“นั่นไง ว่าแล้วเชียวว่าไม่ได้เรื่อง” กระแตมองบนใส่เพลงขวัญอีกหน
“ฉันขอโทษจ้ะ” เพลงขวัญตอบเศร้าๆ เพราะเธอเองก็หวังไว้สูงว่าจะต้องยิงหมูป่าให้ได้ “เอ็งทำดีที่สุดแล้ว” แสงจันทร์ให้กำลังใจ เพราะเท่าที่เธอเห็นลูกธนูที่เพลงขวัญปล่อยออกไปนั้นเฉียดหมูป่าไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง ถือว่าเพลงขวัญมีพรสวรรค์ อาศัยฝึกฝนอีกสักหน่อยก็คงยิงแม่นได้ไม่ยาก“ทำดีอะไรกันพี่แสงจันทร์ หมูป่าหนีไปทั้งตัว น่าเสียดาย” กระแตยังคงไม่ยอม เธอพยายามหาพวก แต่คนอื่นๆ กลับไม่สนใจและเลือกที่จะเดินแยกย้ายไปทำงานของตัวเองต่อ “ดีที่ยังมีความกล้า”“แต่ยิงมั่วๆ แบบนี้ใครก็ทำได้ เชอะ!” เอ่ยจบกระแตก็สะบัดหน้าให้เพลงขวัญแล้วเดินจ้ำออกไปอย่างอารมณ์ไม่ดี นั่นเพราะเธออยากกินหมูป่าใจจะขาด อยากเอามันมาย่างให้หนังกรอบๆ เนื้อนุ่มๆ แค่คิดกระแตก็น้ำลายสอ “อย่าไปสนใจกระแตมันเลย คงแค่เสียดายหมูป่าเท่านั้นแหละ”“จ้ะ” เพลงขวัญคอตกเอ่ยรับขึ้น ใช่ว่ากระแตจะเสียดายคนเดียว เธอเองก็เสียดายมากวันเวลาค่อยๆ ก้าวผ่านไปอย่างช้าๆ นับๆ ดูแล้ววันนี้ก็ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าที่อชิและเพลงขวัญจำต้องใช้ชีวิตอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ทุกๆ วันพวกเขาพูดคุยกันมากขึ้น นั่นพลอยทำให้ทั้งคู่ค่อยๆ รู้จักกันมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นอชิจะยังคงต้องนอนนอกมุ้งบริจาคเลือดให้ยุงในทุกๆ คืนและตื่นมาพร้อมรอยจ้ำแดงในตอนเช้า จนโตสงสารแกมเวทนาผัวเมียคู่นี้ที่สามวันดีสี่วันทะเลาะ อนาคตลูกคงดกแน่นอน เขาจึงหามุ้งมาให้อีกหลัง เพราะกลัวชายหนุ่มจะเป็นไข้ป่าเอาเสียก่อนวันนี้ทุกคนในหมู่บ้านดูจะรีบเร่งทำงานกันแต่เช้าตรู่ นั่งลับมีดกันทั่วทุกมุมก็ว่าได้ พลอยทำให้อชิและเพลงขวัญสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น“พี่แสงจันทร์ เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ” เพลงขวัญตรงเข้าไปถามแสงจันทร์ทันทีที่เห็นหน้า เพราะวันนี้เธอตั้งใจจะเข้ามาช่วยเก็บใบยาสูบที่ตากไว้ใส่ถุง แต่ดูเหมือนทุกคนจะมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่าเรื่องนี้“เดี๋ยวเอ็งก็รู้เอง เพราะคงต้องขอแรงด้วยนี่มีดของเอ็งกับผัว ลับไว้ให้แล้ว”“จ้ะ” เพลงขวัญรับมีดมาด้ว
