LOGINไอญดาและนานิสองสาวเพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมต้น กำลังนั่งคุยเล่นที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึกคณะระหว่างรอเข้าเรียนในภาคเช้า ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสเจ้าของเรือนผมสีดำขลับยาวสลวยก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกจ้องมองจากตึกตรงข้ามหรือตึกคณะวิศวะที่อยู่ห่างกับตึกมนุษย์เพียงแค่ลานเกียร์กั้นอยู่ตรงกลาง
“นานิๆ เราว่าพี่ไนท์อะไรนั้นกำลังมองเราอยู่” ไอญดาสะกิดบอกเพื่อนสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นหรือนานิที่นั่งถัดจากเธอ
“ที่ร้านกาแฟพี่เขาก็มองไอตาไม่กระพริบเลย”
“ไหนพี่เขาบอกว่าไม่เป็นไรไง แล้วทำไมถึงมองเราแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกันอ่ะ” ไอญดาว่าอย่างคนคิดไม่ตก
วันนั้นทั้งเธอและเขาต่างฝ่ายต่างเดินชนกัน แต่โชคร้ายที่มีแค่เขาคนเดียวที่ซวยโดนนมชมพูเครื่องดื่มโปรดของเธอหกใส่เลอะทั้งเสื้อช็อปและเสื้อยืดตัวข้างใน ซึ่งตอนนั้นไอญดาตกใจมากเพราะคิดว่าต้องโดนคนหน้าดุแน่ๆ ทว่าเขากลับบอกเพียงว่าไม่เป็นไร แถมตอนเย็นวันนั้นยังส่งข้อความผ่านทางโซเซียลมาขอโทษอีกด้วย เธอจึงคิดว่าเลิกแล้วต่อกันไปแล้ว
ทว่า….หลังจากวันนั้น อยู่ๆ โลกของเธอกับเขาก็เหวี่ยงเข้าหากันจนน่าแปลกใจ จากที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน กลับได้เจอกันแทบจะทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านกาแฟหรือตอนนี้ที่หน้าตึก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเห็นเขาที่หน้าตึกคณะวิศวะกรรมด้วยซ้ำ มีแค่เคยเห็นผ่านๆ ในเพจคนดังของมหาลัย
“หรือพี่เขาจะสนใจไอ?”
“เป็นไปไม่ได้แน่นอน ทำน้ำหวานหกเลอะเต็มเสื้อเขาขนาดนั้น เฟิร์สอิมเพรสชั่นติดลบสุดๆ” ไอญดาตอบยิ้มๆ อย่างไม่จริงจังหนัก และไม่คิดว่าสายตาดุๆ คู่นั้นจะมองเพราะสนใจเธอในเชิงชู้สาวอย่างที่นานิคิดแม้แต่นิด
อีกด้าน
“จ้องขนาดนั้นเขากลัวมึงแล้วป่ะ” เรนจิทรุดตัวนั่งเก้าอี้ตัวถัดจากไนท์หลังจากไปสูบบุหรี่ที่หลังตึกคณะมา เห็นเพื่อนมองไปที่ตึกตรงข้ามตาไม่กระพริบจึงเอ่ยปากเตือน ขืนจ้องแบบนี้ผู้หญิงเขาอาจจะกลัวเอาได้ เพราะด้วยสายตาดุๆ และรูปลักษณ์ภายนอกของไนท์ มันดูเป็นมิตรยาก “เหล้าไม่เข้าปากความแพรวพราวเรื่องผู้หญิงไม่ได้เรื่องห่าเหวอะไรเลยนะมึง”
“จิ๊! บ่นเก่งไอสัด! แล้วไอ้สองคนนั้นล่ะ” เมื่อโดนจี้จุด ไนท์จิ๊ปากอย่างขัดใจแล้วเฉไฉถามหาอีกสองหนุ่มในกลุ่มที่หายไปสูบบุหรี่พร้อมกับเรนจิ
