" โอ๊ย..!"
ร่างเล็กถูกเหวี่ยงลงบนโซฟา เมื่อประตูบานใหญ่ถูกปิดลงทุกอย่างในห้องนี้ก็เงียบสงัด ชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีดำจากด้านบนลงมาด้านล่างทีละเม็ด คนตัวเล็กถึงกับส่างเมาเมื่อเห็นการกระทำของเขา
" นะ...นายจะทำอะไร? อย่าเข้ามานะ" เมื่อจิตใต้สำนึกสั่งการว่ากำลังจะเกิดเรื่องอันตรายขึ้นกับตัว ร่างเล็กจึงถอยหลังหนีอัตโนมัติ เดรสตัวสั้นร่นขึ้นมาจนถึงเอวคอดกิ่ว แต่เมเบลเองก็หาได้ใส่ใจมัน เพราะสายตาของเธอตอนนี้กำลังจับจ้องไปที่ใบหน้าคมคายเพียงอย่างเดียว
" พูดเองหนิ ว่าอยากให้ฉันรู้จักเธอมากกว่านี้ " หนุ่มลูกครึ่ง เดินเข้ามาจนประชิดตัวของเธอ แววตาที่มองมาเยือกเย็นจนน่ากลัว ร่างสูงขึ้นคร่อมตัวเธอเอาไว้ ก่อนที่ฝ่ามืออันเย็นเฉียบจะลูบไล้เรียวขาขาวเนียนเบาๆ
" ไม่ใช่แบบนี้นะ ถะ..ถอยไป " เมเบลปัดมือเขาออก เธอรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าจะน่ากลัวเกินไปแล้ว ดวงตากลมโตถูกปกคลุมไปด้วยม่านน้ำตา ร่างกายสั่นเทาจนอีกคนสัมผัสได้
" กลัวเหรอ ?" เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น หญิงสาวพยักหน้ารัวเป็นคำตอบ เธอชอบเขามากก็จริงแต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้
" ถ้ากลัวก็อย่ามาตอแยฉันอีก เพราะครั้งหน้าฉันจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแบบนี้แน่ " เดรฟพูดเสียงนิ่งก่อนจะหยัดตัวขึ้นจากโซฟาและเดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี
" หึ ถูกขู่ไปขนาดนี้คงเลิกซ่าไปอีกนาน "
ด้านล่างผับโซนที่เป็นเวทีดีเจ เหล่าผีเสื้อราตรีต่างกำลังโยกย้ายตามจังหวะเพลงภายใต้แสงไฟที่สาดส่องบวกกับเสียงดนตรีบีชหนักๆ ที่เข้ากับบรรยากาศของค่ำคืนนี้
" อีเบลมึงหายไปไหนมาตั้งนาน ?"
" แล้วนี่เป็นอะไรไป ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ ?"
ร่างบางเดินเหม่อลอยมาจนถึงโต๊ะประจำ เธอยังคงยืนเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมา ยอมรับว่าเหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น
ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยคลั่งไคล้ แต่กลับทำให้รู้สึกกลัวจนแทบน้ำตาไหล แววตาดุดันเหมือนต้องการจะฉีกเนื้อเธอเป็นชิ้นๆ ภาพเหล่านั้นยังฉายวนอยู่ในสมองซ้ำไปซ้ำมา
" อยากกลับแล้ว " เสียงเล็กเอ่ยออกมาเบาๆ ทุกคนบนโต้ะมองหน้ากันไปมาด้วยคำถาม แต่ก็ยอมพาเพื่อนสาวกลับออกไปแต่โดยดีโดยยังไม่มีใครกล้าถามอะไรออกไป
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง คนข่มกลั้นมานานถึงกับปล่อยโฮออกมา เฟย์รีบเข้ามากอดเพื่อนสนิทโดยไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนเมเบลก็สะอื้นไห้จนตัวสั่น ก็ไม่รู้ทำไมเธอถึงจะต้องกลัวเขาขนาดนั้น เพราะในเมื่อตัวเธอเองนั้นก็ชอบเขา
