“หาเลขามานอนด้วยเนี่ยนะ” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความคับข้องใจ หน้าตาและฐานะระดับนี้น่าจะหาผู้หญิงที่พร้อมจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกันได้ไม่ยาก ต่อให้การขายบริการจะยังไม่ถูกกฎหมายแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย
“ข้องใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ถ้าไม่รู้สึกแบบนั้นก็แปลกแล้ว”
“ตอนเซ็นเอกสารก็น่าจะดูให้มันดี ๆ ก็สิ”
“…” แซนด์กัดริมฝีปากอย่างหงุดหงิด กำลังโทษตนเองที่ไม่รอบคอบจนถูกเอาเปรียบเช่นนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงทำโทษคลื่นโดยการวิ่งรอบสนามไปแล้ว
“คราวหลังก็จำเอาไว้เป็นบทเรียนว่าจะทำสัญญากับใครควรอ่านให้ครบทุกบรรทัด”
“วันนั้นใครรีบล่ะ”
“โทษผม? คุณเป็นคนมาขอความช่วยเหลือผมแท้ๆ” คลื่นก้าวขาเดินไปยืนตรงหน้าแซนด์ ก่อนจะหลุบตามองใบหน้าจิ้มลิ้มที่สูงเหนืออกของเขาขึ้นมาเล็กน้อย “เนรคุณกว่าที่คิดอีกนะครับเนี่ย”
“ทำไมถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้…”
“พูดเหมือนรู้จักผมดี” เขาแค่นเสียงหัวเราะให้กับคำพูดของเธอ เมื่อก่อนเขาอาจจะเป็นน้องชายข้างบ้านที่เชื่อฟังคำพูดของเธอ แต่เธอคงลืมไปว่ามันผ่านมาตั้งสิบหกปีแล้ว
“ไม่รู้สึกแปลก ๆ บ้างเหรอถ้าเราต้องทำแบบนั้นกันน่ะ”
“ไม่นี่”
“แต่เราเป็น…” แซนด์ตั้งใจจะพูดว่า ‘พี่น้อง’ แต่อีกฝ่ายกลับพูดแทรกขึ้นมาอย่างรู้ทัน
“ก็แค่เคยครับ แล้วตอนนี้คุณก็เป็นเลขาและลูกหนี้ของผม”
“ยังโกรธพี่อยู่อีกเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา เรื่องในอดีตคงทำให้เขาตั้งแง่กับเธอขนาดนี้ “แล้วถ้าพี่ขอโทษจะหายโกรธมั้ย”
“เหมือนผมจะบอกคุณไปแล้วว่าอย่าสำคัญตัวผิด มันนานจนผมลืมไปแล้ว”
“ถ้าคลื่นต้องการแบบนั้นจริง ๆ พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
“อยากสนิทกับผมมากเหรอถึงได้แทนตัวเองว่าพี่ แล้วเรียกชื่อผมอย่างเดียวแบบนั้น”
ร่างบางผ่อนลมหายใจ ก่อนจะกล่าวเชิงประชดว่า “ขออภัยค่ะคุณคลื่น”
“ธุระของคุณเรียบร้อยดีมั้ยครับ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่ทำให้คุณต้องมากู้เงินผม”
“ฉันหมายถึงเรื่องอะไรคุณต้องมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉัน เราไม่ได้สนิทกันสักหน่อยนี่คะ” แซนด์ตอกกลับด้วยความหมั่นไส้ ในเมื่อคลื่นตั้งใจทำราวกับเป็นคนแปลกหน้าต่อกันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องบอกเขา
“หึ ปากเก่งเหมือนเดิม”
“ขอตัวก่อนแล้วกันค่ะ” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่ทิ้งท้าย ก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินกลับมายังห้องของตนเอง แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับก้าวเท้าเร็ว ๆ มายืนดักหน้าเธอไว้
“ผมถามก็ควรตอบนะครับ การประพฤติตัวดี ๆ มีผลต่อโบนัสพิเศษด้วย”
“เจ้านายจำเป็นต้องรู้เรื่องส่วนตัวของเลขาด้วยเหรอคะ”
“ใช่”
“เอาเป็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ” แซนด์ตอบให้มันจบ ๆ ไป เขาจะได้ไม่ต้องถามอะไรแล้วหลบทางให้เธอเข้าห้องเสียที
“ทำไมถึงมีปัญหาเรื่องเงินมากขนาดนั้น”
“ฉันขอไม่ตอบคำถามนี้…”
“พี่แซนด์” คราวนี้คลื่นเรียกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น อีกทั้งยังใช้สรรพนามเหมือนที่เคยเรียกเธอในอดีต
“นี่เราสนิทกันแล้วเหรอคะ?” ร่างบางเลียนแบบอีกฝ่ายโดยการหยิบยกคำพูดของเขามายอกย้อน “อยากรู้เรื่องของคนอื่นถึงขั้นกลืนน้ำลายตัวเอง ประทับใจมาก”
กับคลื่นต้องทำแบบนี้แหละ เขาถึงจะรู้ตัวว่าตนเองทำตัวไม่น่ารักอยู่ คิดว่าถือไพ่เหนือกว่าแล้วจะทำอะไรกับเธอก็ได้หรือไง
“ถามก็ตอบ ทำไมต้องยอกย้อน”
“ฉันอายุมากกว่าคุณคลื่นนะคะ พูดแบบนั้นดูไม่ให้เกียรติกันเลย รบกวนหลีกทางให้หน่อยได้มั้ยคะ ฉันอยากพักผ่อน”
“ผมตั้งใจว่าจะลดหนี้ให้ แต่ดูเหมือนคุณจะไม่อยากรับความหวังดีจากผม เชิญพักผ่อนตามสบายนะครับ” ชายหนุ่มทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงก้าวขายาว ๆ เดินเลี่ยงมายังบันไดเพนต์เฮาส์
“เดี๋ยวค่ะ!” ได้ยินเช่นนั้นแซนด์ก็รีบวิ่งมารั้งแขนของน้องชายข้างบ้าน ไม่สนใจว่าเขาจะมองว่าเธอไร้ศักดิ์ศรี เธอจะทำถ้ามันทำให้เธอเป็นหนี้น้อยที่สุด “จะลดให้กี่บาทเหรอคะ?”
