ฉันร้องเสร็จแล้วพี่รินรีบวางมือจากนั้นก็โวยวายยิ่งกว่าฉันอีก “มีดบาดเลยเจ็บไหม”
เจ็บไหมไม่สำคัญ...แต่ฉันจะเป็นลมให้ตายเถอะ...แต่ไม่ได้ต่อหน้าผู้ชายจะเสียศูนย์ไม่ได้เด็ดขาด ฉันจึงหลบสายตาไปอีกทางหนึ่ง พยายามไม่มองเลือด
เมื่อก่อนก็ไม่ได้กลัวเลือดหรอก จนไปดูคลิปหนึ่งที่โคตรจะน่ากลัว เป็นคดีฆาตกรรม แล้ววันนั้นก็อ้วกแตกจนเป็นลมแม่ต้องหามส่งโรงพยาบาลเลยทีเดียว
“เป็นอะไรไอ้ริน” พี่ปุณณ์เดินเข้ามาพร้อมพี่ปั้นอย่างเป็นห่วง แต่ที่จริงเขาคงเป็นห่วงพี่รินมากกว่า
คนไม่ถูกรักเศร้าแปล๊บ
“น้องโดนมีดบาด หน้าซีดเลยกลัวเลือดเหรอ”
“ไม่...ค่ะ” ต่อหน้าคนอื่นก็อยากเจ๋งอะเนอะ แต่ว่าขาเริ่มอ่อนจนต้องพิงเคาน์เตอร์ครัว
“แล้วนั่น...เซจะล้มแล้ว...เป็นอะไร”
ฉันบิดปากคว่ำบีบน้ำตาแสร้งดรามาให้พี่ ๆ เขาจะได้ไม่เครียดแทน จะได้ดึงความสนใจตัวเองออกไปจากเลือดตรงปลายนิ้วด้วย
“เป็นคนไม่ถูกรัก”
“ใช่เวลาเล่นไหมเนี่ย” โดนพี่ปุณณ์ดุเข้าให้อีก สุดท้ายมือฉันก็ถูกดึงไปล้างมือ ก่อนจะถูกลากไปนั่งที่โซฟาแล้วพี่ปั้นเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ ท่ามกลางอีกคนที่ไม่สนใจอะไรเลยสักนิด
เจ็บวะ...มีดบาดก็ไม่เป็นห่วงสักนิดเลยหรือไงวะ
ใจร้ายชะมัด!
“ต่อไปใช้มีดก็ระวังหน่อย แล้วมือก็อย่าโดนน้ำด้วย”
ยากแล้วมืออย่าโดนน้ำจะอาบน้ำยังไงก่อน ล้างหน้าอีก นี่เรื่องใหญ่เลยนะ
“ยากเลยนะคะพี่ปุณณ์ พริกจะอาบน้ำยังไงล่ะ” ฉันทำเสียงอ้อนเล็ก ๆ แต่ว่าอีกคนคงหมั่นไส้แหละที่ไปอ้อนพี่ชายของเขา
“โลกนี้มีถุงมือใช้แล้วเนอะ เผื่อลืม มีดบาดแค่นั้นร้องเสียลั่น”
ด่าโง่ยังเจ็บน้อยกว่าเลย เฮ้อ...นี่เฮียปัณณ์เป็นอะไรมากไหม แค่บอกว่าใส่ถุงมือก็พูดได้ปะ แล้วที่บอกมีดบาดแค่นั้น ให้ลองมาโดนบาดดูบ้างเหอะ ฉันจะสมน้ำหน้าให้
“บ้านอยู่ท่าแซะเหรอเฮีย ทำไมแซะเก่ง”
“ก็ทำหน้าแบบนั้นดูก็รู้แล้วคิดอะไรอยู่”
“รู้จายยย” ฉันยิ้มสู้ไปเลยสิ เอาซี้ใครมันจะแพ้ก่อนกัน
“ฮึ...ส่วนเธอก็รู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตัวเอง”
เฮียปัณณ์+100 ส่วนอีพริก -100,000
คนปากร้ายชนะเฉย
ให้ตายสิ...เฮียนะเฮีย...เออแพ้แล้วแพ้หมดรูปเลย แต่เพราะมัวแต่ทะเลาะกับเฮียปัณณ์ มือของฉันเลยกลายเป็นมัมมี่ไปแล้ว
“พี่ปุณณ์...มีดบาดนิดเดียวเองทำไมพันซะนึกว่ามือหัก แล้วแบบนี้พริกจะกินข้าวยังไงล่ะ”
เธอยกมือขึ้นมองอย่างสิ้นหวัง แถมคนทำแผลให้ดูเหมือนจะไม่ชอบหากฉันเอาออกด้วยสิ
“เดี๋ยวป้อน” เสียงกระแทกกระทั้นของพี่ปุณณ์ทำฉันหน้าเหวอ นี่พี่แกจะป้อนฉันจริงดิ คิมิโต๊ะโน๊ะเลยนะแบบนี้อะ งุ้ยสุดหล่อคนที่สองจะป้อนให้ ฉันจะได้ไปคุยกับนังลูกฟูกกับนังจูเน่ ต่อให้ไม่ได้น้องแต่พี่ก็น่ารักไม่หยอกเหมือนกัน
OMG!
