มือเล็ก ๆ เอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อของชายหนุ่มที่หลับสนิทด้วยมือที่สั่นเทา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะเปลื้องผ้าผู้ชายตัวโตแบบเขาได้
“หล่อขนาดนี้เลยเหรอ” เธอเพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าของเขาชัด ๆ นิ้วเรียวไล่ไปตามส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าของชายหนุ่ม แม้ว่าขนคิ้วของเขาจะดกดำแต่ก็มีรูปทรงที่ชัดเจน จมูกโด่งรับกับใบหน้า ปากได้รูปแถมยังแดงระเรื่ออีก “นี่มันฟ้าประทานชัด ๆ เฮ้ย!! ไม่ใช่เวลามาชื่นชมความหล่อของเขานะ”
หญิงสาวลดมือลงจากใบหน้าของผู้ชายตรงหน้า แล้วมาสนใจเสื้อผ้าของเขาต่อ
กว่าจะจัดการกับเสื้อผ้าของเขาเสร็จก็เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน หลังจากนั้นเธอก็จัดการถอดเสื้อผ้าของเธอจนหมดโดยไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวเช่นกัน ร่างอรชรค่อย ๆ อิงแอบแนบชิดไปบนร่างเปลือยเปล่าของเขาที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่
“แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วแหละ” เธอบอกตัวเอง “หวังว่าเขาจะไม่ฆ่าเราทิ้งตอนตื่นมานะ”
ตาคู่สวยค่อย ๆ ปิดลง เธอได้แต่ปลอบตัวเองว่า ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าปล่อยให้น้องชายตกอยู่ในอันตราย นี่คือโอกาสเดียวที่เธอจะช่วยเขาได้ แล้วเหตุใดเธอจะต้องกังวลกลับสิ่งที่กำลังจะเกิด สำหรับเธอขอแค่ให้น้องชายปลอดภัยแค่นั้นก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ
ภายในห้องนอนที่ดูอึมครึมแม้ภายนอกจะมีแสงแดดจ้า แต่เพราะผ้าม่านราคาแพงผืนสีเทานั้นสามารถบดบังแสงแดดไม่ให้เล็ดลอดเข้ามา ชายหนุ่มเจ้าของร่างเปลือยเปล่าใช้มือขวาจับขมับของตัวเองเพราะรู้สึกมึน ๆ เขาพยายามคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ดูเหมือนว่ามันดำมืดจนเขานึกอะไรไม่ออก
ขณะที่เขาขยับตัวก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างวางทับอยู่บนอกของเขา ไม่ใช่ผ้าห่มแต่เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกับเขา
“เกิดอะไรขึ้น!!” หลังจากที่ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาแล้วเจอหญิงสาวนอนอยู่ข้าง ๆ เขากลับตกใจจนรีบลุกขึ้นนั่งแล้วถอยห่างจากบุคคลแปลกหน้า คิ้วหนาสองข้างขมวดเข้าหากันจนเป็นปม “เธอเป็นใคร”
มือข้างหนึ่งของเขาลูบไปบนใบหน้าของตัวเองสองสามครั้ง คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกสักทีว่าเธอคนนี้คือใครทำไมถึงมานอนอยู่ในห้องของเขา
พรึ่บ!
“ว้าย!!” หลังผ้าห่มโดนดึงแล้วเหวี่ยงออกไป หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้กำลังหลับสนิทก็รู้สึกตัวแล้วร้องลั่นด้วยความตกใจ เธอลุกขึ้นนั่งอัตโนมัติเพราะลืมไปว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว จนกระทั่งมีสายตาแปลก ๆ จ้องมองมา
ทันทีที่รู้แล้วว่าตัวเองกำลังโป๊มือสองข้างก็รีบยกขึ้นปกปิดส่วนที่น่าอายไว้ ใบหน้าของเธอแดงก่ำจนคนตรงหน้าสังเกตเห็นได้ชัด
เมื่อได้สติเจ้าของร่างบางก็รีบเอื้อมไปหยิบผ้าห่มกลับมาคลุมตัวเองไว้
เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวจนเต็มตา ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนค่อย ๆ ชัดขึ้น เขาจำได้ลาง ๆ ว่าเมื่อคืนเขาเจอเธอที่คลับของเขาโดยบังเอิญ แต่ไม่คิดว่าตื่นเช้ามาจะเจอเธออยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาแบบนี้
[เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง] เขาถามถึงสิ่งที่สงสัยออกไป ในใจก็ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิด อย่าพูดว่าโดนเขาหิ้วมา เพราะนั้นไม่ใช่นิสัยของเขา
“กะ...ก็คุณเป็นคนพาฉันมาที่นี่” เธอพอจะฟังภาษาจีนออกบ้างเป็นบางประโยคซึ่งเธอไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาจีนได้ จึงตอบเขากลับเป็นภาษาอังกฤษ
[ว่าไงนะ] เขายังคงพูดเป็นภาษาจีน
ชายหนุ่มมองสำรวจใบหน้าของเธออีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ดูรวม ๆ แล้วหญิงสาวตรงหน้าน่าจะเป็นคนเอเชียแต่ทำไมถึงคุยกับเขาด้วยภาษาอังกฤษ หรือเธอจะไม่ใช่คนที่นี่
