เสียงมือถือของพนิดาแว่วขึ้นเบาๆ ร่างบางจึงขยับตัวเล็กน้อย
“มีคนโทรมา สงสัยคุณพ่อน่ะ”
ชายหนุ่มยอมปล่อยโดยง่ายเมื่อเธอเอ่ยถึงบิดา หญิงสาวรีบเลี่ยงอีกฝ่ายหันหลังกลับเข้าไปในห้องรับแขกโดยไม่มองหน้าเขา กลัวสีหน้ากับแววตาของตัวเองจะทำให้ภาสกรรู้สึกแย่ เพราะสงสารอีกชายหนุ่มจนไม่อาจเอ่ยปากบอกให้เขากลับไปได้ ขณะที่สมองบอกว่าการอยู่ในห้องกันสองต่อสองกับผู้ชายในเวลากลางคืนมันอันตราย
แม้ผู้ชายคนนั้นจะอายุน้อยกว่าเธอเจ็ดปีก็ตาม
เมื่อหยิบมือถือในกระเป๋าแล้วก็เห็นว่าเป็นสายของบิดาจริง หญิงสาวก็รีบรับทันที
“ค่ะคุณพ่อ”
‘หนูกลับหรือยังวุ้น กินเลี้ยงกันเสร็จหรือยัง เห็นว่าเลี้ยงใกล้ๆ ที่ทำงาน เดี๋ยวจะดึกไปนะลูก พ่อห่วง’
พนิดาไม่สบายใจนักเมื่อได้ยินเสียงของท่าน เหมือนแอบซ่อนเรื่องที่ทำผิดเอาไว้แล้วถูกถามเข้า เธออยากโทรกลับบ้านทันทีที่ถึงห้องแต่เพราะภาสกรตามมาทำให้ยังไม่ได้โทร
“คุณพ่อคะ วุ้นขอโทษค่ะที่โทรบอกช้า วุ้นเห็นว่าดึกแล้ว ไม่อยากขับรถไกลก็เลยจะขออนุญาตพักคอนโดน่ะค่ะ”
‘อ้าว อย่างนั้นเหรอ’
“อนงค์พักกับวุ้นด้วย คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ นี่ก็มาถึงคอนโดแล้วล่ะค่ะ”
พูดไปแล้วก็กัดริมฝีปาก รู้สึกผิดที่โกหกบิดา เรื่องอนงค์นางก็หนึ่ง แต่เรื่องที่แย่กว่าคือเจ้าของร่างสูงกำยำที่เดินตามเข้ามานี่แหละ สบตาคู่คมที่พราวขึ้นมาแล้วหญิงสาวก็ต้องส่งสายตาดุไปให้ เพราะเขามีส่วนทำให้เธอต้องโกหกบิดาด้วย
‘ถ้าถึงแล้วก็ดีแล้วลูก อนงค์มาอยู่ด้วยที่บ้านเขาจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม’
“ไม่ค่ะ อนงค์บอกว่าพี่ชายกับหนูนิดตื่นสาย เขาออกไปช่วงเช้าหน่อยก็ได้ค่ะ”
‘อืม จริงๆ หนูน่าจะบอกพ่อก่อน พ่อจะได้ให้ชิตไปรับ’
“แบบนี้ง่ายดีออกค่ะ แล้วก็อุตส่าห์ซื้อคอนโดไว้ ไม่ได้พักบ่อยเสียดายเงินแย่เลย”
‘พ่อบอกแล้วว่าให้ปล่อยเขาเช่าไป หนูก็ยังเก็บไว้’
“บางวันวุ้นก็เหนื่อย ไม่อยากขับรถไกลน่ะค่ะ”
‘เอาเถอะ นานๆ พักทีก็ไม่เป็นไร มีเพื่อนอยู่ด้วยพ่อก็สบายใจ’
“ค่ะ”
บิดาถามว่าพรุ่งนี้จะกลับเมื่อไร พอเธอตอบไปว่าตอนเช้าท่านก็น้ำเสียงดีขึ้นแล้ววางสายไป
“หยุดยิ้มเลยนะ พี่ต้องโกหกคุณพ่อเพราะใคร”
เมื่อหันไปเห็นภาสกรยืนล้วงกระเป๋ายิ้มบางเธอก็อดบ่นไม่ได้ อีกฝ่ายจึงหุบยิ้มทันที
