" อะไรนะ! พี่เดรฟเนี่ยเหรอ เจ้าชายของมึง? "
" โลกจะกลมอะไรเบอร์นี้? "
" อย่าไปยุ่งกับเขาเลย สองพี่น้องนั่นไม่ได้ดีเหมือนที่ใครๆ เห็นหรอก "
ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็นหลังจากที่เมเบลเล่าเรื่องราวระหว่างเธอและเดรฟให้ฟัง ทั้งธามและแพรวต่างก็อึ้งไปตามๆ กันเว้นแต่เฟย์ที่ยังคอยห้ามไม่ให้เมเบลไปวุ่นวายกับชายหนุ่มคนนั้น
เพราะคนที่เคยคลุกคลีกับพวกเขามาก่อนรู้ดีว่าใครมีนิสัยใจคอยังไง หากเลี่ยงได้เฟย์ก็ไม่อยากจะให้เพื่อนรักเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในตระกูลนั้น และมีชีวิตเหมือนกับเธอ...
" อีเฟย์ อย่าขวางแรด อุ๊บ! อย่าขวางโลกค่ะขอร้อง เพื่อนจะมีผัวมึงต้องยินดีค่ะ " แพรวต่อว่าเพื่อน เพราะเธอเองก็เห็นว่าเพื่อนพี่ชายคนนี้ทั้งหล่อ ทั้งรวย เพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง ถึงแม้ตัวแพรวเองจะเล็งมาซักพักแล้วก็เถอะ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจเธอแม้แต่นิดเดียว ดูจากการเอ่ยทักเมื่อเช้าแม้หางตาเขาก็ไม่มองมาด้วยซ้ำ
" มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ กูรู้จักสองพี่น้องตระกูลนี้ดี เขาไม่เหมาะกับมึงหรอกเบล เชื่อกู " เฟย์ยื่นมือไปกุมมือเบลเอาไว้แน่น ส่งสายตาห่วงใยให้กับอีกคนหวังให้เพื่อนเปลี่ยนใจ ถึงแม้จะรู้คำตอบในใจแล้วแต่ก็เลือกที่จะขัดอยู่ดี
" แต่กูชอบเค้า..." เมเบลตอบเสียงแผ่ว เธอรู้ว่าเฟย์เตือนด้วยความหวังดี แต่เธอดันชอบเขาไปแล้ว และก็ชอบมานานแล้วด้วย ถึงจะเสี่ยงแต่ก็ยังอยากจะลองดู
" จบๆ มันจบแล้ว แค่เมเบลบอกว่าชอบพี่คนนั้นทุกอย่างก็ถือว่าจบ ทุกคนเลิกพูดถึงเรื่องนี้ ปล่อยให้เบลได้ลองทำตามหัวใจของตัวเองเถอะ " ธามแทรกขึ้นหลังจากนั่งฟังมานาน ชายเพียงคนเดียวในแก๊งเดินเข้ามาโอบไหล่บางแล้วตบลงเบาๆ
" ทำตามหัวใจตัวเอง ส่วนผลที่ได้จะเป็นยังไงก็ช่าง แต่อยากให้รู้ไว้ว่าเบลยังมีพวกเราอยู่ข้างๆ "
" อืออ ขอบใจมากนะธาม "
" เดี๋ยวนะ! อีเบลแค่เจอผู้ชายที่ชอบป่ะ ไม่ได้ไปออกรบ ให้กำลังใจมันยังกะเป็นเรื่องใหญ่ ทีกูไม่เห็นมีใครสนใจแบบนี้บ้างเลย " แพรวทำหน้ามุ้ยเง่างอน เพราะเห็นแบบนี้เธอก็มีโมเม้นต์ถูกเมินเหมือนกัน โดยเฉพาะกับหนุ่มๆ ในแก๊งของพี่ชายตัวเอง
" โอ๋ๆ แพรวคนแรด ไม่งอนเพื่อนสิครับ แพรวประสบการณ์เยอะจะตายไปเพื่อนเลยไม่ห่วง แต่เบลยังอ่อนด้อยนัก ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ " ธามผละมือออกจากเมเบล ไปโอบกอดเพื่อนสนิทอีกคนที่ทำหน้าย่นเหมือนหมาพันธุ์ปั๊ก
" อีธาม มึงหลอกด่ากูรึป่าว?"
" ใครจะกล้า รักๆ เพื่อนรัก " ธามกลอกตามองบนให้กับความขี้น้อยใจของเพื่อนสาว ปากก็ป้อนคำหวานทำเอาคนถูกเอาใจฉีกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ แม้จะรู้ว่าอีเพื่อนชายเพียงคนเดียวตอแหลอยู่ก็ตาม
" นี่ถ้าไม่ติดว่ามึงชอบผู้ชาย กูจับทำผัวไปแล้ว " แพรวหันไปกระซิบกระซาบชายไม่จริง จนธามต้องรีบดันตัวออกห่างแพรวทันที ก่อนจะลูบแขนตัวเองปอยๆ เมื่อขนอ่อนพร้อมใจกันลุกซู่...
ในขณะที่อีกฝั่งหยอกเย้ากันเล่น แต่เฟย์กลับทำเหมือนมีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา คิ้วโก่งขมวดเป็นปม ใบหน้าสวยดูเคร่งเครียดกว่าปกติ
" เฟย์ กูรู้ว่ามึงเป็นห่วง แต่ว่า...." เมเบลหยุดคำพูดไว้ เธอกับเฟย์โตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กๆ แค่มองตาอีกคนเมเบลก็รู้ว่าเฟย์กำลังกังวลเรื่องเธออยู่
" ลองดูก็ได้เบล กูหวังว่าพี่เดรฟคงจะไม่เลวเหมือนพี่ชายของเค้า กูขอให้มึงสมหวังนะ " เฟย์เองก็รู้มาตลอดว่าเมเบลฝังใจกับจูบแรกนั่นแค่ไหน และนิสัยของเบลหากตั้งใจจะทำอะไรแล้วนั้นเธอจะต้องทำให้ได้ ถึงจะห้ามแค่ไหนก็คงไม่ฟัง
" อืม ขอบใจนะมึง " คนตัวเล็กหันไปยิ้มตอบจางๆ ยอมรับว่าลึกๆ ก็มีหวั่นๆบ้างหล่ะ แต่ถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้...
" ปฏิบัติการจีบผู้ชายของเมเบล แม่แรดตัวน้อยเริ่มขึ้นแล้ว " แพรวพูดขึ้นเสียงดังพร้อมชูสองนิ้ว ก่อนทุกคนจะขำออกมาพร้อมๆกัน
ย้อนไปเมื่อเช้า
" ไม่ต้อง เจอเธอทีไรซวยทุกที "
" แต่เบลอยากเจอเดรฟนะ"
สิ้นเสียงใสของหญิงสาว หนุ่มลูกครึ่งก็เดินออกจากตรงนั้นทันที ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากเขา เว้นแต่สีหน้าที่ดูจะรำคาญคนตัวเล็กจนต้องรีบเดินหนี
" เดี๋ยวสิ คุยกันก่อน นายจำฉันได้ใช่มั้ย?" เมเบลรีบวิ่งตามหลังเขาไป เธอดึงแขนคนตัวสูงเอาไว้ในระหว่างที่เดินออกมาจนใกล้จะถึงโรงจอดรถ
" จำไม่ได้ " เขาหยุดฝีเท้าตอบโดยไม่หันกลับมามองหน้าเธอ
" ไม่จริง ก็เมื่อกี้นายยังพูดอยู่เลยว่าเจอฉันทีไรซวยทุกที แสดงว่านายก็ยังจำฉันได้ " เมเบลเดินวนมาหยุดอยู่ตรงด้านหน้าของคนตัวสูง เธอก็แค่อยากมั่นใจว่าเขายังจำเธอได้จริงๆก็เท่านั้น
" สมองฉันจำเฉพาะเรื่องสำคัญเท่านั้น หลบไปได้แล้ว " เขาพูดติดรำคาญ ท่าทางไม่ต่างจากวันแรกที่พบกัน
" ก็แค่ยอมรับว่าจำได้ มันจะอะไรนักหนา " เมเบลเขย่งเท้าเพื่อที่จะมองหน้าอีกคนที่เอาแต่จะหันหน้าหนีเธอ เพราะตัวเธอสูงเพียงแค่หน้าอกของเขาเท่านั้น ทำให้การยืนอยู่ระยะประชิดขนาดนี้นอกจากรอยลิบสติกของตัวเองบนเสื้อของเขาคนตัวเล็กก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว
" อืม จำได้ พอใจรึยัง? " เขาก้มลงมาสบสายตากับเธอ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นที่เธอหลงไหลทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นส่ำ
" บะ..เบลอยากจะขอโทษ ที่วันนั้นเบลด่าผิดคนไป เพราะคิดว่านายคือพี่เดล " เสียงตะกุกตะกักเอ่ยขึ้น
" ไร้สาระ เก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องมาคิดเป็นปีๆ เธอยังเป็นคนปกติอยู่หรือเปล่า?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อได้ฟังเรื่องราวในอดีตที่ตัวเขาเองก็พยายามจะไม่จดจำมัน กระทั่งสามารถลืมมันได้ในที่สุด แต่ก็ดันมาถูกหญิงสาวพูดถึงจนภาพเหล่านั้นแล่นกลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง
" ที่เบลจำได้ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่ที่เบลจำก็เพราะ..." เมเบลเม้มปากเข้าหากันแน่น แค่เธอเห็นหน้าเขาภาพเหตุการณ์ในวันนั้นก็ฉายขึ้นมาในความทรงจำจนรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวไปหมด
" ฝังใจอะไรนักหนาก็แค่จูบแรก " เขาพูดโพ่งขึ้นมาในสิ่งที่เธอกำลังคิด หรือว่าความจริงแล้วเขาก็คิดเหมือนกัน
" แล้วก็หยุดคิดไปได้เลยนะ ว่าฉันจะรู้สึกอะไรกับมัน " ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองหน้าคนตัวเล็ก ก่อนจะสะบัดมือของเธอออกจากแขน
" นี่นายรู้ได้ยังไงว่าฉันคิดอะไรอยู่?" เมเบลไม่สนว่าเขาจะรู้สึกเหมือนกับเธอหรือเปล่า แต่ที่เธอสนใจในตอนนี้คือผู้ชายตรงหน้าดูฉลาดดี แล้วเธอก็ดันชอบคนฉลาดซะด้วยสิ
" ฉันไม่ได้โง่เหมือนเธอนะ เด็กน้อย " ใบหน้าคมคายกระตุกยิ้มมุมปาก ผู้หญิงอะไรพูดไม่คิด นอกจากภายนอกจะดูใสซื่อแล้วความคิดก็ยังโลกสวยอีกต่างหาก
" ถ้านายไม่โง่ นายก็ต้องรู้ว่าที่ฉันตามนายออกมา ฉันต้องการ..."
" เธอชอบฉัน ถูกมั้ย?" ชายหนุ่มพูดตัดหน้าคำถามนั้น คนพูดประโยคก่อนหน้าได้แต่อึ้งก่อนจะหลบสายตาลงต่ำอย่างเขินอาย
" นาย...นายอ่านใจฉันออกอีกแล้วนะ " เมเบลเอ่ยเสียงอ้อมแอ๋ม ใบหน้าสวยหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ เพราะเธอไม่คิดว่าการวิ่งตามเขาออกมาในครั้งนี้จะเป็นการสารภาพรัก...
" ฉันไม่ชอบเด็ก " ประโยคสั้นๆ กลับทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เพิ่งบอกชอบเขาได้เพียงเสี้ยวนาทีกลับถูกปฏิเสธแล้วหรอเนี่ย แต่ไม่เป็นไร รู้จักเมเบลน้อยเกินไปแล้ว
" นั่นมันปัญหาของนาย แต่ฉันชอบนายนะเดรฟ "
" นี่เธอ...! เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันแน่ มาเที่ยววิ่งตามผู้ชายแล้วยังจะมาบอกชอบเขาอีก " เดรฟเริ่มจะขึ้นเสียงดัง เขาเป็นคนไม่ค่อยพูดมากและไม่ชอบพูดซ้ำ ยิ่งคนที่พูดไม่รู้เรื่องเหมือนคนตรงหน้าถ้าเป็นนอกรั่วมหาลัยฯ เขาคงจัดการไปแล้ว
" ฉันไม่เคยวิ่งตามใคร และก็ไม่เคยบอกชอบใคร นี่นายคนแรกเลยนะ " เมเบลมองเขาแววตาเป็นประกาย ถึงเขาจะดูร้ายกับเธอก็ไม่เป็นไร เพราะว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน....นับประสาอะไรกับใจชาย...
"......" เดรฟถอนหายใจหนักๆ ออกมา สายตาดุๆคู่นั้นมองหน้าหญงสาวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะใช้มือล้วงกระเป๋าเดินผ่านหน้าเธอออกไปยังซุเปอร์คาร์สีเทาแลมโบที่จอดเด่นสง่าอยู่ในโรงจอดรถ
" นี่สิ ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย " หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มชอบใจออกมา
ไม่ใช่เพราะรถที่เดรฟขับหรือฐานะของเขาหรอกนะ แต่เพราะความนิ่ง ความหยิ่ง ความอวดดีของเขานั่นหรอกที่ทำให้เธอชอบ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันทั้งที่ก็ไม่ใช่คนเก่งกาจเรื่องหัวใจแต่ดันไปชอบอะไรที่มันดูยากๆ อยู่เรื่อย
หลังจากจบคาบเรียนที่แสนโหด กินเวลาจนถึงห้าโมงเย็น สามสาวเดินลูบท้องออกจากห้องเรียนตรงมายังคาเฟ่ประจำหน้ามหาลัยฯ ในท่าทางที่อ่อนแรงเหมือนกับเพิ่งไปกอบกู้ชาติมายังไงอย่างนั้น
" มีช้างขายมั้ยคะ? เอามาเหมือนเดิมค่ะ" แพรวเอ่ยถามพี่พนักงานด้วยความสนิทสนม เพราะแก๊งพวกเธอมาที่นี่กันเป็นประจำ คนรับออเดอร์ฉีกยิ้มตอบก่อนจะรีบเร่งจัดเตรียมขนมและเครื่องดื่มมาให้ทันใจลูกค้าประจำอย่างกลุ่มพวกเธอ
" อีแพรวอย่ากวนตีx " หนุ่มตี๋เดินตามเข้ามาใหม่พูดแทรกขึ้น ก่อนจะจดเมนูที่จะสั่งเพิ่มส่งให้พี่ที่มารับออเดอร์
" ธามมาได้ไง ไม่มีเรียนแล้วไม่ใช่หรอ?" เมเบลรู้มาว่าเพื่อนชายไม่มีเรียนตั้งแต่บ่ายแล้ว แต่จู่ๆ กลับโผล่เข้ามาร่วมแก๊งในเวลานี้ได้อีกทั้งที่บ้านของธามอยู่ไกลจากมหาลัยฯมาก
" มาหาผู้แถวนี้ ก็เลยแวะมา " หนุ่มหน้าตี๋ถอนหายใจตอบ ท่าทางแบบนี้คงหนีไม่พ้นโดนเทเหมือนเดิม ถึงจะโปรไฟล์ดีแค่ไหนแต่ก็ไม่วายถูกเมินเช่นกัน
" สมน้ำหน้า โดนเทอีกแล้วล่ะสิ " เป็นเฟย์ที่พูดขึ้นมา ปกติเฟย์จะไม่ค่อยจิกกัดธามเท่าไหร่ แต่ตั้งแต่ที่ธามพูดจาสองแง่สองง่ามเรื่องเห็นเฟย์กับชายหนุ่ม ก็ดูเหมือนว่านอกจากแพรวแล้วธามจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกคน
" ร้ายกาจมากนังเฟย์ " ธามเค้นเสียงต่อว่าศัตรูหมายเลขสอง ก่อนใบหน้าหวานของหนุ่มตี๋จะเจือนลงเมื่อนึกถึงเรื่องที่ติดอยู่ในใจ
" แซดว่ะ คืนนี้ว่าไง? " คนถูกผู้ชายทิ้งหาที่ระบายอารมณ์ ก็คงไม่พ้นการท่องราตรีที่ทั้งแก๊งมักจะชวนกันไปเป็นประจำทุกเย็นวันศุกร์
" จัดไป / เซเยส " แพรวกับเฟย์ตอบตกลงขึ้นมาพร้อมกัน แต่คนตัวเล็กที่นั่งดูดนมชมพูอยู่นั้นกลับเหม่อลอย เหมือนไม่ได้นั่งอยู่บนโต๊ะนี้ด้วยซ้ำ
" ยังไงคะแรดน้อย จะไปไม่ไป?" แพรวยื่นมือไปเขย่าแก้วน้ำหวาน เมเบลจึงเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวด้วยความอ้อยอิ่ง ดวงตากลมโตดูหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
" ไปไหน?" เสียงเล็กเอ่ยถามอย่างงงๆ เพราะตั้งแต่ที่ถูกปฏิเสธหน้าหงายมาเธอเองก็ซึมเป็นส้วมไม่ต่างกัน
" อีเมเบล...!" แพรวเค้นเสียงใส่คนอรชรแม้กระทั่งความรู้สึก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะเริ่มจะเบื่อหน่ายแม่คนดีคนซื่อตรงหน้าเต็มที
" เอาเป็นว่าลากมันไปเลยก็แล้วกัน " เฟย์พูดขึ้นก่อนที่ทุกคนจะหันมาเลือกชุดที่จะใส่ไปเที่ยวคืนนี้ในไอแพดของเฟย์ ส่วนเมเบลก็ก้มหน้าลงสนใจเครื่องดื่มในมือของตัวเองต่อไป พร้อมกับความคิดล่องลอยเช่นเคย....
พล๊วะ!" ไอ้ห่า มึงจะเอายังไงกับกูห๊ะ กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่างยุ่งกับน้องสาวกู พวกมึงสองคนพี่น้องนี่วอนอยากตายกันจริงๆ "" น้องมึงโตเป็นสาวแล้วยังจะหวงอยู่ได้ กูก็แค่จีบไม่เล่นด้วยก็แค่จบป่าวว่ะ ?"" จีบเหี้xอะไร ถึงได้ออกมาจากคอนโดตอนเช้ามืด มึงอย่ามาเล่นลิ้นนะ วันนี้ไม่กูกับมึงต้องได้ตายกันไปข้าง! "เสียงมาเฟียหนุ่มทั้งสองที่ตอนนี้ต่างก็อยู่ในฐานะเพื่อนสนิทกำลังทะเลาะกันดันลั่นห้องทำงาน หลังจากที่หมัดแลกหมัดกันไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ลูกน้องคนสนิทฝีมือฉกาจทั้งสองฝ่ายทำได้เพียงยืนมองผู้เป็นนายฟัดกันอย่างไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว" เกิดอะไรขึ้น?" ขาเรียวขาวบนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วก้าวผ่านหน้าบรรดาลูกน้องที่คุ้นตากันดีของทั้งสองฝ่าย ก่อนพวกเขาจะโค้งตัวลงเคารพเจ้านายหญิงอีกคน ดวงหน้าสวยใสเป็นต้องขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเสียงที่ดังอยู่ในห้องนั้นเป็นเสียงของชายหนุ่มที่ฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างดี" หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุด! " เธอเดินเข้าไปพร้อมแหวกเสียงดังลั่นใส่สองหนุ่มที่กำลังกระหน่ำต่อยกันอย่างไม่มีใครยอมใคร กระทั่งเสียงแหลมเล็กเมื่อครู่ที่ค่อยๆ ทำให้สติของพวกเขากลับคืนมา" นี่มันเรื
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยามกระทบกับแสงไฟดูลึกลับและน่าหลงไหล หากแววตานั้นกลับซ่อนความอันตรายและร้ายกาจเอาไว้ผ่านแว่นตาสีดำที่เพ่งมองไปยังท้องทะเลอันน่าสะพรึงกลัวในยามค่ำคืนที่ไร้ดวงดาว เบื้องหน้าเต็มไปด้วยเรือขนส่งสินค้าจำนวนหลายลำ" แก๊งบาร์เซส หนึ่งในผู้ค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ฝั่งยุโรป คนพวกนี้ไว้ใจไม่ได้ ของที่อยู่บนเรือต้องเช็คให้ครบทุกลัง " คนมีประสบการณ์ในชุดพลางตัวสีดำเอ่ยขึ้น ดวงตาเพ่งมองไปที่ไฟหน้ารถคันหรูส่องสว่างแล่นฝ่าละอองฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา" ได้ยินแล้วใช่ไหม จัดการอย่าให้พลาดล่ะ " คนรับหน้าที่ในการคุมงานครั้งนี้สั่งการขึ้นโดยดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องดูการเคลื่อนไหวของเรือขนส่งสินค้าไม่วางตา" ครับนาย " ลูกน้องคนสนิทตอบรับคำสั่งก่อนจะเดินไปสั่งงานลูกน้องฝีมือฉกาจร่วมสามสิบชีวิตที่ถูกส่งตรงมาจากอินตาลีเพื่อคุ้มครองสินค้าล็อตใหญ่มูลค่าหลายร้อยล้านดอลล่า รวมถึงทายาทคนเล็กของหยางหมิงในการคุมงานใหญ่ครั้งแรก" ไม่ต้องยืดเยื้อ ทำทุกอย่างให้จบโดยเร็วที่สุด คนพวกนี้ร้ายกาจกว่าที่เราคิด พวกมันพร้อมจะตลบหลังเราทุกเมื่อ "" ครับเฮียฟาน " เดรฟหันไปตอบรับคำแนะนำของผู้รับหน้าที่สอนงานและเป็นท
หลังจากที่จงใจสั่งสอนอีกคนจนได้แผลมา คืนนั้นทั้งคืนเมเบลก็ต้องมาดูแลคนสำออยที่เพ้นท์เฮาส์เพราะหลังจากพี่เดลพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลเพื่อเย็บแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ต้องกลับไปสะสางงานต่อ เว้นเพียงคนที่กำลังนอนเอนหลังบนโซฟาที่ไม่ยอมอยู่โดยลำพังท่าเดียว" ทานยาค่ะ " เธอหยิบน้ำและยาตามที่แพทย์สั่งยื่นให้คนเจ็บ แต่สิ่งที่ได้คือใบหน้าออดอ้อนพร้อมอ้าปากแทน เมเบลกระตุกยิ้มก่อนจะยัดยาและน้ำกระแทกเข้าไปพรวดเดียว" แค่กๆ นี่จะฆ่าพี่ให้ได้เลยใช่มั้ย?" หลังจากกลืนยาลงไป เดรฟก็หันมาตำหนิคนที่ทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพนี้แทน" ถ้าเบลจะฆ่าพี่ เบลคงยิงไปแล้วล่ะคะ ไม่ปลอยเอาไว้ให้เป็นภาระแบบนี้หรอก "" โหดจังเลยนะ ตั้งแต่มาดามดารินให้ท้ายนี่กล้าขึ้นเยอะ ระวังจะไม่มีแรงลุกเดินออกจากเตียงล่ะคืนนี้ " ใบหน้าเจ้าเล่ห์หันมองคนข้างกาย สมองกำลังคิดวางแผนว่าจะจัดการคนพยศนี่ยังไงให้สาแก่ใจสมกับที่คิ้วแตกแบบนี้ ดีที่ว่าแก๊งเพื่อนๆไม่มีใครรู้ ไม่อย่างงั้นได้อับอายไปจนลูกบวช" น่ากลัวจังเลยนะคะ แต่เอาเวลาไปดูแลตัวเองไม่ให้คืนนี้ไข้ขึ้นก่อนจะดีกว่า "" เดี๋ยวจะเก่งไม่ออก....." แต่ยังไม่ทันจะต่อปากต่อคำกับเมเบลจบ มือถือของ
ร่างเล็กในชุดเดรสรัดรูปสีดำเผยให้เห็นทรวดทรงเด่นชัด เนินอกขาวเนียนโผล่พ้นขอบเสื้อสายเดี่ยวเป็นทรงสวยได้รูปกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะของการเดินบนส้นสูงสี่นิ้ว เรียวขายาวสมส่วนก้าวฉับๆเข้ามายังไนท์คลับที่คุ้ยเคยผิวขาวใสอมชมพูและใบหน้าจิ้มลิ้มได้รูปภายใต้เครื่องประทินผิวที่แต่งเติมเข้มกว่าทุกครั้ง ดึงดูดสายตาผู้พบเห็นจนต้องตกตะลึง เปลี่ยนจากสาวน้อยวัยใสให้กลายเป็นหญิงสาวสวยโฉบเฉี่ยวสุดเซ็กซี่เพียงชั่วพริบตาชายหนุ่มเจ้าของไนท์คลับเดินลงมารับด้วยตนเองหลังจากประตูรถลามูนซีคันหรูเปิดออก ก่อนเมเบลจะหันกลับไปโบกมือลาว่าที่แม่สามีบนรถด้วยใบหน้าเปื้อยยิ้ม" สวัสดีคะพี่เดล "" ทำไมถึงได้จัดเต็มขนาดนี้ ไอ้ขี้หวงมาเจอเบลสภาพนี้มีหวังบ่นไปแปดชาติสิบชาติ " เดลเอ่ยทักว่าที่น้องสะไภ้ด้วยความสนิทสนมกว่าแต่ก่อน ตั้งแต่วันนั้นที่ทุกอย่างคลี่คลายเขาก็เหมือนได้ยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวางใจกับคนตรงหน้าอีกแล้ว" ก็คุณป้านะสิคะจับเบลแต่งตัวแบบนี้ แล้วก็พาไปปาร์ตี้ตั้งแต่หกโมงเย็น " เมเบลเอ่ยฟ้องตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยๆ เดลได้แต่ยิ้มกริ่มเพาะตั้งแต่มีเมเบลเข้ามามาดามดารินก็ไม่ค่อยว
คฤหาสน์อัศวพานิชความเงียบจนชวนอึดอัดปกคลุมไปทั่วทั้งห้องรับแขก ตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่ต่างก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร สายตาประมุขของบ้านจ้องมองมายังชายหนุ่มที่พาลูกสาวสุดที่รักหายไปข้ามวันข้ามคืน" ผมพร้อมจะรับผิดทุกอย่างครับ " เสียงเข้มเอ่ยทำลายความเงียบนั้น ถึงแม้จะหวั่นใจกับคำตอบของชายตรงหน้าอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว" ยังไง ?" อนันต์ถามขึ้นมา มองหน้าลูกสาวสลับกับเด็กหนุ่มที่หายไปด้วยกันนานถึงสามวัน ก่อนหน้านี้เดรฟโทรมาขออนุญาติพาเมเบลไปเที่ยวก็จริง แต่มันต้องไม่ใช่การนอนค้างอ้างแรมกันหลายวันแบบนี้" แล้วแต่คุณอาเห็นสมควรเลยครับ ผมพร้อมจะรับผิดชอบน้องทุกอย่าง" เดรฟตอบออกไปอย่างไม่ลังเล แอบลอบสบตากันกับเจ้าของบ้านด้วยสายตาที่มีเลศนัยกันทั้งคู่ ก่อนเสียงเล็กจะแทรกขึ้น" แต่เราไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกันนะคะพ่อ " แต่เมื่อสายตาดุๆของอนันต์ตวัดมอง เมเบลจึงทำได้เพียงเงียบเสียงและก้มหน้าลงตามเดิม" เมเบลเป็นว่าที่พี่สะไภ้เธอ แล้วเธอสองคนหายไปด้วยกันมาตั้งหลายวัน เธอคิดว่าอาควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ลืมมันไปดีไหมแล้วจับยัยเบลใส่ตะกร้าล้างน้ำส่งให้ไปเป็นนายหญิงของหยางหมิงตามที่พ่
" นายหญิงหายไปไหน !! " เสียงทุ้มตะหวาดขึ้นดังลั่นห้องรับรอง เมื่อกลับเข้ามาที่ห้องพบเพียงความว่างเปล่า ลูกน้องที่เฝ้าหน้าประตูได้แต่ก้มหน้าลงหลบสายตาเพราะไม่มีคำตอบให้ผู้เป็นนายแต่ในขณะที่โมโหจนแทบบ้า คนตัวเล็กก็เดินกลับเข้ามาในห้องด้วยท่าทีเรียบนิ่ง เพียงแค่เมเบลไม่หันสบสายตาคมคู่นั้นก็ทำให้เดรฟรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ" ไปได้แล้ว ถ้าทำงานพลาดอีกก็ไสหัวออกไปได้เลย " เสียงเข้มคาดโทษลูกน้องทั้งสอง ก่อนจะหันมาสนใจคนตัวเล็กในห้องเมื่อตอนนี้อยู่กันเพียงลำพังแค่สองคน" เบลไปไหนมา พี่เป็นห่วงมากรู้ไหม ทำไมชอบขัดคำสั่งอยู่เรื่อยเลยห๊ะ " น้ำเสียงติดตำหนิพูดขึ้นจากทางด้านหลังของคนที่นั่งหันหน้าเข้าหากระจก ตั้งแต่เหตุการณ์บนเกาะนั่นเดรฟก็ใจเต้นแรงทุกครั้งที่เมเบลหายไปโดยไม่บอกกล่าวเมเบลมองเดรฟผ่านกระจกเงาบานใหญ่โดยไม่พูดอะไร เธอยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ดีพอจริงๆอย่างที่เขาเคยบอก ตกลงแล้วเดรฟเป็นคนยังไงกันแน่ เมื่อเช้ายังเป็นพ่อพระของเด็กๆอยู่เลย แต่พอตกกลางคืนกลับสังหารคนทั้งคนได้อย่างเลือดเย็น" เป็นอะไรไป?" เห็นอีกคนเอาแต่นั่งเงียบๆ เดรฟจึงเดินเข้ามาหา แต่เมเบลกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง