Share

บทที่ 6

Penulis: light sky
last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-04 13:53:09

5

ไปส่งปะล่ะ?

เสียงแตรรถที่ดังขึ้นทำให้ฉันละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในรถ เขาส่งยิ้มให้มาให้ฉันอย่างจริงใจในขณะที่ฉันทำเพียงแค่หรี่ตาเท่านั้น

“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”

“ไม่ค่ะ” ฉันตอบแทบจะทันทีหลังจากนั้นก็ก้มหน้ากดหาเลขอู่รถแถวนี้ “สวัสดีค่ะพอดีรถยางแบนน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าพอจะสะดวกมาเปลี่ยนให้ไหมคะที่ลานจอดรถตึก X คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.K ค่ะ”

“ขอโทษด้วยนะครับพอดีว่าช่างของเราเลิกงานกันหมดแล้ว ถ้ายังไงขอเป็นพรุ่งนี้เช้าได้ไหมครับ” ฉันกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิดกับคำตอบที่ได้รับ บางทีฉันอาจจะไปขอนอนกับเพื่อนที่หอพักของนักศึกษาแพทย์ในมหาวิทยาลัยก็เป็นได้

“ได้ค่ะ” หลังจากนั้นฉันก็บอกรายละเอียดข้อมูลไปก่อนจะกดวางสาย

ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจ้องมองอยู่ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อตอนเหลือบตาขึ้นไปมองก็เห็นผู้ชายคนเดิมยังคงนั่งอยู่ในรถ คราวนี้ฉันรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลสักเท่าไหร่นัก พอมองซ้ายมองขวาก็รับรู้ถึงความเปลี่ยววังเวงขึ้นมา

“คุณไม่ต้องกลัวผมหรอก ผมมาดีแค่เห็นว่ารถคุณยางแบนก็เท่านั้น”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันโทรเรียกช่างแล้ว” ฉันตอบอย่างขอไปที

“ป่านนี้แล้วยังมีอู่เปิดอีกเหรอครับ” เขาพูดพลางย่นคิ้วอย่างฉงนผิดกับริมฝีปากที่คลี่ยิ้มออกมาคล้ายจะรู้ทันอยู่ในที “ผมตั้งใจมาช่วยคุณจริงๆ นะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันเริ่มเสียงแข็งใส่

เมื่อคิดว่าถึงพูดไปก็ดีแต่ต่อความยาวสาวความยืดเสียเปล่าๆ ฉันจึงสาวเท้าเลี่ยงออกมาตั้งใจว่าจะเดินไปที่หอพักนักศึกษาแพทย์ เสียงเปิดปิดประตูรถที่ดังไล่หลังมาทำให้ฉันต้องซอยเท้าถี่ขึ้นแม้ว่ารองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่จะไม่อำนวยก็ตาม

“จะไปไหนเหรอคุณ”

“นายตุ่น!” ฉันเรียกชื่อเขาเสียงดังจนเจ้าตัวชะงักไปเล็กน้อย ชั่วหนึ่งความดีใจแล่นเข้ามาก่อนที่ฉันจะสลัดความรู้สึกนั้นไปอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ตัวว่าเผลอดันคิดอะไรแปลกๆ ออกมา

“เรียกแบบนี้กะให้หูหนวกเลยหรือไงคุณ” หมอนั่นมองฉันด้วยสายตาไม่พอใจ

“ก็ฉัน...”

“ฉัน?”

“ช่างเถอะ นายเห็นผู้ชายคนที่เดินตามหลังฉันมาไหม ใช่เด็กคณะนายหรือเปล่า”

“...ไม่นะ พวกมึงรู้จักไหม” นายตุ่นหันไปถามพวกเพื่อนข้างหลัง และคำตอบที่ได้ก็คือการส่ายหน้าเป็นพัลวัน “มีอะไรหรือเปล่าคุณ”

“เอ่อ...ไม่มีหรอก ฉันไปก่อนนะ” ฉันตัดสินใจที่จะไม่บอกเพราะว่ากันตามตรงมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของพวกเขา

“กลัวจนหน้าซีดขนาดนั้นยังจะปากแข็งอีก! แล้วนั่นจะเดินไปไหน ผมนึกว่าคุณจอดรถไว้ที่นี่เสียอีก”

“รถฉันยางแบน”

“มีล้อสำรองไหมเดี๋ยวช่วยเปลี่ยน”

“มันแบนทั้งสี่ล้อเลย!” ฉันแหวเสียงดัง

“เสียงดังอีกแล้ว” นายตุ่นว่าพลางหรี่ตาเอานิ้วแคะหูอย่างกวนๆ “คุณจะไปไหนเดี๋ยวผมไปส่งก็ได้ อ๊ะ! ห้ามปฏิเสธนะ ผู้ชายคนนั้นยังหลบอยู่หลังต้นไม้อยู่เลย”

