ไม่ปล่อยให้เธอได้รอนาน ชายหนุ่มรีบเปิดลิ้นชักข้างเตียงเพื่อหยิบอะไรบางอย่าง
ถุงยางอนามัย…
เขาหยิบซองถุงยางไซซ์พิเศษเฉพาะตัวฉีกซองด้วยมือเดียวโดยที่ใช้ปากในการช่วย แววตายังคงจดจ้องที่คนตัวเล็กใต้ร่างไม่ละสายตา ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้มลงไปรูดใส่แก่นกายอย่างใจเย็น ขณะที่อีกคนกลับจ้องมองการกระทำของเขาผ่านความมืดที่พอมีไฟสลัว เธอไม่เห็นหน้าเขา เธอไม่รู้ว่าหน้าตาไอโรคจิตที่เป็นคนวางยาเป็นยังไง เธอรู้เพียงว่ากลิ่นกายเขาหอม กล้ามแน่นเป็นกำยำ ผิวขาวเนียนละเอียดไม่ต่างไปจากเธอเลย
ปึก!
"กรี๊ดดดดดด" หญิงสาวที่กำลังจินตนาการถึงใบหน้าของเขากรีดร้องออกมาสุดเสียง คนตัวเล็กตาเบิกโพลงพร้อมกับแหงนมองเพดานกว้างน้ำตาคลอเบ้า จินตนาการทั้งหมดหายวับไปเมื่อร่างสูงจัดการกระแทกแก่นกลางลำตัวเข้ามาทีเดียวมิดลำ ความเจ็บและจุกแล่นเข้ามาในร่างกายจนเธอต้องนิ่วหน้าขมวด รู้สึกถึงของเหลวที่ไหลออกมากลางกาย นั้นคือเลือดบริสุทธิ์ที่ขาดสะบั้นลงในค่ำคืนสวาท
ครั้งแรกของเธอต้องเสียให้กับคนที่ไม่รู้จัก แถมขนาดของมันยังใหญ่โตเกินกว่าคนอื่นทั่วไป…
"จะ เจ็บ!" หญิงสาวโอดครวญน้ำตาปริ่มออกห่างตากับความไร้ซึ่งความอ่อนโยน
"อยากให้ฉันเอาก็ต้องทน" น้ำเสียงเขาราบเรียบราวกับคนที่ไม่มีความรู้สึก เขากดแช่แก่นกลางไว้เพื่อให้ช่องทางรักได้ปรับตัว แต่ไม่นานคนใต้ร่างที่เจ็บโอดโอยในตอนแรกก็เริ่มเงียบไป
ความเสียวกำลังแล่นเข้ามาแทนที่ ฤทธิ์ของยาเริ่มทำงานหนักอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าร่างสูงยังนิ่งเธอจึงเป็นฝ่ายที่ร่อนเอวขึ้นมาเอง
"อ่าส์…กระแทกมาเลย ฉะ ฉันไม่เจ็บแล้ว" ร่างหนาไม่ตอบอะไรเพียงแต่เลื่อนมือไปจับเอวบาง เขาค่อยๆ กดสะโพกหนักๆ เข้าไปช้าๆ ตามจังหวะอารมณ์
"อะ อื้อ~" จนคนใต้ร่างร้องครางเสียวกับความคับแน่นตรงกลางกายที่กำลังผสานเข้ากันอย่างลงตัว
แรงตอกอัดยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะโพกหนาที่ซอยหนักๆ เน้นๆ ในตอนแรกเริ่มกระแทกแรงขึ้น อารมณ์กระสันพลุ่งพล่านจนเขาเองก็แทบที่จะควบคุมอารมณ์ไม่ไหวเผลอร้องครางเบาๆ ในลำคอพึงพอใจกับช่องรักที่ตอดรัดลูกชายเขาเป็นอย่างดี
ปึก ปึก ปึก ~
"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ!" เรือนร่างบางสั่นคลอนไปตามแรงกระแทกที่เริ่มทวีความหนักหน่วง มือบางเอื้อมไปกำหมอนสองมือแน่นเพื่อระบายความเสียวซ่านที่กำลังกัดกินจนสติเลือนหาย ทิ้งไว้เพียงความสยิวที่เธอเองไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