แล้วฉันก็ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ จากนั้นก็รออาหารเสร็จแต่คนที่บอกจะป้อนกลับไปโทรศัพท์
TT^TT
ขอบคุณในความหวังดีของพี่ปุณณ์ ช่วยฉันได้มากส่วนฉันก็ใช้มือเดียวกินเท่าที่กินได้ แต่ฉันอยากกินหอยแครงที่ลวกได้พอดีมาก แต่ว่าแกะไม่ถนัด
เฮ้อ...เอาไว้ค่อยอ้อนแม่ให้ทำให้กินก็แล้วกัน
“ที่รัก...กินหอยครับ” นั่นพี่ปั้นป้อนพี่รินอย่างเอาใจ อดอิจฉาไม่ได้เลยจริง ๆ แต่เมื่อหันมาคนที่รังเกียจฉันนักหนามานั่งข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และดูจะกินแซ่บแต่กุ้งแช่น้ำปลา อย่างอื่นไม่เห็นแตะ
สงสัยจะชอบจริง ๆ แต่ฉันมองเขาดูกินน่าอร่อยดีเนอะแล้วก็เผลอมองนานจนคนถูกมองหันมาทำตาค้อนใส่
“อยากกินกุ้ง?” เขาถามด้วยใบหน้าตึง ๆ คล้ายคนหวงของกิน จนฉันอมยิ้ม
“ไม่อยากกินกุ้ง แต่อยากกินเฮียอะ...ได้ปะ”
ต่อให้มือเจ็บแต่ปากยังดีอยู่นะ อิอิ
“ถ้าใจกากอย่าปากเก่ง”
งุ้ยยย~ด่าได้สะเทือนไตมาก...เจ็บไตเลย
“....”
หมายความว่าไง...คิดว่าฉันไม่กล้างี้เหรอ เอาจริงก็ไม่รู้ว่ากล้าหรือเปล่า แต่ชอบแล้วก็ต้องสู้สิวะ
“ไม่ได้เก่งแค่ปากหรอก” ฉันว่า
“ส่วนใหญ่ก็ดีแต่พูดเท่านั้นแหละ พอเอาเข้าจริงก็…”
เกลียดการลากเสียงของเฮียมาก
เฮียปัณณ์คิดว่าฉันจะเล่น ๆ เหรอ นี่จริงจังนะ
“ส่วนพี่คงดีแต่...ปากสินะ” ฉันชอบมากเรื่องท้าทายและคิดว่าอีกคนก็น่าจะไม่ชอบเท่าไรที่โดนกระตุกหนวด แต่เดี๋ยวนะ
แต่แล้วขณะที่ฉันลอยหน้าลอยตากวนตีนพี่เขาทำไมตีนพี่แกขยับ ไม่ใช่ว่าจะกระทืบฉันหรอกนะ ซวยแน่
ฉันรีบยืนขึ้นทันทีก่อนจะบอกกับพี่ริน
“เอ่อ...พี่ริน...อิ่มแล้วพริกกลับก่อนนะ”
“รีบไปไหนเพิ่งกินยำไปนิดเดียว ยังมีอย่างอื่นอีก นั่งลงเดี๋ยวนี้”
โถ...พี่ริน...ดูด้วยหน้าเพื่อนพี่กำลังจะเสิร์ฟยำตีนให้หนูแล้ว หากอยู่ต่ออีกหน่อย เละแน่ ๆ