“จะ...จริงเหรอ”

“ใช่ดิ แหมคุณนี่เสน่ห์แรงถึงขนาดมีสตอล์กเกอร์เลยนะเนี่ย เอ้าตามผมมา ผมจอดรถไว้ตรงนั้น”

ฉันเดินตามนายตุ่นมาเรื่อยๆ จนถึงลานจอดรถของอีกตึกที่ฉันเจอเขาเมื่อวันก่อนนั่นแหละ ฉันย่นคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นจะมีรถคันไหนนอกจากบีเอ็มคันสีน้ำเงินเข้มที่จอดเด่นไว้อยู่

“ไหนรถนายอะ”

“นี่ไง”

“บีเอ็มเนี่ยนะ!”

“เห็นเป็นรถจิ๊บรึไงคุณ” นายตุ่นกลอกตาก่อนจะหยิบกุญแจเปิดประตูแล้วพาตัวเองเข้าไปนั่งโดยไม่สนใจอาการอ้าปากค้างของฉันสักนิด

ปิ๊นนนนน!

“จะไปไหมคุณ” ฉันเดินฟึดฟัดไปขึ้นรถนายตุ่นก่อนจะปิดประตูดังปังด้วยความโมโห

“ปิดเบาๆ ก็ได้คุณ”

“ไหนนายบอกว่านายจนไง คนจนที่ไหนเขามีบีเอ็มคันเป็นล้านขับกัน นี่นายหลอกฉันอีกแล้วใช่ไหม” แล้วที่แย่กว่านั้นฉันยังหลงเชื่อหมอนี่อีกไง หงุดหงิดๆๆ

“ผมบอกคุณตอนไหน” นายตุ่นหันมาเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยหลังจากสตาร์ตรถ

“ก็ตอนที่นายบอกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวนายไม่มีสักบาท!”

นายตุ่นเงียบไปคล้ายจะทวนความจำก่อนจะร้องออกมา “อ๋อ! วันนั้นรถผมน้ำมันหมดแล้วดันลืมกระเป๋าตังค์ไว้ในรถไง ผมไม่ได้บอกสักคำว่าผมจน คุณนี่ชอบคิดไปเองนะเนี่ย”

“นาย...”

“แล้วถ้าผมจนจริง ๆ ทำไมคุณไม่คิดบ้างว่าผมอาจจะเก็บตังค์ซื้อเองก็ได้”

“ตกลงว่านายจนแล้วเก็บตังค์ซื้อรถคันนี้เอง”

“เปล่า พ่อผมเก็บต่างหาก”

“ไอ้...” ฉันเป่าลมออกจากปากอย่างไม่รู้จะด่าเขาว่าอะไรดี และขืนด่าไปหมอนี่คงทำเป็นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวามากกว่า

“ระวังความดันขึ้นนะคุณ”

“หุบปากไปเลยไป!” ฉันปรายตาจิกเขา

“ระวังตาเหล่นะคุณ” หมอนั่นพูดอีกรอบก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขันฉันจึงตัดสินใจใช้ความเงียบเพื่อตัดบทสนทนา

“...”

“ง่วงเหรอคุณ”

“...”

“เงียบไปเลย”

“...”

“หิวไหมคุณ”

“...”

นายตุ่นยังคงสรรหาคำถามต่างๆ นานาเพื่อไม่ให้ภายในรถมันเงียบจนเกินไปแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลและยิ่งเพิ่มความอึดอัดขึ้นมาเป็นเท่าตัวทุกครั้งที่เขาพูดด้วยซ้ำ ที่จริงฉันไม่ได้อะไรหรอกฉันแค่เหนื่อยกับการต่อปากต่อคำกับเขาเท่านั้นเอง

“แวะกินอะไรกันก่อนนะคุณ” เขาพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ นายนั่นจอดรถเข้าเทียบริมฟุตบาทในขณะที่ฉันทำเพียงปรายตามองเขาเล็กน้อยก่อนจะเดินลงจากรถตามนายตุ่นไป

ร้านที่นายตุ่นพามา...จะเรียกว่าร้านก็ไม่ถูกนักหรอก เพราะมันเป็นรถเข็นที่เรียงต่อกันเป็นแถวยาว แต่ละรถเข็นก็จะมีอาหารแตกต่างกันออกไปมากกว่า ส่วนโต๊ะจะเป็นอะลูมิเนียมกับเก้าอี้หัวโล้นพลาสติกล้อมรอบเท่านั้น

“นั่งสิคุณ หรือนั่งเก้าอี้แบบนี้ไม่เป็น”

แทนคำตอบฉันก็หย่อนก้นนั่งลงไปหมอนั่นดูเสียเลยก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะหึพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากมาจากนายตุ่น ไม่นานนักคนที่ฉันเดาว่าน่าจะเป็นพนักงานก็เอาแก้วน้ำที่ใส่น้ำแข็งก้อนเล็กพร้อมหลอดดูดมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะก่อนจะหยิบสมุดปากกาออกมาจากกระเป๋าหน้าผ้ากันเปื้อน

“รับอะไรดีคะ”

“เล็กต้มย้ำครับ” นายตุ่นตอบก่อนจะปรายตามาทางฉัน คิ้วเข้มของเขาเลิกคิ้วสูงขึ้นมา “จะเอาอะไรคุณ สั่งเป็นไหม”

“เส้นเล็กน้ำแบบต้มยำนะคะ”

“คุณจะสั่งให้มันยืดยาวทำไม”

“...”