“สูบบุหรี่อยู่หลังตึก”
“กะจะสูบกันให้ตายเป็นมะเร็งวันนี้เลย?” หายกันไปนานสองนาน คงสูบบุหรี่หมดซองกันแล้วมั้ง หรือไปทำอย่างอื่นกันมากกว่า
“พวกมันพึ่งมาสูบ หายไปเต๊าะสาวที่ตึกสถาปัตย์มา”
“ลงทุนชิบหาย กะจะเดินสายกันให้ทั่วมหาลัยเลยว่างั้น”
“หึๆ มึงยังไม่ชินอีกเหรอ”
“…” ไนท์ส่ายหัวเหนื่อยหน่ายกับนิสัยที่ชอบจีบสาวไปทั่วของชินกับเดย์ ขนาดลงทุนเดินไปตึกสถาปัตกรรมที่ตั้งอยู่ข้างหลังตึกวิศวะ แต่มันห่างกันเอาเรื่อง ต้องเดินฝ่าแดดไปอีก5นาทีได้
“ว่าแต่มึงเถอะ เอาแต่มองแบบนี้ไม่ได้แดกหรอกนะ นี้ไม่ใช่ผับที่จะมองแล้วพอเขามองกลับจะส่งสายตาเชิญชวนแล้วพากันไปเย็ (บ) ”
“กูก็ไม่ได้จะพาเขาไปเย็ (บ) ”
“สาบาน ว่าถ้าเขาให้ มึงจะไม่เอา”
“ไอ้ห่าเรน มึงรู้ว่ากูหมายถึงอะไร” ไนท์เริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อเรนจิตีซื่อกวนตีนใส่ทำเป็นไม่เข้าใจว่าเขาไม่ได้มองเธอคนนี้เหมือนส่งสายตาเชิญชวนคอนเจอผู้ถูกใจในผับ
“หึๆ ชอบก็จีบเขาซะ นั่งมองตาละห้อยเป็นหมาแบบนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรมึงเลย ดีไม่ดีเขาอาจจะกลัวมึงด้วยซ้ำ ทำตัวเป็นโรคจิตนั่งจ้องเขาไม่พอ ยังตามเขาไปที่ร้านกาแฟทุกวันอีก น่ากลัวฉิบหาย”
“กูทักเขาไปในไอจีแล้ว”
“เขาไม่ตอบ?” เรนจิเลิกคิ้วถาม
“ตอบ แต่ไม่ได้คุยต่อ” ไนท์ตอบเสียงเบา เขาอายที่ต้องเล่าให้เรนจิฟัง แต่อีกใจก็อยากได้ที่ปรึกษา
“มึงทักไปว่าไง” ส่วนเรนจิยิ่งฟังเพื่อนเล่าก็ยิ่งงงไปใหญ่ ก็มีเหรอถ้าไนท์ทักไปในเชิงจีบแล้วผู้หญิงคนนั้นจะไม่กระตือรือร้นตอบ เรนจิจึงแปลกใจว่าทำไมไนท์ถึงไม่คุยกับไอญดาต่อ แต่พอได้ยินคำตอบจากปากเพื่อน เรนจิก็เข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่างทันทีและอยากจะทึ้งหัวไอคนหน้านิ่งสักทีหนึ่ง
“ขอโทษที่เดินชน” ในขณะที่ไนท์เล่านั้นเรนจิก็กำลังด่าในใจ
“แล้วเขาตอบมึงว่า?” เรนยังถามต่อทั้งๆ ที่พอเดาบทสนทนาคร่าวๆ ได้แล้ว แค่อยากได้ยินความควายของเพื่อนชัดๆ อีกที
“ไม่เป็นไร”
“แล้วมึงก็ตอบว่า ครับ”
“อืม”
“เออดี!! ควายดี!! ทักไปแบบนั้นชาติหน้าเขาก็ไม่รู้หรอกว่ามึงจีบเขา” ไนท์นั่งเงียบน้อมรับคำด่าของเรนจิแต่โดยดี เพราะเขารู้ตัวจีบผู้หญิงไม่เป็นจริงๆ
มันเหมือนยิ่งชอบมากก็ยิ่งไม่กล้าจีบ
“สกิลจีบหญิงมึงแม่งห่วยแตกฉิบหาย กูว่า..ถึงเวลาที่มึงจะเรียนรู้จากพี่มึงบ้างแล้ว”
“ไม่มีทาง! กูไม่อยากหน้าม่อเหมือนมัน…โอ๊ย!”