“ดูเหมือนเฮียจะไม่ค่อยอยากให้หนูอยู่เท่าไรนะคะ” ฉันว่าเสียงสั่น ๆ แอบกลัวนิด ๆ ด้วยล่ะ ปกติก็ไม่ค่อยเห็นเฮียปัณณ์โมโหใครนะ ยกเว้นรำคาญฉันเนี่ยแหละ
“หยุดเลยไอ้ปัณณ์ น้องอยู่ห้องคนเดียวน่าสงสาร” ฉันรีบไปนั่งเบียดพี่ริน เพราะไม่ไว้ใจ หากขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อฟาดมา หน้าฟ้าประทานจะกลายเป็นใบหน้าที่โดนฟ้าลงโทษเอาได้
“มานั่งนี่” นั่นสั่งให้ฉันนั่งใกล้ ๆ แถมขู่อีก
เฮียขู่เก่งมาก
“เฮีย~” ฉันว่าเสียงอ่อย แต่แล้วก็โดนดึงแขนให้ลุกมานั่งใกล้ ๆ แล้วไอ้ใจกาก ๆ ปากเก่ง ๆ อย่างฉันก็นั่งเสียวสันหลังต่อไป
แต่นั่งไปสักพักกุ้งแช่น้ำปลาที่ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บ ๆ ก็ยื่นมาตรงหน้า ฉันไม่มองแต่กลับหันไปดูคนที่จิ้มมาให้อย่างระแวงนิด ๆ ว่าแอบใส่อะไรไว้หรือเปล่า เดี๋ยวเกิดกินแล้วชักตาตั้งยุ่งตายเลย
ผัวรวยก็ไม่ได้...แถมยังตายก่อนแก่อีก
“กิน”
แววตาเขาคมดุเหมือนสั่ง แต่ลึก ๆ เหมือนกำลังทดสอบฉันว่าจะถอยหรือกล้าสู้กับเขา
“เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะเห็นพี่ชอบไม่อยากจะแย่ง” ฉันยิ้มแหย ๆ กลับ พลางคิดว่าใครจะกล้ากิน ปกติก็แทบจะกินหัวฉันอยู่แล้ว นี่ต้องสอดไส้อะไรสักอย่างแน่ ๆ
“กลัวเหรอ”
“...เฮียใจร้ายนี่ไม่กลัวได้ยังไงล่ะ”
เขาไม่เพียงไม่โกรธแต่กลับยกยิ้มอย่างเป็นต่อราวกับหมาป่ากำลังไล่ต้อนลูกแกะตัวเล็กตัวน้อยอย่างฉัน จากนั้นยกมือขึ้นบีบคางฉันให้อ้าปาก
“โอ๊ย...เฮีย...ทำอะไรเนี่ย...บอกว่าไม่กินไง”
“กิน!”
“มะ...” ยังไม่ทันพูดได้จบ ก็มีกุ้งแช่น้ำปลาพุ่งเข้าปากแล้วน้ำจิ้มซีฟู้ดนั้นมีซ่อนเม็ดพริกเอาไว้ข้างในอีกจนฉันไม่กล้าเคี้ยวทั้งจะหลบไปคายทิ้งด้วย แต่ว่า...
