ฉันแยกย้ายกับพี่ ๆ จากนั้นก็ไปเรียนตอนสิบโมงพร้อมกับอัพเดตชีวิตให้กับสองสาวลูกฟูกและจูเน่ฟัง
“มีเรื่องจะเม้าท์”
“ถ้าบอกว่าเฮียปัณณ์หล่อกูจะตบ” จูเน่รีบดักคอ เพราะทุกวันฉันพูดเรื่องนี้จนมันเอือมระอากันหมดแล้ว
“อะไรอ่า...รู้ทันตลอดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ฉันแกล้งหน้ามุ่ย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนี่ เฮียปัณณ์หล่อมากโดนใจด้วย อีกอย่างตอนนี้เขาโสดดังนั้นฉันมีสิทธิ์
“หล่อเหี้ย ๆ เลยนะแกวันนี้”
“ถ้าไม่มีคำว่าหล่อก็เหี้ยอย่างเดียวแหละกูว่า”
“....”
ดอกนี้เจ็บ ทำไมทุกคนต้องด่าว่าที่ลูกเขยคุณนายงามพริ้งขนาดนั้น เท่าที่ฟังพี่รินเขาเป็นคนดีมากนะ ยิ่งเห็นว่ารักและปกป้องเพื่อนกันขนาดนั้นจะให้ฉันเลิกรักได้ยังไง
“แฟนฉันเป็นคนดีย่ะ”
“เขารับมึงเป็นแฟนแล้วหรือไง ตื่นได้แล้วอีพริก มึงก็สวย แต่ว่ามึงวิ่งไล่ตามผู้ชายเอาซะไม่มีค่าเลย”
ฮะ...ไม่มีค่าได้ยังไง นี่ไล่ตามผู้ชายก็ใช้เงินนะ แถมแม่งามพริ้งยังลงทุนให้ลูกสาวไปยกกระชับหน้าทำเมโสหน้าใส อ่อนวัยตลอดไปด้วย
เฮ้อ...บางทีเพื่อนก็ไม่ให้กำลังใจเลย ให้ตายสิ!
ฉันไปเรียนแล้วก็กลับห้องโดยวันถัดมาทั้งจูเน่และลูกฟูกไม่อยู่ทั้งคู่ เมื่อจะกลับบ้านไปนอนกับแม่ แต่แม่ก็ไปธุระต่างจังหวัดเสียอีก ไม่รู้วันนี้วันอะไรกันสุดท้ายคนขี้เหงาก็ได้อยู่คนเดียวในคอนโด
ส่วนพี่หยี่ต้องกลับไปเฝ้าบ้านให้แม่ ไม่สามารถอยู่เล่นกับฉันได้และฉันก็ทักหาพี่รินทันที
พริกแกงไม่เผ็ดเด็กกินได้: พี่รินเหงาตัวเท่าบ้าน
R-rin Love Pan: ?
พริกแกงไม่เผ็ดเด็กกินได้: แม่ไม่อยู่ เพื่อนไม่อยู่ อยู่คนเดียวววว...กลัวผี
R-rin Love Pan: มาห้องพี่ถึงแล้วจะลงไปรับ
พริกแกงไม่เผ็ดเด็กกินได้: รัก
ฉันรีบแต่งตัวด้วยกางเกงขาสั้นสบาย ๆ เหมือนอยู่ห้องกับเสื้อกล้ามทันที โดยมีเสื้อแจกเก็ตครึ่งตัวสวมทับเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด จากนั้นก็เดินไปยังห้องพี่รินคนสวย
เมื่อมาถึงพี่รินกลับบอกว่าให้เอาคีย์การ์ดที่นิติได้เลยโทรบอกแล้ว และขึ้นไปยังชั้นที่เป็นห้องของพี่ปั้น
อย่างที่บอกตึกนี้เป็นตึกข้าง ๆ คนละคอนโดกัน แต่ตั้งอยู่ใกล้กันดังนั้นเดินไม่ไกล ส่วนฉันอยู่ตึกเดียวกับพี่ปุณณ์และเฮียปัณณ์ แต่ไม่เคยเจอกันหรือสวนกันในลิฟต์สักที
ช่างเป็นอะไรที่น่าเศร้ามาก ๆ ให้ตายเถอะ
