“ทำไงได้ ผมอยากอยู่กับคุณวุ้นนานๆ นี่นา”
ตาคมที่มองมาทำให้เธออึดอัด ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เป็นความรู้สึกหวาดหวั่น ใจสั่นจนผิดปกติ
อีกฝ่ายออกรถแล้ว ทว่าพนิดาไม่อยากให้เขาไปส่งไกลถึงบ้านเธอเลยจริงๆ หญิงสาวนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งถึงจุดที่คุ้นตาและมีทางเลี้ยวเธอก็บอกชายหนุ่ม
“ซันเลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้าจ้ะ”
“ทำไมเข้าซอยล่ะครับ”
“ไปคอนโดพี่”
“ครับ?”
เสียงทุ้มกึ่งอุทานกึ่งงุนงง ทว่าเขาก็เลี้ยวรถตามที่หญิงสาวบอก
“คอนโดข้างหน้านี่แหละจ้ะ”
พนิดาบอกเสียงเรียบก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋าออกมาโทรหาอนงค์นาง
“อนงค์ วุ้นจะบอกที่บ้านว่าพักที่คอนโดกับอนงค์นะ”
‘อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ ขับรถไม่ไหวเหรอ’
“อืม ดื่มเยอะเหมือนกันก็เลยไม่อยากขับน่ะ”
‘โธ่ งั้นน่าจะบอกแต่แรก จะได้อยู่ด้วย กลับวันเสาร์ตอนเช้าๆ ก็ยังได้ หนูนิดกับพ่อเขาตื่นสาย’
“เพิ่งขี้เกียจตอนขับออกมาแล้วนี่แหละ ยังไงวุ้นก็พักคอนโดอยู่แล้ว ไม่ได้ไปไหนต่อ แค่ไม่อยากให้คุณพ่อห่วง เลยต้องอ้างชื่ออนงค์น่ะ”
‘จ้า ถึงห้องแล้วบอกด้วยนะจ๊ะ’
“จ้ะ”
หลังจากวางสายพนิดาก็บอกทางขึ้นลานจอดรถกับภาสกรและให้ชายหนุ่มขับไปจอดในพื้นที่ของตนเองแล้วเอ่ยขึ้น
“พี่ไม่อยากให้ซันต้องไปส่งไกล ก็เลยคิดว่าพักที่คอนโดนี่แหละ ซันจะได้กลับง่ายๆ”
“คุณวุ้นมีคอนโดแถวที่ทำงานด้วยเหรอครับ”
“จ้ะ แต่ไม่ค่อยได้พักหรอก ความจริงซื้อไว้กะจะให้เขาเช่า พอดีวินเขาขอซื้ออีกที่ต่อไปแล้ว ก็เลยไม่ปล่อยเช่าที่นี่”
เธอเล่าไปโดยไม่ได้ใส่ใจนักขณะปลดเข็มขัดแล้วก้าวลงจากรถ ชายหนุ่มเองก็ตามลงมา
“มานี่สิจ๊ะ เดี๋ยวพี่พาไปส่งข้างล่าง ที่นี่เข้าออกลิฟต์ต้องใช้บัตร แล้วก็จำกัดเฉพาะชั้นด้วย”
มือบางจับข้อมือหนาให้เดินตามตนเองมาโดยไม่คิดมากนัก ไม่ทันรู้ตัวว่าสายตาคมมองมือเธอ แล้วเหลือบมองคนตัวเล็กที่เดินนำเขาเข้าลิฟต์
“คุณวุ้นครับ”
“หืม?”
พนิดาหันมองอีกฝ่าย สบกับตาคู่คมแล้วก็ต้องรีบหลบมองไปทางอื่นเพราะแวววิบวับในนั้น พอรู้ตัวว่าจับมือเขาอยู่ก็รีบปล่อย ทว่าจะกดลิฟต์อีกฝ่ายก็จับมือเธอเอาไว้
“ผมเหงา”
ปากอิ่มเผยอค้างอีกครั้ง มึนงงกับสิ่งที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา แถมร่างสูงยังขยับมาใกล้จนเธอต้องถอยชิดผนังลิฟต์
“เอ่อ ซัน...”