" เบลไปเจอเดรฟมา แต่เค้าดูน่ากลัวมาก เค้าไม่เหมือนคนที่เบลชอบเลยสักนิด ฮื้ออ~ " เสียงอู้อี้ระบายสู่เพื่อนสนิทฟังในขณะที่ไม่คลายอ้อมกอดนั้นออก เมเบลซุกใบหน้าลงแนบอกเฟย์ สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที
เฟย์จึงกอดร่างบางของเพื่อนสนิทฟังสิ่งที่เมเบลระบายออกมาเงียบๆ อย่างไม่นึกแปลกใจ มือเล็กลูบหลังเพื่อนเบาๆ เพื่อปลอบประโลม กระทั่งคนในอ้อมกอดเริ่มสงบลง
" เฟย์...พี่เดลเขาดุเหมือนเดรฟมั้ย ตอนที่เฟย์คบกับเขาอ่ะ เขาดูน่ากลัวมั้ย?" จู่ๆเมเบลก็ถามขึ้นมาโดยที่ยังกอดเพื่อนรักเอาไว้เหมือนเดิม เฟย์เองก็ถึงกับคิ้วขมวดเล็กน้อยเพราะสำหรับเธอมันเป็นเรื่องที่ตอบยากพอสมควร
" เอาเป็นว่า ถ้าเบลคิดจะเดินหน้าจีบพี่เดรฟต่อ มันไม่มีเรื่องอะไรจะน่ากลัวไปกว่าเขาไม่สนใจแล้วล่ะ อย่าคิดมากนะ คนเราก็มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะแสดงด้านไหนออกมาก่อนก็เท่านั้นเอง "
" ด้านมืดและด้านสว่างงั้นเหรอ?" ถึงเมเบลจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่เฟย์ต้องการจะสื่อ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ถามต่อขึ้นมา เอาเป็นว่าเธอต้องใช้คำว่า "ช่างแม่ง" แล้วเดินหน้าต่อตามที่หัวใจต้องการก็แล้วกัน
" ไปอาบน้ำแล้วก็นอนพักผ่อนซะนะ " หลังจากที่ทั้งสองแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมันแล้วนั้น เมเบลเกิดคอแห้งกระหายน้ำขึ้นมา คงจะเพราะเหล้าที่ดื่มเข้าไปเยอะนั่นด้วยจึงทำให้เธอต้องออกมาที่โซนห้องครัวในเวลาเกือบจะตีสองแบบนี้ ความคุ้นเคยทำให้คนตัวเล็กเดินออกไปยังตู้เย็นได้โดยไม่ต้องพึ่งแสงไฟ
แกร่ก....
เมเบลรีบนั่งลงบังเคาเตอร์ครัวเอาไว้ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ก่อนจะเห็นเฟย์เดินออกมาภายใต้ความมืดในชุดลำลองสบายๆ เธอได้แต่มองตามแผ่นหลังบางของเพื่อนสาวเดินลับออกจากห้องไป
" เฟย์มันออกไปไหนของมันดึกๆดื่นๆ " แต่ก็ทำได้แค่พึมพำกับตัวเองเบาๆ เพราะทุกคนย่อมมีเรื่องส่วนตัวที่ก็ไม่ต้องการบอกใครเช่นเดียวกัน...
02:00น.
" มึงกับน้องเบล ยังไงกันแน่ ?" ทันทีที่เดรฟนั่งลงที่ประจำ คนในโต๊ะก็มองมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม หลังจากสันนิฐานกันมาก่อนหน้านั้นแล้วกระทั่งเจ้าของเรื่องมาถึงจึงตัดสินใจถามอีกรอบเพื่อความมั่นใจ
" ขี้เสือก " ขายาวตวัดไข่วห้าง จุดบุหรีขึ้นสูบโดยไม่ใส่ใจคนรอบข้าง เขาเป็นคนไม่ชอบพูดมาก ปากเสียและไม่ชอบอธิบาย เรื่องนี้เพื่อนในแก๊งรู้กันดี
เดรฟ ลูกชายคนเล็กของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในแวดวงรถหรูนำเข้าที่ติดอันดับหนึ่งของเอเชีย รวมไปถึงอีกหลายร้อยสาขาที่ขยายไปยังทวีปอื่นๆ
หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทยอิตาลี ย้ายมาอยู่เมืองไทยพร้อมพี่ชายอีกหนึ่งคน เมื่อเบื้องหลังของสองพี่น้องคลุกคลีอยู่กับธุรกิจสีเทาครบวงจรจึงเป็นเหตุให้พวกเขาต้องย้ายมาอยู่ที่ไทยเพื่อดูแลกิจการที่ขยายตัวมาเปิดใหม่ที่นี่และประเทศใกล้เคียง....