“ขอโทษครับ แค่รู้สึกว่า คุณวุ้นเป็นเด็กดีจังเลย”
ร่างบางถอนหายใจนั่งลงอย่างเซ็งๆ ขณะที่ร่างสูงเองก็มานั่งลงที่โซฟาอีกตัว
“น่ารักดีครับ”
ประโยคต่อมาของชายหนุ่มทำให้เธอนิ่งไป แต่ก็ไม่ได้หันมองเขา ทำเหมือนไม่ได้ยิน หยิบแก้วน้ำส้มมาจิบแทน
“ว่าแต่ ซันออกไปเที่ยวทุกคืนเลยเหรอ”
พนิดาชวนคุยเรื่องของชายหนุ่ม แม้ไม่แน่ใจว่าภาสกรจะยอมเปิดเผยเรื่องส่วนตัวเพิ่มอีกหรือไม่ แต่เขาบอกเธอมาถึงขนาดนี้ ไม่ถามก็ดูไม่ไยดีเกินไป
“ครับ”
อีกฝ่ายยอมรับโดยดี ไม่ได้มีทีท่าไม่พอใจใดๆ ที่เธอถามเขา
“ผมไม่ชอบอยู่คนเดียววันศุกร์ ไม่ชอบเวลากลางคืนของมัน ผมนอนไม่ได้ มันทำให้ผมฝันร้าย ต้องหาอะไรทำ”
“อย่างไปเที่ยว แล้วก็หาคนนอนด้วย”
เธอเอ่ย กึ่งถามกึ่งต่อประโยคของชายหนุ่ม ซึ่งภาสกรก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
“มันคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ว่า ผมจะใช้ชีวิตในคืนที่ไม่ชอบได้อย่างราบรื่น”
“ทำแบบนี้มานานหรือยัง”
“ตั้งแต่เข้าผับได้นั่นแหละครับ”
พนิดาฟังแล้วนึกสะท้อนใจไม่เห็นด้วยกับทางเลือกของชายหนุ่ม แต่พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้าเกรงว่าภาสกรอาจไม่พอใจ หากเธอไปสงสาร เห็นใจ หรือสมเพชการใช้ชีวิตในแบบของเขา
“แล้ว...ทำไมอยู่ๆ ถึงอยาก...”
“เป็นเด็กคุณ”
ตาคู่คมที่สบกับเธอพร้อมพูดนั้นดูจริงจัง
“อยากอยู่ใกล้คุณวุ้นนี่ครับ ผมบอกไปแล้วว่าคุณน่ารัก นิสัยคุณวุ้นต่างจากที่ผมเคยคิดไว้มาก ใจดี อ่อนโยน อ่อนไหวง่ายด้วย คุณรักพนักงานของคุณทุกคน หาทางออกให้กับพวกเรา ไม่ได้ลอยแพหรือไม่สนใจ แล้วผมก็ได้เห็นมุมอ่อนแอต้องการคนปกป้องของคุณ หลายอย่างในตัวคุณทำให้ผมสนใจ ที่สำคัญผมรู้สึกอบอุ่น สบายใจเวลาคุยกับคุณ แบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน น่าแปลกทั้งที่เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร”
ชายหนุ่มสรุป ทว่าพนิดาฟังอีกฝ่ายจบแล้วก็หน้าหมองลง
“ซันชมพี่เกินไปแล้ว เรื่องทุกคนถ้าไม่ได้วิน พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน พี่ทำได้แค่ก้มหน้าทำตามที่บอร์ดสั่ง เพราะวินช่วยคิดหาทางออก พี่ถึงตัดสินใจได้ กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองชอบโดยไม่อยู่ใต้ปีกของคุณพ่อ”
“คุณวุ้นเจ็บปวดเสียใจ คุณดูเครียดแล้วก็...”