“ถ้าคายทิ้งมีเรื่อง”
เฮียยยย...ทำไมต้องฆ่ากันทางอ้อม
มีดบาดไม่พอยังโดนบังคับให้เคี้ยวพริก ชีวิตอีพริกเหี้ยจริง ๆ แล้วช่วยไม่ได้ชอบแกล้งเฮียบ่อย ๆ ด้วย แต่ฉันคือเต๊าะเขาเฉย ๆ เองนะ ทำไมต้องล้างแค้นด้วยวิธีนี้
บอกเลยชั่วโมงนี้เคี้ยวทั้งน้ำตาแต่เมื่อหันมองหน้าเขา รอยยิ้มเขามีเสี้ยวบางที่เหมือนกำลังสนุกกับการเห็นฉันทรมานไปกับความเผ็ด…เหมือนหมาป่าที่เลียเขี้ยวรอดูเหยื่อดิ้น
“ถ้าอยากเป็นแฟนฉันก็ต้องหัดกินของเผ็ด ๆ เพราะฉันชอบกินเผ็ด”
หือออ...ว่าไงนะ...อันนี้น่าสนใจนะ...แค่กินพริกได้ก็จะมีลุ้นเป็นแฟนเฮียงั้นเหรอ...โอ๊ยเอามาพริกหนึ่งสวนเลย
“เฮียป้อนมาหนูพร้อม” ตอนนี้เรื่องเผ็ดเอาไว้ทีหลัง ถ้ากินพริกแล้วได้ผู้ชาย พริกแกงคนนี้ก็สู้ตายบอกเลย
“ปากเก่ง...ดีชอบ”
หูยยย...ชอบเหรอ...ชอบจริงดิ...ชอบจริงหรือเปล่า
ฉันที่ฝันไปไกลนั้นหารู้ไม่ว่าเฮียปัณณ์เตรียมวิธีทรมานฉันด้วยการยกพริกมาทั้งจานวางตรงหน้า ความฉิบหายจะไปไหนเสียล่ะ
ฉันมองหน้าเฮียอย่างขอความเห็นใจ แต่ดูเหมือนเฮียจะไม่เห็นใจไม่พอ ยังส่งสายตาเชิงบอกว่า
ถ้าใจกากรบกวนอย่าปากเก่งให้มากนะ!
แต่เหมือนสวรรค์ยังเห็นใจอีพริกแกงอยู่นิด ๆ เมื่อพี่ปุณณ์เข้ามาได้ทันเวลาพอดี ฉันจึงส่งสายตาอ้อนวอนไปให้
“มึงทำอะไรน้อง”
“เปล๊า”
“ไอ้ปัณณ์!”
“ไม่ต้องยุ่ง...แล้วนั่นคุยกับใคร” เฮียปัณณ์เปลี่ยนเรื่องไม่ยอมให้ช่วยฉัน โอ้โหร้ายมาก
“เฮ้อ...เด็กเก่าไม่ยอมเลิก”
เรื่องนี้น่าสนใจนะ อยากรู้จังเด็กเก่าพี่ปุณณ์ใครหว่า ฉันนั่งเสนอหน้าไม่พอยังมองไปทางนั้นอย่างสนใจอีก พลางคิดวิธีวุ่นวายในหัวช่วยพี่ปุณณ์
“บอกแล้วทำอะไรก็ให้เรียบร้อย จ่ายแล้วให้จบ”
“ก็เด็กไม่ยอมจบ”
“ไม่จบก็เหี้ยแล้ว”
สองพี่น้องคุยกันไปมาฉันก็หันซ้ายทีขวาที จนเห็นว่ามีช่องว่างจึงเอ่ยขึ้น
“ให้พริกช่วยไหม...พริกเป็นแฟนปลอม ๆ พี่ปุณณ์ไปจัดการผู้หญิงคนนั้นให้เอง”
“จัดการยังไง” พี่ปุณณ์ไม่ได้ถามแต่คนอยากรู้ดันเป็นเฮียปัณณ์เสียอย่างนั้น ฮั่นแน่หึงอะดิ
“ก็ไปด่าให้ยับ ไม่คิดเงินเลยด่าให้ฟรีแล้วเล่นเป็นแฟนได้แนบเนียนด้วย” ฉันภูมิใจในฝีปากตลาดของตัวเองมาก ๆ เป็นแม่ค้าต้องปากตลาดเอาไว้ก่อน
“ไม่ต้องยุ่ง!”
“....” ดับฝันเฉย...ไม่ใช่พี่ปุณณ์นะ แต่เป็นเฮียปัณณ์
ก็แค่อยากช่วยเฉย ๆ ทำไมต้องว่าเรายุ่งด้วยเนี่ย หวงใช่หรือเปล่า แต่ท่าทางเหมือนไม่หวงเลยแหะ ยังไงดีนะไม่ชัดเจนเว่อร์
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น ใครทำก็ให้จัดการปัญหาเอาเอง อิ่มแล้วใช่ไหมจะไปส่ง” นี่ไม่ใช่ประโยคคำถามด้วย แต่ว่าอีกคนกระชากมือฉันขึ้นแล้วพาเดินออกจากห้องท่ามกลางสายตางุนงงของทุกคน และรวมทั้งฉันด้วย
มือเขากระชากฉันแรงพอให้เสียหลัก แต่ความร้อนที่แผ่ผ่านปลายนิ้วกลับทำให้หัวใจฉันเต้นรัว… นี่เขาจะพาฉันไปไหนกันแน่?