"ระ แรงอีก…" เรียวปากบางเอ่ยเมื่อตัวเองใกล้ถึงฝั่งปรารถนาเข้าไปเต็มที ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะทำตามคำขอเพิ่มระดับแรงกระแทกให้แรงขึ้นบดขยี้หนักๆ จนไม่นานอีกคนก็กระตุกถี่ๆ เสร็จสมจนได้
ดีเจสาวนอนหลับตาพริ้มราวกับคนหมดแรง ในขณะที่อีกฝ่ายกลับไม่มีแม้แต่เสียงหอบหายใจด้วยซ้ำ เขาจับร่างเล็กพลิกตัวขึ้นดึงเอวคอดให้กระดกสะโพกขึ้น ก่อนที่จะจัดการดันท่อนเอ็นปูดปูนเข้าไปอีกครั้งจนมิดลำ
"อะ อ๊าส์ จุก…" หญิงสาวร้องครางพร้อมกับก้มหน้าแนบไปกับหมอน มือบางควานหาที่ยึดที่ได้เป็นหัวเตียงเพื่อกันแรกตอดอัดที่กำลังจะสาดใส่เข้ามาในร่างกาย
ปึก ปึก ปึก ~
ชายหนุ่มจึงจัดให้ตามความต้องการ เขากระแทกแก่นกายระรัวความเร็วไม่ยั้ง มือหนาเอื้อมไปคว้าแขนเธอไว้ให้หันกลับมามองใบหน้า จนเรือนร่างบางปรือตามองด้วยสติอันน้อยนิดร้องครางเสียวอยู่ตลอดเวลา
"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ!" เสียงร้องครางระงมลั่นไปทั้งห้องนอนหรูหรา ตอนนี้เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย และดูเหมือนว่าความต้องการของเธอก็จะไม่หมดลงง่ายๆ ฤทธิ์ยายังคงทำให้เธอร้อนรุ่มต้องการอยู่ตลอด แม้เขาจะกระแทกให้ไม่ยั้งแล้วก็ตาม
ร่างบางกระตุกร่างเป็นครั้งที่สอง หัวสมองขาวโพลนโลดแล่นไปกับความสุขสมที่ได้รับจนร่างกายหมดแรงไถลไปนอนราบพร้อมกับเสียงหอบใจแรง
"แค่นี้เหนื่อยแล้ว?" เสียงทุ้มก้มลงมาพูดเสียงกระเส่า พลางขบเม้มใบหูบางเบาๆ กระตุ้นอารมณ์กระสันอีกครั้ง
พรึ่บ!
คนที่นอนหมดแรงในตอนแรกพลิกให้ตัวเขากลับกลายเป็นนอนใต้ร่าง ส่วนเธอกลับเป็นคนที่ขึ้นคร่อมเขาแทน
"ฉันยังต้องการอีก…" หญิงสาวพูดจบก็จับความใหญ่โตเข้ามาในร่างกายอีกครั้ง เธอค่อยๆ นั่งทับลงจนท่อนเอ็นกลืนกินไปจนหมด
"อะ อื้อ~" เรือนร่างบางบิดเร่าเมื่อได้เป็นฝ่ายควบคุมเกม ยิ่งทวีความเสียวสะท้านหนักยิ่งกว่าเดิมจนต้องรีบควานหาที่จับเพื่อทรงตัวให้อยู่
"…" ในขณะที่ร่างสูงจดจ้องการกระทำของคนตัวเล็กอย่างไม่ละสายตา เขาปล่อยให้เธอได้ทำในสิ่งที่เธอต้องการ ขย่มเต็มที่โดยที่มีเขาคอยจับเอวบางช่วยอีกแรง
ดีเจสาวบดขยี้กลางกายเชื่อมจนกัดปากตัวเองให้กับความสยิว ดวงตากลมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนใต้อาณัติ แสงสว่างที่ลอดผ่านผ้าม่านเป็นเส้นรอยยาวทำให้เธอเห็นใบหน้าคมแค่ครึ่งล่างรวมไปถึงรอยสักที่อยู่บนอกสวยงามดึงดูดความสนใจของเธอจนต้องเอ่ยถาม
"มะ มันคือรูปอะไร…" มือบางค่อยๆ ลูบไล้ที่หน้าอกข้างขวา จุดที่เป็นรูปรอยสักถมสีดำวาดเป็นโครงเท่าฝ่ามือบาง เธอไม่สนใจที่จะมองใบหน้าเขาอีกต่อไป เพราะสิ่งตรงหน้ากำลังดึงความสนใจเธอไปจนหมดแล้ว
"นก…"