หลายวันต่อมา….ไนท์กลับเข้าห้องมาหลังจากลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสส่วนกลางของคอนโดหนึ่งชั่วโมงเต็มๆปกติไนท์จะออกกำลังกายกับเดย์ที่คอนโดของทั้งสอง แต่หลังจากไนท์คบกับไอญดาชายหนุ่มก็มาค้างที่คอนโดแฟนสาวเสียส่วนใหญ่ เลยถือโอกาสใช้ฟิตเนสส่วนกลางที่นี่เสียเลย โดยไม่ต้องลำบากขับรถกลับคอนโดตัวเองเพียงเพราะไปออกกำลังกายให้เสียเวลาเดินทางร่างสูงเดินเข้ามาสวมกอดจากข้างแฟนสาวที่ยืนหันหลังให้อยู่ในตรงไอส์แลนด์ห้องครัว ก่อนกดจมูกโด่งหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่เป็นการทักทาย“อุ๊ย!”“พี่ทำให้เราตกใจเหรอ” เลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจเมื่อคนในอ้อมกอดสะดุ้งตัวโหยงอย่างตกใจเขาคิดว่าเธอได้ยินเสียงประตูแล้วเสียอีก เลยเดินเข้ามากอดหอมโดยไม่ได้พูดทักทายก่อน“นิดหน่อยค่ะ” ไอญดาเอียงหน้าตอบ“เป็นอะไรรึเปล่า เห็นเหม่อๆ ใจลอยๆ คิดอะไรอยู่เหรอ?” ไนท์จับคนตัวเล็กหมุนมาเผชิญหน้าจึงเห็นว่าไอญดาดูไม่ค่อยสดใสเช่นปกติ“เปล่าค่ะ ไอก็แค่..คิดเรื่องสอบควิซพรุ่งนี้นะคะ” ไอญดาตอบติดตะกุกตะกักตอนต้นประโยค ก่อนฉีกยิ้มหวานให้ไนท์แล้วยกมือเช็ดเหงื่อเม็ดเล็กตามขมับให้“ติดตรงไหนรึเปล่า เอามาให้ดูได้นะ เผื่อพี่อาจจะช่วยดูให้ได้” ถ้าเรื่องภ
ไนท์กดริมฝีปากพรมจูบตามลาดบ่า แอ้งคอ ก่อนจะขบเม้มเนื่ออ่อนตามลำคอพร้อมส่งลิ้นสากไล้เลียตามผิวขาวเนียน ต่ำลงมาที่เนินอก ก็เริ่มรู้สึกถึงอาการเกร็งของร่างมากขึ้นเรื่อย แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยปากห้าม“ทำต้องฝืนตัวเองด้วย”“....” ไอญดาลืมตาขึ้นมาสบตาไนท์ด้วยความรู้สึกผิด“ไม่พร้อมก็คือไม่พร้อม ทำไมต้องฝืนตัวเองด้วย พี่ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย บอกแล้วไงว่ารอได้ แต่มันก็มีหลุดๆ บ้าง คราวหลังถ้ายังไม่พร้อมก็ถีบได้เลย”“ไอขอโทษนะคะ”“ขอโทษทำไม เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ ขอโทษที่หื่นเกินไป”“....”“ไม่ต้องคิดมากนะ พี่รอได้จริงๆ” ไนท์บอกแล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะช่วยจัดแจงเสื้อผ้าคนตัวเล็กให้กลับมาเหมือนเดิมแล้วตลบผ้าห่มคลุมให้ “พี่ขอตัวไปจัดการตัวเองในห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะ”“เอ่อ ค่ะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจัดการตัวเองของไนท์หมายถึงอะไร นัวกันมาขนาดนี้แล้วเขาก็คงมีอารมณ์ไม่น้อยเพราะไอ้ความแข็งขืนมันขูดกับขาเธอไปหมาดๆ แล้วผงาดพร้อมใช้งานขนาดนี้แล้วถ้าไม่ได้ปลดปล่อยเขาคงไม่สบายตัว“ไอนอนเลยนะ ไม่ต้องรอพี่” เพราะเขาคงต้องใช้เวลาสักพักในห้องน้ำ ไข่แข็งตึงเปรี๊ยะจนไม่มีรอยย่นรอบเดียวไม่น่าจะ