ลิฟต์พาฉันขึ้นมาชั้นบนและเป็นชั้นที่เรียกได้ว่าแพงมากแถมวิวโคตรดี หากมีสามีรวยก็อยากซื้อหรอก ตอนนี้เอาชีวิตรอดไปวัน ๆ ให้ได้ก่อน
ลิฟต์ที่นี่ใช้คีย์การ์ดขึ้นมาก็จริง แต่ใช่ว่าคีย์การ์ดจะใช้เข้าห้องได้ เพราะเป็นประตูดิจิตอลและต้องมีรหัสเท่านั้นฉันเลยยืนรอพี่รินมาเปิดประตูอยู่หน้าห้องหลังจากทักไปบอกแล้ว แต่พี่รินบอกกำลังเข้าห้องน้ำอยู่ ฉันเลยยืนรอ
แต่ว่าเสียงลิฟต์ก็ดันเปิดที่ชั้นเดียวกันด้วย และร่างที่ปรากฏด้านหลังกลับเป็นเฮียปัณณ์ ฉันจึงฉีกยิ้มให้ทันที
แต่ดวงตาคมจ้องฉันนิ่ง ความเย็นชาฉายออกมาชัด แต่เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ลึก ๆ ที่ฉันก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน
“ใครชวน?”
เฮียถามฉันเชิงว่าใครเชิญมา ทำให้ฉันหน้าซีดทันที ที่จริงพบเจอข้างนอกก็กล้าเล่นอยู่หรอก แต่ว่าพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้ก็ไม่กล้ารบกวนมาก กลัวเขาจะคิดว่าฉันเป็นพวกซาแซงที่ชอบตามติดชีวิตดารา แม้เขาจะเป็นแค่คนหล่อรวย แต่ฉันก็ไม่ได้โรคจิตขนาดนั้น
สาบานได้ว่าแค่อยากมาคุยกับพี่รินต่างหาก
“พี่รินค่ะ”
ตอบเสร็จก็ก้มหน้าลงทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่สายตาแบบนั้นมันพาให้หัวใจไหววูบรู้สึกเจ็บแปลบในอกเหมือนกัน
“วุ่นวายชิบ!”
(T^T)
รังเกียจพริกมากเลยเหรอ?
พริกเสียใจ...แงงง~ทำไมใจร้ายมากล่ะ ไม่คิดจะพูดดี ๆ กันเลยหรือไง แต่ว่าพี่ปุณณ์ไม่รู้สงสารหรือสมเพชเดินมาตบที่ไหล่ฉันเบา ๆ
“อย่าไปฟังหมาเห่า...มาเถอะ”
เนี่ย...เมื่อก่อนมองว่าพี่ปุณณ์ดุ แต่ที่จริงใจดีมากนะ ไม่เหมือนอีกคนหรอก นี่ฉันตกหลุมรักผิดคนหรือไงนะ
เฮ้อ...เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันหรือเปล่า
จากใบหน้าเศร้า ๆ เมื่อครู่เปลี่ยนสีฉับพลัน จากนั้นส่งยิ้มประกายสดใสให้กับพี่ปุณณ์
“พี่ปุณณ์ใจดีจัง”
ฉันชมเปาะ แต่ดูเหมือนอีกคนไม่พอใจปิดประตูกระแทกใส่หน้าเราสองคน
ชิ! ร้ายแบบนี้อย่ามารักอีพริกคนนี้วันไหนแล้วกัน จะปั่นให้หัวหมุนเลย
เนื่องจากพี่แฝดมีรหัสเข้าห้องฉันก็เลยไม่ต้องรอพี่รินมาเปิดให้ ก่อนจะสวัสดีด้วยมารยาทอันงดงาม แล้วก็หลบเข้าครัวไปช่วยพี่รินทำอาหาร
“พี่รินทำอะไรคะ...พริกช่วยค่ะ”
“ทำยำไข่ดาว ยำไข่เยี่ยวม้า หอยแครงลวก แล้วก็ต้มโคล้ง กุ้งแช่น้ำปลา”
ฟังจากเมนู คืนนี้น่าจะเมาแน่ ๆ ส่วนใหญ่เป็นพวกกับแกล้มทั้งนั้น เน้นกินเล่น
