(หนึ่งอาทิตย์ต่อมา)
ณ คฤหาสน์ตระกูลอาร์เดรียโน่ ประเทศอิตาลี
“ฟ่า”
เสียงหวานเอ่ยเรียกคนในห้องทำงานอย่างแผ่วเบา ใบหน้าสวยชะโงกผ่านขอบประตู จ้องมองไปยังร่างสูงอย่างฝาแฝดผู้น้องของตนเอง คนถูกเรียกหันมาตามเสียง แต่เขากำลังคุยโทรศัพท์จึงไม่มีคำตอบใดกลับมา
สองเท้าก้าวเดินเข้ามาภายในห้อง หยุดยืนลงตรงหน้าน้องชายฝาแฝดตัวเอง ริมฝีปากแดงยกยิ้มกว้างเป็นสัญญาณว่ากำลังมีบางสิ่งเกิดขึ้น เพียงคนตรงหน้าเห็นรอยยิ้มนั่นก็หันหลังเดินหนีทันที
หมับ!
ร่างบางตรงเข้าไปกอดแขนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“อือ เดี๋ยวดูให้” ฟ่าพูดกับคนในสายแล้วกดวาง ก่อนจะก้มมองหญิงสาวที่กอดแขนอยู่
ใบหน้าสวยสะกดสายตาเพียงแรกพบกำลังแสดงสีหน้าเหมือนคนทำความผิดมา ผมยาวตรงสีดำพลิ้วไหวตามแรงขยับตัว เมื่อเขาแกล้งเดินหนี ดวงตากลมช้อนขึ้นมองสบสายตา
“เรามาตกลงกันเลย เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่ถึงหูแด๊ด” บุคคลเดียวที่เราทั้งคู่กลัวก็คือพ่อ
“เยี่ยม! ฟี่เอารถไปชนมา...” สิ่งที่พูดออกไป ทำให้ฟ่าถึงกับขมวดคิ้ว
“ชนกับอะไร...”
“...อึก” เสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะคำถามนั้นไม่ใช่เสียงของฟ่า
“ไม่รู้ด้วยแล้ว” ฟ่าพึมพำแล้วพยายามเดินหนี แต่ถูกมือเล็กกอดเอาไว้แน่น
“ไม่เอา อย่าไป อย่าทิ้งเรา” ตอนนี้ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะหันไปสบตาของบุคคลที่อยู่ด้านหลัง
“ฟีฟี่” เสียงเรียกของพ่อ
“ไปมอบตัวเลย แด๊ดรู้แน่ว่าไปชนกับอะไรมา” แม้แต่ฟ่ายังช่วยไม่ได้
“ฟ่า ~” เสียงร้องราวกับจะขาดใจ เมื่อถูกฟีฟ่าแกะมือที่กอดแขนอยู่ออกแล้วอุ้มตรงไปหาพ่อที่ยืนอยู่
“....” นัยน์ตาคมจ้องมองลูกสาวของตัวเอง ข้างหน้าก็พ่อ ข้างหลังก็ฟ่า ไม่มีทางหนีเลย
ตุบ! ร่างบางทิ้งตัวนั่งคุกเข่ากับพื้น
“ลูคัสกวนประสาทฟี่ ตั้งใจขับรถปาดหน้าแล้วยังจี้ท้ายด้วย ฟี่ก็เลยชน” คำสารภาพความจริงออกจากปากไปในที่สุด
“คัสไม่ได้ไปญี่ปุ่นเหรอ” ฟ่าถามกลับด้วยความสงสัย
ลูคัสเป็นหนึ่งในทายาทของตระกูลมัสชิโม่ ทางนั้นมีฝาแฝดชายสามคน และลูกสาวอีกหนึ่ง ถูกแบ่งดูแลปกครองระหว่างมัสชิโม่กับแอซเซอร์ เหมือนที่ฉันกับฟ่าที่เป็นทายาทของอาร์เดรียโน่
“ได้ยินว่ากลับมาแล้ว” พ่อเป็นคนตอบคำถาม สายตาก็ยังคงก้มมองฉันที่นั่งคุกเข่าอยู่
“ดวงซวยมาก หายหัวไปเป็นอาทิตย์ยังมาเจอบนถนนอีก” เสียงเล็กบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด
“ถ้าใช้คำว่าดวงซวย คงเป็นมาตั้งแต่เกิด” เสียงฟ่าเหมือนพยายามกลั้นขำ
“ลุกขึ้นได้แล้วฟี่ นั่งแบบนี้เดี๋ยวแม่มาเห็นก็ดุพ่ออีก” ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ฉันก็ยันตัวลุกขึ้นยืนทันที แล้วตรงเข้าไปกอดแขนพ่อไว้แน่น
“พ่อขา ~ คัสกวนประสาทฟี่จริง ๆ นะ”
“ก็เห็นทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็ก” พ่อใช้มือลูบหัว แล้วพาเดินเข้าไปภายในห้องทำงาน ไม่โดนดุเรื่องรถแฮะ