" เหมือนน้องมันจะชอบมึงมากนะ " มิกค์พูดขึ้นพร้อมกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก
" หึ เด็กไป ไม่ใช่สเปคกู " เดรฟตอบแบบไม่ใยดี เขายังยืนยันคำเดิมว่าไม่ชอบเด็ก ด้วยหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกับพี่ชาย ผู้หญิงที่จะมายืนข้างกายจะต้องไม่ใช่เด็กซื่อบื้อแบบนี้
" เห้ย แต่น้องเบลน่ารักใช่เล่นเลยนะเว้ย ดูธรรมชาติดี ไม่เสแสร้งแกล้งแอ๊บแบ้ว มึงจะหาได้ที่ไหนผู้หญิงดีๆแบบนี้ ในสังคมแบบนี้? " ลีโอเสริมขึ้นมา ถึงข้างกายจะมีสาวสวยอยู่ด้วยแต่เขาก็หาได้ใส่ใจไม่ หนุ่มฮอตเนิร์ดยังถือคติรักสนุกไม่ผูกพัน
" น่ารำคาญสิไม่ว่า " เดรฟสวนขึ้นทันควัน นิ้วมือเรียวยาวกดโทรศัพท์ตอบแชทใครบางคนที่เพิ่งจะแจ้งเตือนขึ้นมา
" มึงก็อย่าใจร้ายกับน้องมันนักเลย ยังไงเมเบลก็เป็นเพื่อนสนิทของน้องกู จะปฏิเสธอะไรก็เบาๆ ลงหน่อย เห็นใจคนที่เค้าชอบมึงบ้าง"
" หุบปากเลยพวกมึง จะยัดเยียดเด็กนั่นให้กูให้ได้ใช่มั้ย? " เดรฟตวัดสายตามองเพื่อนในโต๊ะอย่างไม่ชอบใจ พวกนี้ทำเหมือนไม่รู้ว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหน แค่นึกภาพว่าจะต้องเห็นหน้าเด็กนั่นมายืนยิ้มตรงหน้าก็ต้องถอนหายใจออกมาแล้ว
" ก็แค่บอกว่าให้รู้จักรักษาน้ำใจคนอื่นบ้าง มึงอ่ะเป็นเหี้xอะไรว่ะ กับผู้หญิงคนอื่นไม่เห็นจะปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนี้ แต่กับเมเบลดูมึงจะมีพิรุธนะ?"
" พิรุธเหี้xไรล่ะ มึงหุบปากไปเลยนะไอ้มิกค์ถ้าไม่อยากเจ็บตัว "
" เอ่อ พวกกูจะคอยดู หวังว่ามึงจะไม่กลืนน้ำลายตัวเองนะไอ้เดรฟ "
" แต่กูว่าไม่แน่ว่ะ น้องเบลคนนี้ดูตื้อสุดๆไปเลย ถ้าพี่เดรฟของเราจะปฏิเสธก็คงจะเหนื่อยหน่อยนะ "
" เอ่อ คอยดูได้เลย กูไม่มีทางเอาเด็กนั่นมาทำเมียแน่นอน " พูดจบร่างสูงก็เดินออกไป พร้อมกับสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่เดินตรงเข้ามาหาเขาราวกับถูกแรงดึงดูดมหาศาล
" เหอะ ทำปากดีไปเถอะไอ้เดรฟ กูว่าอีกไม่นานจะได้เห็นคนกลืนน้ำลายตัวเอง "
" เห็นด้วย / เอ่อ กูรอสมน้ำหน้าแม่งคนแรกเลย"
>>>
" อ้ะ อ่าาา เดรฟขาาา~ " เสียงกระเส่าของหญิงสาวดังครวนครางออกมาอย่างสุขสม ความรุนแรงของเซ็กส์อันดิบเถื่อนกับผู้หญิงสุดร้อนแรงทำให้เธอก็สู้ไม่ถอยเช่นกัน
ปึก ปึก ปึก
" ซีดดด อ่าา เบาๆ หน่อยได้ไหมคะมิวจุก " ร่างสมส่วนอยู่ในท่าโก่งโค้ง รับท่อนเอ็นขนาดมหึมาอย่างไร้ความปราณี
" ฉันไม่ชอบใครมาสั่ง จำไว้...เพี๊ยะ.."