“เริ่ด...เดี๋ยวพริกจะโชว์ฝีมือยำสูตรคุณนายงามพริ้งนะคะ” ฉันบอกก่อนจะหั่นเครื่องยำให้พร้อม เพราะยำน่ะทำง่าย ส่วนพี่รินทอดไข่ดาวอยู่
“แม่เป็นแม่ค้าขายข้าวแกงนี่ดีเนอะ ทำอาหารเก่ง”
“ไม่เก่งไม่ได้ ตอนเด็ก ๆ ต้องช่วยแม่” ฉันว่าก่อนที่ภาพความทรงจำในวัยเด็กระหว่างแม่กับฉันจะค่อย ๆ โผล่ขึ้นมา
และมีแค่ฉันกับแม่โดยไม่รู้ว่าพ่อของฉันเป็นใครด้วยซ้ำ
พวกเราจะว่าลำบากก็ไม่ใช่ สบายก็ไม่เชิงแค่พอมีพอกิน แม่เป็นคนประหยัด แต่สำหรับฉันแม่ไม่เคยประหยัดสักอย่าง แต่ฉันรู้ว่าแม่เหนื่อยมากจึงไม่ได้สุรุ่ยสุร่ายมากนัก มีแค่ช่วงเทศกาลบ้างที่กินของอร่อย อันที่จริงฉันไม่มีของเล่นเลยด้วยซ้ำ เพราะมันเปลืองเงินโดยใช้เหตุ
“แต่น้างามพริ้งทำหมูกรอบเด็ดมาก แล้วนี่น้างามไปไหนล่ะ”
“ช่วงนี้แม่มีพบปะสังสรรค์บ่อย เห็นบอกว่าเลี้ยงรุ่นอะไรประมาณนั้นเลยไม่ได้กลับบ้าน”
“ก็เลยโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว”
“ใช่...นอนคอนโดลูกฟูกด้วย กลัวผีมาก” ฉันเสริมอีกหน่อย ที่จริงเกลียดการนอนคนเดียวมาก ๆ ถ้านอนคนเดียวต้องเปิดไฟนอน
“กลัวผีเหรอ”
“ใช่...กลัวผีมาจับหัว” น้ำเสียงทะเล้นซ่อนเร้นความในส่งไป ทำให้เราทั้งคู่มองสบตากัน
แล้วเสียงหัวเราะของพี่รินก็ดังขึ้น จากนั้นคำสองแง่สองง่ามก็หลุดมาเป็นพรวน ที่จริงฉันไม่ใช่คนลามกจกเปรตนะ แต่ว่าฟีลลิ่งมันพาไป จนกระทั่งพี่รินทำกุ้งแช่น้ำปลาเสร็จ น้ำจิ้มซีฟู้ดสีเขียวสดราดลงบนตัวกุ้งจานโตท้อปด้วยหอมเจียว น่ากินมาก ๆ
“โอ้โห้ทำไมน่ากินแบบนี้”
“นี่แหละเมนูเลียนิ้วของไอ้พวกสามป. ไอ้ปัณณ์ชอบเป็นพิเศษ”
อู้หู...นี่รู้เรื่องของเฮียปัณณ์เพิ่มอีกเรื่องแล้วนะ กุ้งแช่น้ำปลาเขาชอบ เอาไว้จะให้คุณนายงามพริ้งสอนให้ทำจะได้ทำไปฝากเฮียปัณณ์บ่อย ๆ หรือตกลงเป็นแฟนกันเมื่อไหร่จะได้ทำให้กินแบบเอาอกเอาใจ หลังจากเอากัน
อิอิ...ทะลึ่งแหละฉันน่ะ
“แล้วเฮียปัณณ์ชอบอะไรอีกคะ”
“ก็มีหมึกผัดไข่เค็ม ปูผัดผงกะหรี่แต่เครื่องเทศ น้อย ๆ นะ กุ้งเผาอื่น ๆ ก็...” พี่รินเล่าไปเรื่อย ๆ ฉันก็เก็บเอาไว้ในสมองแล้ว จำแม่นกว่าเลขประจำตัวประชาชนตัวเองอีกนะไม่อยากจะคุย
“เฮียปัณณ์นี่กินง่ายดีเนอะ” ฉันว่ายิ้ม ๆ แต่ทว่าเสียงจากตู้เย็นที่อยู่ใกล้ ๆ ที่เปิดออกพร้อมเสียงกรุ้งกริ้งของขวดเบียร์ และเหล้ากระทบกัน โดยมีเสียงเจ้าของชื่อตอบกลับมา
“แต่ใจไม่ง่ายเหมือนใครบางคน”
“....”