วันเวลาค่อยๆ ก้าวผ่านไปอย่างช้าๆ นับๆ ดูแล้ววันนี้ก็ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าที่อชิและเพลงขวัญจำต้องใช้ชีวิตอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ทุกๆ วันพวกเขาพูดคุยกันมากขึ้น นั่นพลอยทำให้ทั้งคู่ค่อยๆ รู้จักกันมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นอชิจะยังคงต้องนอนนอกมุ้งบริจาคเลือดให้ยุงในทุกๆ คืนและตื่นมาพร้อมรอยจ้ำแดงในตอนเช้า จนโตสงสารแกมเวทนาผัวเมียคู่นี้ที่สามวันดีสี่วันทะเลาะ อนาคตลูกคงดกแน่นอน เขาจึงหามุ้งมาให้อีกหลัง เพราะกลัวชายหนุ่มจะเป็นไข้ป่าเอาเสียก่อนวันนี้ทุกคนในหมู่บ้านดูจะรีบเร่งทำงานกันแต่เช้าตรู่ นั่งลับมีดกันทั่วทุกมุมก็ว่าได้ พลอยทำให้อชิและเพลงขวัญสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น“พี่แสงจันทร์ เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ” เพลงขวัญตรงเข้าไปถามแสงจันทร์ทันทีที่เห็นหน้า เพราะวันนี้เธอตั้งใจจะเข้ามาช่วยเก็บใบยาสูบที่ตากไว้ใส่ถุง แต่ดูเหมือนทุกคนจะมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่าเรื่องนี้“เดี๋ยวเอ็งก็รู้เอง เพราะคงต้องขอแรงด้วยนี่มีดของเอ็งกับผัว ลับไว้ให้แล้ว”“จ้ะ” เพลงขวัญรับมีดมาด้วยสีหน้างุนงง อชิที่
เพลงขวัญถึงกับอึ้งกิมกี่ จะพูดจะบอกอะไรไปแสงจันทร์หรือคนที่นี่จะเชื่อเธอไหม ว่านั่นคือความรู้ที่ผิดมากถึงมากที่สุด นี่มันยุคไหนสมัยไหนกันแล้ว ทำไมถึงมีคนที่ไม่รู้เรื่องยาเสพติดพวกนี้อีกแต่พอมองดูบ้านที่อยู่ตามป่าตามเขา เดินทางไม่สะดวก ไร้ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ใดๆ ด้วยแล้ว เพลงขวัญก็พลอยจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมคนที่นี่ถึงไม่รู้ ถ้าไม่เจอกับตัวเธอคงเถียงชนิดหัวชนฝาแน่นอน ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาอชิ ทันทีที่เห็นเขา เพลงขวัญก็ปลีกตัวจากแสงจันทร์มาหา“คุณ...” อชิมองซ้ายมองขวา ก่อนจะรีบก้าวเข้ามายืนข้างๆ เพลงขวัญ“อะไร” คนกำลังตั้งอกตั้งใจกรีดผลฝิ่นเอ่ยถาม แต่สายตานั้นกลับไม่ได้หันไปมอง เพราะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ“ฉันว่าคนที่นี่ไม่รู้โทษของฝิ่นกับกัญชานั่น”“คุณรู้มาจากไหน” คราวนี้อชิถึงกับวางมือแล้วหันมาคุยกับเพลงขวัญจริงๆ จังๆ“ฉันแอบไปคุยกับพี่แสงจันทร์มาตะกี้ พี่แสงจันทร์ยังบอกอีกว่าคนในเมืองต้องการยางฝิ่นเพื่อเอาไปทำยา&rdq