“โทรมมาก”
ภาสกรพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาว
“แล้วคุณก็ตั้งใจบอกทุกอย่างกับพวกเราให้รู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ปิดบัง แล้วรอให้รู้เมื่อถึงเวลา คุณใจไม่แข็งพอที่จะทำร้ายจิตใจคนของตัวเอง นี่ไงครับ ที่ผมบอกว่าคุณรักพวกเรา”
สิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาถูกทั้งหมด เธอเสียใจจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ สภาพไปทำงานของเธอดูไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติแล้วพนิดาจะมาดเนี้ยบ วางตัวน่าเชื่อถือ แต่ตอนนั้นเธอไม่สนใจแม้แต่จะแต่งหน้าด้วยซ้ำ
น้ำในตารื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอรู้ว่าสามสาวคนสนิทมองออกและเข้าใจเธอดี แต่ไม่เคยคิดว่าภาสกรที่เป็นพนักงานที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อจะสังเกตท่าทางของเธอ หญิงสาวพยายามกะพริบตาพร้อมยิ้มบาง
“พี่ดีใจที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว แต่บอกตามตรงว่าไม่สบายใจอยู่เหมือนกันที่ซันต้องย้าย ถึงจะพยายามหาเหตุผลต่างๆ นานามาบอกตัวเองกับทุกคน ลึกๆ แล้วพี่ก็ยังรู้สึกไม่ดีที่ปกป้องซันไม่ได้ พี่ไม่อยากให้ซันน้อยใจ อย่าโกรธพี่เลยนะ อย่างน้อยมันก็เป็นทางเลือกที่เหมาะกับซัน”
เสียงหวานเครือเล็กน้อย ทำให้ร่างสูงกำยำลุกขึ้นจากโซฟาของเขามานั่งลงข้างเธอ พนิดาจะขยับออกห่างแต่อีกฝ่ายจับมือเธอเอาไว้
“ผมเข้าใจครับ แต่ว่า...”
ใบหน้าขาวคมเลื่อนเข้ามาหาทำให้เธอต้องเอนตัวหลบ หากชายหนุ่มก็ยังเว้นระยะห่างให้เธอบ้าง
“คุณวุ้นต้องปลอบผม อยู่กับผม...เลี้ยงผม”
ฟังมาถึงคำสุดท้ายพนิดาก็หลุดขำออกมา ก่อนจะพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“อ๋อ ที่อยากให้เลี้ยงเพราะพี่ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนแม่น่ะเหรอ อุ๊ย...”
ร่างสูงกำยำโน้มมาคร่อมเหนือตัวเธอกะทันหัน ขณะที่พนิดาเอนถอยจนหลังพิงมุมโซฟา ดวงหน้าสวยซีดลงเมื่อใบหน้าขาวคมอยู่ใกล้เพียงช่วงลมหายใจ
“ครับแม่...แม่คุณทูนหัว”
=====
“อยากทำแบบนี้กับคุณวุ้นตั้งแต่วันที่แอบจูบแน่ะ”เสียงทุ้มดูสนุกตื่นเต้น ทว่าคนได้ยินอายจนตัวแทบม้วน“ใครจะยอม”“รู้ว่าวันนั้นไม่ยอม แต่วันนี้ยอมนะครับ”คุยไปด้วยมือหนาก็ดึงชายเสื้อที่อยู่ในขอบเอวกระโปรงหญิงสาวขึ้น สอดมือเข้ามาเคล้นคลึงอกอวบภายใน ปลุกเร้าอารมณ์สาวไปด้วยอย่างไม่ยอมเสียเวลา สะโพกสวยถูกบดเบียดรุมร้อน เร่งความปรารถนาให้กับคนทั้งคู่ พนิดารับรู้ถึงกายแกร่งชัดเจน“อื้อ ใจร้อนไปไหม เร็วจัง”“กับคุณวุ้นก็เร็วตลอดอยู่แล้วนี่ครับ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากทั้งยังขยับสะโพกเข้าหาไม่หยุด กับพนิดาแล้วเขาไม่เคยรู้สึกตัวช้าเลย หากก็รั้งตัวเองให้เวลาหญิงสาวเสมอ“นะครับ ขอนะ”เสียงทุ้มครางพร่าชิดซอกคอนุ่มบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาถึงจุดที่ฝืนไม่ไหวแล้ว นอกจากเขาจะตั้งใจเร่งร้อนแล้วน้ำตาของหญิงสาวก็ทำให้เขายิ่งอยากกอดเธอ ภาสกรแพ้น้ำตาอีกฝ่ายเห็นเมื่อไรทนไม่ได้ทุกที อยากกอดอยากคลุกเคล้ากระโปรงบานพอดีเข่าไม่ยากที่จะรั้งขึ้นสูง มือหนาโลมเล้าผ่านผ้าเนื้อบางแนบสัดส่วนอ่อนไหว ปากก็เม้มผิวเนื้ออ่อนข้างลำคอ ได้ยินเจ้าของร่างบางหอบแรงและไม่มีเสียงห้ามปรามอีกแล้ว เขาจึงเดินหน้าดูแลให้ หญิงสาวพร้อมก้าวขั้นต่อไป ซ
1 ปีผ่านไป...ภาสกรไปส่งพนิดาทุกบ่ายวันเสาร์ตามคำสั่งของคุณไพศาลหลังจากหญิงสาวอยู่กับเขาที่คอนโดในคืนวันศุกร์ และอยู่กินข้าวเย็นที่นั่นทุกวัน ชายหนุ่มไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของบิดาหญิงสาวนัก หากท่านก็ยอมรับในตัวเขา เพราะถือว่าทำมาหากินดูแลตัวเองมาตั้งแต่เรียนจบ ค่อนข้างมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเป็นคนเก่งคนหนึ่ง โดยข้อนี้พศินกับพริษฐ์ยืนยันเสียงเดียวกัน ถือว่าอนาคตไกล ส่วนกับคุณดารณีนั้นท่านถูกใจ ชายหนุ่ม เพราะเขาเอาใจเก่งปากหวานกับท่านเหมือนกับพนิดา และเอาอกเอาใจท่านกับหญิงสาว ต่างจากคุณไพศาลที่ชายหนุ่มไม่เข้าหาหรือตีสนิท เขาวางตัวปกติ ตอบคำถามอย่างเป็นการเป็นงานข้อนี้พนิดาบอกกับมารดาว่าน่าจะเพราะภาสกรไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่อบอุ่นจากบิดาของเขา เขาอยู่กับมารดา เมื่อสูญเสียมารดาก็โหยหาความรักความทะนุถนอมอ่อนโยนแบบที่เคยได้รับ จึงชินกับการเข้าหาผู้หญิงและทำให้รักเอ็นดูตนเองมากกว่าผู้ชาย สังเกตได้จากที่ชายหนุ่มสนิทกับผู้หญิงหลายคนในที่ทำงาน รวมทั้งอนงค์นางกับนิอรด้วยตอนนี้ภาสกรมีคีย์การ์ดสำรองเข้าห้องของพนิดาได้โดยที่หญิงสาวไม่ต้องลงไปรับอีกแล้ว หลังจากล้างหน้าล้างตาก็มาหาเจ้าของร่าง
