Se connecterเพราะไม่เคยเห็นเลยเผลอเอ่ยออกไปอย่างเหม่อลอย รอยยิ้มของเขาดูดีมากจนอยากจะเก็บไว้ดูคนเดียว แต่ไม่นานเขาก็หุบยิ้มลงก่อนจะเมินหน้าหนี
บรรยากาศเงียบสงบกลับมาอีกครั้งฉันเลยทำเป็นหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ไถหน้าไอจีก็แล้ว เฟซบุ๊กก็แล้ว ทุกอย่างดูน่าเบื่อไปหมด ก่อนจะกดเข้าแชตถึงเห็นว่าซินเซียส่งข้อความมา
ซินเซีย : ซีถ้าตื่นแล้วจะมาเรียนก็ใส่ช็อปนะ เย็นมีเรียนปฏิบัติ
พอไล่สายตาอ่านข้อความจนจบฉันแทบกรี๊ดออกมา อยากจะบ้าตายกับชีวิต วันนี้มีเรียนที่ช็อปซึ่งถ้าใส่ชุดนักศึกษาไปอาจารย์ไม่อนุญาตให้เรียนแน่ เพราะวิชาเชื่อมชุดของฉันมันไม่เหมาะ
“พี่ไนต์…จอดให้ซีลงได้ไหมคะ”
ไปก็ไม่ได้เรียนคงต้องกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนเลยเอ่ยปากบอกเขา แค่นี้ก็รบกวนพี่เขามากแล้ว ฉันมันคนไร้ระเบียบวินัยจนเคยตัว แย่มาก
“ซีลืมว่ามีเรียนช็อปค่ะ แต่งชุดมาไม่ถูกเลยจะเปลี่ยน รบกวนจอดให้หน่อยนะคะ”
ถ้าเวลาปกติคงจะอ้อนให้ไปส่งแต่เขาก็มีธุระจะมาทำงี่เง่าได้ยังไง หาทางกลับเองดีกว่า พี่ไนต์เลิกคิ้วปรายตามองฉันสักพักก่อนจะล้วงมือถือขึ้นมากดด้วยมือเดียว[1]
“พี่ไนต์จอดให้หน่อยค่ะ!”
เมื่อเขากดมือถือเสร็จก็ขับรถต่อทำให้ฉันเอ่ยปากขึ้นมาเสียงดัง กลัวว่าเขาจะแกล้งเพราะตัวเองกวนประสาทเขาไว้เยอะ
“นี่จะมาเงียบอะไร ซีจะลง!”
เมื่อเขายังเฉยเลยเอ่ยอย่างหัวเสียและเริ่มโมโหผสานไปด้วยความน้อยใจ เขาคงจะเกลียดฉันมากแหละถึงขนาดแกล้งแรงแบบนี้
“พี่ไนต์”
“นั่งเฉย ๆ จะถึงมหา’ลัยแล้ว”
“ไม่ ซีจะกลับไปเปลี่ยนชุด” จริงจังนะเนี่ย
“เปลี่ยนทำไม ใส่ชุดวอร์มเรียนยังได้”
“เอ๋…”
เขาพูดของเขาทำให้ฉันเอียงหัวอย่างสงสัย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าล็อกเกอร์ส่วนตัวมีชุดวอร์มอยู่ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าใส่เรียนได้ และเขาก็ตอบข้อสงสัยให้อีกครั้ง
“ใส่ชุดนั้นไปเรียนได้”
“งั้นเหรอคะ”
“อืม”
แล้วเขาก็เงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าสู่รั้วมหา’ลัย ฉันเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าด้านข้างที่จดจ่อกับการขับรถแล้วใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมา แอบอายเล็กน้อยที่คิดไม่ดีและเอ่ยน้ำเสียงเหวี่ยงใส่พี่ไนต์
“ขอบคุณนะคะ...แล้วก็ขอโทษที่เข้าใจผิด”
พี่ไนต์ขับรถเข้ามาจอดหน้าคณะซึ่งเป็นช่วงที่นักศึกษาทยอยเดินลงมา แต่ความตาดีทำให้เห็นร่างของใครบางคนเดินปะปนกับนักศึกษาวิศวะ
ยัยดาน่า มาทำอะไรที่นี่?
