@มหาวิทยาลัยmk
"เฮ้อ..." เรียวปากเล็กของเอวาผ่อนลมหายใจออกยาวๆ ขณะที่นั่งอยู่กับอิงดาวสองคนเพื่อรอเพื่อนสนิทฝาแฝดอีกสองคนที่โรงอาหารคณะเตรียมจะขึ้นเรียนพร้อมกัน
"เป็นอะไร ถอนหายใจขนาดนั้น" อิงดาวเอ่ยถามเพื่อนสนิทเนื่องจากใบหน้าสวยของเอวาที่แสดงออกถึงความเบื่อหน่ายจนเธออดไม่ได้ที่จะถาม
"เบื่ออะ เซ็งด้วย..."
"ช่วงนี้ไม่คุยกับใครหรือไง ฉันเห็นแกไม่ค่อยได้ไปไหนกับใครเลย หลังจากที่เคลียร์กับพี่เฟรม"
"ไม่ได้คุยกับใคร"
"ถึงว่าถึงได้ทำหน้าเบื่อหน่ายมาหลายวัน...แบบนี้นี่เอง"
"ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นสักหน่อย"
"แล้ว?"
"ไม่รู้อะ ฉันก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน รู้แค่ว่าฉันเบื่อ"
"แกลองมีแฟนดูสิเอวา ฉันไม่เข้าใจแกเลย ทั้งที่มีคนดีๆ หลายคนเข้าหาแก ทำไมไม่คบๆ ไปสักที แกจะคุยเล่นๆ แบบนี้ไปตลอดเหรอ"
"..." ประโยคคำพูดของอิงดาวทำให้เอวาชะงักนิ่งไป ใบหน้าสวยเบือนหน้าหันหนีพร้อมกับหัวเล็กที่นึกถึงหน้าใครบางคนอัตโนมัติคนทันทีที่จบประโยคของเพื่อนสนิท
"หรือว่าแกมีคนที่ชอบแล้ว?" อิงดาวพูดขึ้นต่อจ้องจับผิดเพื่อนตัวเล็ก
"..." เธอยังคงนิ่งปรายตาไปมองอิงดาวเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบเบือนหนีกลับที่เดิมเมื่อสบเข้ากับสายตาของอิงดาว
"ท่าทางแบบนี้ต้องใช้แน่ๆ…ใครอะ?" กระทั่งเพื่อนตัวเล็กที่เห็นท่าทีดังนั้นก็ไม่วายที่จะเขยิบตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความอยากรู้ชะเง้อหน้ามาถูกับแขนเรียวของเอวาอย่างคาดคั้นต้องการคำตอบ
"อยากรู้เหรอ?" เอวาเลิกคิ้วถามเพื่อนอย่างตั้งใจถ่วงเวลาและตั้งใจแกล้งไปในตัว
"อย่าพึ่งแกล้งดิ บอกหน่อย"
"..." เอวานิ่งปรายตามองอิงดาวที่ถูแขนอ้อน
"ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใคร ปิดปากเงียบเลย" อิงดาวพูดจบก็ตั้งหน้าตั้งรออย่างตั้งใจ เธอมองหน้าเพื่อนแล้วฉายถึงความกดดันออกทางแววตาคู่สวย จนสุดท้ายเรียวปากอมชมพูก็ต้องยอมเปล่งออกไป
"ฉันชะ..."
"ไออิง!" ทว่าเสียงทุ้มจากด้านหลังกลับตะโกนเรียกดังลั่นโรงอาหาร อิงดาวที่กำลังลุ้นในตอนแรกต้องใช้มือทุบโต๊ะเสียงดังด้วยความหัวเสีย เธอค่อยๆ หันไปตามเสียงเรียกที่ขัดขวางนั้นซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
"ไอริว!...จะตะโกนหาไรวะ" อิงดาวตะคอกกลับใส่เพื่อน รู้สึกหงุดหงิดที่เพื่อนสนิทกลับขัดจังหวะความอยากรู้ที่เต็มเปี่ยมจนแทบเอ่อล้นออกมา
"อะไรวะ!...ก็ตะโกนเหมือนทุกวัน หงุดหงิดอะไรแต่เช้า" คีริวและคีรันเดินคู่กันมานั่งรวมโต๊ะกับสองสาว คีริวขมวดคิ้วติดกันที่เห็นท่าทีของอิงดาวที่ผิดแปลกไป ทั้งที่ทุกครั้งเขาก็ทำแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว
"หงุดหงิดนายนั่นแหละ" อิงดาวลุกกลับไปนั่งที่เดิม เธอส่งสายตาหันไปมองค้อนคีริวไม่หยุด
"ไออิงเป็นอะไร" จนสุดท้ายคีริวจึงเป็นฝ่ายที่หันไปถามเอวาแทน
"ไม่รู้เหมือนกัน" เอวาสั่นหัวบอกเพื่อนสนิท ทั้งที่เธอรู้ดีว่าตอนนี้เพื่อนสาวอีกคนกำลังหงุดหงิดเรื่องอะไร
"อะไรของมัน" คีริวบ่นมุบมิบกับตัวเองมือหนายกขึ้นมาเกาหัวด้วยความงุนงง ผิดกับคีรันที่ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดอะไรเหมือนเคย
"ช่างเถอะ...เดี๋ยวก็คงหายเองแหละ..."