โอ๊ย...เจ็บมาก...ทำไมปากเสียอย่างนี้
คำพูดของเขาคมเหมือนมีด ที่มันเฉือนอะไรบางอย่างในอกฉันจนชา แต่แววตาที่วูบขึ้นมานั้น…มันไม่ได้ไร้ความรู้สึกอย่างปากเลย
หรือเขาจะเป็นคนปากอย่างใจอย่าง?
“อย่าว่าน้อง” พี่รินปรามเพื่อนนั่นทำให้ฉันบิดปากคว่ำรีบดึงน้ำตากลับไปก่อนมันจะหยดลงมาให้อับอาย
ใช่ฉันแสดงแหละ ให้ดูน่าสงสาร
“สนใจขนาดนี้เอาสมุดมาจดเลยไหม...เรื่องเรียนสนใจเท่านี้หรือเปล่า” ดอกนี้สะเทือนบอกเลย เคยมีใครบอกไหมว่าพี่เขาน่ะปากปีจอสุด ๆ
แต่ใครจะสนทำหูดับต่อไป
“แล้วหมูกรอบล่ะชอบไหม” ฉันหันไปถามพี่รินไม่อยากคุยกับคนปากไม่ดีแถวนี้แล้ว ช้ำใจ
“ถามมันเองเลยชอบไหม” พี่รินชงเข้มมาก โยนให้เจ้าตัวที่มาเอาเครื่องดื่มที่แช่เอาไว้เป็นคนตอบ ส่วนฉันยกหางคิ้วเชิงถามว่าชอบหรือเปล่า
“ชอบสิ” พี่ปัณณ์ตอบพลางยกยิ้มมุมปากแบบไม่น่าไว้ใจเลย จะด่าอะไรอีกหรือเปล่านะ
แต่เมื่อฉันจะอ้าปากถามอีกคำเขาเอ่ยขึ้นก่อน
“ที่จริงก็ชอบทุกอย่าง...ยกเว้นอยู่อย่างเดียว”
“แล้วอะไรคะ...ที่เฮียไม่ชอบเดี๋ยวพริกจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลย” ฉันทำเสียงเล็กเสียงน้อยให้ดูน่ารัก
“คนชื่อพริกแกง!”