กระทั่งหมดวัน ทั้งสองคนก็กลับมานั่งมองหน้ากันปริบๆ ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน หิวก็หิวแต่กลับกินกันไม่ค่อยลง คงเพราะอึนกับกลิ่นเหม็นเขียวของผลฝิ่นที่ดมกันมาตั้งแต่เช้า และเพิ่งจะได้หยุดมือก็ตอนใกล้ตะวันตกดินเพลงขวัญขึ้นไปอาบน้ำก่อน เสร็จก็เป็นคิวของอชิบ้าง แต่เพราะยืนสลับนั่งกรีดผลฝิ่นกลางแดดที่ร้อนระอุมาทั้งวัน จึงส่งผลให้ผิวตรงใบหน้าและตามแขนตามขาของเพลงขวัญที่ไม่มีอะไรปกป้องจากแสงแดดเผาจนผิวขาวๆ กลายเป็นผิวสีแทน ตามเนื้อตามตัวของเธอจึงแดงไปหมด และดูเหมือนเจ้าตัวจะแสบเพราะทำหน้ายู่ตลอดเวลา“รอตรงนี้ก่อนนะคุณ”“อ้าว! นั่นคุณจะไปไหน” เมื่อจู่ๆ อชิก็ลุกขึ้นแล้วบอกเหมือนจะไปไหน นั่นทำให้เพลงขวัญรีบถาม“เดี๋ยวผมมา”“เร็วๆ ด้วย ฉันหิวข้าวแล้ว” เพลงขวัญตะโกนตามหลัง นั่นเพราะตอนนี้ท้องเริ่มร้องแล้วนั่นเอง พอหายอึนจากกลิ่นเหม็นเขียวของผลฝิ่น ความหิวก็วิ่งเข้าหาอย่างเร็วอชิรีบเดินจ้ำมายังหมู่บ้านเป้าหมายคือบ้านของย่าใหญ่ ซึ่งวันนี้เขาถือว่าโชคดีที่ได้เจอเจ้าของบ้านเข้า ไม่งั้นคงได้เดินตามหากันให้ทั่
“เป็นอะไรหรือเปล่า”“ฉันฝันร้าย” น้ำเสียงสั่นๆ ของเธอเอ่ยตอบ แต่จะให้อธิบายความฝันที่เกิดขึ้นเธอก็ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้แค่ว่าเธอนั้นฝัน ฝันว่าเจอแม่ในป่า แม่ตะโกนหาเธอจนแทบหมดเสียง ทั้งๆ ที่เธอก็ยืนอยู่ตรงหน้าแม้แท้ๆ แต่แม่กลับมองไม่เห็น และเธอก็คว้าแม่มากอดหรือพูดกับแม่ไม่ได้เช่นกัน“ก็แค่ฝัน ไม่มีอะไรหรอก”“อื้อ”“นอนต่อเถอะ”“คุณ” จังหวะที่อชิจะหมุนตัวเพื่อกลับไปนอนที่เดิม จู่ๆ เพลงขวัญก็คว้าแขนชายหนุ่มไว้ นั่นทำให้ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ในหัวหวนนึกถึงฉากในละครหรือแม้แต่ในซีรีส์เวลานางเอกฝันร้ายแล้วกลัวจนนอนต่อไม่ได้ เธอก็จะขอร้องให้พระเอกมานอนเป็นเพื่อน ต้องใช่แน่ เขามั่นใจว่าเพลงขวัญต้องเอ่ยแบบนั้น“อะไรกันคุณ ก็แค่ฝัน...” อชิคล้ายจะออกตัว เพราะถ้าเพลงขวัญพูดออกมาอย่างที่เขาคิดไว้ จะได้ไม่ดูน่าเกลียด แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเอ่ยจบประโยค เพลงขวัญก็ชิงเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“สายรายงานข่าวมาครับ”“ว่าไงบ้างพูดมาเลย”“คืนเกิดเหตุ มีคนพบรถหกล้อจอดอยู่ริมถนน ซึ่งจอดค้างไว้นานพอสมควร เที่ยงคืนกว่าๆ ถึงขับออกไป”ประโยคที่ได้ยิน มันทำให้ก่อสกุลยิ้มออกมา นั่นเพราะนี่คือข่าวดีพอๆ กับการพบสัญญาณโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายจากเครื่องของเพลงขวัญก็ว่าได้“แล้วมุ่งหน้าไปทางไหน รู้มั้ย”“ไม่ทราบครับ แต่รถคันดังกล่าวผมว่าน่าสงสัยนะผู้กอง”“อืม...แต่เดี๋ยวผมจะลาราชการสักสามสี่วันนะจ่า”“ผู้กองจะขึ้นไปตามข่าวที่ตากหรือครับ”“ใช่...งานนี้ไม่ลุยเองไม่ได้จริงๆ หนึ่งก็เพื่อนสองก็เมียเพื่อน”“แต่ผมว่าน่าจะมีสามนะครับ”“สามอะไร” แม้จะทำเป็นสงสัย แต่ในแววตาก็แฝงอะไรบางอย่างอยู่“ก็คุณผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้ไง ผมว่า...” ยังไม่ทันที่จ่าสมานจะเอ่ยจบประโยค คนร้อนตัวก็รีบแก้ต่างให้ตัวเอง