“ก็อยู่ที่ว่าเรื่องของคุณมันมีผลต่ออารมณ์ของผมแค่ไหน อาจจะสองล้าน สามล้าน หรือสิบล้าน”
“ฉันจะเล่า”
“ว่ามาสิครับ ว่าเอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะขนาดนั้น”
“บริษัทพ่อมีปัญหา ทำให้พี่ภูต้องไปกู้เงินนอกระบบมาหมุนก่อน แต่สุดท้ายบริษัทก็ขาดสภาพคล่องอยู่ดี ทุกอย่างมันก็เลยติดลบไปหมด”
“ปัญหาของตัวเองก็ไม่ใช่ ทำไมต้องเอาตัวเองไปลำบาก แล้วมีแผนจะคืนเงินผมยังไง”
“ก็ว่าจะขายที่ดินมาใช้” หญิงสาวมีที่ดินมรดกอยู่หนึ่งแปรง เธอลังเลเพราะมันเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายจากผู้เป็นแม่ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ก็คงต้องตัดใจขายทิ้ง
“แล้วถ้าขายไม่ได้จะทำยังไง”
“…ยังไม่ได้คิดแผนสำรองไว้เลย”
“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นพวกทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้มันดีก่อน”
“มันเป็นบริษัทของพ่อพี่นะคลื่น” แซนด์นิ่วหน้าเมื่อถูกอีกฝ่ายต่อว่าอย่างไร้ความเห็นใจ “จะให้พี่ทิ้งได้ไง”
คลื่นรู้ตัวว่าพูดแรงเกินไป แต่เขาเจอคนประเภทนี้มาหลายคนและส่วนใหญ่จุดจบไม่สวยเลยสักราย ถ้าไม่ใช่เธอเขาคงไม่เตือนแบบนี้
“ผมไม่ได้จะต่อว่าคุณ แต่ผมอยากให้คุณใช้สติมากกว่านี้ เจ้าหนี้ไม่ได้ใจดีอย่างผมทุกคนหรอกนะ”
“นี่ใจดีแล้วเหรอ”
“ให้เงินเดือน ลดหนี้ ไม่คิดดอกเบี้ย ใครจะใจดีกว่าผมอีก?”
“ทำไมไม่พูดถึงข้อตกลงในสัญญาบ้างล่ะ คนดี ๆ ที่ไหนเขาระบุสัญญาแบบนั้น”
“ถ้าคุณอยากฉีกสัญญาก็หาเงินมาคืนผมสิ จะไปกู้นอกระบบมาคืนก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากกลายเป็นเมียขัดดอกให้เสี่ยแก่ ๆ อย่าทำเลยดีกว่า ผมเตือนด้วยความหวังดี”
แซนด์มุ่ยหน้า แล้วจึงพูดต่อ “เล่าให้ฟังแล้ว จะลดหนี้ให้เท่าไหร่”
“เอาไว้ก่อนแล้วกัน ผมเหนื่อย”
“นี่! ทำไมทำตัวแบบนี้เนี่ย”
“ตอนให้เล่าทำเล่นตัว แต่เห็นแก่ที่คุณเล่าผมจะให้ลดให้ห้าล้านแล้วกัน”
“พูดแล้วอย่าคืนคำนะ”
“ตอนผมทำบุญให้หมาแมวยังมากกว่านี้อีก คิดซะว่าผมทำบุญนั่นแหละ”
นี่เขาเอาเธอไปเปรียบเทียบกับหมากับแมวเลยหรอ โคตรจะปากดี!
คลื่นคนก่อนชอบเถียง แต่คลื่นคนนี้ปากคอเราะราย
“ผมจะไปอาบน้ำ ช่วยทำอาหารเย็นไว้ให้ผมด้วยแล้วกัน” ว่าจบเขาก็เดินขึ้นบันไดไปโดยไม่รอให้หญิงสาวทัดทานสิ่งใด ปล่อยให้ยืนหัวเสียกับคำพูดของเขาอยู่คนเดียว
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้