“นี่คุณจะไม่พูดกับผมจริงๆ เหรอ”

“...”

“คุณกินเต็มที่เลยนะ มื้อนี้ผมเลี้ยง”

“มันควรจะเป็นแบบนั้น” ฉันละสายตาจากการมองรถวิ่งสวนกันไปมาตามท้องถนนแล้วหันมาตอบนายตุ่นเสียงเรียบนัยน์ตานิ่ง

“เอ้อทำไมรถคุณถึงยางแบนอะ”

“ไม่รู้”

“คุณมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า”

ฉันเงียบอย่างนึกคิด ศัตรูงั้นเหรอ...ฉันไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เพราะที่ผ่านมานอกจากส้มกับกลุ่มของยูฉันก็ไม่รู้จักใครมากนัก

“ไม่มีนะ” ฉันตอบเสียงเบา

“แน่ใจเหรอคุณ บางทีหน้าหยิ่งๆ ของคุณอาจจะไปทำให้ใครหมั่นไส้เอาก็ได้”

“ถ้าเป็นแบบที่นายพูดจริงคนที่น่าสงสัยที่สุดน่าจะเป็นนายไม่ใช่เหรอ” ฉันตั้งข้อสังเกตพลางจ้องตาอีกฝ่ายอย่างนึกหาความผิดปกติเช่นการหลบตา

แต่เปล่าเลย...

นอกจากนายตุ่นจะยังไม่หลบตาแล้วหมอนี่ยังจ้องตาฉันกลับอย่างไม่สะทกสะท้านอีกด้วย สุดท้ายแล้วก็เป็นฉันเองที่เป็นฝ่ายถอนสายตาออกมาก่อนพอดีกับพนักงานคนเดิมเอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ

“คุณปรุงรสด้วยสิ”

“ฉันไม่ชอบปรุง”

“ชีวิตขาดสีสันแย่” นายตุ่นเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะตั้งใจกินของตัวเองต่อไป เสียงสูดเส้นเข้าปากของอีกฝ่ายทำให้ฉันย่นคิ้วลง

“กินดีๆ ได้ไหม น้ำก๋วยเตี๋ยวมันกระเด็นใส่ฉัน” ฉันบอกเสียงเอ็ด

“กินแบบคุณมันไม่อร่อยหรอก เส้นเล็กนะไม่ใช่เส้นสปาๆ อะไรนั่นที่ต้องพันช้อนส้อมแล้วค่อยเอาเข้าปากน่ะ” เขาว่าก่อนจะยกถ้วยก๋วยเตี๋ยวขึ้นก่อนจะซดน้ำลงไปจนหมดเกลี้ยง “ซูดดด อ่า...”

“ไม่มีมารยาท” -___-

“คุณไม่ใช่คนแรกหรอกที่ว่าผมแบบนี้” นายตุ่นไหวไหล่ขึ้นราวกับสิ่งที่ฉันพูดไปเป็นเรื่องฟ้าฝนธรรมดา “ป้าครับ! เส้นหมี่ไม่ใส่ผักอีกสองถุงแล้วเก็บตังค์เลยนะครับ”

“จ้า!!”

“ฮัลโหลค่ะ...อยู่ห้องไหม...เดี๋ยวซื้อก๋วยเตี๋ยวไปให้....ฟรีสิคะ....เจอกันๆ” นายนั่นพูดสายกับใครไม่รู้ก่อนจะกดวางไป นี่เป็นอีกครั้งแล้วฉันได้ยินเขาพูดคะขา

ขนลุกพิลึก!

“คุณมองผมตอนคุยโทรศัพท์อีกแล้ว”

“ห้ะ...ขอโทษละกัน ได้ยินนายพูดคะขาแล้วมันแปลกๆ”

“แปลก?” นายตุ่นเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย “แปลกยังไงคะ”

“...”

“ฮ่าๆๆ หน้าคุณโคตรจี้เลยว่ะ!”

เขาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าที่อึ้งไปของฉันก่อนจะเดินไปจ่ายตังค์ ในขณะที่ฉันยกมือขึ้นกุมอกข้างซ้ายอย่างรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆ หัวใจมันก็ดันเต้นแรงขึ้นมา

“พรุ่งนี้คุณมีเรียนกี่โมง”

“แปด”

“คุณค่อยโทรให้เพื่อนมารับเนาะ ผมคงไม่ใช่คนดีที่ต้องรีบตื่นมารับคุณหรอก” นายนั่นพูดสรุปก่อนจะเดินนำไปที่รถ ฉันเลยรีบลุกขึ้นตามไปก่อนจะบ่นพึมพำ “ใครจะอยากให้นายมารับกัน...”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 60

    “พิมพ์ใจเย็นๆ ก่อนนะลูก” คุณแม่ปรามฉันซึ่งว่ากันตามตรงคนที่ท่านควรห้ามปรามคือคุณพ่อเสียมากกว่า “พิมพ์ใจร้อนตรงไหนคะ พิมพ์แค่บอกว่าพิมพ์จะไม่แต่งงานกับพี่แทน พิมพ์ไม่ได้รักพี่แทน เลิกเอาความรักกับธุรกิจมาเกี่ยวข้องกันสักทีเถอะค่ะ” “ลูกชายป้าทำหนูพิมพ์ไม่พอใจหรือเปล่า บอกป้ามาได้เลยนะเดี๋ยวป้าจะจัดใ

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 59

    32 เร่งรัด Tun’s part หลังจากเคลียร์กับนุ่นเสร็จผมก็รีบเดินลงมาหาพิมพ์เขาที่ร้านกาแฟ ผมไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกโอเคหรือเปล่าที่ต้องมาเจอกับนุ่นแบบนั้น ภายนอกเธออาจจะดูแข็งกร้าวแต่ทว่าตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาผมสัมผัสได้ว่าเนื้อในเธอเปราะบางมาก เท้าของผมชะงักเมื่อเดินเข้าไปร้านแล้วสายตาของผมก็พลันเข

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 58

    “ให้นุ่นเน่าไปนอนกอดสักคืนดีไหม?” “ที่รัก” น้ำเสี่ยงเลี่ยนๆ ที่มาพร้อมกับมือหนาที่วางไว้บนเอวของฉันอย่างพอดิบพอดีทำให้ฉันนึกอยากจะถลึงตาใส่นายตุ่นนักแต่ก็ทำได้เพียงแสร้งกรีดยิ้มหวานกลับไปเท่านั้น “มาแล้วเหรอคะ” ฉันพูดเพราะใส่เขาเสร็จ คิ้วเข้มนั่นก็เลิกขึ้นทันทีในขณะที่ฉันก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือ “ภ

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 57

    31 นุ่นเน่าๆ คำตอบที่แสนจะจริงจังของเขาทำเอาฉันนิ่งค้างไปอย่างนึกทั้งอายทั้งโกรธขึ้นมา นึกอยากจะตะบันหน้าที่ยิ้มกริ่มของเขาตอนนี้ยิ่งนัก “ล้อเล่นน่าคุณ ซีเรียสไปได้” นายตุ่นว่าอย่างไม่จริงจังนักพลางยกนิ้วโป้งลงมาทาบบนระหว่างคิ้วของฉันแล้วคลึงเบาๆ “ก็หน้านายเหมือนว่าจะเอาจริงนี่” “เผื่อฟลุ๊กคุณต

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 56

    “โหหอมจัง!” ฉันที่ทำท่าจะอ้าปากถามเขาจำต้องปิดปากพลันเมื่อคนตัวสูงแสร้งโพล่งออกมาเพื่อต้องการเปลี่ยนเรื่องอย่างตั้งใจ ฉันสูดลมหายใจลึกพลางนึกรอว่าให้ทานอาหารเสร็จก่อนแล้วค่อยเค้นปากร่างสูงเอาก็ได้ ที่จริงฉันกะว่าจะปล่อยเลยตามเลยแต่แววตาของนายตุ่นมันทำให้ฉันฉุกคิดได้ว่าเรื่องที่เขาต้องการจะปิดบังฉัน

  • Get out! ว่าที่คุณหมอตัวร้ายกับนายวิศวะหน้าโฉด   บทที่ 55

    30 จริงจังกันไหม? “สวัสดีครับแม่” นายตุ่นยกมือไหว้ผู้หญิงวัยกลางคนที่เขาเรียกว่าแม่ ท่านกำลังรดน้ำต้นไม้ตามที่นายตุ่นบอกจริงด้วย “สวัสดีค่ะคุณน้า” ฉันยกมือไหว้ท่านอีกคน “อ้าวตุ่น มานี่ทำไมไม่บอกแม่หึ” คุณน้าละจากต้นไม้หมุนตัวมาทางเราพลางถามคำถามลูกชายอย่างไม่จริงจังนัก “เซอร์ไพรส์ไหมล่ะครับ” “

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status