ลืมไปว่าเธออาจจะมาเรียนวิชาเสริมที่อาจารย์วิศวะสอนก็ได้ ก่อนจะสลัดความคิดไร้สาระในหัวไปและเตรียมจะลง อยู่ดี ๆ บทสัมภาษณ์ของดาน่าในเพจเมาท์มอยเซเลบทำให้ฉันชะงักแล้วเหยียดยิ้มมุมปาก
“พี่ไนต์คะ...อยู่ดี ๆ ซีก็หนาว ขอยืมเสื้อได้ไหม?” อาจจะดูตอแหลไปหน่อยเพราะอากาศประเทศไทยร้อนเหมือนซ้อมตกนรก แต่ช่างเถอะหน้าด้านไปก่อน
“หนาว?” เห็นไหมขนาดพี่ไนต์ยังเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ใช่ค่ะยืมได้ไหม” ว่าพลางชี้ไปที่เสื้อแจ็กเก็ตสีดำสุดเท่ของเขาที่วางพาดตรงเบาะ
“เอาไปไม่ต้องคืน”
“ไม่ได้นะคะต้องคืน” ฉันรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“เอาไป” เขาเอ่ยเสียงแข็ง
“ถ้าไม่คืนซีจะหาเรื่องมาจีบมาเจอพี่ได้เหรอคะ” ฉันเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ส่วนพี่ไนต์น่ะเหรอถอนหายใจทำหน้าอย่างเอือมระอา
“หยุดความคิดนั้นไปซะ! ไม่มีทางเป็นไป”
“พี่แหละหยุด! บอกแล้วไงว่าซีไม่ยอมแพ้หรอกนะคะ พี่ต้องเป็นของซีให้ได้” ฉันมองสบตาเขาจริงจังไม่ได้ล้อเล่น เอาจริงนะทำไมต้องไล่ด้วย
“แล้วจะเสียใจ”
“ค่ะ ถ้าสุดทางแล้วซีจะยอมรับมันเอง”
ขอแค่เขาลองเปิดใจ และให้ฉันได้พยายาม บอกเลยว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน แต่เขาห้ามบลัฟกันด้วยการไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้ก็พอ
“ซีจะลงแล้วนะคะ”
ฉันเอ่ยทำลายความเงียบพลางเหลือบตามองเป้าหมายที่กำลังเดินมาใกล้รถ แน่นอนรถซูเปอร์คาร์ของพี่ไนต์นั้นโดดเด่นมากทำให้สายตาทุกคู่พุ่งตรงมาที่รถ รวมถึงดาน่าด้วย
“ก็ลงไป ไม่ได้ห้าม” เขาเอ่ยเสียงแข็งทำให้ฉันอดจะเบะปากไม่ได้ แอบหมั่นไส้ท่าทางของเขามากแต่ก็ชอบเขามากเช่นกัน
“พี่ไนต์”
“อะไร” เขาเลิกคิ้วสงสัย
“ขอบคุณนะคะ” นัยน์ตากลมโตช้อนมองเขาหวานซึ้งจนร่างสูงนิ่งไป มือบางเอื้อมไปกดลดกระจกฝั่งตัวเองลง พร้อมกับขยับใบหน้าขึ้นไปกดปลายจมูกลงบนแก้มสากด้วยความรัวเร็ว แต่คนภายนอกกลับเห็นทุกอย่างหมดแล้ว
“ไซซี!” ไนต์กัดฟันแน่นอย่างหัวเสีย แต่ร่างบางกลับหัวเราะคิกคักและเปิดประตูลงจากรถไปท่ามกลางสายตาคนที่มองมา
ร่างบางก้าวขาลงจากรถ มือกอดกระชับเสื้อแจ็กเก็ตที่คลุมไว้ด้วยความหวงแหน ระหว่างเดินผ่านผู้คนนัยน์ตากลมโตของไซซีเหลือบมองดาวคณะแพทย์ด้วยหางตา จึงเห็นว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาไม่พอใจ
ไซซีปรายตามองดาน่าพลางยกยิ้มมุมปากให้คู่อริอย่างเหนือกว่า ก่อนจะเดินยิ้มเข้าตึกคณะไปด้วยใบหน้าสวยสะกดตาและรอยยิ้มสะกดใจ
ขอโทษนะสาว พี่ไนต์ของฉันจ้า!!