“เมื่อคืนคุณลากฉันมาที่นี่แล้วเราก็...” เธอเม้มปากเข้าหากันจนมันเป็นเส้นตรง รู้สึกประหม่าที่พูดเรื่องโกหกออกไปแบบหน้าด้าน ๆ
“ฉันมีอะไรกับเธอเหรอ” คราวนี้เขาเปลี่ยนมาถามเป็นภาษาอังกฤษบ้าง
“ก็ใช่น่ะสิ ยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบฉัน” เธอพูดตามที่ซ้อมมาทุกอย่าง
“ให้ตายเถอะ...คิดว่าฉันโง่หรือไง” ผู้ชายอย่างเขาผ่านความสัมพันธ์แบบนี้มาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะร่างกายของเขาไม่มีความผิดปกติใด ๆ นอกจากไม่ใส่เสื้อผ้า
“พูดแบบนี้ คุณจะไม่รับผิดชอบใช่มั้ย” เธอขมวดคิ้วใส่เขา “ฉันไม่น่ายอมมากับคุณเลย”
“เธอต้องการอะไร”
“ฉันก็บอกไปแล้ว” รีบ ๆ พูดว่าจะรับผิดชอบฉันซะ งานของฉันจะได้เสร็จสักที
“ให้ฉันรับผิดชอบทั้ง ๆ ที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเนี่ยนะ” เขาตวัดสายตามอง
“ใครบอกว่าคุณยังไม่ทำ” เธอพูดโพล่งออกมา
“แล้วฉันทำอะไร...หา!”
“คุณจับตรงนี้” เธอเอามือชี้ที่หน้าอกของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มีผ้าห่มปิดอยู่
“ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับเธอ ออกไปซะ” เขาชี้ไปที่ประตู ก่อนจะลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่เพื่อปกปิดร่างเปลือยเปล่าของตัวเอง
สายตาเหยียดหยามที่มองมา ทำให้หญิงสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงหน้าร้อนผ่าว ครั้งแรกหรือเปล่าที่เธอโดนดูถูกด้วยสายตาแบบนี้
ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย เธอเฝ้าถามตัวเอง
“ฉันบอกให้ออกไปให้พ้น” เขาพูดซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
“แล้วคุณจะไม่รับผิดชอบฉันเหรอ...ว้าย!!”
เจ้าของร่างบางผงะแล้วร้องด้วยความตกใจเมื่ออยู่ ๆ เขาก็กระโจนเข้ามาหาเธอแล้วผลักเธอจนล้มหงายหลังไปบนที่นอน ก่อนจะคร่อมร่างเปลือยเปล่าของเธอแล้วใช้มือข้างขวาบีบคางของเธอไว้พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“ถ้าอยากมากก็ไปอ้าขาให้คนอื่น อย่ามายุ่งกับฉัน” เขาตะคอกใส่เธอก่อนจะถอยออกมายืนอยู่ข้างเตียง “หรือเธอต้องการเงิน เท่าไหร่ว่ามา”
ผู้หญิงคนนี้โผล่มาจากไหนทำไมอยู่ ๆ เธอถึงมายุ่งกับเขา ไม่รู้หรือว่าเขาเป็นใคร หรือว่าต้องการเงินถ้าได้เงินแล้วก็คงยอมไปแต่โดยดี
ส่วนหญิงสาวไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะเขาแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจพฤติกรรมแบบนี้ของเธอ เธอคงเข้าหาเขาผิดวิธี เธอคิดว่าถ้าทำแบบนี้มันจะง่ายและจบทุกอย่างได้ไว แต่กลับผิดแผนมิหนำซ้ำยังโดนดูถูกเหยียดหยามอีก
1 สัปดาห์ก่อนมาที่นี่ มีผู้ชายแต่งตัวแปลก ๆ สองคนบุกเข้ามาในบ้านของเธอพร้อมยื่นซองเอกสารสีน้ำตาล ซึ่งเมื่อเธอเปิดดูก็พบข้อมูลของเขา
ไคล์ หนุ่มลูกครึ่งชาวจีน เกิดวันที่ 29 เมษายน อายุ 27 ปี สูง 190 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม อาชีพ ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน และมีธุรกิจสีเทาอีกมากมาย คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเขาคือ มาเฟีย หรือมังกรหนุ่มผู้เย่อหยิ่ง งานอดิเรก ไม่มี สถานภาพ โสด หมายถึงยังไม่แต่งงาน แต่มีแฟนสาวที่กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ทำให้ตอนนี้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ส่วนนิสัยไม่มีระบุไว้ ชอบอะไรก็ไม่มีข้อมูล
‘เห้อ!! ชีวิตที่น่าเวทนาของฉัน’ หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าเธอคิดถูกหรือผิดที่รับงานนี้ เพราะแค่เริ่มเธอก็เริ่มมองเห็นอนาคตแล้ว ดูจากสายตาของเขาก็ไม่ต่างไปจากดวงตาของมังกรหนุ่มที่พร้อมจะพ่นไฟให้กับศัตรู
“นี่คุณ” เธอเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าเขากำลังเดินไปที่ห้องน้ำ
“ถ้าฉันกลับออกมาแล้วเห็นเธอยังอยู่ในห้องนี้ฉันจะฆ่าเธอทิ้งซะ”
ใบหน้าขาวกลับซีดเผือด ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของเขาเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเขาจะทำมันจริง ๆ และเธอคงไม่เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่นอน
ปัง!!