ตอบเสร็จยิ้มชั่วร้ายแล้วเดินออกไป...ร้ายมาก...ร้ายสุด ๆ ทำเอามือที่หั่นพริกอยู่สั่นและพลาดจนได้
ชึบ! 🔪🩸
เลือดไหลจากปลายนิ้ว แต่ทำไมมันเจ็บไปถึงใจ… ตอนนี้ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่รู้ว่าเพราะมีด หรือเพราะคำพูดเฮีย ฉันก็ไม่รู้แล้ว
ไม่ได้ใจแต่ได้เลือดแทน
ฉันถูกเฮียขโมยไปนอนบ้านข้าง ๆ บ่อย ๆ แม้ไอ้สองแฝดตัวแสบจะชอบกวนก็เถอะ แต่พวกมันก็ยอมให้เฮียพาน้องสาวของพวกมันไปได้ แม้ว่าจะยอมปล่อยแต่ละวันก็ไม่ง่าย พวกเราเอนจอยกันมากขึ้น บ้านนั้นไม่มาวุ่นวาย แม่มีความสุขมาก และกิจการของแม่ดูจะใหญ่โตไม่เบาเลยทีเดียวจากที่แม่ของเฮียช่วยโพรโมต ทั้งเลือกจัดเลี้ยงเป็นเซตปิ่นโตในงามสัมมนาบริษัท และงานต่าง ๆ ที่จัดในห้าง ส่วนเรื่องวารีมุกดาฉันไม่อยากรื้อฟื้น แต่รู้ข่าวมาว่าเลือกจะลาออกจากมหาวิทยาลัยออกไป เพราะว่าพี่ปุณณ์ไม่ยอมจบแค่ตกลงกัน หลังรู้ว่ายาที่ใช้กับเฮียอันตรายมาก ถึงขนาดล้มช้างหากเฮียเป็นอะไรไปก็ไม่อาจจะเรียกคืนกลับมาได้ ฉันเองก็ไม่ออกความคิดเห็นก็แล้วกัน ถือว่าเขาก็ได้บทเรียนจากสิ่งที่ตัวเองทำแล้ว ฉันนั่งยิ้มให้กับความวุ่นวายในบ้าน จนคิดว่าบางทีความสุขของเราไม่ได้อยู่ที่มีเงินเท่าไร แต่อยู่ที่ว่าพวกเราได้อยู่กับใครยิ่งเวลาอาหารเย็นเรียกได้ว่าเป็นอะไรที่สนุกสุด ๆ พี่รินเองก็มาช่วยแม่ทำกับข้าว ฉันที่หายดีแล้วก็ช่วยด้วย และกลับมากินอาหารอร่อยขึ้น แถมน้ำหนักเริ่มขึ้นจนแก้มป่องและหลายครั้งไอ้แฝดนรกที่ทำตัวเป็นพี่ชายหว
“เฮียพูดจริง พริกทำหน้าได้ยั่วมาก จนอยากกดให้ลึกสุดลำ” โอ๊ย เสียวทั้งท้องน้อยบอกเลย เฮียทำไมแซ่บแบบนี้ “ปะ...เปล่านะเฮีย...อย่ามาใส่ร้าย...อะ...โอ๊ย” “นี่ยั่วอยู่ อยากให้เห็นจริง ๆ” ฉันก็อยากเห็นหน้าตัวเองตอนทำหน้ายั่วเฮียเหมือนกันว่าเป็นยังไง มันเป็นไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย แต่ตอนที่เฮียยั่วฉันน่ะ มันยิ่งกว่านี้อีกไม่ใช่หรือไง สองมือของเฮียปล่อยมือออกจากมือของฉันแล้วสอดเข้าไปใต้สะโพกแล้วขยำหนัก ๆ จนฉันสะดุ้ง ขณะที่ริมฝีปากอุ่นร้อนของเฮียก็ดูดที่หน้าอกอวบแล้วก็ดึงเบา ๆ ทำให้ฉันรู้สึกวาบไปทั้งอก ปลายยอดอกตอนนี้ชาหนึบเพราะฝีมืออีกคนไปแล้ว “เฮีย...พริก...พริกเสียว” “ใจเย็น ๆ ...น้ำยังออกน้อย” คำว่าน้ำยังออกน้อยทำให้ฉันนึกถึงตอนที่จีบเฮีย แรก ๆ บอกว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินจะกร่อนเอง แต่ตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นหินหยดลงน้ำไปแล้ว แต่คิดฟุ้งซานได้ชั่วครู่ เฮียก็ดึงสติฉันกลับมาด้วยการขยำหน้าอกของฉันแรง ๆ “เฮียเจ็บอย่าบีบแรง” “หน้าอกก็ใหญ่ เมียวัวพันธุ์ดีจนเฮียอยากกินนมทุกวัน แต่ก้าง
“ร่างกายดีขึ้นมากแล้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้หัวใจแข็งแรงนะครับ” คุณหมอเจ้าของไข้บอก พร้อมกับยิ้มให้ฉัน “ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้คุณหมอเพื่อจะลากลับ “มีอะไรสงสัยอีกไหมครับ” “ผมมีครับ...แล้วสามารถทำเรื่องบนเตียงได้ไหมครับ” เฮียยยย~ “ทำได้ครับ...เรื่องนี้ก็เหมือนได้ออกกำลังกายอย่างหนึ่งนะครับ แต่อย่าหักโหม อย่านอนดึก” หมอพูดยิ้ม ๆ จนฉันรู้สึกเขินแล้ว จากนั้นเอามือบิดที่สีข้างคนหื่น “กลับได้แล้วแม่รอกินข้าวเย็น” ฉันว่าก่อนจะลุกขึ้น ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนจนแทบควบคุมไม่ไหว ถ้ามาเจอหมออีกหนฉันคงเขินตัวแตก แต่คนหน้าด้านกว่าฉันกลับยิ้มเบิกบานใจ “รับยาแล้วกลับกัน” “เฮีย...พริกว่าจะแวะ...” “แวะคอนโดเฮียก่อน” เฮียทำเสียงเข้ม แต่ทำไมฉันรู้สึกว่ากำลังถูกหลอกไปเชือดชอบกล ยิ่งเห็นกล่องสีเงิน ๆ คุ้น ๆ คล้ายมีขายตามร้านสะดวกหรือในห้าง ที่บอกขนาด 56 ทำเอาฉันต้องหลบตาหนี ให้ตายสิ! เมื่อมาถึงคอนโดของเฮียที่ไม่ได้มานานแล้วเพราะย้ายไปอยู่บ้าน ฉันก็รู้สึกเกร็ง ๆ นิดหน่อย จากนั้นเมื่อลิฟต์เปิดออก
“งั้นวันนี้เราไปเปลี่ยนนามสกุลตอนบ่ายเลย กูประสาทแดกแน่ถ้าแม่งให้กูกลับไปอีก” ไอ้แฝดทิวเขาพูด “มาใช้นามสกุลฉันสิ...คืนนามสกุลเขาไป จะได้ไม่มายุ่งอีก น่ากลัวเหมือนกัน” พวกเราที่ยื่นหน้าไปดูที่หน้าต่างจากหลังโซฟาปรึกษาหารือกัน ส่วนแม่กับพี่หมอเมฆเดินออกไปด้านนอกเหมือนไม่กลัวอะไรเลย “นี่แฝดนรก...เขาจะทำร้ายแม่ฉันเปล่า” “ไม่น่าจะกล้านะ...จากที่รู้มา” พวกมันรู้อะไรกันมาวะ ทำไมฉันไม่รู้ บางทีก็ไม่ต้องปิดฉันก็ได้ ฉันรับได้หมดนั่นแหละ “แล้วผู้ชายคนนั้น” ฉันเลิกคิ้วถาม “ก็คนที่เรียกตัวเองว่าพ่อน่ะสิ” “กล้ามาก...ฉันไม่ค่อยอยากเจอเลย แม่จะชวนเข้าบ้านทำไมวะ” ฉันบ่นแต่สุดท้ายก็ต้องไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่มีกับข้าวพร้อมแล้วเหลือตักข้าว ส่วนฉันให้ไอ้สองแฝดประกบ กับเฮียที่เดินมาพอดีเลยนั่งข้างฉันด้วย ฉันเอื้อมมือไปจับมือของเฮียเอาไว้ ราวกับจะหาหลักยึด “พริก...นี่คุณเมธีวัฒน์...พ่อของ...” “อ้อ...สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทันทีไม่ทันให้แม่แนะนำตัวจนจบ แล้วไม่สนใจทั้งลงมือกินข้าวก่อน และกระทุ้งไอ้เจ้า