“ขอขึ้นไปห้องคุณวุ้นด้วยคนนะครับ”
“ดะ...เดี๋ยวนะ...”
“นะครับ”
“พี่ว่าไม่ดี...”
มือเธอโดนจับขึ้นไปกุมด้วยมือหนาทั้งสองข้าง หน้าขาวคมหม่นลงพร้อมพูด
“ผมเหงาจริงๆ นะครับ คุณก็เห็นว่าผมไปเที่ยวทุกคืนวันศุกร์ แล้วที่ผมอาสาไปส่งคุณไกลๆ ก็เพื่อให้ตัวเองมีอะไรทำ ไม่ต้องกลับไปอยู่เหงาๆ ที่ห้อง อย่าทิ้งผมให้อยู่คนเดียวเลยนะครับคุณวุ้น”
“ทำไมเหรอ ซันมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
เมื่อยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้องแล้วพนิดาก็รู้สึกเหมือนเธอตัดสินใจพลาดอย่างไรชอบกล คนที่ทำหน้าตาน่าสงสารเมื่อครู่ดูไม่มีวี่แววของความหมองเศร้าแต่อย่างใด
“ซันดื่มน้ำส้มก็แล้วกันนะ จะได้สดชื่นขึ้น ถ้าอยากเข้าห้องน้ำก็ทางนั้นนะจ๊ะ”
เธอบอกพร้อมกับเดินไปทางห้องครัว ตั้งใจเลี่ยงอีกฝ่าย อยากใช้เวลาคิดสักหน่อย เพราะพอภาสกรเข้าใกล้แล้วเธอจะหัวโล่ง หรือไม่ก็มักจะคิดไม่ทันเขาบ่อยครั้ง
กลับมาอีกครั้งก็ไม่เห็นชายหนุ่มที่โซฟา พอกวาดตามองรอบจึงเห็นร่างสูงกำยำไปยืนอยู่ตรงระเบียง พนิดาวางน้ำส้มสองแก้วลงก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายออกไปแล้วเอ่ยถาม
“ว่าไงจ๊ะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เล่าให้พี่ฟังก็ได้นะ เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น”
ภาสกรหันกลับมา ทว่าไม่ทันตั้งตัวเขาก็คว้าเธอไปกอด พนิดาตัวแข็ง ใบหน้าอีกฝ่ายซบลงแนบบ่าเธอ แต่เพราะรู้ว่าไม่ควรเธอจึงทักท้วง
“เอ่อ ซัน...”
“ผมอยากกอดคุณวุ้น อยากกอดตั้งแต่ที่ร้านนั่นแล้ว”
“ทำไมต้องกอดล่ะ”
แม้ถามเสียงเกือบจะราบเรียบ หากความจริงภายในอกเธอสาวหวิวหวั่นอยากมาก ทว่าพนิดาพยายามระงับจิตใจของตนอย่างเต็มที่ เธอเป็นผู้ใหญ่กว่าอีกฝ่าย ต้องใจเย็น มีสติ ไม่อยากโวยวายต่อต้านให้ชายหนุ่มหงุดหงิดหรือโมโหขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรแปลกๆ หรือไม่ แม้ที่นี่จะเป็นห้องของเธอ แต่ชายหนุ่มแข็งแรงมากกว่า
หญิงสาวพยายามเตือนตัวเองว่าแค่กอด ไม่มีอะไรมาก อย่าเพิ่งวิตกจนเกินไป
“ไม่รู้สิครับ เห็นน้ำตาคุณวุ้นแล้วผมไม่อยากอยู่เฉยๆ คุณวุ้นร้องไห้ดูน่าทะนุถนอมน่าปลอบ”
“ตอนนี้พี่ไม่ร้องแล้วนี่”
“อืม...”