"...ว่าแต่พวกนายทำวิชาการตลาดที่จะส่งพรุ่งนี้หรือยัง" เอวาเอ่ยถามเพื่อต้องการจะเปลี่ยนเรื่อง ใบหน้าสวยมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองคน
"ทำแล้ว พึ่งทำเมื่ิอคืน ไอรันมันช่วยทำ"
"แล้วพวกนายก็ทำกันสองคนไม่ให้ฉันดูเลยเหรอ?"
"กำลังจะส่ง แต่เมื่อคืนเผลอหลับไปก่อน"
"ใช่สิ...พวกนายก็เอาแต่ช่วยกันเอง ไม่ช่วยคนทำไม่เป็นแบบฉันบ้างเลย" เอวาเอ่ยตอบน้ำเสียงนอยด์ก่อนที่จะเบือนหน้าหันหนีไปตามอิงดาวสร้างความงุนงงให้คีรันและคีริวอยู่ไม่น้อยที่อยู่ๆ เพื่อนตัวเล็กก็งอนใส่โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ
"อะไรกันเนี่ย...วันนี้พวกเธอเป็นอะไรกัน ฉันงงหมดแล้วนะ" คีริวเริ่มถามขึ้นเสียงเล็กน้อยกับอารมณ์แปรปรวนของเพื่อนตัวเล็ก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและไม่กี่ประโยคก็ทำให้ทั้งสองงอนจริงจังได้
"ฉันน่ะงอนไม่ได้จริงจัง แต่ฉันว่าเอวางอนจริงจัง" กระทั่งอิงดาวที่เห็นดังนั้นก็ค่อยๆ ขยับตัวมากระซิบกระซาบกับคีริว
"..." คีรันขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ขณะที่เอวาก็เอาแต่เบือนหน้าไม่ยอมหันมามอง
"จบการสไลด์นำเสนอการสอนของวันนี้แล้วนะคะนักศึกษา มีใครมีอะไรสงสัยไหมคะ?..." อาจารย์วัยกลางคนที่ยืนใช้ไมค์สอนอยู่หน้าห้องเด็กบริหารปีสองเอ่ยถามขึ้น ภายในห้องเรียนกว้างเงียบกริบไม่มีใครยกมือสงสัยอะไร
"งั้นถ้าไม่มีใครสงสัยอะไร…อาจารย์ขอมอบงานของสัปดาห์นี้นะคะ ให้นักศึกษาจับคู่กันสองคนไปสรุปหัวข้อตามที่อาจารย์ขึ้นอยู่บนหน้าจอ ใครได้หัวข้อไหนก็สรุปหัวข้อนั้นแล้วทำการนำเสนอในสัปดาห์หน้าค่ะ…"
"อาจารย์จันทราแกจะไม่ให้เราพักซักสัปดาห์นึงเลยเหรอ งานมีทุกวีคเลย" หลังจากที่อาจารย์สาวเดินออกจากห้องไป อิงดาวก็เริ่มบ่นขึ้นไปตามประสา มือเรียวจัดการยัดของทุกอย่างบนโต๊ะเข้ากระเป๋าสะพายพร้อมกับปากเล็กที่บ่นมุบมิบไม่หยุด
"เออเห็นด้วย" ตามด้วยเสียงของคีริวที่เริ่มบ่นตาม
"แกล่ะเอวา…คิดเหมือนกันปะ เอวา!!" กระทั่งอิงดาวที่จัดของเสร็จก็หันมาถามความเห็นของเพื่อนสาวอีกคน ทว่าเธอก็ต้องวางกระเป๋าลงแล้วรีบถลาตัวเข้าไปช่วยคนตัวเล็กอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวและเรือนร่างที่กำลังเซไปมาเตรียมจะล้มลงกับพื้น
พรึ่บ!