“แล้วแด๊ดจะต้องตอบคำถามของลุงมาร์ชินหรือเปล่าเนี่ย รถยับคันที่...ห้า” ฟ่าถามด้วยความสงสัย
“ทางนั้นโทร. มาขอโทษก่อนต่างหาก เลยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บวกกับเห็นสภาพรถที่แอบจอดทิ้งเอาไว้นอกบ้านพอดี”
“ขอโทษเนี่ยนะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าอย่างหมอนั่นจะบอกให้พ่อตัวเองมาขอโทษ” ก็ทั้งหมดมันเริ่มจากทางนั้นก่อน
“เราก็มีส่วนผิดเหมือนกัน ดีที่รถคันอื่นไม่โดนไปด้วย” พ่อเอ่ยปากดุ
“ถ้าเป็นแบบนั้น ฟี่จะรับผิดชอบพวกเขาเอง”
“ถูก ทั้งสองคนต้องรับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้ว” พ่อลูบหัวฉันด้วยความเอ็นดู
“น้าคินกับแม่สอนเสมอว่าถ้ากล้ามีปัญหาต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบ ประเมินแล้วว่าจัดการได้ ก็ลุยเลย” ฉันยืดอกพูดอย่างมั่นใจ หันไปยักคิ้วส่งให้ฟ่า เราทั้งคู่ถูกสั่งสอนมาอย่างดี
“สองพี่น้องนี่สอนหลานดีจริง...เล่าทุกอย่างให้พ่อฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
(คืนก่อนหน้า)
รถแอสตันมาร์ตินสีดำวิ่งผ่านรถร่วมถนนไปด้วยความเร็ว ทันทีที่จัดการเรื่องที่ญี่ปุ่นเรียบร้อยเขาก็เดินทางกลับอิตาลีทันที บางสิ่งบางอย่างก็ต้องลงมือจัดการด้วยตัวเอง ซึ่งทำเพราะจำเป็นต้องทำก็แค่นั้น
“รถฟี่นี่หว่า” เสียงลูก้าที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับดังขึ้น นัยน์ตาคมมองไปยังรถมาเซราติสีขาวที่อยู่ด้านหน้า ทะเบียนรถที่จดจำได้ดี จำเพราะเห็นบ่อยไม่ใช่เพราะอยากจำ
“เกะกะถนน” เท้าแตะคันเร่งเปลี่ยนเลนขึ้นแซง แล้วหักเลี้ยวพวงมาลัยปาดหน้า ด้วยความตั้งใจ
ปริ้น!!!
เสียงแตรจากรถคันหลังดังลั่น
“มึงว่าฟี่กำลังพูดอะไร” ลูก้าถามขึ้น มันไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร เพราะนี่คือเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างเขาและยายนั่น
“ไอ้ถ่อย”
เสียงทุ้มตอบกลับ เขาผ่อนคันเร่งลงให้คันหลังจี้ตูดอย่างตั้งใจกวนประสาท นัยน์ตาคมมองผ่านกระจกไปยังรถที่ตามมา
(ภายในรถของฟี่)
ภายในรถมาเซราติสีขาว หญิงสาวมองรถคันหน้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิด แค่เห็นเงารถก็รู้ว่าเป็นใคร ยิ่งการขับรถแบบไม่น่ามีชีวิตมาจนทุกวันนี้ได้ด้วยแล้ว เธอยิ่งจำมันได้ขึ้นใจ
“ไอ้ถ่อยเอ๊ย...”
ปริ้น!!
เสียงแตรรถดังขึ้นอีกครั้งเมื่อฉันหักเลี้ยวเปลี่ยนเลน แต่รถคันข้างหน้าก็ปาดเข้ามาดักไว้
มือเล็กเอื้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. ออกหาใครบางคน ดวงตาเพ่งมองเงาฝั่งเบาะข้างคนขับ คนที่จะอยู่กับหมอนั่นได้ก็มีแค่....
(ฮัลโหล) เสียงทุ้มปลายสายของลูก้าดังขึ้น
“ถามแฝดก้าให้หน่อยว่าใช้หัวแม่เท้าสอบใบขับขี่มาหรือไง! ไอ้ถ่อย!”
(ด่าไอ้ถ่อยจริงด้วยว่ะคัส ฮ่าฮ่า) เสียงลูก้าหัวเราะดังลั่น
“บอกคนขับด้วย ถ้าอยากตายก็เชิญดิ่งลงข้างทางไปได้เลย อยู่ไปก็รกพื้นที่โลกมานานพอแล้ว”