มือเล็ก ๆ เอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อของชายหนุ่มที่หลับสนิทด้วยมือที่สั่นเทา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะเปลื้องผ้าผู้ชายตัวโตแบบเขาได้
“หล่อขนาดนี้เลยเหรอ” เธอเพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าของเขาชัด ๆ นิ้วเรียวไล่ไปตามส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าของชายหนุ่ม แม้ว่าขนคิ้วของเขาจะดกดำแต่ก็มีรูปทรงที่ชัดเจน จมูกโด่งรับกับใบหน้า ปากได้รูปแถมยังแดงระเรื่ออีก “นี่มันฟ้าประทานชัด ๆ เฮ้ย!! ไม่ใช่เวลามาชื่นชมความหล่อของเขานะ”
หญิงสาวลดมือลงจากใบหน้าของผู้ชายตรงหน้า แล้วมาสนใจเสื้อผ้าของเขาต่อ
กว่าจะจัดการกับเสื้อผ้าของเขาเสร็จก็เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน หลังจากนั้นเธอก็จัดการถอดเสื้อผ้าของเธอจนหมดโดยไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวเช่นกัน ร่างอรชรค่อย ๆ อิงแอบแนบชิดไปบนร่างเปลือยเปล่าของเขาที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่
“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วแหละ” เธอบอกตัวเอง “หวังว่าเขาจะไม่ฆ่าเราทิ้งตอนตื่นมานะ”
ตาคู่สวยค่อย ๆ ปิดลง เธอได้แต่ปลอบตัวเองว่า ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าปล่อยให้น้องชายตกอยู่ในอันตราย นี่คือโอกาสเดียวที่เธอจะช่วยเขาได้ แล้วเหตุใดเธอจะต้องกังวลกลับสิ่งที่กำลังจะเกิด สำหรับเธอขอแค่ให้น้องชายปลอดภัยแค่นั้นก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ
ภายในห้องนอนที่ดูอึมครึมแม้ภายนอกจะมีแสงแดดจ้า แต่เพราะผ้าม่านราคาแพงผืนสีเทานั้นสามารถบดบังแสงแดดไม่ให้เล็ดลอดเข้ามา ชายหนุ่มเจ้าของร่างเปลือยเปล่าใช้มือขวาจับขมับของตัวเองเพราะรู้สึกมึน ๆ เขาพยายามคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ดูเหมือนว่ามันดำมืดจนเขานึกอะไรไม่ออก
ขณะที่เขาขยับตัวก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างวางทับอยู่บนอกของเขา ไม่ใช่ผ้าห่มแต่เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกับเขา
“เกิดอะไรขึ้น!!” หลังจากที่ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาแล้วเจอหญิงสาวนอนอยู่ข้าง ๆ เขากลับตกใจจนรีบลุกขึ้นนั่งแล้วถอยห่างจากบุคคลแปลกหน้า คิ้วหนาสองข้างขมวดเข้าหากันจนเป็นปม “เธอเป็นใคร”
มือข้างหนึ่งของเขาลูบไปบนใบหน้าของตัวเองสองสามครั้ง คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกสักทีว่าเธอคนนี้คือใครทำไมถึงมานอนอยู่ในห้องของเขา
พรึ่บ!