" อร้ายยย...!!"
ฝ่ามือหนาฟาดลงที่บั่นท้ายงอนจนขึ้นรอยนิ้วมือไม่มีคำว่าอ่อนโยนสำหรับผู้หญิงที่จ่ายเงินเพื่อเสพย์สุข แรงกระแทกยังคงโหมกระหน่ำใส่หญิงสาวไม่ยั้ง
" อื้อ~ เสียวมากค่ะเดรฟ จูบมิวหน่อยได้ไหมคะ?" ร่างบางเอี้ยวตัวกลับหลัง เธอใช้สองแขนคล้องมาที่ลำคอขอชายหนุ่มหลวมๆ หวังดื่มด่ำกับรสจูบอันเร่าร้อน
พรึ่บ..!
" โอ๊ย..!" แรงผลักทำหญิงสาวจนล้มลงอยู่ในท่าเดิม เขาไม่ใส่ใจในคำร้องขอของเธอแม้แต่น้อย การมีเซ็กส์เพื่อปลดปล่อยอารมณ์โดยปราศจากความพิศวาส จะไม่มีทางได้รับการเล้าโลมหรือปรนเปรออย่างอื่นจากผู้ชายอย่างเขาเลยสักครั้ง
" อ่า~ " เมื่อปลดปล่อยความใคร่ทุกหยาดหยดออกมาอย่างสาแก่ใจ มือหนาจึงดึงเครื่องป้องกันออกและโยนทิ้งลงถังขยะไปโดยไม่ใยดี
" ออกไปได้แล้ว นั่นเงินของเธอ " หนุ่มลูกครึ่งพยักพเยิดหน้าไปที่โต้ะซึ่งมีเงินปึกหนึ่งวางอยู่ เขาลุกขึ้นเดินออกไปจุดบุหรี่สูบที่ระเบียงอย่างสบายใจ หาได้สนใจอีกคนในห้องสักนิด และก็เป็นอยู่แบบนี้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะสาวสวยตรงหน้าจะถูกใจแค่ไหน อย่างมากมันก็ทำให้เขาแค่กินซ้ำ แต่หากไม่ถูกใจก็ครั้งเดียวจบ
เดรฟขวดเบียร์ขึ้นดื่ม มองวิวกรุงเทพมหานครในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟของเมืองที่ไม่เคยหลับไหล จากชั้นบนสุดของเพ้นท์เฮาส์หรูใจกลางเมือง
ความโดดเดี่ยวและอ้างว้างเข้าครอบงำ ภายนอกที่เลิศหรูดูดี ความเพอร์เฟคที่หลายคนต้องการและหวังเข้าหาเพื่อผลประโยชน์ แต่เบื้องลึกเบื้องหลังนั้นเต็มไปด้วยความความอันตราย...อันตรายซะจนตัวเขาเองนั้นก็แทบจะไม่อยากยืนอยู่จุดนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ทำได้แค่คิด....เพราะความจริงคอยย้ำเตือนเสมอว่าเขาคือทายาทของหยางหมิง แก๊งมาเฟียที่ทรงอิทธิพลมายาวนาน
ถึงแม้ว่าพี่ชายของเขาจะเตรียมตัวรับช่วงต่อ แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้เดรฟหลุดพ้นได้ เพราะสายเลือดที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ทำให้เขาต้องจำยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้ และที่สำคัญว่าที่นายหญิงของหยางหมิงทุกคนนั้นถูกเลือกไว้แล้ว จึงเป็นคำตอบว่าไม่จำเป็นที่เขาจะต้องมีความรักให้เสียเวลา
แต่ฉันชอบนายนะเดรฟ....