จุ๊ฟ! จุ๊ฟ!ทันทีที่ประตูเปิดออกไอญดาก็ถูกจู่โจมด้วยจูบหนักๆ หลายที จนคนถูกจูบต้องเบี่ยงหน้าหนี แล้วถามที่มาของจูบพวกนั้น “หือ? ทำไมอยู่ๆ ถึงมาขโมยจูบกันปุ๊บปั๊บคะเนี่ย”“คิดถึงครับ” ไนท์โอบล้อมเอวเล็กแล้วบอกคิดถึงพร้อมรอยยิ้มบาง“คิดถึงแล้วทำไมมาสาย” สายเป็นชั่วโมงเลย ไอญดายู่ปากต่อว่าไม่จริงจังนัก“ไอ้ดำมันดื้อนิดหน่อย” เอาไอ้เจ้าบิ๊กไบค์คันโตมาอ้างเพราะไม่อยากบอกเธอว่าจริงๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา“แล้วพี่ไนท์กลับยังไง เอาน้องไปซ่อมรึยัง” ไอญดาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย“ควบมันมานั่นแหละ ไม่ได้เอาไปซ่อม ซ่อมเอง ลองถอดนั่นเสียบนี่ มันก็ดีเอง” ไนท์ตอบติดตะกุกตะกักนิดหน่อย เขาไม่ชินกับการโกหกสมองเลยคิดไม่ค่อยทัน“ซ่อมเองแน่นะคะ” เอียงคอถามอย่างไม่เชื่อ“ดูถูกหนุ่มวิศวะเหรอ” บอกแล้วปล่อยมือข้างหนึ่งที่โอบเอวเธอมาบีบจมูกเล็กอย่างมันเขี้ยวที่หรี่ตาลงจับผิดเขา“พี่ไนท์เรียนโยธานะ ไม่ใช่เครื่องยนต์”“รู้ทันอีก แต่ซ่อมเองจริงๆ มันเป็นแบบนี้บ่อยแล้ว คิดจะขับพวกนี้ต้องมีสะกิลช่างติดตัวบ้าง” อันนี้ความจริงไม่ได้โกหก เขาซ่อมได้จริงๆ แต่แค่พื้นฐาน ถ้าต้องเปลี่ยนอะไหล่จริงจังเลยไม่ได้ เพราะเรียนการโคร
หลายวันต่อมา….กริ๊งๆ!!เสียงออดหน้าห้องดังไอญดาจึงลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม เธอมีนัดดูหนังกับไนท์เย็นนี้ แต่ไม่ได้เป็นการไปดูหนังที่โรงหนัง แค่นั่งดูกันที่ห้องแล้วก็สั่งข้าวเย็นมากินด้วยกันอยู่ๆ กิจกรรมนี้ก็กลายเป็นกิจกรรมวัตรประจำวันของเธอกับเขา นอกเหนือจากนี้ก็มีไปทานข้าวข้างนอกกันบ้าง หาร้านกาแฟใหม่ๆ ชิมบ้าง แล้ววันศุกร์หรือเสาร์ไนท์ก็จะออกเที่ยว ถ้าไม่เที่ยวก็มาคลุกตัวอยู่กับแฟนสาวแกร๊ก!!พอเปิดประตูออกมารอยยิ้มหวานค้างตึงก่อนจะหุบยิ้มฉับเมื่อคนที่มากดกริ่งไม่ใช่ไนท์แต่เป็นคนที่เธอไม่คาดคิดว่าจะเจอที่หน้าห้องตัวเองอีกพึ่บ!“พี่เดย์!” ไอญดาเรียกชื่อเดย์ด้วยความตกใจเมื่อเปิดประตูออกป๊บเดย์ก็โผล่เข้ากอดเธอปั๊บ แถมยังกอดรัดเธอจนเธอแทบจะขยับตัวไม่ได้“พี่คิดถึงไอ” เดย์พึมพำบอกเสียงเบา ก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่กว่าเดิม เมื่อคนในอ้อมกอดดิ้นคลุกคลักและพยายามดันตัวเขาออก“พี่เดย์ไม่มีสิทธิ์มากอดไอแบบนี้นะ ปล่อยไอเดี๋ยวนี้เลย”เดย์ส่ายหัวปฏิเสธอย่างดื้อรั้น ก่อนพร่ำคำขอร้องอ้อนวอน “กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมไอ กลับมารักพี่เหมือนเมื่อก่อนได้ไหม ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวอีกครั้งนะไ