“ว้าย!!” หลังผ้าห่มโดนดึงแล้วเหวี่ยงออกไป หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้กำลังหลับสนิทก็รู้สึกตัวแล้วร้องลั่นด้วยความตกใจ เธอลุกขึ้นนั่งอัตโนมัติเพราะลืมไปว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว จนกระทั่งมีสายตาแปลก ๆ จ้องมองมา
ทันทีที่รู้แล้วว่าตัวเองกำลังโป๊มือสองข้างก็รีบยกขึ้นปกปิดส่วนที่น่าอายไว้ ใบหน้าของเธอแดงก่ำจนคนตรงหน้าสังเกตเห็นได้ชัด
เมื่อได้สติเจ้าของร่างบางก็รีบเอื้อมไปหยิบผ้าห่มกลับมาคลุมตัวเองไว้
เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวจนเต็มตา ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนค่อย ๆ ชัดขึ้น เขาจำได้ลาง ๆ ว่าเมื่อคืนเขาเจอเธอที่คลับของเขาโดยบังเอิญ แต่ไม่คิดว่าตื่นเช้ามาจะเจอเธออยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาแบบนี้
[เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง] เขาถามถึงสิ่งที่สงสัยออกไป ในใจก็ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิด อย่าพูดว่าโดนเขาหิ้วมา เพราะนั้นไม่ใช่นิสัยของเขา
“กะ...ก็คุณเป็นคนพาฉันมาที่นี่” เธอพอจะฟังภาษาจีนออกบ้างเป็นบางประโยคซึ่งเธอไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาจีนได้ จึงตอบเขากลับเป็นภาษาอังกฤษ
[ว่าไงนะ] เขายังคงพูดเป็นภาษาจีน
ชายหนุ่มมองสำรวจใบหน้าของเธออีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ดูรวม ๆ แล้วหญิงสาวตรงหน้าน่าจะเป็นคนเอเชียแต่ทำไมถึงคุยกับเขาด้วยภาษาอังกฤษ หรือเธอจะไม่ใช่คนที่นี่
“เมื่อคืนคุณลากฉันมาที่นี่แล้วเราก็...” เธอเม้มปากเข้าหากันจนมันเป็นเส้นตรง รู้สึกประหม่าที่พูดเรื่องโกหกออกไปแบบหน้าด้าน ๆ
“ฉันมีอะไรกับเธอเหรอ” คราวนี้เขาเปลี่ยนมาถามเป็นภาษาอังกฤษบ้าง
“ก็ใช่น่ะสิ ยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบฉัน” เธอพูดตามที่ซ้อมมาทุกอย่าง
“ให้ตายเถอะ...คิดว่าฉันโง่หรือไง” ผู้ชายอย่างเขาผ่านความสัมพันธ์แบบนี้มาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะร่างกายของเขาไม่มีความผิดปกติใด ๆ นอกจากไม่ใส่เสื้อผ้า
“พูดแบบนี้ คุณจะไม่รับผิดชอบใช่มั้ย” เธอขมวดคิ้วใส่เขา “ฉันไม่น่ายอมมากับคุณเลย”
“เธอต้องการอะไร”
“ฉันก็บอกไปแล้ว” รีบ ๆ พูดว่าจะรับผิดชอบฉันซะ งานของฉันจะได้เสร็จสักที
“ให้ฉันรับผิดชอบทั้ง ๆ ที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเนี่ยนะ” เขาตวัดสายตามอง
“ใครบอกว่าคุณยังไม่ทำ” เธอพูดโพล่งออกมา
“แล้วฉันทำอะไร...หา!”
“คุณจับตรงนี้” เธอเอามือชี้ที่หน้าอกของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มีผ้าห่มปิดอยู่
“ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับเธอ ออกไปซะ” เขาชี้ไปที่ประตู ก่อนจะลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่เพื่อปกปิดร่างเปลือยเปล่าของตัวเอง
สายตาเหยียดหยามที่มองมา ทำให้หญิงสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงหน้าร้อนผ่าว ครั้งแรกหรือเปล่าที่เธอโดนดูถูกด้วยสายตาแบบนี้
ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย เธอเฝ้าถามตัวเอง
“ฉันบอกให้ออกไปให้พ้น” เขาพูดซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
“แล้วคุณจะไม่รับผิดชอบฉันเหรอ...ว้าย!!”
เจ้าของร่างบางผงะแล้วร้องด้วยความตกใจเมื่ออยู่ ๆ เขาก็กระโจนเข้ามาหาเธอแล้วผลักเธอจนล้มหงายหลังไปบนที่นอน ก่อนจะคร่อมร่างเปลือยเปล่าของเธอแล้วใช้มือข้างขวาบีบคางของเธอไว้พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“ถ้าอยากมากก็ไปอ้าขาให้คนอื่น อย่ามายุ่งกับฉัน” เขาตะคอกใส่เธอก่อนจะถอยออกมายืนอยู่ข้างเตียง “หรือเธอต้องการเงิน เท่าไหร่ว่ามา”