จู่ๆ เสียงเล็กๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งก็แว่วเข้ามาในโสดประสาท พร้อมๆกับใบหน้าสวยใสแม้กระทั่งไม่แต่งเติมก็ดูสะดุดตาและดึงดูดให้มองจนแทบละสายตาไม่ได้
หลายเดือนก่อนหน้านี้ หลังจากพลาดไปจูบกับเด็กมัธยมปลายคนนั้น ความรู้สึกมันก็ฝั่งลึกลงไปที่หัวใจแกร่งมาตลอดเช่นเดียวกัน เพราะนั่นมันก็คือ จูบแรก ของเขา
เด็กสาวฝีปากกล้าคนนั้น ตามหลอกหลอนเดรฟในความฝันอยู่พักใหญ่ ริมฝีปากนุ่มนิ่มที่เขาได้ลิ้มรสกลับทำให้ติดใจจนลืมไม่ลง หลังจากวันนั้นเขาก็เข้าไปที่ไนท์คลับแทบทุกคืนหวังว่าจะเจอเธออีก
กระทั่งได้มารับรู้ว่าผู้หญิงที่จะมายืนข้างกายของทายาทตระกูลหยางหมิงถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เขาจึงเลิกล้มความคิดที่จะตามหาเธอคนนั้น และไม่ยอมเปิดใจที่จะจริงจังกับใครอีกเลย....
สายลมยามค่ำคืนปะทะเข้ามาที่ร่างกำยำไร้สิ่งปกปิดเว้นแต่ช่วงล่างที่พันด้วยผ้าขนหนูที่เอวสอบอย่างหมิ่นเหม่ กลิ่นแป้งเด็กแสนอ่อนโยนแทรกซึมเข้าสู่ปลายจมูกจนเผลอทำให้เคลิบเคลิ้ม
หนุ่มลูกครึ่งหลับตาพริ้มลงช้าๆ เรียวขาขาวเนียนในตอนที่เดรสสีดำร่นขึ้นไปกองที่เอวบางยังคงติดตา ครั้งเลื่อนสายตาขึ้นมาด้านบน เนินอกอวบอิ่มขนาดล้นมือเด้งสู้สายตาจนแทบเลือดกำเดาไหล
ใบหน้าสวยหวานยามขลาดกลัวกลับปลุกปั่นเร้าอารมณ์สวาทให้ฮึกเหิม ริมฝีปากบางกระจับสีชมพูระเรื่อนั้นช่างน่าดูดดื่ม ยิ่งแววตาที่มองมาคลอไปด้วยหยาดน้ำตาสั่นระริกเหมือนลูกนกตัวน้อยกำลังเว้าวอนร้องขอ ยิ่งทำให้ภายในใจอีกคนกระสั่นยิ่งนัก
ในขณะชายหนุ่มหลับตาลงปล่อยความคิดไปตามสายลมและความรู้สึก บางสิ่งบางอย่างในกายกลับรู้สึกปวดหนึบขึ้นมา เดรฟลืมตากว้างก้มลงมองเป้าที่ปิดด้วยผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่กำลังผงาดชูชันขึ้นมาเสียดื้อๆ
" เป็นเชี้xไรว่ะกู...!"