“อือ ซัน”เสียงหวานพึมพำเมื่อชายหนุ่มเร่งมือก่อนจะตัวสั่นเล็กน้อย ทว่าเพียงเท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายปล่อยให้หน้าอกเธอเป็นอิสระ ใบหน้าขาวคมซุกไซ้ลงเรื่อยไป หากก็ไม่ลืมพาเธอลงไปนอนแล้วเปิดเปลือยร่างงามไปด้วยเมื่อหญิงสาวไร้ซึ่งเสื้อผ้า เขาก็ปลดเปลื้องตนเองเช่นกันอย่างไม่ให้น้อยหน้า พาร่างสูงกำยำแทรกกลางเรียวขาสวย หากเมื่อเคลื่อนใบหน้าลงต่ำก็ได้ยินทักแผ่วหวิว“ซันจ๊ะ”พนิดาอายที่เขาจะทำแบบนี้กับเธออีก เพราะเวลานี้ร่างกายเธอตอบสนองว่าตนเองพร้อมแล้ว ทว่าชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมบอก“ผมอยากทำครับ”หน้าที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วของเธอร้อนราวกำลังไหม้เมื่อตามองใบหน้าขาวคมฝังลงกลางกาย สัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยน หากก็ประชิดทุกซอกมุมทำให้เธอเขินสุดขีด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปลายลิ้นร้อนชื้นกับปากอุ่นทำให้เธอรู้สึกดีอย่างเหลือแสน สุขสมเต็มอิ่มล้นอกภาสกรไล้ปากกับปลายลิ้นอย่างพึงพอใจ ความงามตรงหน้าเชิญชวนให้ลิ้มชิมไม่รู้เบื่อ ยิ่งเห็นสะโพกสวยขยับ เขาก็ยิ่งปรนเปรอหญิงสาว หากมือหนาก็ไม่ลืมเตรียมตนเองไปด้วย ใช่ว่าเขาไม่ลุกเพราะพนิดา แต่เพราะอยากตื่นตัวถึงขีดสุดเพื่อจัดเต็มในทันทีที่ชิดใกล้ต่างหาก แน่นอนว่าครั้งนี้เขา
พนิดาไม่ยอมให้ภาสกรอาบน้ำด้วยแม้เขาจะอ้อนแค่ไหนก็ตาม ขณะกินข้าวด้วยกันเจ้าตัวก็ส่งสายตาคมวาบหวามให้เธออย่างมีความนัยตลอดเวลาจนเธอต้องถอนหายใจให้รู้ว่าอ่อนใจกับเขาแค่ไหน ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะสลดกลับหัวเราะกรุ้มกริ่มในลำคอเสียอย่างนั้น“ซันล้างจานแล้วกันนะ”หญิงสาวบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที ทั้งที่ปกติเธอจะช่วยเขา แม้ชายหนุ่มจะอาสาทำเองก็ตาม ทำเอาภาสกรได้แต่เกาหัว“สงสัยแสดงออกมากเกินไปแฮะเรา”หลังจากจัดการในครัวเรียบร้อย ภาสกรก็ไปยังห้องทำงานของพนิดาเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะอยู่ในนั้น ร่างสูงกำยำชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนหันหลังหาอะไรสักอย่างบนชั้นหนังสือขณะคุยโทรศัพท์“หึๆ ไม่ต้องอ้อนเลยอ้น ไม่ได้ผล”คิ้วเข้มขมวด พยายามตีความกับสิ่งที่ได้ยิน“ไม่...ไม่เล่า”พนิดาเสียงแข็งแต่ก็เจือความขำ“หาเอาเองสิจ๊ะ ผู้ชายแซบๆ น่ะ ไม่ได้เก็บได้ตามถนนสักหน่อย”ภาสกรเริ่มย่องเบาๆ เข้าไปใกล้ร่างบาง เหมือนเธอจะได้หนังสือเล่มที่ต้องการแล้ว“ไม่ให้ลูบ หวง...เด็กใครเด็กมัน วุ้นยังไม่สนใจจะยุ่งกับเด็กอ้นเลย”คราวนี้เขาหยุดไม่ห่างจากหญิงสาวนักแล้วเกาหัว“เดี๋ยวจะกระซิบบอกซันว่าเจอกันอ้นจะแอบลูบกล้าม เขาจะได้ร
“ตอนนี้มีแต่กลิ่นกับข้าวมั้งจ๊ะ”เธอแย้งเสียงเบาหวิวอารมณ์ใคร่ตีตื้นวนเวียนเพราะมืออีกฝ่ายไม่ได้อยู่นิ่ง“ไม่ครับ หอม”ชายหนุ่มย้ำแล้วจูบซ้ำมาอีก คลอเคลียปากกับจมูกจนผิวอ่อนเริ่มแดงเพราะไรเครา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มแล้วจูบแรงขึ้น ร่างบางสะดุ้งนิดๆ ขณะที่มือหนาไล้วนช่วงท้องน้อยไม่ห่าง“ซันจ๊ะ ขาวุ้น...”พนิดาชักจะยืนไม่ไหวแล้ว เธออ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว เมื่อบอกไปแล้วอีกฝ่ายก็ช้อนอุ้มเธอขึ้นพาเดินมายังโซฟา ทิ้งกระเป๋าเป้ของเขาไว้ที่พื้นหน้าประตูห้องอย่างนั้นชายหนุ่มวางคนตัวเล็กให้นั่งบนโซฟา ส่วนตนคุกเข่าข้างหนึ่งคร่อมข้างสะโพกสวยโน้มหน้าลงไปหาปากอิ่มแสนหวาน ขณะเดียวกันก็ถอดสูทของหญิงสาวออก ลูบผะแผ่วไปบนบ่าบอบบาง ทรวงอวบงดงาม หน้าท้องขาวผ่องแล้วกลับมากอบกุมบีบกระชับหน้าอกหน้าใจที่เสื้อตัวสั้นลูกไม้สีขาวโอบอยู่ สิ่งที่รับรู้ทำให้ภาสกรถอนจูบ ตาคมหลุบลงมองแฟชั่นแสนเซ็กซี่ของคนรักแล้วยิ้มมุมปาก มีเสื้อสูทคลุมก็ดูเรียบร้อยดี ใครจะไปคิดว่าด้านในจะทั้งหวานทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้ เขารู้มาบ้างว่าบางครั้งสาวๆ ก็ใส่เพียงเสื้อชั้นในด้านในสูท ทว่าผิวขาวนวลกับเสื้อลูกไม้ขาวตัวสั้นบนเรือนร่างงามลออของพนิดาก็เห
ร่างสูงกำยำที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงหน้าประตูแผนกทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาเห็นรีบเดินเข้าไปตบไหล่หนา“เฮ้ย มาทำอะไรถึงนี่ หรือมาหาเพื่อนกินข้าว”จักรินทร์ถามเจ้าตัวก็หันมายกมือไหว้เขา“พี่โจ๊ก สวัสดีครับ”ภาสกรทักทาย ขณะนั้นหลายคนในแผนกเริ่มออกมาแล้วมองเขาอย่างสนใจและทักเช่นกัน เพราะไม่ได้เห็นหน้าเท่าไรนัก รวมทั้งญาดาด้วย“ว่าแต่ ทำไมหน้าเหมือนไปกินยำตีนมาวะ”คนถูกถามยิ้มขื่น ญาดาซึ่งเดินมาใกล้จึงเอ่ยแทน“ซันมันไปสะดุดตอใหญ่มาก”“สะดุดตอก็น่าจะล้ม ทำไมไม่หัวแตก แต่ดันปากแตกหน้าช้ำ”จักรินทร์ยิ่งสงสัย หลายคนขมวดคิ้วไปตามๆ กัน“นั่นสิคะพี่พริก”นัชชาสาวกราฟิกคนสนิทของญาดาพูดพร้อมพยักหน้า“น่า บอกว่าสะดุดตอก็สะดุดตอสิ แล้วนี่...อย่าบอกนะว่ามา...”ดวงตาคู่กลมโตของญาดาเหลือบเข้าไปข้างในแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ภาสกรยกยิ้มมุมปาก ทำเอาคนอื่นยิ่งสงสัย แล้วสามสาวเพื่อนซี้รุ่นใหญ่ในแผนกก็ออกมาพอดี“มายืนมุงอะไรกันตรงนี้จ๊ะ ไม่รีบไปกินข้าวเหรอ”เสียงอนงค์นางดังขึ้นทำให้หลายคนเริ่มขยับตัว ทว่าเมื่อปรากฏร่างสูงกำยำท่ามกลางผู้คนหญิงสาวก็ถอนหายใจ ทว่าเสียงที่ทักขึ้นเป็นนิอร“แหม มารอเร็วจังนะพ่อคุณ”