ผู้หญิงคนนี้โผล่มาจากไหนทำไมอยู่ ๆ เธอถึงมายุ่งกับเขา ไม่รู้หรือว่าเขาเป็นใคร หรือว่าต้องการเงินถ้าได้เงินแล้วก็คงยอมไปแต่โดยดี
ส่วนหญิงสาวไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะเขาแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจพฤติกรรมแบบนี้ของเธอ เธอคงเข้าหาเขาผิดวิธี เธอคิดว่าถ้าทำแบบนี้มันจะง่ายและจบทุกอย่างได้ไว แต่กลับผิดแผนมิหนำซ้ำยังโดนดูถูกเหยียดหยามอีก
1 สัปดาห์ก่อนมาที่นี่ มีผู้ชายแต่งตัวแปลก ๆ สองคนบุกเข้ามาในบ้านของเธอพร้อมยื่นซองเอกสารสีน้ำตาล ซึ่งเมื่อเธอเปิดดูก็พบข้อมูลของเขา
ไคล์ หนุ่มลูกครึ่งชาวจีน เกิดวันที่ 29 เมษายน อายุ 27 ปี สูง 190 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม อาชีพ ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน และมีธุรกิจสีเทาอีกมากมาย คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเขาคือ มาเฟีย หรือมังกรหนุ่มผู้เย่อหยิ่ง งานอดิเรก ไม่มี สถานภาพ โสด หมายถึงยังไม่แต่งงาน แต่มีแฟนสาวที่กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ทำให้ตอนนี้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ส่วนนิสัยไม่มีระบุไว้ ชอบอะไรก็ไม่มีข้อมูล
‘เห้อ!! ชีวิตที่น่าเวทนาของฉัน’ หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าเธอคิดถูกหรือผิดที่รับงานนี้ เพราะแค่เริ่มเธอก็เริ่มมองเห็นอนาคตแล้ว ดูจากสายตาของเขาก็ไม่ต่างไปจากดวงตาของมังกรหนุ่มที่พร้อมจะพ่นไฟให้กับศัตรู
“นี่คุณ” เธอเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าเขากำลังเดินไปที่ห้องน้ำ
“ถ้าฉันกลับออกมาแล้วเห็นเธอยังอยู่ในห้องนี้ฉันจะฆ่าเธอทิ้งซะ”
ใบหน้าขาวกลับซีดเผือด ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของเขาเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเขาจะทำมันจริง ๆ และเธอคงไม่เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่นอน
ปัง!!
สิ้นเสียงปิดประตูห้องน้ำ เธอก็รีบลงจากเตียงแล้วหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาใส่แบบลวก ๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไป
วาเลนไทน์หมุนเวียนมาอีกรอบ หญิงสาวในชุดสีชมพูกำลังอุ้มเด็กน้อยวัย 6 เดือนเดินเข้าไปในบริษัท เนื่องจากผู้เป็นสามีต้องเข้าประชุมด่วนเขาจึงออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดและสั่งให้บอดี้การ์ดพาภรรยาและลูกตามมา“เชิญคุณน้ำตาลพาคุณหนูเข้าไปรอให้ห้องทำงานของบอสก่อนครับ คาดว่าไม่นานก็ประชุมเสร็จแล้วน้ำตาลเดินเข้าไปในห้อง เธอวางลูกน้อยลงบนเบาะนุ่ม ๆ ที่ถูกเตรียมไว้ ภายในเบาะมีของเล่นมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องทำงานของไคล์แทบจะเป็นที่สำหรับเลี้ยงเด็กเล็กก็ว่าได้น้ำตาลมองไปรอบ ๆ เธอจำได้ว่าห้องนี้คือที่ที่เธอมีจูบแรกกับเขา ไม่รู้เขาจะจำได้หรือเปล่า คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องทั้งหมดมันจะลงเอยแบบนี้ก็อก! ก็อก! ก็อก!แกร็ก!เสียงประตูทำให้น้ำตาลหันไปมองทันที เมื่อเห็นพนักงานสาวที่เคยปกป้องเธอจากหลินหลินในวันนั้นเธอก็ยิ้มกว้างให้กับหญิงสาว“ฉันจะเข้ามาถามว่าคุณน้ำตาลอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ”“ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันทานอาหารเช้ามาเรียบร้อยแล้ว”“ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกดิฉันได้เลยนะคะ”“ค่ะ”“จา! จา!” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เดินออกจากห้องเด็กน้อยก็ส่งเสียงทักทาย จึงทำให้เธอรีบหันกลับมาทันที“คุณหนู” พนักงา