พล๊วะ!" ไอ้ห่า มึงจะเอายังไงกับกูห๊ะ กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่างยุ่งกับน้องสาวกู พวกมึงสองคนพี่น้องนี่วอนอยากตายกันจริงๆ "" น้องมึงโตเป็นสาวแล้วยังจะหวงอยู่ได้ กูก็แค่จีบไม่เล่นด้วยก็แค่จบป่าวว่ะ ?"" จีบเหี้xอะไร ถึงได้ออกมาจากคอนโดตอนเช้ามืด มึงอย่ามาเล่นลิ้นนะ วันนี้ไม่กูกับมึงต้องได้ตายกันไปข้าง! "เสียงมาเฟียหนุ่มทั้งสองที่ตอนนี้ต่างก็อยู่ในฐานะเพื่อนสนิทกำลังทะเลาะกันดันลั่นห้องทำงาน หลังจากที่หมัดแลกหมัดกันไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ลูกน้องคนสนิทฝีมือฉกาจทั้งสองฝ่ายทำได้เพียงยืนมองผู้เป็นนายฟัดกันอย่างไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว" เกิดอะไรขึ้น?" ขาเรียวขาวบนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วก้าวผ่านหน้าบรรดาลูกน้องที่คุ้นตากันดีของทั้งสองฝ่าย ก่อนพวกเขาจะโค้งตัวลงเคารพเจ้านายหญิงอีกคน ดวงหน้าสวยใสเป็นต้องขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเสียงที่ดังอยู่ในห้องนั้นเป็นเสียงของชายหนุ่มที่ฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างดี" หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุด! " เธอเดินเข้าไปพร้อมแหวกเสียงดังลั่นใส่สองหนุ่มที่กำลังกระหน่ำต่อยกันอย่างไม่มีใครยอมใคร กระทั่งเสียงแหลมเล็กเมื่อครู่ที่ค่อยๆ ทำให้สติของพวกเขากลับคืนมา" นี่มันเรื
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยามกระทบกับแสงไฟดูลึกลับและน่าหลงไหล หากแววตานั้นกลับซ่อนความอันตรายและร้ายกาจเอาไว้ผ่านแว่นตาสีดำที่เพ่งมองไปยังท้องทะเลอันน่าสะพรึงกลัวในยามค่ำคืนที่ไร้ดวงดาว เบื้องหน้าเต็มไปด้วยเรือขนส่งสินค้าจำนวนหลายลำ" แก๊งบาร์เซส หนึ่งในผู้ค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ฝั่งยุโรป คนพวกนี้ไว้ใจไม่ได้ ของที่อยู่บนเรือต้องเช็คให้ครบทุกลัง " คนมีประสบการณ์ในชุดพลางตัวสีดำเอ่ยขึ้น ดวงตาเพ่งมองไปที่ไฟหน้ารถคันหรูส่องสว่างแล่นฝ่าละอองฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา" ได้ยินแล้วใช่ไหม จัดการอย่าให้พลาดล่ะ " คนรับหน้าที่ในการคุมงานครั้งนี้สั่งการขึ้นโดยดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องดูการเคลื่อนไหวของเรือขนส่งสินค้าไม่วางตา" ครับนาย " ลูกน้องคนสนิทตอบรับคำสั่งก่อนจะเดินไปสั่งงานลูกน้องฝีมือฉกาจร่วมสามสิบชีวิตที่ถูกส่งตรงมาจากอินตาลีเพื่อคุ้มครองสินค้าล็อตใหญ่มูลค่าหลายร้อยล้านดอลล่า รวมถึงทายาทคนเล็กของหยางหมิงในการคุมงานใหญ่ครั้งแรก" ไม่ต้องยืดเยื้อ ทำทุกอย่างให้จบโดยเร็วที่สุด คนพวกนี้ร้ายกาจกว่าที่เราคิด พวกมันพร้อมจะตลบหลังเราทุกเมื่อ "" ครับเฮียฟาน " เดรฟหันไปตอบรับคำแนะนำของผู้รับหน้าที่สอนงานและเป็นท