"มันคือรูปนกฟีนิกซ์"
"ฟิลิปส์มานอนได้แล้วครับ""ค้าบ~" เด็กชายตัวน้อยรีบวิ่งขึ้นมานอนบนเตียงกว้างหลังจากที่ฉันเอ่ยเรียก ฟิลิปส์นอนแยกห้องกับฉันตั้งแต่สองขวบ เมื่อฉันพาเข้านอนเสร็จก็จะกลับห้องตัวเอง ซึ่งเป็นแบบนั้นทุกวันจนเขาชินไปแล้ว"วันนี้ให้หม่ามี้อ่านเรื่องไหนดีคะ?" กิจกรรมก่อนนอนของเขาคือการให้ฉันอ่านนิทานให้ฟัง เพื่อกล่อมให้เขานอนเร็ว อีกอย่างก็เป็นการเสริมพัฒนาการของเขาในตัวด้วย"ผมอยากให้ปาป๊าอ่าน" เด็กน้อยเงยหน้ามองฉันพร้อมกับสีหน้าออดอ้อน"วันนี้ปาป๊ายังทำงานไม่เสร็จเลย ให้หม่ามี้เล่าให้ฟังเนอะ""ก็ได้ครับ" ใบหน้าเล็กเศร้าลงเมื่อไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็ยอมฉันแต่โดยดีจนกระทั่ง…แอด ~"ปาป๊า~" บานประตูห้องนอนของลูกถูกเปิดออกพร้อมกับสามีของฉันที่เดินเข้ามาในชุดนอนพร้อม วันนี้เขาบอกว่าจะอยู่ปั่นงานจนถึงดึก ฉันก็นึกว่าเขาจะจมอยู่กับกองงานจนรอเจออีกทีก็พรุ่งนี้เสียแล้ว"ทำไมยังไม่นอนหื้ม…" ร่างสูงล้มตัวนอนอีกฝั่งของลูกชาย มือหนาก่ายขึ้นมาโอบฉันไว้โดยที่มีฟิลิปส์นอนอยู่ตรงกลาง"ปาป๊าเล่านิทานได้ไหมครับ?" เด็กชายรีบออดอ้อนอีกครั้ง"อยากให้ป๊าเล่าให้ฟังเหรอ?""ผมอยากฟังเรื่องนี้" ฟิลิปส์หยิบหนังสือนิทานโดยไม่
สามปีผ่านไป"ไปไหนกันมาคะ ทำไมถึงเหงื่อซกกันทั้งสองคนแบบนี้" ฉันปรายตาไปมองสองพ่อลูกที่จับมือกันเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดเต็มกรอบหน้า วันนี้หายออกจากบ้านไปทั้งพ่อลูกเกือบค่อนวัน ฉันให้การ์ดตามหาก็หากันไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปเล่นซนกันที่ไหน ปิดเรื่องเงียบทั้งพ่อทั้งลูก"ฟิลิปส์…ป๊าพาไปอาบน้ำ" พี่ฟีนิกซ์ทำเมินคำถามของฉัน ก้มลงไปอุ้มเจ้าลูกชายแสนซนหมายจะเดินผ่านหน้าฉันขึ้นไปชั้นสอง"พี่ฟีนิกซ์พาลูกไปทำอะไรแปลกๆ หรือเปล่าคะ?" เชื่อใจไม่ได้หรอก พี่ฟีนิกซ์ตามใจลูกเสียทุกอย่าง ไม่ว่าฟิลิปส์จะขออะไรก็ทำให้ได้หมด ตามใจจนลูกถามหาแต่เขาอยู่คนเดียว"เปล่า แค่ไปวิ่งเล่นกัน" เรียวปากหนาเอ่ยตอบ แต่ท่าทางดูมีพิรุธฉันว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ"ฟิลิปส์ บอกหม่ามี้มาค่ะว่าไปทำอะไรกันมา" ในเมื่อถามหาเรื่องจากฝั่งพ่อไม่ได้ก็มาเค้นลูกชายแทน เด็กโกหกไม่เป็นอยู่แล้ว"ป๊าพาไปวิ่งเล่นครับ" ฟิลิปส์รีบตอบทันที ขณะที่ฉันกำลังจดจ้องเพื่อเค้นความจริง พี่ฟีนิกซ์ก็รีบอุ้มลูกเดินหนีฉันไปเฉยเลย"อย่าให้รู้ว่าไปแอบเล่นอะไรพิเรนทร์มานะคะ" ฉันตะโกนไล่หลังสองพ่อลูก ตอนนี้เหมือนมีลูกสองคนเพราะพี่ฟีนิกซ์เหมือ