ในห้องคลอดบรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความวิตกกังวล แต่ยังคงมีความหวังที่แฝงอยู่ในจิตใจของเขา เสียงเครื่องตรวจสอบการเต้นของหัวใจของทารกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เสียงหายใจหนักๆ ของน้ำตาลที่พยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดความสามารถน้ำตาลนอนอยู่บนเตียง ร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ความเจ็บปวดจากการปวดท้องคลอดทำให้เธอกุมมือไคล์ไว้แน่น ใบหน้าของเธอซีดแต่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาตามข้างแก้มเมื่อเธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ยังคงคืบคลานมาอีกระลอก“ไม่เป็นไรนะครับ” ไคล์เกลี่ยน้ำตาและเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เธอไปพร้อม ๆ กัน “หายใจเข้าลึก ๆ ครับ”ไคล์ขอเข้ามาในห้องคลอด เขายืนอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่างไปไหน จับมือน้ำตาลไว้แน่น สายตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยและความกังวล เขาพูดเบาๆ กับเธอ“ที่รัก ผมอยู่ตรงนี้แล้วนะ” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความรักที่ยิ่งใหญ่พยาบาลคอยให้คำแนะนำ และเตือนให้น้ำตาลหายใจลึกๆ เพื่อคลายความเจ็บปวด ก่อนจะบอกให้เธอกลั้นหายใจและเบ่งในช่วงเวลาสำคัญ การเคลื่อนไหวที่ทุกคนต่างรอคอยเริ่มต้นขึ้น“อุแว้!! อุแว้!!”เสียงร้องแรกของท
“ผมมีบางอย่างให้คุณ” ไคล์พูดขณะที่วางน้ำตาลลงบนที่นอน เขาเริ่มอุ้มเธอตั้งแต่ออกจากลิฟต์ จนมาถึงห้องพัก“อะไรคะ”“มีช่วงหนึ่งที่ผมไม่ค่อยได้อยู่กับคุณ” เขาเดินไปหยิบซองเอกสารบางอย่างแล้วเดินกลับมาหาน้ำตาล“...”“ช่วงที่คุณเพิ่งรู้ว่าท้องแต่ไม่ยอมบอกผม”“คุณไปไหนคะ” เธอจำได้ว่าช่วงนั้นเขาหายหน้าหายตาไปบ่อยมาก จนเธอคิดว่าเขาแอบไปอยู่กับคนรัก“ผมไปประเทศไทย”“...” ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ที่ประเทศไทย“ผมไปโรงพยาบาลที่คุณเคยทำงาน เพราะผมรู้มาว่าคนที่นั่นเล่นสกปรกกับคุณ” หลังจากรู้เรื่องของน้ำตาลมากขึ้น เขาก็ตามเอาคืนคนที่แกล้งเธอทุกคนอย่างสาสม“คุณทำอะไรพวกเขาคะ” น้ำตาลตกใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น“ผมแค่ทำเหมือนที่พวกเขาทำกับคุณ”“คุณไม่ได้ฆ่าใครใช่มั้ย” น้ำตาลถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เธอกลัวว่าเขาจะทำแบบนั้นกับใครสักคนที่เธอเคยรู้จัก“ตั้งแต่คุณขอไว้ ผมก็ไม่ทำแบบนั้นอีกเลย”“ขอบคุณนะคะ” เธอกอดเอวเขาไว้ รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครตายเพราะเธอ“ตอนนี้คุณมีสิทธิ์ในโรงพยาบาลนั้นครึ่งหนึ่ง”“คุณเอามันมาได้ยังไง” น้ำตาลก้มมองเอกสารที่ไคล์ยื่นมาให้เธอ ในนั้นระบุว่าเธอเป็นผู้ถือหุ้นของโรงพยาบาลที่เธอเคยทำ
“แต่งงานกันนะ”ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ประโยคนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของน้ำตาล วันนั้นเธอดีใจจนไม่ทันได้คิดไตร่ตรองว่าหากรับปากแต่งงานแล้วชีวิตของเธอจะเป็นยังไง แต่วันนี้ความคิดนั้นของเธอได้มลายหายไป เมื่อตลอดสองอทิตย์ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเห็นแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่ง“คิดดอะไรอยู่ครับ” วงแขนกว้างโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง พลางกดจูบลงไปบนไหล่มน“คิดว่าวันนี้ใช่ความฝันหรือเปล่า”“...” ไคล์เอียงหน้ามองภรรยาของเขา“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาอยู่ตรงนี้กับคุณ ไม่คิดว่าคุณจะให้เกียรติฉันมากขนาดนี้ ทั้งที่บนโลกใบนี้มีผู้หญิงมากมายที่เหมาะกับคุณ แต่คุณก็เลือกฉัน”“...”“ฉันทำผิดต่อคุณ จนไม่กล้าคิดว่าคุณจะให้อภัยฉันได้ แต่คุณก็ยังให้อภัย”ไคล์จับให้น้ำตาหันมาเผชิญหน้ากับเขา มือข้างหนึ่งเชยคางของน้ำตาลให้เงยหน้ามาสบตากับเขา“เพราะผมรักคุณ รักกว่าอะไรทั้งหมดที่ผมมีในตอนนี้”“...”“ผมไม่อยากให้คุณกังวลอะไร วันนี้เป็นอีกวันสำคัญของเราสองคนนะครับ ทุกคนกำลังรอชื่นชมความงามของเจ้าสาวอยู่”“แล้วพ่อของคุณล่ะ พิธีคริสต์ท่านจะมาด้วยหรือเปล่า”เนื่องจากตอนเช้าทั้งคู่ได้จัดพิธีแบบจี
บนถนนที่ทอดยาวออกไป ชายหนุ่มที่เคยใช้ชีวิตเร่งรีบมาตลอด วันนี้ไม่รู่อะไรดลใจให้เขาออกมาเดินบนถนน สายตาคมที่กวาดมองไปรอบ ๆ ก็สังเกตเห็นการแต่งตัวของผู้คนมากมายที่เดินสวนไปมา ทำไมพวกเขาถึงแต่งตัวด้วยโทนสีชมพู“วันนี้วันที่เท่าไหร่”“14 กุมภาพันธ์ ครับ”“วันวาเลนไทน์ใช่มั้ย”“โทรหาคุณเจียให้หน่อย” เขาหันไปบอกเซียวหม่า “แล้วถามว่าวันนี้ฉันมีนัดกับลูกค้าหรือเปล่า ถ้ามีบอกว่าให้เลื่อนนัดไปก่อน”“ครับบอส”ไคล์ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างรอให้เซียวหม่าโทรหาเลขา เขาหันไปเห็นคู่รักหลายคู่ที่แสดงความรักต่อกัน ก็ยิ่งชวนให้คิดถึงหญิงสาวที่เขาเพิ่งแอบไปหามาเมื่ออาทิตย์ก่อนเขาตั้งใจว่าจะไปหาเธออีกครั้งหลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะความคิดถึงมันล้นออกมาจนยากที่จะเก็บกักความรู้สึกนั้นไว้ได้ วันนี้เขาจึงตั้งใจไปหาเธออีกครั้งณ.บ้านเช่าหลังเล็กที่เขาเคยมาครั้งหนึ่งตอนที่เจ้าของบ้านนอนหลับสนิท แต่เวลานี้กลับเงียบสงัดไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว“วันนี้วันวาเลนไทน์ ร้านคงจะปิดช้ากว่าปกติครับ”“วันวาเลนไทน์แบบนี้ยังต้องทำงานอีกเหรอ”“ถึงจะเป็นวันวาเลนไทน์ก็ยังคงเป็นวันทำงานครับ ไม่ใช่ว
หลังจากที่ไคล์พักรักษาตัวจนหายดี เขาก็เริ่มกลับไปทำงาน แต่ทุก ๆ ตอนเที่ยงเขาจะพาน้ำตาลออกไปทานข้าวด้วยกันทุกครั้ง เขาไม่เคยปล่อยให้เธออยู่บ้านโดยไม่มีเขาเลยสักครั้ง“รีบ ๆ สิครับ”“รีบไปไหนกันคะ”“ผมมีที่ที่อยากจะพาคุณไป”“อะไรกันคะ คุณทำให้ฉันกังวลนะ”“ผมมีพิรุธขนาดนั้นเลยเหรอ”“ก็คุณดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ สีหน้าของคุณดูง่ายจะตาย”“แสดงว่าที่ผ่านมาคุณอ่านความคิดของผมออกหมดเลยเหรอ”“เปล่าหรอกค่ะ เพราะก่อนหน้านี้แม้แต่หน้าของคุณฉันยังไม่กล้ามอง แล้วฉันจะสังเกตได้ยังไง”“แล้วตอนนี้ล่ะ”“ก็มองทุกวันไงคะ มองจนจำได้หมดแล้วว่าถ้าทำปากแบบนี้” เธอดึงแก้มของสามีจนปากของเขาเป็นเส้นตรง “แสดงว่ากำลังงอล”“รักคุณจังเลยครับ”“ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ”“หรือคุณเบื่อที่จะฟังแล้ว”“ไม่เลยค่ะ ฉันฟังได้ทุกวัน”“ผมก็บอกรักคุณได้ทุกวัน ไม่เบื่อเลย”“คุณสั่งตัดชุดมาให้ฉันอีกแล้วเหรอ”“ครับ” เขาเดินเข้าไปช่วยน้ำตาลรูดซิปด้านหลัง “ก็ท้องของคุณเริ่มโตแล้ว”“พอคลอดแล้วฉันจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปไว้ที่ไหนละคะ”“จะกังวลไปทำไมครับ คลอดเสร็จก็ท้องอีก”“อะไรนะ”“เราจะมีลูกด้วยกันสักห้าคนดีมั้ย”“คุณท้องเองมั้ยล่ะคะ ถ้าท้องเองจะ