หลังจากที่จงใจสั่งสอนอีกคนจนได้แผลมา คืนนั้นทั้งคืนเมเบลก็ต้องมาดูแลคนสำออยที่เพ้นท์เฮาส์เพราะหลังจากพี่เดลพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลเพื่อเย็บแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ต้องกลับไปสะสางงานต่อ เว้นเพียงคนที่กำลังนอนเอนหลังบนโซฟาที่ไม่ยอมอยู่โดยลำพังท่าเดียว" ทานยาค่ะ " เธอหยิบน้ำและยาตามที่แพทย์สั่งยื่นให้คนเจ็บ แต่สิ่งที่ได้คือใบหน้าออดอ้อนพร้อมอ้าปากแทน เมเบลกระตุกยิ้มก่อนจะยัดยาและน้ำกระแทกเข้าไปพรวดเดียว" แค่กๆ นี่จะฆ่าพี่ให้ได้เลยใช่มั้ย?" หลังจากกลืนยาลงไป เดรฟก็หันมาตำหนิคนที่ทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพนี้แทน" ถ้าเบลจะฆ่าพี่ เบลคงยิงไปแล้วล่ะคะ ไม่ปลอยเอาไว้ให้เป็นภาระแบบนี้หรอก "" โหดจังเลยนะ ตั้งแต่มาดามดารินให้ท้ายนี่กล้าขึ้นเยอะ ระวังจะไม่มีแรงลุกเดินออกจากเตียงล่ะคืนนี้ " ใบหน้าเจ้าเล่ห์หันมองคนข้างกาย สมองกำลังคิดวางแผนว่าจะจัดการคนพยศนี่ยังไงให้สาแก่ใจสมกับที่คิ้วแตกแบบนี้ ดีที่ว่าแก๊งเพื่อนๆไม่มีใครรู้ ไม่อย่างงั้นได้อับอายไปจนลูกบวช" น่ากลัวจังเลยนะคะ แต่เอาเวลาไปดูแลตัวเองไม่ให้คืนนี้ไข้ขึ้นก่อนจะดีกว่า "" เดี๋ยวจะเก่งไม่ออก....." แต่ยังไม่ทันจะต่อปากต่อคำกับเมเบลจบ มือถือของ
ร่างเล็กในชุดเดรสรัดรูปสีดำเผยให้เห็นทรวดทรงเด่นชัด เนินอกขาวเนียนโผล่พ้นขอบเสื้อสายเดี่ยวเป็นทรงสวยได้รูปกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะของการเดินบนส้นสูงสี่นิ้ว เรียวขายาวสมส่วนก้าวฉับๆเข้ามายังไนท์คลับที่คุ้ยเคยผิวขาวใสอมชมพูและใบหน้าจิ้มลิ้มได้รูปภายใต้เครื่องประทินผิวที่แต่งเติมเข้มกว่าทุกครั้ง ดึงดูดสายตาผู้พบเห็นจนต้องตกตะลึง เปลี่ยนจากสาวน้อยวัยใสให้กลายเป็นหญิงสาวสวยโฉบเฉี่ยวสุดเซ็กซี่เพียงชั่วพริบตาชายหนุ่มเจ้าของไนท์คลับเดินลงมารับด้วยตนเองหลังจากประตูรถลามูนซีคันหรูเปิดออก ก่อนเมเบลจะหันกลับไปโบกมือลาว่าที่แม่สามีบนรถด้วยใบหน้าเปื้อยยิ้ม" สวัสดีคะพี่เดล "" ทำไมถึงได้จัดเต็มขนาดนี้ ไอ้ขี้หวงมาเจอเบลสภาพนี้มีหวังบ่นไปแปดชาติสิบชาติ " เดลเอ่ยทักว่าที่น้องสะไภ้ด้วยความสนิทสนมกว่าแต่ก่อน ตั้งแต่วันนั้นที่ทุกอย่างคลี่คลายเขาก็เหมือนได้ยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวางใจกับคนตรงหน้าอีกแล้ว" ก็คุณป้านะสิคะจับเบลแต่งตัวแบบนี้ แล้วก็พาไปปาร์ตี้ตั้งแต่หกโมงเย็น " เมเบลเอ่ยฟ้องตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยๆ เดลได้แต่ยิ้มกริ่มเพาะตั้งแต่มีเมเบลเข้ามามาดามดารินก็ไม่ค่อยว