"หนูโอเคขึ้นแล้วจริงๆ ค่ะ" ร่างสูงยังคงจับมือฉันไม่ห่าง หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาที่แสนลำบากไปได้ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลแล้ว ทั้งฉันและพี่ฟีนิกซ์เราเพิ่งออกจากห้องคลอดมาด้วยกัน เจ้าฟิลิปส์ได้ออกมาลืมตาดูโลกแล้ว ตัวกลมแก้มแดงเชียว จมูกนิดตาโตเหมือนที่ฉันคิดไว้ว่าต้องเหมือนพ่อของเขาไม่มีผิด และดูเหมือนเจ้าตัวก็ภูมิใจมาก ตลอดการคลอดของฉันมีเขาคอยจับมือเป็นกำลังใจอยู่ตลอด น้ำตาแห่งความสุขของคนเป็นพ่อไหลลงอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าลูก คนไม่เคยเห็นหน้าทั้งสองคนในที่สุดก็ได้เจอกันสักที วันนี้เขาไม่ต้องคุยกันผ่านหน้าท้องของฉันอีกต่อไป เขาจะได้สัมผัสตัวเป็นๆ อย่างที่เขารอมาเนิ่นนานแล้ว"เจ็บตรงไหนบอกฉันนะ" หลังจากที่ออกจากห้องคลอดพี่ฟีนิกซ์ก็ยังดูแลไม่ห่าง มีสลับไปดูลูกในตู้ของโรงพยาบาลบ้าง แต่เมื่อมีคนบอกว่าฉันตื่นแล้วก็รีบกลับมาหาอย่างไวเลยผลออกมาอย่างที่เห็น เขาดูสงสารฉันตลอดเวลา ไม่ยอมเดินออกไปไหนเฝ้าฉันตลอดเวลา ถึงจะมีครอบครัวของฉันคอยอยู่เป็นเพื่อนแล้วก็ตาม"หม่ามี้อยากเห็นหน้าหลานเต็มทีแล้ว" คนอื่นๆ ยังไม่ได้เห็นกันชัดๆ เลย เพราะทางโรงพยาบาลต้องกักตัวลูกไว้ก่อน จึงพากันตื่นเต้นไ
แปดเดือนผ่านไป ~"วันนี้รู้สึกยังไงบ้างลิลิน เจ็บเท้าบ้างหรือเปล่า?" เสียงหวานของคนเป็นแม่เอ่ยถามขึ้นขณะที่ลงมานั่ง ช่วงนี้ฉันอยู่ในช่วงใกล้คลอด อีกไม่กี่สัปดาห์ก็ใกล้กำหนดคลอดที่คุณหมอตั้งไว้แล้ว ระหว่างนี้ก็ถูกพักการทำงานไปก่อน ช่วงว่างๆ ฉันจึงมาอยู่ที่บ้านของตัวเอง โดยที่มีพี่ฟีนิกซ์มาส่งก่อนไปทำงานและมารับหลังเลิกงานทุกวันเพราะเป็นห่วงกลัวว่าฉันจะเหงาอยู่คนเดียว แถมที่นี่คนยังเยอะกว่าบ้านของพี่ฟีนิกซ์อีก มีหม่ามี้อยู่ด้วยฉันจึงเห็นด้วยที่จะไปๆ มาๆ บ้านของตัวเอง และทุกคนก็ลงความคิดเห็นเหมือนกันหมด"นิดหน่อยค่ะหม่ามี้" ช่วงนี้เท้าฉันเริ่มบวมขึ้น ทำให้เดินแล้วเกิดอาการตึงจึงมักจะเจ็บแปล๊บอยู่บ่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้มาก อยู่ในช่วงที่อดทนได้"อดทนหน่อยนะ อีกไม่กี่วันก็จะคลอดแล้ว""ตั้งแต่มีเจ้าตัวน้อยหนูรักหม่ามี้ขึ้นเยอะกว่าเดิมเลย" ความรู้สึกของคนเป็นแม่เป็นแบบนี้นี่เอง ต้องใช้ความพยายามสูงมากที่จะดูแลคนๆ หนึ่งให้เติบโตจนเขาสามารถดูแลตัวเองได้ ฉันเพิ่งอยู่ระหว่างทางเอง กว่าจะโตจนแต่งงานออกเรือนได้คงต้องเหนื่อยอีกเยอะเลย"เหนื่อยแต่ก็มีความสุข เดี๋ยวหนูก็จะได้สัมผัสกับคำนั้น""ขนาดเขายัง