อีกฝ่ายเพียงแค่รับคำสั้นๆ แล้วสูดหายใจแนบบ่าของเธอ ทั้งที่เขาไม่ได้แตะโดนผิวทว่าพนิดาก็รู้สึกวูบวาบ มือบางยกขึ้นผลักร่างหนาเบาๆ พร้อมพยายามตะล่อม
“ซันปล่อยพี่ก่อนเถอะจ้ะ”
“คุณวุ้น...”
“จ๊ะ”
“ให้ผมอยู่ด้วยนะครับ”
“เอ่อ...”
“ผมอยากอยู่กับคุณ”
“มันไม่ดีมั้งจ๊ะ”
ทั้งที่ใจเต้นตึกตักและรู้สึกกลัวเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยขอสิ่งที่ล่อแหลมเกินเหตุ แต่พนิดาก็ยังกัดฟันแย้งเสียงเบา พยายามสงบจิตสงบใจที่สั่นไหวระคนหวาดผวาของตน
“ผมขาดความอบอุ่น”
ชายหนุ่มก็พูดในสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ คิ้วเรียวสวยขมวดด้วยความแปลกใจ
“คุณวุ้นทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น สบายใจ กอดแล้วอุ่นเหมือนกอดแม่ กลิ่นตัวหอมหวานละมุนๆ เหมือนกันเลย”
“หา?”
แขนกำยำกระชับยิ่งขึ้นราวต้องการยืนยันในสิ่งที่เขาบอก ขณะที่หญิงสาวชักสับสนขึ้นมาว่าตัวเองคิดมาก หวาดระแวงไปเองหรือเปล่า
“แม่ผมเสียตั้งแต่เด็ก ผมเป็นลูกเมียน้อย อยู่ในบ้านที่ไม่มีใครสนใจ ตอนป่วยก็ต้องหายาหาข้าวกินเอง นอนห่มผ้าห่มบางๆ ได้แต่ฝันถึงอ้อมกอดของแม่”
คนฟังใจหาย นึกสงสารชายหนุ่มจับใจ มือที่กำลังผลักอีกฝ่ายลดลง
“แม่เสียคืนวันศุกร์ ผมถึงไม่ชอบอยู่คนเดียวในทุกคืนวันศกร์”
ได้ยินแบบนี้ใจของพนิดาก็ห่อเหี่ยวจนสุดท้ายมือบางเริ่มขยับขึ้นไปโอบแผ่นหลังกว้างลูบเบาๆ
สัมผัสบนแผ่นหลังที่รับรู้ได้ทำให้ภาสกรยิ้มมุมปากพอใจ
=====
ระดับซันแล้ว ขอเข้าห้องได้ ยังขอกอดได้อีก ^-^
“อยากทำแบบนี้กับคุณวุ้นตั้งแต่วันที่แอบจูบแน่ะ”เสียงทุ้มดูสนุกตื่นเต้น ทว่าคนได้ยินอายจนตัวแทบม้วน“ใครจะยอม”“รู้ว่าวันนั้นไม่ยอม แต่วันนี้ยอมนะครับ”คุยไปด้วยมือหนาก็ดึงชายเสื้อที่อยู่ในขอบเอวกระโปรงหญิงสาวขึ้น สอดมือเข้ามาเคล้นคลึงอกอวบภายใน ปลุกเร้าอารมณ์สาวไปด้วยอย่างไม่ยอมเสียเวลา สะโพกสวยถูกบดเบียดรุมร้อน เร่งความปรารถนาให้กับคนทั้งคู่ พนิดารับรู้ถึงกายแกร่งชัดเจน“อื้อ ใจร้อนไปไหม เร็วจัง”“กับคุณวุ้นก็เร็วตลอดอยู่แล้วนี่ครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทั้งยังขยับสะโพกเข้าหาไม่หยุด กับพนิดาแล้วเขาไม่เคยรู้สึกตัวช้าเลย หากก็รั้งตัวเองให้เวลาหญิงสาวเสมอ“นะครับ ขอนะ”เสียงทุ้มครางพร่าชิดซอกคอนุ่มบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาถึงจุดที่ฝืนไม่ไหวแล้ว