“ฉันพูดดีๆ แล้วนะคุณผู้กอง” น้ำเสียงของนรากรฟังดูห้วนขึ้น“ยังไงก็ไม่ได้จริงๆ ครับ” หัวเด็ดตีนขาด ก่อสกุลก็ยอมให้นรากรไปด้วยไม่ได้จริงๆ แต่จู่ๆ นายตำรวจหนุ่มก็ตาโตเป็นไข่ห่าน เมื่อนรากรที่เวลานี้เลือดขึ้นหน้าคว้ามือของเขาแล้วนำไปวางบนหน้าอกของตัวเธอเองเห็นแบบนั้นนายตำรวจหนุ่มก็หมายจะดึงมือกลับ แต่ก็ถูกนรากรยื้อไว้ ทำให้เวลานี้ฝ่ามืออุ่นๆ ของเขายังคงค้างอยู่บนหน้าอกอวบหยุ่น ที่สัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจนรากรได้ชัดเจนตึ้กๆๆ ตั้กๆๆ“ถ้าคุณยังไม่ยอมให้ฉันไปด้วย ฉันจะตะโกนให้คนรู้ว่าคุณกำลังลวนลามฉัน” นรากรพยายามคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ใบหน้าร้อนผ่าวๆ ราวกับคนเป็นไข้ นั่นเพราะเวลานี้เธอประหม่าจนแข้งขาสั่นไปหมด เกิดมาก็ไม่เคยให้ผู้ชายที่ไหนแตะเนื้อต้องตัว แต่เพื่อเพลงขวัญเธอยอม“คุณก้อย”“หนึ่ง สอง สะ...” จังหวะที่นรากรจะเอ่ยคำว่าสาม นายตำรวจหนุ่มก็รีบพูดขึ้น“โอเคๆ ผมยอมแล้ว”
จากนั้นก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดลำลองสบายๆ ไม่ถึงสิบนาทีนายตำรวจหนุ่มก็แบกกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบน โดยนรากรที่เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วนั่งรออยู่บนโซฟารับแขก“ไปครับ ผมพร้อมแล้ว”“ผู้กองจะไม่ปิดบ้านก่อนเหรอ” เมื่อเห็นก่อสกุลเดินออกจากบ้านมาแบบไม่มีท่าทีจะปิดบ้าน ใส่กุญแจอะไรให้เรียบร้อย นรากรก็เอ่ยถามขึ้น จะว่าไปตอนมาชายหนุ่มก็ไม่ได้ไขกุญแจอะไรนี่นา“อ้อ...ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวคนที่บ้านผมก็คงกลับมา”“ไปกับฉันแบบนี้ คนที่บ้านผู้กองคงไม่เข้าใจผิดใช่มั้ย” นรากรเข้าใจความหมายของคำว่าคนที่บ้านที่นายตำรวจหนุ่มเอ่ยผิดเสียแล้ว เพราะเธอเข้าใจว่านั่นคือภรรยาของเขา“ผมว่าไม่”“ตามใจ” เอ่ยจบนรากรก็เดินออกไปจากบ้านก่อนคนแรกตามด้วยก่อสกุล จากนั้นรถกระบะสี่ประตูคันใหญ่ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัว มุ่งหน้าสู่จังหวัดตากทันทีและเพื่อจะทำลายความเงียบ นรากรจึงเอ่ยขึ้น นั่นเพราะเธอมีอะไรสงสัยอยู่หลายต่อหลายข้อ บางทีนายตำรวจหนุ
มาตินมักจะทำให้เลือดในตัวเธอสูบฉีดอย่างร้อนแรงเสมอๆ ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน เธอลืมเลือนสามารถเสียสนิท ในขณะที่ผู้เป็นแม่หลงระเริงในกามา ลูกสาวและลูกชายก็กำลังหมกมุ่นอยู่ในบ่อน จากที่เคยได้เงินเป็นกอบเป็นกำกลับมาเป็นหนี้หลายล้านเพราะอยากเอาคืนสองพี่น้องจึงยิ่งถลำลึก มูลค่าหนี้พอกพูนจนเกินจะคาดคิด และทางเดียวที่เจ้าหนี้ผู้ซึ่งวางแผนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ต้นต้องการ นั่นคือการไถ่หนี้วิธีพิเศษ ที่จะทำให้หนี้นั้นลดเร็วลดไว“พี่เทพ ช่วยป่านด้วย พี่เทพ” สายป่านไขว่คว้าหาพี่ชาย ตอนนี้เธอถูกชายร่างยักษ์สองคนล็อกตัวไว้ และได้ยินทุกอย่างเต็มสองหู นั่นทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น“กูไม่ขายน้องสาวเพื่อใช้หนี้มึงเป็นอันขาด” ทัตเทพตะโกนลั่นห้อง นั่นเพราะต่อให้ต้องตาย เขาก็ไม่มีวันขายน้องสาวกิน แม้เขาจะไม่เคยแสดงออกว่ารักน้อง แต่การที่จะโยนทุกอย่างให้สายป่านรับไว้คนเดียวแบบนั้น เขาก็คงตกนรกทั้งเป็น“ถ้ามึงไม่ขายน้องสาว มึงก็ต้องหาเงินสดห้าล้านมาคืนกู” อัศวินยิ้มกริ่มที่สามารถหลอกล่อให้ทัตเทพตกหลุมท
“อื้อ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จริงๆ ฉันจะเตรียมของติดตัวมาให้มากกว่านี้ จากนั้นก็กระโดดหนีคุณออกจากทางหน้าต่างเหมือนเดิม” ในที่สุดเพลงขวัญก็ทำให้อชิยิ้มกว้างออกมา“ผมเองก็ยังคงเลือกที่จะหนีและเลือกที่จะขอเจอคุณบนหลังรถหกล้อเหมือนเดิม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ทั้งคู่ยืนสบตากันและกันอยู่นานราวกับว่าเวลานี้พวกเขามีกันแค่สองคนเท่านั้นความรู้สึกมากมายถ่ายทอดออกมาทางแววตาของพวกเขา อชิคว้ามือบางของเพลงขวัญขึ้นมากุมไว้ แม้บนนิ้วของทั้งสองจะไม่ได้มีแหวนแต่งงาน เพราะต่างฝ่ายก็ต่างถอดมันออก แต่แหวนมันก็ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับความรู้สึกที่ทั้งคู่กำลังมีให้กันอยู่ในตอนนี้กระทั่งความหวานต้องยุติลงเมื่อได้ยินเสียงของย่าใหญ่ดังขึ้น“เอ็งสองผัวเมีย ขยับมานี่ ข้าจะผูกแขนให้”“จ้ะ ย่าใหญ่” อชิเอ่ยบอก ก่อนจะกุมมือเพลงขวัญไว้แล้วเดินตรงไปหาย่าใหญ่ ย่าใหญ่ผูกข้อไม้ข้อมือให้บ่าวสาวป้ายแดงเสร็จแล้ว ก็ขยับมาผูกให้เพลงขวัญและอชิบ้าง เพราะถือว่าทั้งคู่คือคู่แต่งงานใหม่เช่นกันจากนั้นบรรดาพี่ป้าน้าอาในหมู่บ้า
เพลงขวัญและอชิที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนพลอยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกตามไปด้วย แม้จะเริ่มหิวแต่ดูเหมือนความง่วงจะชนะ“ง่วงเสียแล้วสิ ถ่างตาไม่ไหวแล้ว” พอรู้ว่าเจษฎาพรปลอดภัยแล้วแบบนี้ เพลงขวัญที่นั่งสวดมนต์มาทั้งคืนก็เริ่มออกอาการว่าไม่ไหว ง่วงจนตานั้นสู้แสงไม่ได้เสียแล้วสิ“ผมก็ง่วง” อชิเองก็ง่วงเช่นกัน นั่นทำให้ทั้งคู่กลับมาที่บ้านเพื่อจะงีบเอาแรงกันเสียหน่อย ตั้งใจจะนอนที่ใครที่มัน แต่ไปๆ มาๆ ทั้งคู่กลับทิ้งตัวหลับบนเตียงของเพลงขวัญ พวกเขานอนกอดกันโดยไม่มีใครผลักไสใครให้ออกห่าง ทั้งคู่สัมผัสลมหายใจของกันและกันได้อย่างสนิทใจ ไม่ได้รังเกียจเหมือนเมื่อก่อน นั่นเพราะทั้งสองต่างมีใจให้กันและกันแล้วนั่นเองบางครั้งผลลัพธ์ของการรอคอยมันก็คุ้มค่า แม้เวลาของการรอแต่ละคนจะไม่เท่ากัน บางคนเร็วบ้างช้าบ้าง แต่สุดท้ายแล้วความสุขมักจะรอพวกเขาอยู่เสมออชินอนกอดเพลงขวัญด้วยรอยยิ้ม เช่นเดียวกับคนในอ้อมกอดหลับพริ้มด้วยใบหน้ามีความสุข กระแตเองแม้จะเหนื่อยแต่เธอกลับมีความสุขที่ได้เห็นว่าเจษฎาพรยังมีชี
ย่าใหญ่เดินออกจากบ้านมาพร้อมสมุนไพรเกือบสี่สิบชนิดในมือ ความที่มากประสบการณ์แค่เห็นปากแผลก็รู้ได้ทันทีว่างูมีพิษ ทุกคนได้แต่เฝ้าภาวนาให้เจษฎาพรนั้นปลอดภัย โดยเฉพาะกระแตที่เธอร้องห่มร้องไห้จนแทบไม่มีกะจิตกะใจไปทำอะไรทว่าการรักษาผ่านพ้นไปสามวันแล้ว อาการของเจษฎาพรกลับไม่ดีขึ้นและดูเหมือนจะทรุดลงเสียมากกว่า ย่าใหญ่เองก็รักษาอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงเดินออกมาบอกให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจรับกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อทุกคนฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพลงขวัญถึงกับแอบร้องไห้เพราะสงสารเจษฎาพร รวมไปถึงสงสารกระแตด้วย ที่ป่านนี้คงรู้ใจตัวเองแล้วว่าคิดยังไงกับเจษฎาพร“พี่ชัย ไม่สิ พี่เจษฎาพร พี่อย่าเป็นอะไรไปนะ” กระแตเอ่ยเรียกชื่อใหม่ของเจษฎาพรเป็นครั้งแรก ชื่อนี้ย่าใหญ่เปลี่ยนให้ตอนที่เจษฎาพรล้มป่วยเพราะไข้ป่าจนเกือบตาย แต่ก็ฟื้นกลับมาได้นี่นา ครั้งนี้ก็ต้องเหมือนกันสิ“พี่รักเอ็งนะกระแต” เจษฎาพรเปล่งเสียงออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก แต่ก็กลัวว่าหากไม่พูดออกไปตอนนี้ก็จะไ
“กะ...ก็ไม่รู้สึกอะไร นอกจากหนักๆ หัว”“นั่นเพราะผมไม่ได้ทำอะไรคุณ”“ละ...แล้วเสื้อผ้าพวกนี้ใครเป็นคนเปลี่ยนให้ฉัน”“ผม”“คุณเหรอ!” คนฟังอุทานออกมาหน้าตาตื่น“ครับ...ก็คุณอ้วกจนเลอะเทอะไปหมด ผมเลยหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้”“งั้นแสดงว่าคุณก็เห็น...เห็น...”“เห็นหมดแล้วครับ อย่าห่วงไปเลย เพราะทรวดทรงองค์เอวคุณเหมือนเด็กยังไม่โตจะตายไป ยั่วอะไรผมไม่ได้หรอก” อชิไหวไหล่ทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องเล็กเข้าไว้“แล้วคุณขึ้นมานอนบนเตียงฉันได้ยังไง” น้ำเสียงตึงๆ ห้วนๆ ของเพลงขวัญเอ่ยถาม นั่นเพราะชักจะไม่พอใจประโยคที่ได้ยินจากอชิเมื่อครู่เข้าเสียแล้ว เขาว่ารูปร่างเธอมันเหมือนเด็กยังไม่โตอย่างนั้นเหรอ...หน็อยยยยยย“ก็เพราะคุณนั่นแหละที่คว้าตัวผมให้ลงไปนอนด้วย”“ฉันเหรอ” เพลงขวัญชี้นิ้วมาที่ตัวเอง เ
“พออารายยย อาวววมา ฉานนยังไม่มาววววสักหน่อย” เพลงขวัญพยายามยื้อแก้วเหล้าคืนมาจากอชิ แต่ทำไมมือเขาถึงอยู่ไกลอย่างกับมือแม่นาคแบบนี้นะ“ไม่เมาสักหน่อยเลยครับ นั่นเพราะตอนนี้คุณเมาหนักมากแล้วต่างหาก” อชิส่ายหน้าให้คนเมาที่บอกว่าตัวเองไม่เมา“เมียเอ็งเมาขนาดนี้ ข้าว่ารีบพาไปนอนก่อนเถอะ”“จ้ะพี่” อชิเอ่ยรับคำของโต จากนั้นก็พยุงเพลงขวัญกลับมาที่บ้านเพื่อให้เธอนอนพัก โดยคนเมาโวยวายมาตลอดทางว่าไม่เมากระทั่งใกล้ถึงบ้านเพลงขวัญก็อ้วกเอาทุกอย่างที่กินไปออกมาจากท้องจนหมดอชิเห็นแล้วก็สงสารและคงปล่อยให้เพลงขวัญนอนทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเลอะเทอะแบบนี้ไม่ได้ จึงไปเอาผ้ามาชุบน้ำแล้วนำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอ แต่ที่หนักใจคือจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เพลงขวัญยังไงนี่สิ“คุณไหม...ไหมตั้งสติหน่อย”“ตั้งสาติแล้ว” คนเมาพูดชัดบ้างไม่ชัดบ้าง“ผมจะถอดเสื้อผ้าตัวที่คุณใส่อยู่ตอนนี้ออกแล้วเอาตัวใหม่มาใส่ให้แทน โอเคนะ”“ม่ายยยโอเค”“แล้วจะให้ผมทำยังไง ไหนคุณบอกม
ทิศทางที่หมูป่าวิ่งหนีไปนั้นคือเหว เจษฎาพรเห็นท่าไม่ดีจึงตั้งใจจะรีบวิ่งไปดักหน้ามันไว้ โดยมีอชิตามมาสมทบ แต่ทั้งสองคนกลับวิ่งเร็วจนแซงเพลงขวัญและกระแตไปเสียแล้วแม้จะงงว่าอชิกับเจษฎาพรมาอยู่กันที่นี่ได้ยังไง แต่ก็ไม่มีเวลาให้ได้ซักถาม เจษฎาพรกระโดดข้ามกิ่งไม้ ต้นไม้อย่างไม่กลัวเจ็บ ส่วนคนไม่ชินทางอย่างอชิและสองสาวก็หาจุดอื่นข้ามแทน และคนที่ถึงตัวหมูป่าได้ก่อนก็ไม่ใช่ใครอื่นทันทีที่จับตัวหมูป่าได้ เจษฎาพรก็ล็อกตัวมันไว้แล้วใช้มีดที่พกมาปักลงไปบนคอของมันเพื่อให้สิ้นใจตายในทันที แม้จะโหดร้ายแต่หมูป่าก็ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป“จับหมูป่าได้มั้ยพี่ชัย” กระแตที่ตามมาสมทบรีบถาม เจษฎาพรที่เวลานี้นั่งหันหลังให้อยู่จึงค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับหลีกทางให้ทั้งสามเห็นว่าตรงหน้าเขามีอะไร“กรี๊ดดด เราจับหมู่ป่าได้จริงๆ ด้วยพี่ไหม” เอ่ยจบกระแตก็กระโดดโลดเต้นไปมา ส่วนเพลงขวัญนั้นดีใจจนเธอยืนค้างเพราะทำอะไรไม่ถูกแล้วนั่นเอง จากที่เหนื่อยๆ เพราะวิ่งไล่หมูป่ามาจู่ๆ ความเหนื่อยนั้นก็หายไปเสียดื้อๆ“ตัวนั้นคือตัวที่ถูกฉันยิงเหรอพี่ชัย” เพล
“หมู่บ้านเรามีข่าวดีเรื่องลูกชายพี่โตแล้ว น่าจะมีงานฉลองสักหน่อยนะ” ดามที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่เอ่ยขึ้น นั่นเพราะทุกครั้งที่มีสมาชิกใหม่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน พวกเขามักจะมีงานเลี้ยงเสมอ“งั้นพวกเราออกไปล่าหมูป่าสักตัวสองตัวดีมั้ย” ชายอีกคนเอ่ยเห็นด้วยกับดาม จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เออออตามกัน ทำให้เช้านี้พวกเขามีเป้าหมายจะออกไปล่าหมูป่าให้ได้สักหนึ่งหรือสองตัว“ฉันขอไปด้วยนะจ้ะพี่ๆ” เสียงของเพลงขวัญที่นั่งฟังอยู่ดังขึ้นเช่นกัน เธอหูผึ่งตั้งแต่แรกที่ได้ยินว่าจะมีการออกไปล่าหมูป่าแล้ว“ไม่ได้” และคนแรกที่ค้านคืออชิ ซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ เธอ ชายหนุ่มส่งสายตาเขียวปัดมาปราม“ผัวเอ็งพูดถูก งานล่าสัตว์มันของพวกผู้ชาย ผู้หญิงอยู่ที่นี่เตรียมของไว้รอแล้วกัน” ดามเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจว่าวันนี้ต้องได้หมูป่าติดมือกลับมาแน่นอน“พี่ดามพูดถูก” อชิเข้าข้างดามทันที“แต่ฉันอยากแก้มือ ไถ่โทษที่ครั้งก่อนทำหมูป่าหลุด
อชิกำลังมอบจูบแรกให้เธอ จูบที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของชายหนุ่มเพื่อปิดคำกล่าวหาเรื่องที่เธอคิดว่าเขานั้นเป็นเกย์ แต่จูบนี้ก็แฝงไว้ซึ่งความรู้สึกบางอย่างที่มันค่อยๆ เกิดขึ้นกับอชิ ก่อนหน้านี้เขาพยายามปฏิเสธมันมาตลอด แต่สุดท้ายแล้วเขากลับพ่ายแพ้ จะเป็นอะไรไหมหากว่าเขานั้นได้หลงรักภรรยาตามกฎหมายคนนี้เข้าให้เสียแล้ว และต่อให้เธอจะรักจะชอบใครมาก่อนเขาก็ไม่สน เขาจะทำให้เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวจูบท่ามกลางแสงดาวเกิดขึ้นเนิ่นนาน นานเสียจนเพลงขวัญเกือบหมดลมหายใจ มีบางจังหวะที่อชิเผยอริมฝีปากออกเพื่อให้เธอได้สูดอากาศเข้าปอด แต่เพียงไม่นานชายหนุ่มก็วกกลับมามอบจูบให้เธอใหม่อีกครั้ง ประสบการณ์จูบครั้งแรกของเพลงขวัญช่างน่าตื่นเต้น เธอเพิ่งรู้ว่าการจูบกันจะให้ความรู้สึกวาบหวามไปทั้งตัวได้อย่างมากมายขนาดนี้ ริมฝีปากและปลายลิ้นของอชิเองก็ร้ายกาจ“เชื่อได้หรือยังว่าผมไม่ได้เป็นเกย์” เมื่อถอนจูบออกเสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้น ใจจริงอชิไม่อยากหยุดจูบออกด้วยซ้ำ เพราะริมฝีปากนุ่มๆ หวานๆ ของเพลงขวัญมันทำให้เขาหลง“เกย์จูบเก่งก็มี” เพ