[1] เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมในขณะขับขี่บนท้องถนน
เจ้าสมุทร Talk ผมเกิดและเติบโตในตระกูลมาเฟีย ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าต้องแข็งแกร่ง เจ้าเล่ห์ มีไหวพริบ มีอำนาจ และห้ามอ่อนแอตอนเด็กคือช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุด ท่ามกลางบรรยากาศภายในบ้านที่ร้อนราวกับไฟ มีเพียงผู้หญิงใจดีคนหนึ่งคอยมาดูแลและเล่นกับผม พ่อให้เรียกเธอว่า ‘แม่เล็ก’ ซึ่งผมในวัยเด็กก็ทำตามอย่างว่าง่ายแม่เล็กเป็นผู้หญิงจิตใจดี ท่านดูแลผมจนกระทั่งอายุเจ็ดขวบ แม่อีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาและยื้อแย่งผมไปดูแลแม่คนนี้ให้ความรู้สึกต่างจากแม่อีกคนโดยสิ้นเชิง เพราะท่านทั้งบังคับ เข้มงวด ดุด่าและกดดัน จนกระทั่งวันหนึ่งผมทนไม่ไหวเลยไปขอร้องพ่อว่าต้องการอยู่กับแม่เล็ก แต่คำตอบของท่านทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน“แม่เล็กกับน้องชายจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป”ผมไม่เข้าใจว่าทำไมแม่เล็กต้องไปจากผม แล้วน้องชายคือใครทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย ตอนนั้นรู้สึกสิ้นหวังมากเพราะหลังจากกลับมาถึงห้อง แม่ก็ยืนกอดอกรออยู่ด้วยสีหน้าดุดัน ไม่รู้อะไรทำให้ผมเอ่ยปากถามแม่ออกไป“แม่เคยรักหมุดบ้างไหม”ไม่รอให้แม่ตอบอะไรผมก็รู้คำตอบของท่านจากแววตาร้ายกาจนั้นแล้ว แม่มักใช้มองผมอยู่ตลอดเวลา มองเหมือนกับว่า ‘ไม่ใช่ลูก’ ทำเหมือนกับผมเ
เสียงถอนหายใจของซินเซียทำให้ฉันหันไปมองเพื่อน และเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าเหม่อลอย“พวกนั้นก็พึ่งแต่งงานไปนี่เอง มีแต่เราที่แต่งงานจนมีลูกก่อนพวกเพื่อน”ฉันนึกไปถึงกลุ่มเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันอย่างเรย์ และฝาแฝดอิลแอล หลังเรียนจบแต่ละคนก็ไปหาประสบการณ์ทำงานด้านวิศวกรแล้วค่อยกลับมาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งแต่ละคนครองตัวเป็นโสดกันนานมากแต่สาว ๆ ไม่เคยจะขาดมือ จนเมื่อต้นปีนี้เรย์และอิลก็ทยอยแต่งงาน ส่วนแอลได้ยินว่ากำลังศึกษาดูใจอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง“นี่ถ้าไอ้สายไม่เลว บางทีความสัมพันธ์ของเพื่อนอาจจะอยู่ยาวนานกว่านี้ก็ได้นะ”เพื่อนอีกคนที่ได้รู้จักเมื่อตอนเข้ามหา’ลัยก็คือสายฟ้า แน่นอนว่าที่กล้าเอ่ยชื่อออกมาเพราะซินเซียไม่ได้อะไรกับหมอนั่นแล้ว ไม่ว่าจะพูดหรือไม่พูดถึง ซินเซียก็ไม่รู้สึกอะไร“อืม” สาวสวยผมบลอนด์ครางรับในลำคอก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่นซึ่งฉันก็เห็นด้วย แม้จะเจอกันบ่อยกว่าคนอื่นแต่ก็ใช่ว่าจะมีเวลาได้คุยกันแบบนี้เพราะลูก ๆ ก็ซนกันมาก จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนบ่ายแก่ จีซัสและเซริมก็วิ่งเข้ามาในห้อง“หม่ามี้ จีมาแล้ว”จีซัสวิ่งเข้ามาในห้องตามด้วยเซริมที่ถือหมวกกันน็อกขนาดเล็กไว้ในอ