นอกจากเขาจะตั้งใจเร่งร้อนแล้วน้ำตาของหญิงสาวก็ทำให้เขายิ่งอยากกอดเธอ ภาสกรแพ้น้ำตาอีกฝ่ายเห็นเมื่อไรทนไม่ได้ทุกที อยากกอดอยากคลุกเคล้ากระโปรงบานพอดีเข่าไม่ยากที่จะรั้งขึ้นสูง มือหนาโลมเล้าผ่านผ้าเนื้อบางแนบสัดส่วนอ่อนไหว ปากก็เม้มผิวเนื้ออ่อนข้างลำคอ ได้ยินเจ้าของร่างบางหอบแรงและไม่มีเสียงห้ามปรามอีกแล้ว เขาจึงเดินหน้าดูแลให้ หญิงสาวพร้อมก้าวขั้นต่อไป ซ
1 ปีผ่านไป...ภาสกรไปส่งพนิดาทุกบ่ายวันเสาร์ตามคำสั่งของคุณไพศาลหลังจากหญิงสาวอยู่กับเขาที่คอนโดในคืนวันศุกร์ และอยู่กินข้าวเย็นที่นั่นทุกวัน ชายหนุ่มไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของบิดาหญิงสาวนัก หากท่านก็ยอมรับในตัวเขา เพราะถือว่าทำมาหากินดูแลตัวเองมาตั้งแต่เรียนจบ ค่อนข้างมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเป็นคนเก่งคนหนึ่ง โดยข้อนี้พศินกับพริษฐ์ยืนยันเสียงเดียวกัน ถือว่าอนาคตไกล ส่วนกับคุณดารณีนั้นท่านถูกใจ ชายหนุ่ม เพราะเขาเอาใจเก่งปากหวานกับท่านเหมือนกับพนิดา และเอาอกเอาใจท่านกับหญิงสาว ต่างจากคุณไพศาลที่ชายหนุ่มไม่เข้าหาหรือตีสนิท เขาวางตัวปกติ ตอบคำถามอย่างเป็นการเป็นงานข้อนี้พนิดาบอกกับมารดาว่าน่าจะเพราะภาสกรไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่อบอุ่นจากบิดาของเขา เขาอยู่กับมารดา เมื่อสูญเสียมารดาก็โหยหาความรักความทะนุถนอมอ่อนโยนแบบที่เคยได้รับ จึงชินกับการเข้าหาผู้หญิงและทำให้รักเอ็นดูตนเองมากกว่าผู้ชาย สังเกตได้จากที่ชายหนุ่มสนิทกับผู้หญิงหลายคนในที่ทำงาน รวมทั้งอนงค์นางกับนิอรด้วยตอนนี้ภาสกรมีคีย์การ์ดสำรองเข้าห้องของพนิดาได้โดยที่หญิงสาวไม่ต้องลงไปรับอีกแล้ว หลังจากล้างหน้าล้างตาก็มาหาเจ้าของร่าง
“อือ ซัน”เสียงหวานพึมพำเมื่อชายหนุ่มเร่งมือก่อนจะตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าเพียงเท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายปล่อยให้หน้าอกเธอเป็นอิสระ ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงเรื่อยไป หากก็ไม่ลืมพาเธอลงไปนอนแล้วเปิดเปลือยร่างงามไปด้วยเมื่อหญิงสาวไร้ซึ่งเสื้อผ้า เขาก็ปลดเปลื้องตนเองเช่นกันอย่างไม่ให้น้อยหน้า พาร่างสูงกำยำแทรกกลางเรียวขาสวย หากเมื่อเคลื่อนใบหน้าลงต่ำก็ได้ยินทักแผ่วหวิว“ซันจ๊ะ”พนิดาอายที่เขาจะทำแบบนี้กับเธออีก เพราะเวลานี้ร่างกายเธอตอบสนองว่าตนเองพร้อมแล้ว ทว่าชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมบอก“ผมอยากทำครับ”หน้าที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วของเธอร้อนราวกำลังไหม้เมื่อตามองใบหน้าขาวคมฝังลงกลางกาย สัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยน หากก็ประชิดทุกซอกมุมทำให้เธอเขินสุดขีด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายลิ้นร้อนชื้นกับปากอุ่นทำให้เธอรู้สึกดีอย่างเหลือแสน สุขสมเต็มอิ่มล้นอกภาสกรไล้ปากกับปลายลิ้นอย่างพึงพอใจ ความงามตรงหน้าเชิญชวนให้ลิ้มชิมไม่รู้เบื่อ ยิ่งเห็นสะโพกสวยขยับ เขาก็ยิ่งปรนเปรอหญิงสาว หากมือหนาก็ไม่ลืมเตรียมตนเองไปด้วย ใช่ว่าเขาไม่ลุกเพราะพนิดา แต่เพราะอยากตื่นตัวถึงขีดสุดเพื่อจัดเต็มในทันทีที่ชิดใกล้ต่างหาก แน่นอนว่าครั้งนี้เขา
พนิดาไม่ยอมให้ภาสกรอาบน้ำด้วยแม้เขาจะอ้อนแค่ไหนก็ตาม ขณะกินข้าวด้วยกันเจ้าตัวก็ส่งสายตาคมวาบหวามให้เธออย่างมีความนัยตลอดเวลาจนเธอต้องถอนหายใจให้รู้ว่าอ่อนใจกับเขาแค่ไหน ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะสลดกลับหัวเราะกรุ้มกริ่มในลำคอเสียอย่างนั้น“ซันล้างจานแล้วกันนะ”หญิงสาวบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ทั้งที่ปกติเธอจะช่วยเขา แม้ชายหนุ่มจะอาสาทำเองก็ตาม ทำเอาภาสกรได้แต่เกาหัว“สงสัยแสดงออกมากเกินไปแฮะเรา”หลังจากจัดการในครัวเรียบร้อย ภาสกรก็ไปยังห้องทำงานของพนิดาเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะอยู่ในนั้น ร่างสูงกำยำชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนหันหลังหาอะไรสักอย่างบนชั้นหนังสือขณะคุยโทรศัพท์“หึๆ ไม่ต้องอ้อนเลยอ้น ไม่ได้ผล”คิ้วเข้มขมวด พยายามตีความกับสิ่งที่ได้ยิน“ไม่...ไม่เล่า”พนิดาเสียงแข็งแต่ก็เจือความขำ“หาเอาเองสิจ๊ะ ผู้ชายแซบๆ น่ะ ไม่ได้เก็บได้ตามถนนสักหน่อย”ภาสกรเริ่มย่องเบาๆ เข้าไปใกล้ร่างบาง เหมือนเธอจะได้หนังสือเล่มที่ต้องการแล้ว“ไม่ให้ลูบ หวง...เด็กใครเด็กมัน วุ้นยังไม่สนใจจะยุ่งกับเด็กอ้นเลย”คราวนี้เขาหยุดไม่ห่างจากหญิงสาวนักแล้วเกาหัว“เดี๋ยวจะกระซิบบอกซันว่าเจอกันอ้นจะแอบลูบกล้าม เขาจะได้ร
“ตอนนี้มีแต่กลิ่นกับข้าวมั้งจ๊ะ”เธอแย้งเสียงเบาหวิวอารมณ์ใคร่ตีตื้นวนเวียนเพราะมืออีกฝ่ายไม่ได้อยู่นิ่ง“ไม่ครับ หอม”ชายหนุ่มย้ำแล้วจูบซ้ำมาอีก คลอเคลียปากกับจมูกจนผิวอ่อนเริ่มแดงเพราะไรเครา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มแล้วจูบแรงขึ้น ร่างบางสะดุ้งนิดๆ ขณะที่มือหนาไล้วนช่วงท้องน้อยไม่ห่าง“ซันจ๊ะ ขาวุ้น...”พนิดาชักจะยืนไม่ไหวแล้ว เธออ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว เมื่อบอกไปแล้วอีกฝ่ายก็ช้อนอุ้มเธอขึ้นพาเดินมายังโซฟา ทิ้งกระเป๋าเป้ของเขาไว้ที่พื้นหน้าประตูห้องอย่างนั้นชายหนุ่มวางคนตัวเล็กให้นั่งบนโซฟา ส่วนตนคุกเข่าข้างหนึ่งคร่อมข้างสะโพกสวยโน้มหน้าลงไปหาปากอิ่มแสนหวาน ขณะเดียวกันก็ถอดสูทของหญิงสาวออก ลูบผะแผ่วไปบนบ่าบอบบาง ทรวงอวบงดงาม หน้าท้องขาวผ่องแล้วกลับมากอบกุมบีบกระชับหน้าอกหน้าใจที่เสื้อตัวสั้นลูกไม้สีขาวโอบอยู่ สิ่งที่รับรู้ทำให้ภาสกรถอนจูบ ตาคมหลุบลงมองแฟชั่นแสนเซ็กซี่ของคนรักแล้วยิ้มมุมปาก มีเสื้อสูทคลุมก็ดูเรียบร้อยดี ใครจะไปคิดว่าด้านในจะทั้งหวานทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้ เขารู้มาบ้างว่าบางครั้งสาวๆ ก็ใส่เพียงเสื้อชั้นในด้านในสูท ทว่าผิวขาวนวลกับเสื้อลูกไม้ขาวตัวสั้นบนเรือนร่างงามลออของพนิดาก็เห
ร่างสูงกำยำที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหน้าประตูแผนกทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาเห็นรีบเดินเข้าไปตบไหล่หนา“เฮ้ย มาทำอะไรถึงนี่ หรือมาหาเพื่อนกินข้าว”จักรินทร์ถามเจ้าตัวก็หันมายกมือไหว้เขา“พี่โจ๊ก สวัสดีครับ”ภาสกรทักทาย ขณะนั้นหลายคนในแผนกเริ่มออกมาแล้วมองเขาอย่างสนใจและทักเช่นกัน เพราะไม่ได้เห็นหน้าเท่าไรนัก รวมทั้งญาดาด้วย“ว่าแต่ ทำไมหน้าเหมือนไปกินยำตีนมาวะ”คนถูกถามยิ้มขื่น ญาดาซึ่งเดินมาใกล้จึงเอ่ยแทน“ซันมันไปสะดุดตอใหญ่มาก”“สะดุดตอก็น่าจะล้ม ทำไมไม่หัวแตก แต่ดันปากแตกหน้าช้ำ”จักรินทร์ยิ่งสงสัย หลายคนขมวดคิ้วไปตามๆ กัน“นั่นสิคะพี่พริก”นัชชาสาวกราฟิกคนสนิทของญาดาพูดพร้อมพยักหน้า“น่า บอกว่าสะดุดตอก็สะดุดตอสิ แล้วนี่...อย่าบอกนะว่ามา...”ดวงตาคู่กลมโตของญาดาเหลือบเข้าไปข้างในแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ภาสกรยกยิ้มมุมปาก ทำเอาคนอื่นยิ่งสงสัย แล้วสามสาวเพื่อนซี้รุ่นใหญ่ในแผนกก็ออกมาพอดี“มายืนมุงอะไรกันตรงนี้จ๊ะ ไม่รีบไปกินข้าวเหรอ”เสียงอนงค์นางดังขึ้นทำให้หลายคนเริ่มขยับตัว ทว่าเมื่อปรากฏร่างสูงกำยำท่ามกลางผู้คนหญิงสาวก็ถอนหายใจ ทว่าเสียงที่ทักขึ้นเป็นนิอร“แหม มารอเร็วจังนะพ่อคุณ”