เมื่อเข้าใจกันดี พวกเราก็ฉลองวันที่อยู่กันพร้อมหน้าด้วยหมูกระทะรสเด็ด ที่ฉันอยากได้สูตรแม่ไปเปิดจะตาย แต่แม่ไม่ให้เพราะมันเหนื่อย ที่สำคัญแม่ดันได้ลูกชายเพิ่ม ลูกชายที่ทำให้ฉันปวดประสาท“ไอ้แฝดนรก...นี่หมึกของฉัน”“ใครไวใครได้”ย้อนเวลากลับไปได้ไหม ฉันจะไม่ชวนไอ้แฝดเวรที่สถาปนาว่าเป็นพี่ชายของฉัน ที่ไม่ค่อยอยากรับเท่าไรกลับมาบ้าน“ฉันเป็นลูกคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว...ใครก็ได้บอกทีนี่เรื่องล้อกันเล่น และไอ้แฝดเวรนรกนี่ไม่ใช่พี่ชายฉันนนน”เสียงโวยวายของฉันดันเรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคน นอกจากแย่งของอร่อยบนเตาหมูกระทะแล้ว พวกมันยังแย่งที่นอนฉัน แต่เรื่องนั้นมันยอมกันไม่ได้“พวกนายมาขลุกอยู่นี่ทุกวัน ได้ข่าวว่าแพทย์ต้องเรียนหนัก และอ่านหนังสือหนักไม่ใช่หรือไง พวกนายทำไมลอยไปลอยมา ทำเหมือนหมอปลามือปราบสัมภเวสีล่ะ”“อ่านทำไมพวกเราเก่ง”เออ...ยอม...ยอมแล้ว บางทีก็น้อยใจแม่ที่เอาความฉลาดยกให้พี่หมอเมฆหมด เหลือแต่ความปากดีกับสมองน้อย ๆ ไว้ให้ให้ตายเถอะ“ติดเอฟแล้วจะขำให้”“ไม่เอฟหรอก...คราวก่อนเขียนเล่น ๆ ได้คะแนนเต็มเฉย”นี่ถ้าไม่ใช่หลวงพ่อวัดไร่ขิงจะเป็นใครได้อีก ทำไมขิงข่าเก่งอย่างนี้~~~ฉันที
“แต่หนูคือข้อยกเว้น...คนที่ชอบหนูคนแรกคือไอ้ริน แล้วมันจะจัดการพี่ถ้าทำหนูร้องไห้”โหย...ได้ยินคำนี้แล้วซึ้งวะ...ทำไมมิตรภาพดี ๆ พวกนี้ฉันถึงได้เจอนะ ฉันทำบุญด้วยอะไรวะเมื่อประตูบ้านข้าง ๆ เปิดเฮียก็ผลักฉันเข้าไปแล้วก็นั่งที่โซฟา เฮียดึงฉันขึ้นนั่งตักแล้วกอดเอาไว้แน่น“เฮีย...อย่ากอด...อึดอัดหายใจไม่ออก” ฉันท้วง แต่เฮียแค่คลายอ้อมกอดแต่ไม่ยอมให้ฉันลงจากตักของเฮีย จนฉันถอนหายใจใบหน้าของเฮียฝังอยู่ตรงแผ่นหลังของฉันนิ่ง ราวกับว่ากำลังคิดว่าควรจะเริ่มยังไง ฉันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น“คนที่ชื่อมุกทำไมเรียกเฮียว่าปุณณ์ ทำไมไม่เรียกปัณณ์คะ” จุดนี้คือจุดที่ค้างคาใจฉันมาก ฉันอยากจะถามหลายครั้งแล้ว แต่พอมีโอกาสฉันกลับไม่กล้าถามคราวนี้คงถึงเวลา“พี่มันเหี้ยเอง”“อื้อ...อันนี้พริกก็รู้”“หนู!!!”อ้าว ไม่ใช่เหรอ...ก็เฮียเป็นคนแบบนั้นนี่ เพื่อนก็ด่าอยู่ทุกวันไม่ใช่หรือไง“เฮียใช้ชื่อไอ้ปุณณ์ไปจีบเขา แต่ว่าตอนนั้นดันตกหลุมรักจริง ๆ เข้า แต่สุดท้ายเราต่างก็เลิกกัน”ฉันถอนหายใจดูก็รู้ว่าเฮียตั้งใจข้ามดีเทลเล็ก ๆ น้อยๆไป“ขอรายละเอียดมีเวลาสองชั่วโมง”“ครับ...ได้ครับ”แล้วเฮียก็เล่าตั้งแต่เจอกันยังไ