ไปส่งนี่คืออะไร?
ฉันถูกเฮียขโมยไปนอนบ้านข้าง ๆ บ่อย ๆ แม้ไอ้สองแฝดตัวแสบจะชอบกวนก็เถอะ แต่พวกมันก็ยอมให้เฮียพาน้องสาวของพวกมันไปได้ แม้ว่าจะยอมปล่อยแต่ละวันก็ไม่ง่าย พวกเราเอนจอยกันมากขึ้น บ้านนั้นไม่มาวุ่นวาย แม่มีความสุขมาก และกิจการของแม่ดูจะใหญ่โตไม่เบาเลยทีเดียวจากที่แม่ของเฮียช่วยโพรโมต ทั้งเลือกจัดเลี้ยงเป็นเซตปิ่นโตในงามสัมมนาบริษัท และงานต่าง ๆ ที่จัดในห้าง ส่วนเรื่องวารีมุกดาฉันไม่อยากรื้อฟื้น แต่รู้ข่าวมาว่าเลือกจะลาออกจากมหาวิทยาลัยออกไป เพราะว่าพี่ปุณณ์ไม่ยอมจบแค่ตกลงกัน หลังรู้ว่ายาที่ใช้กับเฮียอันตรายมาก ถึงขนาดล้มช้างหากเฮียเป็นอะไรไปก็ไม่อาจจะเรียกคืนกลับมาได้ ฉันเองก็ไม่ออกความคิดเห็นก็แล้วกัน ถือว่าเขาก็ได้บทเรียนจากสิ่งที่ตัวเองทำแล้ว ฉันนั่งยิ้มให้กับความวุ่นวายในบ้าน จนคิดว่าบางทีความสุขของเราไม่ได้อยู่ที่มีเงินเท่าไร แต่อยู่ที่ว่าพวกเราได้อยู่กับใครยิ่งเวลาอาหารเย็นเรียกได้ว่าเป็นอะไรที่สนุกสุด ๆ พี่รินเองก็มาช่วยแม่ทำกับข้าว ฉันที่หายดีแล้วก็ช่วยด้วย และกลับมากินอาหารอร่อยขึ้น แถมน้ำหนักเริ่มขึ้นจนแก้มป่องและหลายครั้งไอ้แฝดนรกที่ทำตัวเป็นพี่ชายหว
“เฮียพูดจริง พริกทำหน้าได้ยั่วมาก จนอยากกดให้ลึกสุดลำ” โอ๊ย เสียวทั้งท้องน้อยบอกเลย เฮียทำไมแซ่บแบบนี้ “ปะ...เปล่านะเฮีย...อย่ามาใส่ร้าย...อะ...โอ๊ย” “นี่ยั่วอยู่ อยากให้เห็นจริง ๆ” ฉันก็อยากเห็นหน้าตัวเองตอนทำหน้ายั่วเฮียเหมือนกันว่าเป็นยังไง มันเป็นไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย แต่ตอนที่เฮียยั่วฉันน่ะ มันยิ่งกว่านี้อีกไม่ใช่หรือไง สองมือของเฮียปล่อยมือออกจากมือของฉันแล้วสอดเข้าไปใต้สะโพกแล้วขยำหนัก ๆ จนฉันสะดุ้ง ขณะที่ริมฝีปากอุ่นร้อนของเฮียก็ดูดที่หน้าอกอวบแล้วก็ดึงเบา ๆ ทำให้ฉันรู้สึกวาบไปทั้งอก ปลายยอดอกตอนนี้ชาหนึบเพราะฝีมืออีกคนไปแล้ว “เฮีย...พริก...พริกเสียว” “ใจเย็น ๆ ...น้ำยังออกน้อย” คำว่าน้ำยังออกน้อยทำให้ฉันนึกถึงตอนที่จีบเฮีย แรก ๆ บอกว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินจะกร่อนเอง แต่ตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นหินหยดลงน้ำไปแล้ว แต่คิดฟุ้งซานได้ชั่วครู่ เฮียก็ดึงสติฉันกลับมาด้วยการขยำหน้าอกของฉันแรง ๆ “เฮียเจ็บอย่าบีบแรง” “หน้าอกก็ใหญ่ เมียวัวพันธุ์ดีจนเฮียอยากกินนมทุกวัน แต่ก้าง