ทว่าความเร็วของอิงดาวก็ไม่อาจสู้ความรวดเร็วของคีรันได้ มือหนาจัดการคว้าเพื่อนตัวเล็กแล้วโอบไว้ให้เธออยู่ในอ้อมกอดซบลงกับแผงอกหนาได้ทัน
"เอวา" เรียวปากหนาเรียกสติคนในอ้อมกอดพร้อมกับเขย่าแขนเธอเบาๆ
"หน้ามืดนิดหน่อย ไม่เป็นไรแล้ว" เอวาตอบกลับน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนที่ค่อยๆ ใช้แรงที่มีอยู่อันน้อยนิดทรงตัวยืนตรงด้วยตัวเอง
"เป็นอะไร ทำไมหน้าซีด" คีรันใช้มือหนาประคองร่างเล็กไว้อย่างไว้ใจให้เธอยืนเอง กลัวว่าเธอจะล้มไปอีกครั้ง ไม่วายที่เขาจะขมวดคิ้วติดกันยุ่งแล้วถามคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง
"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร" เอวาส่ายหน้าตอบกลับเพื่อนสนิททุกคนที่กำลังฉายสีหน้าเป็นห่วงไม่ปกปิด
"ไม่ได้เป็นอะไรได้ยังไง หน้าแกซีดมากเลยนะ ไม่สบายทำไมไม่บอก" อิงดาวเอ่ยพร้อมกับขยับตัวมาประคองร่างเล็กอีกทาง
"ฉันไม่ได้ไม่สบาย" เอวาเอ่ยขึ้น
"แล้วเป็นอะไร" ทั้งสามถามขึ้นพร้อมกันส่งสายตามองคนตัวเล็กนิ่งลุ้นในคำตอบของเธอ
"ยะ อย่ามองแบบนั้นสิ"
"เธอก็รีบพูดมาสิ"
"ฉ ฉันปวดท้องเมนส์" เอวาตอบเสียงเบา แก้มพวงแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยเมื่อต้องพูดถึงสิ่งที่ตัวเองรู้สึกเขินอายไม่น้อย
"อ๋อ...ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าอารมณ์สวิงไปมาของเธอเกิดจากอะไร" ทันทีที่คำตอบออกจากปากเล็ก คีริวก็เริ่มไขข้อสงสัยกับการงอนที่ไร้เหตุผลของเอวาได้ เขาพยักหน้ารัวๆ อย่างเข้าใจพร้อมกับยกยิ้มอย่างสบายใจ ตลอดเวลาที่เรียนมาในคลาสเขาสังเกตเห็นเอวาเงียบไปก็นึกว่าเธอกำลังโกรธจริงจัง ทว่าตอนนี้เขารู้แล้วว่าเอวากำลังเก็บความรู้สึกหน่วงท้องของเธอต่างหาก
"ปวดแล้วมาเรียนทำไม ทำไมไม่นอนพัก" คีรันเอ่ยถามขึ้นเพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดเพียงครั้งเดียว เมื่อไหร่ที่คนตัวเล็กมีประจำเดือนทุกครั้งเธอก็จะมีอาการหน่วงท้องอยู่บ่อยๆ ทว่าไม่ได้รู้สึกหน้ามืดหนักเช่นวันนี้
"มันพึ่งจะมาปวดเอาตอนที่อาจารย์สอนแล้ว" เอวาตอบ มือเรียวเลื่อนไปกุมท้องของตัวเองแล้วงอตัวเล็กน้อยเมื่อความหน่วงที่ท้องน้อยเริ่มโจมตีหนักขึ้น
"เอากุญแจรถมา" คีรันเอ่ยยื่นมือไปขอกุญแจรถจากร่างเล็ก ซึ่งเอวาก็คว้ากุญแจให้คีรันอย่างง่ายดาย
"ริวขับรถกูกลับ กูจะไปส่งเอวา" คีรันจัดแจงทุกอย่างพร้อมกับโยนกุญแจรถตัวเองส่งให้คีริว
"เดี๋ยวฉันไปส่งเอวาก็ได้ จะได้อยู่ดูแลเอวาด้วย" อิงดาวเอ่ยเสริมขึ้น
"ฉันไปส่งเอง"
"ถ้านายส่งเสร็จแล้วใครจะอยู่ดูแลเอวาต่อ"
"ฉัน...ฉันจะอยู่ดูแลเอวาเอง"