"ในที่สุดเราก็เจอกันอีกจนได้น้า~" ฉันยิ้มรับพร้อมกับเอ่ยออกมาเบาๆ ทันทีที่เรียวขายาวได้แตะกับน้ำทะเลสีใสบนเกาะส่วนตัวของพี่ฟีนิกซ์ที่เคยมาในครั้งก่อน มันยังคงสวยเหมือนเดิมแม้กาลเวลาจะผ่านไป ถึงอะไรๆ จะเปลี่ยนแปลงไปแต่ธรรมชาติที่นี่ก็ยังคงสง่างาม ร่มรื่นอยู่เหมือนเดิม"รีบไปกันเถอะ" ขณะที่คุณชายฟินซ์ทำการผูกเรือเสร็จสรรพเราก็จับมือกันเพื่อเดินไปยังบ้านหลังใหญ่ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาถึงต้องทำเองทุกอย่าง เป็นเพราะครั้งนี้การมาเที่ยวทะเลมีเพียงแค่เราสองคนตามสัญญาแต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือเจ้าก้อนเลือดในท้องอีกหนึ่งชีวิตที่คนนี้ฉันไม่สามารถห้ามตามมาขัดจังหวะสวีทหวานของเราได้จริงๆ มันอยู่นอกแผนไปหน่อย แต่ฉันก็ยินดีกับการมาของเขามากๆ เลยฉันและเขาเดินจับมือกันเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ มันสะอาดตาอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่มีใครอยู่ระหว่างนั้นก็ตาม"ทำไมมันถึงไม่มีฝุ่นเลยล่ะคะ?" แต่ก็น่าแปลกใจนะ มันต้องเก่าลงบ้างแหละ แต่ตอนนี้มันช่างดูสะอาดไปหมด สะอาดจนน่าแปลกใจ"ที่นี่ไม่ได้มีแค่บ้านนี้ แต่ยังมีอีกบ้านที่ฉันจ้างมาเป็นแม่บ้านของที่นี่""อ๋อ แล้วทำไมหนูไม่เคยเห็นเลยล่ะคะ?""เพราะเธออยากได้ความเป็นส่วนตัว ให
"อุแหวะ ~" ฉันโก่งคออ้วกอยู่ในห้องน้ำของบริษัทโดยที่มีเลขาสาวอย่างพี่ตาลคอยลูบหลังให้ วันนี้ฉันใช้เวลาในห้องน้ำมากกว่าการนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะเสียอีก เหตุผลคงไม่ต้องถาม ฉันและพี่ฟีนิกซ์แต่งงานกันมาแล้วสามเดือน และเราตกลงกันว่าอยากมีฟีนิกซ์น้อยมาวิ่งเล่นในบ้านหลังใหญ่เร็วๆ ซึ่งวันนี้ก็มาถึง วันที่ฉันกำลังแพ้ท้องลูกของฉันและเขาโดยที่เขายังไม่รู้ตัว"คุณลินไหวไหมคะ?" พี่ตาลช่วยพยุงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงเดินออกจากห้องน้ำ เรียวปากบางซีดเผือกค่อยๆ นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับหยิบยาขึ้นมาดมแก้วิงเวียนและอาการคลื่นไส้"มึนๆ นิดหน่อยค่ะพี่ตาล""คุณลินควรจะพักผ่อนที่บ้านนะคะ""พี่ตาลรู้ด้วยเหรอคะ?" ฉันเก็บความลับนี้เงียบมาคนเดียวหลังจากที่รู้ว่าตัวเองท้องมาได้สองวัน โดยที่ยังไม่ได้บอกใครทั้งนั้นเพราะอยากให้ทุกคนเซอร์ไพรส์พร้อมกันโดยเฉพาะพ่อของลูก"ฉันก็เคยมีอาการคล้ายคุณลินเลยค่ะ คนเคยผ่านมาแล้วดูไม่ยากเลยค่ะ""ยิ่งเป็นแบบนี้ ลินยิ่งไม่อยากอยู่บ้านเลยค่ะ กลัวพี่ฟินซ์จะจับได้" ฉันตั้งใจหาเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะบอกเขา จึงไม่อยากนอนพักที่บ้านเพื่อให้ดูน่าสงสัย อีกอย่างอาการแพ้ท้องสองวันที่ผ่านมาก็ยังไม่หนักเท่า