“หอบหน้าเซ็งมาอีกละ” ชินบ่นกับเรนจิเมื่อมาถึงห้องเรียนแล้วเห็นเดย์นั่งซึมรออยู่ก่อนแล้ว“อืม วันนี้แย่กว่าคืนนั้นนะ” แย่ลงทุกวัน“สภาพ! ไม่ตายก็ใกล้ตาย” ตรอมใจตาย“แล้วมันไม่ปรึกษามึงอ่ะ”“เหอะ ถามเหี้ยอะไรก็ไม่ตอบ” อยู่ๆ เดย์ก็กลายเป็นคนพูดน้อยเหมือนไนท์ ถามอะไรก็ไม่ค่อยจะตอบ เริ่มเก็บตัว ไม่รู้เลยว่าเพื่อนเป็นห่วง ถึงจะแอบบ่นแอบด่า แต่จริงๆ แล้วเป็นห่วง คอยสังเกตอาการเพื่อนตลอด “ไม่รู้วันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมามันไปทำอะไร ทำไมมันดูซึมยิ่งกว่าเดิมอีกวะ”“....” เรนจิส่ายหัวตอบเพราะเขาเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเขายุ่งๆ กับที่บ้าน“พวกมึงมาซุบซิบอะไรกันตรงนี้ มาถึงแล้วเข้าห้องอ่ะ” สองคนที่กำลังสุมหัวกันอยู่ผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงผู้มาใหม่ทักใกล้ๆ“ไอสัดมาเงียบๆ กูตกใจหมด” ชินลูบที่หน้าอกตัวเองอย่างคนขวัญอ่อน“แล้วกูต้องแหกปากมารึไง”“ทำไมพึ่งมา” เรนจิขัดขึ้นมาเพื่อห้ามศึกน้ำลาย และก็แปลกใจที่ไนท์มาทีหลังพวกเขาตั้งนานเพราะปกติไนท์จะมาก่อนเสมอ“ก็แวะซื้อกาแฟให้พวก มึง มึง มึง แดกไงครับ”“ใจดีแปลกๆ” ชินรับแก้วกาแฟเย็นไปถือหรี่ตาลงต่ำอย่างจับผิดไนท์ วันนี้พวกเขาไม่ได้ขอนะ แต่เพื่อนซื้อมาให้
หลายวันต่อไป….เสาร์-อาทิตย์นี้ไอญดาไม่ได้กลับบ้านเนื่องจากพ่อต้องไปประชุมที่สิงคโปรแม่เธอเลยตามไปดูแลด้วย ส่วนไนท์กลับไปทำธุระที่บ้านเดี๋ยวตอนเย็นกลับมา ตอนเที่ยงเธอเลยออกมาหาทานเอง พอทานเสร็จก็ขับรถตรงมาซอยหลังมหาลัย เพื่อแวะมาซื้อน้ำหวานกับขนมเค้กเอากลับไปทานที่ห้องร้านกาแฟแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มาก คนไม่เยอะเท่าหน้ามหาลัย แถวนี้ไม่ใช่ทำเลทอง ทว่ายังมีคนเวียนเข้าออกร้านอยู่ตลอด ส่วนใหญ่น่าจะลูกค้าประจำ ใครลองขนมที่นี่แล้วต้องติดใจ เพราะเจ้าของร้านใส่ใจคุณภาพและรสชาติมาก เธอเองก็ติดใจเค้กที่นี่จนต้องกลับมาซื้อนับครั้งไม่ได้ มีแต่ช่วงหลังที่หายไปเพราะที่นี่เคยเป็นร้านประจำของเธอกับเดย์หลังเลิกกันใหม่ๆ เธอไม่กล้ามาที่นี่เลย กลัวมันไปสะกิดแผลที่ใจ แต่ตอนนี้ไม่ได้รู้แบบนั้นแล้ว คิดว่าเธอคงก้าวผ่านจุดนั้นมาแล้ว เลยไม่รู้สึกอะไรที่จะมาเห็นบรรยากาศเก่าๆ ความทรงจำเดิมที่เคยมีร่วมอดีตแฟนหนุ่มเพราะมันก็แค่อดีต“น้องครับแฟนน้องทำกระเป๋าตังหล่นเอาไว้ที่นี่เมื่อก่อนเที่ยงน่ะ พี่ลองพิมพ์ไปหาเขาผ่านโซเซียลแล้วแต่เขาไม่ตอบ โชคดีจังที่น้องมาพอดีเลย”“อ่อ ขอบคุณนะคะ” ไอญดารับกระเป๋าสตางค์หนังสีดำมาถือไว้