“ร่างกายดีขึ้นมากแล้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้หัวใจแข็งแรงนะครับ” คุณหมอเจ้าของไข้บอก พร้อมกับยิ้มให้ฉัน “ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้คุณหมอเพื่อจะลากลับ “มีอะไรสงสัยอีกไหมครับ” “ผมมีครับ...แล้วสามารถทำเรื่องบนเตียงได้ไหมครับ” เฮียยยย~ “ทำได้ครับ...เรื่องนี้ก็เหมือนได้ออกกำลังกายอย่างหนึ่งนะครับ แต่อย่าหักโหม อย่านอนดึก” หมอพูดยิ้ม ๆ จนฉันรู้สึกเขินแล้ว จากนั้นเอามือบิดที่สีข้างคนหื่น “กลับได้แล้วแม่รอกินข้าวเย็น” ฉันว่าก่อนจะลุกขึ้น ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนจนแทบควบคุมไม่ไหว ถ้ามาเจอหมออีกหนฉันคงเขินตัวแตก แต่คนหน้าด้านกว่าฉันกลับยิ้มเบิกบานใจ “รับยาแล้วกลับกัน” “เฮีย...พริกว่าจะแวะ...” “แวะคอนโดเฮียก่อน” เฮียทำเสียงเข้ม แต่ทำไมฉันรู้สึกว่ากำลังถูกหลอกไปเชือดชอบกล ยิ่งเห็นกล่องสีเงิน ๆ คุ้น ๆ คล้ายมีขายตามร้านสะดวกหรือในห้าง ที่บอกขนาด 56 ทำเอาฉันต้องหลบตาหนี ให้ตายสิ! เมื่อมาถึงคอนโดของเฮียที่ไม่ได้มานานแล้วเพราะย้ายไปอยู่บ้าน ฉันก็รู้สึกเกร็ง ๆ นิดหน่อย จากนั้นเมื่อลิฟต์เปิดออก
“งั้นวันนี้เราไปเปลี่ยนนามสกุลตอนบ่ายเลย กูประสาทแดกแน่ถ้าแม่งให้กูกลับไปอีก” ไอ้แฝดทิวเขาพูด “มาใช้นามสกุลฉันสิ...คืนนามสกุลเขาไป จะได้ไม่มายุ่งอีก น่ากลัวเหมือนกัน” พวกเราที่ยื่นหน้าไปดูที่หน้าต่างจากหลังโซฟาปรึกษาหารือกัน ส่วนแม่กับพี่หมอเมฆเดินออกไปด้านนอกเหมือนไม่กลัวอะไรเลย “นี่แฝดนรก...เขาจะทำร้ายแม่ฉันเปล่า” “ไม่น่าจะกล้านะ...จากที่รู้มา” พวกมันรู้อะไรกันมาวะ ทำไมฉันไม่รู้ บางทีก็ไม่ต้องปิดฉันก็ได้ ฉันรับได้หมดนั่นแหละ “แล้วผู้ชายคนนั้น” ฉันเลิกคิ้วถาม “ก็คนที่เรียกตัวเองว่าพ่อน่ะสิ” “กล้ามาก...ฉันไม่ค่อยอยากเจอเลย แม่จะชวนเข้าบ้านทำไมวะ” ฉันบ่นแต่สุดท้ายก็ต้องไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่มีกับข้าวพร้อมแล้วเหลือตักข้าว ส่วนฉันให้ไอ้สองแฝดประกบ กับเฮียที่เดินมาพอดีเลยนั่งข้างฉันด้วย ฉันเอื้อมมือไปจับมือของเฮียเอาไว้ ราวกับจะหาหลักยึด “พริก...นี่คุณเมธีวัฒน์...พ่อของ...” “อ้อ...สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทันทีไม่ทันให้แม่แนะนำตัวจนจบ แล้วไม่สนใจทั้งลงมือกินข้าวก่อน และกระทุ้งไอ้เจ้า