ร่างสูงกางแขนออกเล็กน้อยเป็นเชิงให้ภรรยาสาวสวยเข้ามาช่วยแต่งตัว เธอจึงเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะปลายนิ้วลงบนอกแกร่ง และเลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนน่าหวาดเสียว“พี่จะให้ซีช่วยจริง ๆ เหรอคะ”“...” ไนต์กัดฟันแน่นเมื่อร่างบางเริ่มออกลายซุกซน“ถ้าช่วยจะนานนะ”“ไม่ช่วยมีตายก่อนพอดี เอาหน่อยถือว่ากินข้าวเช้า”เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างหูร่างบาง ก่อนจะตวัดแขนโอบรัดร่างเธอขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขน และเดินตรงไปยังห้องน้ำโดยไม่ลืมล็อกประตู“ล็อกไว้ก่อนเดี๋ยวมีคนขัดจังหวะ”เมื่อมาถึงห้องน้ำแล้วเขาก็จัดการอุ้มเธอลงอ่างพร้อมปลดเปลื้องพันธนาการทั้งหมดออก จนเผยเรือนร่างบอบบางขาวผ่องอยู่ตรงหน้า“จ้องนานไปแล้ว จะทำไหมคะ?”ริมฝีปากบางยกยิ้มก่อนจะขยับสะโพกนั่งคร่อมบนตักแกร่งภายในอ่าง แขนเรียวยกขึ้นไปคล้องคอแกร่งไว้ก่อนจะกดให้เขาโน้มหน้าลงมา“ไม่ทำตอนนี้ พี่ได้ขาดใจตายแน่”จบคำนั้นริมฝีปากของทั้งคู่ก็ประกบเข้าหากัน ต่างฝ่ายผลัดกันรุกผลัดกันรับ เล้าโลมคลอเคลียกันไม่ห่าง จนพายุสวาทโหมกระหน่ำ แก่นกายแข็งร้อนตอกตรึงใส่ร่องสวาทไม่ยั้ง สร้างความรัญจวนใจให้เธอเป็นอย่างมาก แรงกระแทกทำให้น้ำในอ่างสาดกระเซ็นออกมาตามพื้นเ
5 ปีผ่านไป ฉันนั่งมองภาพงานแต่งงานของตัวเองและพี่ไนต์ที่ผ่านมาแล้วห้าปี ตอนนี้เรามีเรือนหออยู่ระหว่างคอนโดเก่าของเขาและคฤหาสน์ชวัลกร แน่นอนว่าที่คฤหาสน์คุณปู่ก็สร้างบ้านให้อีกหลังเพราะคิดถึงหลาน เวลากลับมาจะได้เจอกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาหลังจากงานแต่งงานเราทั้งคู่ก็ไปฮันนีมูนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันเกือบเดือนเลยล่ะ ทุกที่ที่อยากไปเขาไม่เคยอิดออดและยินยอมพาไป นอกจากกิจกรรมที่โลดโผนเพราะฉันยังท้องอยู่หมับ“ทำอะไรอยู่เหรอ”แรงกอดรัดจากข้างหลังมาพร้อมกับเสียงกระซิบข้างหู ทำให้ฉันเผลอย่นคอหนีคนร้ายกาจ เขาชอบมาคลอเคลียฉันเหมือนกับแมวจนอดหมั่นไส้ไม่ได้ แต่ก่อนนี่ตั้งท่ารังเกียจกันเหลือเกิน“ซีกำลังดูรูปภาพในงานแต่งของเราค่ะ นี่! ดูสิมีแก๊งของพี่ครบทุกคนเลย หล่อ ๆ ทั้งนั้น”ฉันชี้ไปที่รูปถ่ายครบทั้งแก๊ง ทุกคนหล่อเหมือนออกมาจากนิตยสารถ่ายแบบเลยละ ตำแหน่งหนุ่มฮอตคงไม่มีใครมาโค่นลงได้ง่าย ๆ“ไหน ไม่เห็นจะหล่อเลย” เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์“หล่อสิ โดยเฉพาะคนนี้ หล่อที่สุดในใจของซี”พูดแล้วก็เงยหน้ามองเสี้ยวหน้าคม เมื่อเอ่ยชมเขาแล้วเลยอยากดูปฏิกิริยา และภาพตรงหน้าก็ทำให้ฉันเผลอหัวเราะคิกคัก พี่ไนต์ห
กาแฟสวดภาวนาเสียงเบา เธออยากแต่งงานจะแย่แต่ไม่มีทีท่าว่านักรบจะขอเธอแต่งงานเลย จนเธอเรียนจะจบอยู่แล้ว!“ได้แน่นอนค่ะ แล้วพี่ควีนจะลุ้นด้วยไหม”“แต่งไปแล้วไง” ควีนฉีกยิ้มให้ซินเซียจนอีกฝ่ายตาพร่าเมื่อเจอรอยยิ้มหวานหยด“แต่งอีกก็ได้นี่ คิกคิก”“รองานพวกเธอดีกว่า”ควีนพยักพเยิดไปทางกาแฟ พินอิน และซินเซียแทน แต่สาวสวยผมบลอนด์ยกมือปฏิเสธพัลวันเพราะอาจยังไม่พร้อมเท่าไร ก่อนจะฉุกคิดถึงใครบางคน“คิดถึงเจ้เมษามาก” ซินเซียเอ่ยขึ้นมา“นั่นสิ ถ้าไม่ติดสอบเจ้แกมาแล้ว”อิงปิงเอ่ยตอบซินเซียก่อนจะหลบมุมไปยืนข้างมิกิ เพราะเธอไม่มีแฟนเลยไม่รู้จะรอรับช่อดอกไม้ไปทำไม แต่อยู่ ๆ อิงปิงพลันขนลุกซู่เมื่อรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเธออยู่“จะโยนแล้วนะคะ”เสียงหวานใสของไซซีเอ่ยขึ้นมาทำให้อิงปิงสะบัดหัวไล่ความรู้สึกนั้นไป ก่อนจะได้ยินเสียงนับถอยหลังโยนช่อดอกไม้ เพราะสะบัดหัวแรงไปเลยเซไปชนกาแฟที่ยืนอยู่ด้านข้าง และอีกฝ่ายก็ไปชนมิกิอีกทอดเหมือนโดมิโนล้ม3…2…1…“0.0”ใบหน้าสวยน่ารักเบิกตากว้างเมื่อช่อดอกไม้แสนสวยตกลงมาใส่อกเธออย่างแรง ด้วยความตกใจเลยคว้าไว้ รู้ตัวอีกทีทั้งซินเซีย พี่กาแฟ เจ๊อิงปิง พี่พินอ
เสียงไวโอลินบรรเลงเพลงคลาสสิกดังคลอไปทั่วทั้งงาน ดอกไม้สดหลากหลายพันธุ์ถูกจัดตกแต่งได้อย่างสวยงามราวกับสรวงสวรรค์ ฉากหลังคือทะเลสาบภายในอาณาเขตของคฤหาสน์หลังใหญ่ในพื้นที่ร้อยไร่ แขกในงานแบ่งแยกที่นั่งจนเต็ม แม้คนร่วมงานไม่มากเพราะอยากจัดส่วนตัวแต่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นเสียงเพลงต้อนรับขบวนเจ้าสาวเดินเข้ามาในพิธี นำโดยเด็กชายเด็กหญิงหน้าตาน่ารักสองคน หนึ่งถือพระคัมภีร์และหนึ่งโปรยดอกไม้ ตามมาด้วยบรรดาเพื่อนเจ้าสาวที่แต่งชุดเดรสสีชมพูอ่อนเรียบง่ายชายหนุ่มร่างสูงในชุดเจ้าบ่าวสีดำ ใบหน้าเรียบนิ่งทำให้หลายคนเดาไม่ออกว่าเขาอยากแต่งจริงไหม จนกระทั่งนัยน์ตาคมกริบมองเห็นเจ้าสาวในชุดแต่งงานเดินควงแขนบิดาเข้ามา มุมปากของเจ้าบ่าวยกขึ้นและประกายตายินดีอย่างปิดไม่มิดเรือนร่างบอบบางอยู่ในชุดเจ้าสาวแบบลูกไม้ฟูฟ่อง สวยหวานจนยากจะบรรยาย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยโทนสีชมพูอ่อน ผมสีน้ำตาลถูกรวบขึ้นด้วยผ้าลูกไม้เข้าชุดคาดที่ผมอีกทีเธอยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อสบตากับเขา ผู้ชายที่ปักใจตั้งแต่ครั้งแรก นัยน์ตากลมโตร้อนผ่าวเมื่อผู้เป็นบิดาวางมือบางลงบนมือของเจ้าบ่าว และมองเธอด้วยสายตามีความสุขจนยากจะบรรยาย“ป๊ามาส่