คฤหาสน์อัศวพานิชความเงียบจนชวนอึดอัดปกคลุมไปทั่วทั้งห้องรับแขก ตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่ต่างก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร สายตาประมุขของบ้านจ้องมองมายังชายหนุ่มที่พาลูกสาวสุดที่รักหายไปข้ามวันข้ามคืน" ผมพร้อมจะรับผิดทุกอย่างครับ " เสียงเข้มเอ่ยทำลายความเงียบนั้น ถึงแม้จะหวั่นใจกับคำตอบของชายตรงหน้าอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว" ยังไง ?" อนันต์ถามขึ้นมา มองหน้าลูกสาวสลับกับเด็กหนุ่มที่หายไปด้วยกันนานถึงสามวัน ก่อนหน้านี้เดรฟโทรมาขออนุญาติพาเมเบลไปเที่ยวก็จริง แต่มันต้องไม่ใช่การนอนค้างอ้างแรมกันหลายวันแบบนี้" แล้วแต่คุณอาเห็นสมควรเลยครับ ผมพร้อมจะรับผิดชอบน้องทุกอย่าง" เดรฟตอบออกไปอย่างไม่ลังเล แอบลอบสบตากันกับเจ้าของบ้านด้วยสายตาที่มีเลศนัยกันทั้งคู่ ก่อนเสียงเล็กจะแทรกขึ้น" แต่เราไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกันนะคะพ่อ " แต่เมื่อสายตาดุๆของอนันต์ตวัดมอง เมเบลจึงทำได้เพียงเงียบเสียงและก้มหน้าลงตามเดิม" เมเบลเป็นว่าที่พี่สะไภ้เธอ แล้วเธอสองคนหายไปด้วยกันมาตั้งหลายวัน เธอคิดว่าอาควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ลืมมันไปดีไหมแล้วจับยัยเบลใส่ตะกร้าล้างน้ำส่งให้ไปเป็นนายหญิงของหยางหมิงตามที่พ่
" นายหญิงหายไปไหน !! " เสียงทุ้มตะหวาดขึ้นดังลั่นห้องรับรอง เมื่อกลับเข้ามาที่ห้องพบเพียงความว่างเปล่า ลูกน้องที่เฝ้าหน้าประตูได้แต่ก้มหน้าลงหลบสายตาเพราะไม่มีคำตอบให้ผู้เป็นนายแต่ในขณะที่โมโหจนแทบบ้า คนตัวเล็กก็เดินกลับเข้ามาในห้องด้วยท่าทีเรียบนิ่ง เพียงแค่เมเบลไม่หันสบสายตาคมคู่นั้นก็ทำให้เดรฟรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ" ไปได้แล้ว ถ้าทำงานพลาดอีกก็ไสหัวออกไปได้เลย " เสียงเข้มคาดโทษลูกน้องทั้งสอง ก่อนจะหันมาสนใจคนตัวเล็กในห้องเมื่อตอนนี้อยู่กันเพียงลำพังแค่สองคน" เบลไปไหนมา พี่เป็นห่วงมากรู้ไหม ทำไมชอบขัดคำสั่งอยู่เรื่อยเลยห๊ะ " น้ำเสียงติดตำหนิพูดขึ้นจากทางด้านหลังของคนที่นั่งหันหน้าเข้าหากระจก ตั้งแต่เหตุการณ์บนเกาะนั่นเดรฟก็ใจเต้นแรงทุกครั้งที่เมเบลหายไปโดยไม่บอกกล่าวเมเบลมองเดรฟผ่านกระจกเงาบานใหญ่โดยไม่พูดอะไร เธอยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ดีพอจริงๆอย่างที่เขาเคยบอก ตกลงแล้วเดรฟเป็นคนยังไงกันแน่ เมื่อเช้ายังเป็นพ่อพระของเด็กๆอยู่เลย แต่พอตกกลางคืนกลับสังหารคนทั้งคนได้อย่างเลือดเย็น" เป็นอะไรไป?" เห็นอีกคนเอาแต่นั่งเงียบๆ เดรฟจึงเดินเข้ามาหา แต่เมเบลกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง