจถูกพ่นออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะครางรับกลับไป
“อืม”
ติ๊ด!!
และพอได้รับคำตอบจากฉัน ปลายสายก็กดวางสายทันที ฉันควรจะชินได้แล้ว อาหารฉันเป็นสายบัวรอเก้ออีกแล้ว ฉันวางมือถือลงบนโต๊ะอาหาร และหยิบจานอาหารกำลังจะเทลงถังขยะ แต่มีมือหนามาคว้าไว้ซะก่อน
“ทำอะไร” เขาถามขึ้นเสียงเข้มพลางแย่งจานอาหารจากมือฉันไปวางไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม ยัยพี่สาวตัวดีทำให้ฉันลืมไปเลยว่ามีอีกคนอยู่ในห้องด้วย
“ทิ้งค่ะ ในเมื่อไม่มีใครอยากจะกินมัน ก็ต้องทิ้งไม่ใช่เหรอคะ” ฉันพูดบอกเขาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจพี่สาวตัวเอง ฉันรู้นะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะมานอยใส่คนที่ไม่รู้เรื่อง แต่มันอดไม่ได้นี่นา นัดทุกเดือน แต่ไม่เคยมาตามนัดสักที ฉันก็ยังบ้าบอ ทำอาหารรอเธอทุกครั้ง และจบด้วยการเททิ้งทุกครั้งไป ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“บ้านรวยนักรึไง ขนาดบ้านฉันรวยล้นฟ้ายังไม่เคยทิ้งอาหารเรี่ยราดแบบนี้เลย”
“.....” นี่เขากำลังด่าฉันอีกแล้วใช่ไหม
“ตักข้าวมาดิ” เขาพูดขึ้นพลางเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งอย่างถือวิสาสะ
“หื้มม” ฉันหูฝาดไปรึเปล่านะ นะ...นี่เขากำลังจะกินอาหารฝีมือฉัน เรื่องจริงใช่ไหม...?
“ก็ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษ เรื่องที่เธอหาคำตอบให้ฉันไม่ได้ก็แล้วกัน”
หลายวันต่อมา...“เฮียสุดหล่อของมึงมารับไหมวันเนี่ย” ใยไหมลุกขึ้นมาถามในตอนที่ฉันกำลังเก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋า“น่าจะไม่นะ” วันนี้ฉันไม่ได้บอกเฮียวาโยว่าจะเลิกเร็ว คิดว่าเวลานี้เขาน่าจะทำงานอยู่ เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันกลับหอเองดีกว่า“ว้า…อดเห็นหน้าเลย” ปังปอนด์เดินมาเกาะไหล่ใยไหมและพูดด้วยท่าทางอิดโรยหมดอาลัยตายอยาก บ่งบอกมากว่ามันเสียดายแค่ไหนที่ไม่ได้เห็นหน้าเฮียวาโยของฉัน“เกินไปค่ะ เพื่อน” ฉันพูดเสียงเรียบ ตวัดตามองพร้อมกับหยิบหนังสือไว้ในมือและลุกเดินผ่ากลางพวกมันสองคนออกมาจากคลาสทันทีแน่นอนฉันมีจุดหมายปลายทางในใจอยู่แล้วจะไปแวะซื้อของสด แล้วก็จะรีบกลับไปทำอาหารไว้รอเฮียวาโย รู้สึกช่วงนี้เขาไม่ได้กินอาหารฝีมือฉันเลย ต้องเพิ่มเสน่ห์ปลายจวักมัดใจซะหน่อยแล้ว@อพาร์ตเมนต์JJฉันหอบของพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือยืนล้วงกุญแจอยู่หน้าห้องตัวเองสักพัก นี่มันกระเป๋าหรือหลุมดำเนี่ย กุญแจห้องไปหลบอยู่ตรงไหนนะ ต่อไปต้องหาตุ๊กตาตัวใหญ่ๆ มาห้อยซะละ ฉันควานหาอยู่นาน
“รอด้วยค่ะ”ผมเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดลิฟต์ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนมาแต่ไกลตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นรัวบ่งบอกว่าได้ถึงความรีบร้อน กลัวว่าจะไม่ทันลิฟต์แค่ไหน พอประตูลิฟต์เปิดจนสุด เผยให้เห็นร่างบางของหญิงสาวที่คุ้นตา ยืนพักหายใจสักพักก่อนจะเงยหน้ามองผม“คุณวาโย/ผิงผิง”เราต่างหลุดเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาพร้อมกัน แต่มันต่างกันที่ความรู้สึก ดูจากประกายระยับในดวงตาหญิงสาวตรงหน้า เธอคงดีใจไม่น้อยที่เจอผม แต่สำหรับผมรู้สึกเหมือนกำลังจะเกิดหายนะยังไงก็ไม่รู้ ทุกครั้งที่มีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นมักจะจบลงแบบไม่แฮปปี้ตลอดผมเคยคิดเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง แต่เพราะผมไม่เคยเจอเธอที่นี่สักครั้งตั้งแต่เราแยกกันคืนนั้น มันเลยทำให้ผมชะล่าใจ“มาหาผิงเหรอคะ ไม่เห็นโทรบอกก่อนเลย” เธอโผเข้าหาผม กางแขนออกสองข้างเป็นเชิงว่าจะกอดผมให้หายคิดถึง แต่ผมอาศัยแขนที่ยาวกว่าดันไหล่เล็กทั้งสองข้างไว้ได้ก่อนเธอจะเข้าถึงตัว“เปล่าไม่ได้มาหาเธอ” ผมพูดพร้อมกับถอยห่างและผลักให้เธอไปยืนด้านข้างแทน ประตูลิฟต์ปิดลงพร้อมก
[Warayu Talk]หลังจากที่ผมนั่งคุยกับพ่อแม่หนูเฌอ สักพักท่านทั้งสองก็ขอตัวออกไปตลาดในเมือง เพื่อจะซื้อของมาทำกินกันตอนเย็น ตอนแรกผมอาสาจะพาไป แต่ท่านไม่ยอม บอกให้ผมพักผ่อนอยู่บ้านผมลุกเดินสำรวจไปรอบๆ พลางเหลือบมองคนตัวเล็กที่ยังยืนล้างจานอยู่ในครัว ก่อนจะเลี่ยงเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน ผมไม่ได้เสียมารยาทนะ ขอพ่อกับแม่เรียบร้อยแล้ว แถมท่านยังบอกเองด้วยว่าห้องนอนลูกสาวอยู่ฝั่งไหน‘ห้องริมสุด ขวามือ’ผมหมุนลูกบิดประตูเปิดเข้ามาในห้องนอนสีหวาน ก่อนจะนิ่ง…ไปพักใหญ่และค่อยๆ ไล่สำรวจตามจุดต่างๆ ของห้อง นี่มันคือแกลอรี่ของผมชัดๆ รูปเล็ก รูปใหญ่ ทุกท่วงท่า ทุกช่วงอายุ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหกปี ถูกติดอยู่รอบห้อง เธอต้องชอบผมถึงขั้นไหนวะ หนังสือเกี่ยวกับรถแข่งก็มาอยู่ในห้องนอนผู้หญิงต๊องๆ แบบหนูเฌอได้ด้วยว่ะ เจ๋งสุดสมุดไดอารี่หกเล่มตั้งเรียงกันบนหัวเตียงเริ่มจากหนึ่งก่อนเลยเธอเริ่มเขียนจากเหตุการณ์เมื่อหกปีก่อนวันแรกที่เจอผม วันที่วิ่งตามหาผมในโรงพยาบาล[หนูรู้ชื่อคุณแล้วนะ วาโย
“แม่คะ หนูมาแล้ว” ฉันเอ่ยทักทายพร้อมกับเปิดประตูเดินเข้าบ้านโดยมีเฮียวาโยตามหลังมาติดๆ“มากันแล้วเหรอลูก” เสียงหวานคุ้นหูจากผู้เป็นแม่ตอบรับดังมาจากในครัวก่อนจะปรากฏร่างหญิงสูงวัยเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มและจานกับข้าวในมือฉันรีบเดินตรงเข้าหาท่าน หอมแก้มซ้ายขวาตามที่เคยทำเป็นประจำ พร้อมรับจานอาหารไปวางไว้โต๊ะทานข้าวที่อยู่ถัดไปทางซ้ายมือ บนโต๊ะมีกับข้าววางไว้อยู่ก่อนแล้วสี่อย่าง“สวัสดีครับ”เสียงเอื้อนเอ่ยอย่างนอบน้อมจากเฮียวาโยดังขึ้นโดยที่เขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ส่วนแม่ของฉัน ท่านนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะยกมือรับไหว้จากเฮียวาโยโดยไม่พูดอะไรสักคำ ใจฉันดิ่งลงไปอยู่ตาตุ่มเมื่อเห็นสีหน้าของแม่ รอยยิ้มในตอนแรกค่อยๆ จางหายไป แถมยังทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้อีกความเงียบเข้าปกคลุมทันที บรรยากาศอึมครึมเหมือนมีเมฆนับร้อยเคลื่อนตัวอยู่บนหลังคาบ้านฉัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ท้องฟ้าสดใสปลอดโปร่งมากฉันควรเดินเข้าไปไหมนะหรือฉันควรพูด…พูดว่าอะไรดีล่ะ“ผมขอโทษครับ” เฮียวาโยเอ่ยขึ้นหลังจากที
Chernarin Talkเช้าวันต่อมาร่างหมดสภาพของฉันถูกลากขึ้นจากที่นอนมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้าตรู่ เพราะเรามีนัดสำคัญที่ไม่ว่าจะเลื่อนหรือเบี้ยวก็ไม่ได้เด็ดขาด เฮียวาโยปลุกปล้ำฉันอยู่นานหลายสิบนาที กว่าจะได้เป็นสภาพที่ดูดีขึ้นมานั่งสง่าอยู่บนรถสปอร์ตคันหรูคู่ใจของเขาแบบนี้ได้แต่พอล้อรถเริ่มหมุน ฉันก็รู้สึกนั่งไม่ติดเบาะ พยายามปรับพื้นที่ พลิกซ้าย พลิกขวา หาจุดที่สบายที่สุด สำหรับการพักผ่อนตลอดระยะการเดินทางนี้ฉันใช้ความพยายามอย่างมากที่จะข่มตาให้หลับ เพราะถ้าหลับจะไม่รู้สึกอะไรและมันก็จะดีมากๆ ถ้าฉันไปตื่นอีกทีตอนถึงที่หมายแล้ว…แต่มันไม่ง่ายอย่างงั้น มันไม่หลับ แถมยังมีแต่ความกระอักกระอ่วนตีวนอยู่ในท้องตลอดเวลาเพลงโปรดที่ดังก้องอยู่ตอนนี้ก็ไม่ช่วยสุดท้ายฉันเลือกที่นั่งนิ่งๆ เพราะถ้าขยับอีกที มันมาแน่… สักพักความเร็วของรถก็ผ่อนลงจนรู้สึกได้ ก่อนจะเลี้ยวเข้าจอดสนิทในปั๊มน้ำมันข้างทาง ฉันเปิดประตูพุ่งตัวเข้าห้องน้ำทันทีโดยไม่ได้สนใจประตูที่ยังเปิดคาไว้แบบนั้นอ้วกกกกฉันโก่งตัวอ้วกในคอห่านห้องน้ำอย่างเอาเป็
หลายวันต่อมา....“แชร์โลมาไว้เลยนะ เดี๋ยวสักสี่ทุ่มเฮียไปรับ”ผมวางสายพร้อมเก็บมือถือเข้ากระเป๋าตัวเอง เดินตรงไปยังห้อง VIP อย่างอารมณ์ดี ผ่านมาเกือบอาทิตย์ได้แล้วมั้งที่ผมรู้สึกโคตรมีความสุข ได้ใช้ชีวิตสงบสุขกับผู้หญิงที่รัก โดยไม่ต้องระแวงว่าจะมีหมาตัวไหนมาลอบกัดหรือทำร้ายเธอ โคตรดีเลย การมีหนูเฌอเข้ามาในชีวิตนี่มันดีจริงๆ นะ“เชรดดดด ห่างจากเมียเด็กได้แล้วเหรอวะ” เสียงทักทายจากไอ้น้องชายตัวดีดังขึ้นทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป“เสือก!” ผมตอบแบบชัดถ้อยชัดคำพลางก้าวเท้าเดินเลยไอ้แม็กซ์เข้าไปแล้วทิ้งตัวนั่งข้างมัน จะว่าไปวันนี้มันดูเงียบๆ แปลกๆ มีอะไรเกิดขึ้นช่วงที่ผมไม่ได้เข้ามารึเปล่าวะ“เป็นห่าไร ทำหน้าเหมือนส้นตีนเลย”“เสือก!” มันสวนผมกลับพร้อมมองตาขวาง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะผมดังลั่นห้อง แม้แต่ไอ้ฟิวส์ยังหลุดยิ้ม เหอะ…ไอ้พวกแม่ง“อ้าว ไอ้เวรนี่” ความจริงผมต้องตบหรือถีบมัน แต่วันนี้มันดูเครียดจริงจัง ผมเลยไม่อยากกวนมัน เดี๋ยวมันพร้อมก็คงจะเล่า