เมื่อเข้าใจกันดี พวกเราก็ฉลองวันที่อยู่กันพร้อมหน้าด้วยหมูกระทะรสเด็ด ที่ฉันอยากได้สูตรแม่ไปเปิดจะตาย แต่แม่ไม่ให้เพราะมันเหนื่อย ที่สำคัญแม่ดันได้ลูกชายเพิ่ม ลูกชายที่ทำให้ฉันปวดประสาท“ไอ้แฝดนรก...นี่หมึกของฉัน”“ใครไวใครได้”ย้อนเวลากลับไปได้ไหม ฉันจะไม่ชวนไอ้แฝดเวรที่สถาปนาว่าเป็นพี่ชายของฉัน ที่ไม่ค่อยอยากรับเท่าไรกลับมาบ้าน“ฉันเป็นลูกคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว...ใครก็ได้บอกทีนี่เรื่องล้อกันเล่น และไอ้แฝดเวรนรกนี่ไม่ใช่พี่ชายฉันนนน”เสียงโวยวายของฉันดันเรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคน นอกจากแย่งของอร่อยบนเตาหมูกระทะแล้ว พวกมันยังแย่งที่นอนฉัน แต่เรื่องนั้นมันยอมกันไม่ได้“พวกนายมาขลุกอยู่นี่ทุกวัน ได้ข่าวว่าแพทย์ต้องเรียนหนัก และอ่านหนังสือหนักไม่ใช่หรือไง พวกนายทำไมลอยไปลอยมา ทำเหมือนหมอปลามือปราบสัมภเวสีล่ะ”“อ่านทำไมพวกเราเก่ง”เออ...ยอม...ยอมแล้ว บางทีก็น้อยใจแม่ที่เอาความฉลาดยกให้พี่หมอเมฆหมด เหลือแต่ความปากดีกับสมองน้อย ๆ ไว้ให้ให้ตายเถอะ“ติดเอฟแล้วจะขำให้”“ไม่เอฟหรอก...คราวก่อนเขียนเล่น ๆ ได้คะแนนเต็มเฉย”นี่ถ้าไม่ใช่หลวงพ่อวัดไร่ขิงจะเป็นใครได้อีก ทำไมขิงข่าเก่งอย่างนี้~~~ฉันที
“แต่หนูคือข้อยกเว้น...คนที่ชอบหนูคนแรกคือไอ้ริน แล้วมันจะจัดการพี่ถ้าทำหนูร้องไห้”โหย...ได้ยินคำนี้แล้วซึ้งวะ...ทำไมมิตรภาพดี ๆ พวกนี้ฉันถึงได้เจอนะ ฉันทำบุญด้วยอะไรวะเมื่อประตูบ้านข้าง ๆ เปิดเฮียก็ผลักฉันเข้าไปแล้วก็นั่งที่โซฟา เฮียดึงฉันขึ้นนั่งตักแล้วกอดเอาไว้แน่น“เฮีย...อย่ากอด...อึดอัดหายใจไม่ออก” ฉันท้วง แต่เฮียแค่คลายอ้อมกอดแต่ไม่ยอมให้ฉันลงจากตักของเฮีย จนฉันถอนหายใจใบหน้าของเฮียฝังอยู่ตรงแผ่นหลังของฉันนิ่ง ราวกับว่ากำลังคิดว่าควรจะเริ่มยังไง ฉันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น“คนที่ชื่อมุกทำไมเรียกเฮียว่าปุณณ์ ทำไมไม่เรียกปัณณ์คะ” จุดนี้คือจุดที่ค้างคาใจฉันมาก ฉันอยากจะถามหลายครั้งแล้ว แต่พอมีโอกาสฉันกลับไม่กล้าถามคราวนี้คงถึงเวลา“พี่มันเหี้ยเอง”“อื้อ...อันนี้พริกก็รู้”“หนู!!!”อ้าว ไม่ใช่เหรอ...ก็เฮียเป็นคนแบบนั้นนี่ เพื่อนก็ด่าอยู่ทุกวันไม่ใช่หรือไง“เฮียใช้ชื่อไอ้ปุณณ์ไปจีบเขา แต่ว่าตอนนั้นดันตกหลุมรักจริง ๆ เข้า แต่สุดท้ายเราต่างก็เลิกกัน”ฉันถอนหายใจดูก็รู้ว่าเฮียตั้งใจข้ามดีเทลเล็ก ๆ น้อยๆไป“ขอรายละเอียดมีเวลาสองชั่วโมง”“ครับ...ได้ครับ”แล้วเฮียก็เล่าตั้งแต่เจอกันยังไ