เรือนร่างฉันถูกจับพลิกตัวให้นอนราบไปกับโซฟาหรู ก่อนที่มือหนาจะจับเอวคอดไว้แล้วดันให้บั้นท้ายฉันกระดกขึ้นตั้ง หันหน้าไปมองทางประตูระเบียงแล้วเอื้อมมาล็อกมือฉันไว้แน่น"วิวสวยไหม?" คีริวถามพร้อมกับลูบไล้ต้นขาอ่อนฉันเบาๆ เขาเอ่ยเสียงแหบแห้งเพิ่มความเร่าร้อนในจินตนาการของฉันที่เริ่มคิดไปไกลว่าเขาจะลงโทษร่างกายฉันอย่างหนัก"สะ สวย…" ฉันตอบเสียงสั่นเครือ ตัวลอยไปตามแรงเคลิบเคลิ้มของสัมผัสยั่วอารมณ์จากฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ก้นงอนของฉันด้วยความเบามือ"วันนี้อิงแสบมากรู้ตัวหรือเปล่า…""ระ รู้…""ริวเตือนอะไรไม่เคยฟังเลย""ฟังแล้ว…""ฟังแล้วทำไมยังดื้ออยู่อีก"เพียะ!ทันทีที่เขาพูดจบฝ่ามือหนาจากที่ลูบไล้กลับฟาดลงบนแก้มก้มฉันเสียงดังจนฉันสะดุ้งโหยงหลุดออกจากห้วงภวังค์ของความวาบหวาม"จะ เจ็บนะ" ฉันหันกลับมาจะลุกหนีแต่คีริวกลับจับเอวมั่นแล้วจัดการฟาดก้นฉันอีกครั้งอย่างไม่ยั้งแรงเพียะ!"สำหรับเด็กดื้อ" อย่างนี้มันหลอกกันนี่นา ฉันคิดว่าเขาจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเสียแล้ว เขาทำดีเพื่อทำให้ฉันชะล่าใจ สุดท้ายก็กลับมาตีก้นฉันเป็นการลงโทษโดยที่ฉันไม่สามารถหนีไปไหนได้เพราะถูกเขาล็อกไว้ทุกทาง"งื้อ…เจ็บ ไหนริวบ
"อิงมีเหตุผลที่ทำไปนะ ไม่ได้ทำเพราะอยากแกล้งสักหน่อย" ทันทีที่เข้ามานั่งในรถฉันก็รีบพูดแก้ต่าง ปรายตามองคีริวที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อที่จะขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโด"ว่าอะไรหรือยัง" เขาตอบโดนไม่มองหน้า ลดกระจกยิ้มให้พ่อกับแม่ฉันแล้วรถก็เคลื่อนขับออกไปจากหน้าบ้าน"งั้นก็แสดงว่าริวไม่โกรธอิงเหรอ?""ถ้าบอกว่าโกรธ?""อิงทำเพราะทดสอบ ริวต้องห้ามโกรธ""แล้วฉันเลือกอะไรได้ สุดท้ายฉันก็โกรธเธอไม่ได้อยู่ดี""อย่าพูดแบบนั้นสิ…" ฉันตอบเสียงหงอย ผิดคาดที่คิดว่าขึ้นมาในรถแล้วเขาจะโกรธและโวยวายใส่ ไม่คิดว่าเขาจะมาแนวดราม่าตัดพ้อแบบนี้ เจอแบบนี้ยัยอิงดาวถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว"คาดเข็มขัดด้วย" เขาเหลือบมามองฉันแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่สนใจที่จะแก้ต่างจนลืมคาดเข็มขัดนิรภัย เจ้าตัวก็รีบพูดขึ้นทันที"ขับไหวหรือเปล่า สลับให้อิงขับไหม""ไม่เป็นไร นอนเถอะ ถึงห้องเดี๋ยวฉันปลุก""ไม่เอาจะนั่งเป็นเพื่อน" ฉันรีบส่ายหัว แบมือไปตรงหน้าตักเขาจนเจ้าตัวก้มมามอง"อะไร?""ไม่โกรธก็ขอจับมือหน่อย""จับมืออะไรขับรถอยู่เห็นไหม?"โกรธชัวร์…"ทีตอนอื่นริวยังให้จับเลย" ฉันทำหน้าหงอยมองเขา เฮ้อ…มีหลายคดีตามติดตัวมาต
"อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน ไม่มีใครเคยบอกหรือไง?" หลังจากที่นั่งเราสองคนนั่งลงติดเบาะโซฟาข้างกันเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นทันที พ่อฉันยังคงการแสดงละครยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ไม่เคยผิดหวังที่เกิดมาเป็นลูกของท่านเลยสักนิด"ขอโทษครับ" คีริวเอ่ยเสียงเรียบ ยอมรับโดยไม่มีเถียงอะไรสักคำ"พ่อไม่เห็นต้องว่าริวขนาดนั้นเลย…" ฉันเอ่ยเสียงเบา มองหน้าพ่อกับแม่เลิ่กลั่ก เพราะฉันคิดแต่แผนแกล้งเพื่อทดสอบเขาแต่ฉันไม่ได้คิดว่าต้องเฉลยยังไง…ตอนนี้ไม่อยากแกล้งต่อแล้ว รู้ซึ้งทุกอย่างจนต้องมองหน้าพ่อแม่เพื่อพยายามหาทางออกและหาตัวช่วยแล้ว"ผมซื้อของมาฝากคุณพะ…เอ่อ…คุณอัทธ์ด้วยครับ ขอโทษที่พึ่งเอามาให้ครับ" คีริวที่ปรายตามองของฝากที่อยู่ข้างๆ โซฟาก็รีบยกขึ้นมาไว้บนโต๊ะกลาง เป็นเซ็ตของรังนกแท้กล่องสีทองราคาแพงที่เขาตั้งใจเลือกก่อนมาถึง รีบวางไว้เพราะเจ้าตัวพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเอามาฝากด้วย"รังนกของโปรดคุณเลยนี่คะ ขอบคุณนะจ้ะ" แม่ที่เหมือนจะเข้าใจท่าทีของฉันก็พยายามลดใบหน้าที่กำลังตึงใส่คีริว เอื้อมไปหยิบกระเช้าตรงหน้าพร้อมกับยิ้มขอบคุณให้จนคนด้านข้างฉันเหวอไปเลยพึ่งจะชมไปหมาดๆ ว่าการละครบ้านนี้ดีแค่ไหน แต่การที่แม่แสดงแ
"ยังเรียนกันไม่จบ จะเลี้ยงลูกสาวฉันได้เหรอ?" ทันทีที่ฉันเดินมาถึงวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะกลางของโซฟากลางห้อง เสียงทุ้มของพ่อฉันก็พูดขึ้นแสดงละครบทโหดอย่างต่อเนื่อง"ผมช่วยงานป๊าได้รับค่าตอบแทนทุกเดือนครับ" คีริวตอบอย่างไม่ลังเล ฉันหันไปขยิบตาใส่พ่อโดยไม่ให้คีริวเห็น ก่อนที่จะลงไปนั่งบนโซฟาใกล้ๆ คีริวที่กำลังโดนสอบสวนอย่างหนักหน่วง"อิงดาวมานั่งใกล้แม่" ก้นถึงเบาะได้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีแม่คนสวยก็เรียกฉันไว้ ฉันแสร้งทำหน้ายิ้มแหย่ๆ หันมามองหน้าคีริวอย่างลำบากใจจนเจ้าตัวพยักหน้าฉันก็เปลี่ยนไปนั่งข้างแม่แทนตีบทแตกกระจายทั้งพ่อและแม่ ลูกคนนี้ภูมิใจมากที่สุดเลย"ช่วยงาน? งานอะไร?" พ่อถามต่อ"ผู้ช่วยผู้บริหารครับ หลังจากที่ผมเรียนจบผมต้องบริหารที่นั้นต่อทันที คุณพ่อวางใจได้ครับ ผมไม่ทำให้อิงดาวต้องลำบากแน่ๆ""ใครพ่อแก!" พ่อฉันรีบตวาดลั่นจนคีริวสะดุ้งโหยง ฉันแทบอยากจะขำกับท่าทีตั้งตัวไม่ทันของคีริวที่ไม่คิดว่าพ่อฉันจะเล่นใหญ่เสียงดังใส่จนตัวเองตกใจแต่ก็ต้องหายใจเข้าหายใจออกลึกๆ ไว้ อดทนไว้ก่อนอิงดาวห้ามขำ แกยังต้องพิสูจน์ในตัวเขาต่อ"ขอโทษครับคุณลุง""ฉันไม่เคยมีน้องชายเป็นพ่อแก" เนียนมากค่ะพ่อ ทำเ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นตกอยู่ในความเงียบงันไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ฉันปรายตามองพ่อและแม่ที่กำลังมองมาที่เราสองคนอย่างไม่ละสายตา ตั้งแต่ที่ฉันมาถึงทั้งสองก็ต่างไม่มีใครพูดอะไร เว้นแต่ประโยคชวนจากแม่ฉันเพียงแค่หนึ่งประโยคที่ยังตามให้เรานั่งทานข้าวด้วยกัน"เป็นอะไรกัน?" เสียงนุ่มลึกของคนเป็นพ่อเอ่ยขึ้นกลางวงอาหาร ฉันตกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่เข้มดุ แต่ดูเหมือนว่าคนด้านข้างฉันจะไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เขารีบโพล่งตอบแทนฉันทันที"ผมเป็นแฟนอิงดาวครับ" คีริวตอบเสียงฉะฉาน เขากลายเป็นคนที่น่าเชื่อถือเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่ฉัน มุมจริงจังที่ยากจะเห็นเขาในมาดนี้ เว้นแต่ตอนที่ดุฉันเท่านั้น"ฉันถามลูกสาวฉัน" เหมือนการทานอาหารครั้งนี้จะไม่ค่อยราบรื่นสินะ พ่อฉันช้อนสายตามองคีริว เข้มดุอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่สายตานั้นจะกลับมามองที่ฉันเพื่อรอคำตอบ"แฟนค่ะพ่อ" ทันทีที่ฉันตอบคีริวก็หันขวับมามอง คงจะตกใจในคำตอบของฉันที่พูดออกไปว่าเป็นแฟนกัน ทั้งที่ทุกครั้งที่เขาขอ ฉันปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง"คบกันนานเท่าไหร่แล้ว?" คำถามที่สองมาอีกครั้ง"เรา…""พ่อถามมัน" ขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากตอบ คนที่นั่งหัวโต๊ะกลับพูดด
"อะ โอ้ย…เจ็บ…" เสียงทุ้มร้องลั่นทั่วห้องคอนโดหรูทันทีที่ฉันใช้สำลีที่ชุ่มด้วยแอลกอฮอล์แตะลงที่มุมปากหนาของคีริว ท่ามกลางสายตาของคีรันและเอวาที่กำลังมองมาที่ฉันที่กำลังทำแผลให้ก็พากันหัวเราะชอบใจใหญ่ โดยเฉพาะพี่แฝดของคีริวเอง"หึ สมน้ำหน้า" คีรันหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้ามองดูสภาพของน้องชายตัวเอง"ผู้หญิงบ้าอะไรมือหนักชิบ" จนเจ้าตัวเอื้อมมาจับที่มุมปากพร้อมกับตาขวางเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้"ก็สมควรกับที่มึงทำไม่ใช่เหรอ?" คีรันเอ่ยต่อ"ตกลงนายพิสูจน์ให้อิงดาวดูยังไงถึงกลับมาเจ็บตัวแบบนี้" เอวาเอ่ยถาม วันนี้หลังจากที่เราอ่านหนังสือสอบกันมาได้ครึ่งวัน คีริวก็นึกคึกเมื่อเราเถียงกันเรื่องที่เขาไปดูรูปสาวๆ แล้วฉันจับได้ หลังจากนั้นฉันก็ถูกลากให้ไปที่คอนโดที่ไหนสักที่ บอกฉันว่าจะพิสูจน์ให้ฉันมั่นใจว่าเขาเลิกกับผู้หญิงทุกคนแล้วจริงๆ สภาพถึงออกมาอย่างที่เห็น"ก็คงเรียกพวกผู้หญิงของมันมายืนยันให้อิงดาวเข้าใจว่าเลิกกันแล้วจริงๆ" คีรันตอบแทนน้องชาย ซึ่งฉายารู้ใจน้องชายมากที่สุดไม่เกินจริงเลย อย่างที่คีรันบอกทุกอย่าง เขาเรียกอดีตผู้หญิงของเขาเกือบห้าคนมายืนเรียง เพื่อยืนยันให้ฉัน