สิ้นเสียงปิดประตูห้องน้ำ เธอก็รีบลงจากเตียงแล้วหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาใส่แบบลวก ๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไป
วันต่อมาน้ำตาลลองไปโรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ เพราะเมื่อตอนดึกเธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ ถ้าอาการป่วยยังรุมเร้าอยู่แบบนี้ รับรองว่างานของเธอไม่มีทางคืบหน้าแน่ ๆ[คุณเองเหรอ]“...”[คุณจำผมได้หรือเปล่า]“...”“อ้อจริงสิ คุณคงไม่เข้าใจภาษาของผม” สายตาของหมอโฟกัสไปที่ประวัติคนไข้อีกครั้ง“คุณรู้ได้ยังไง” น้ำตาลแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็พูดภาษาที่เธอฟังออกขึ้นมา“ก็ที่คุณระบุในนี้” เขาชี้ไปที่แฟ้มประวัติคนไข้ “คุณไม่ใช่คนที่นี่สินะ”“อ๋อ” น้ำตาลโล่งใจ เธอเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ คิดว่าตัวเองกำลังกรอกประวัติอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐที่ประเทศไทยซะอีก“ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนั้นคุณถึงไม่ยอมคุยกับผม”“...” น้ำตาลไม่ได้พูดอะไร เธอนึกไม่ออกว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แต่ว่าหมอคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีจัง เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาเขาก็พูดไม่หยุดเลย“สรุปว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า”“คุณรู้จักฉันเหรอ”“คิดไว้แล้ว ว่าคุณคงจำผมไม่ได้”“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง ดูยังไงเธอก็ไม่คุ้นหน้าเขาเลยสักนิด“เราเคยเจอกันวันนั้นไง วันที่ฝนตก”“ฝนตก...” เธอทวนคำ“อือ...หึ”น้ำตาลทำท่าครุ่นคิด ตั้งแต่มาที่นี่ เธอนึกไม่ออกว่าเธอเคยมีโอกาสได้เจอผ
[สวัสดีครับคุณไคล์]เจ้าของชื่อก้มมองคนที่ยืนแนบอกของเขาก่อนที่จะปรายตามองคนที่เอ่ยทักทายเขา“คุณ” น้ำตาลเรียกเขาสั้น ๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปเห็นหน้าเจ้าของร่างกำยำที่เธอถอยหลังชน ไม่รู้ว่าเขาเดินมาทางที่เธอยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้าเธอเอาแต่เถียงกับผู้ชายไร้มารยาทคนนี้จนลืมสังเกตน้ำตาลหันไปเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ไม่กล้าสู้หน้าเขาตรง ๆ เพราะเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนยังปรากฏอยู่ในหัว เธอจึงทำทีเสมองไปทางอื่น[เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของคุณ]ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาวทันที มันจะมากเกินไปแล้ว เธอกำลังทำให้เขาเสื่อมเสีย เพราะลูกค้าประจำของที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักแฟนของเขา ผู้หญิงคนนี้ยิ่งนับวันยิ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขา“...” น้ำตาลหลุบตาต่ำลง เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นบอกอะไรกับเขา ถ้าเกิดบอกทุกอย่างที่เธอแอบอ้างไปล่ะ แล้วเธอจะทำยังไง เขาต้องโกรธเธอมากแน่ ๆเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามรูขุมขน เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แปลก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายดี หรือแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป หรือแท้ที่จริงแล้วเธอกลัวคนตรงหน้ากันแน่มือที่จับขอบโต๊ะกำแน่น ดูเหมือนตัวเธอจะโงนเงนไปมาจนเจ้าของร่า
เวลา 22.00 น.เจ้าของขาเรียวก้าวผ่านประตูเข้าไปในไนต์คลับ ผู้คนในเวลานี้ดูหนาแน่นขนัดตา เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเป้าหมาย แต่แล้วก็ไม่เจอ โชคดีที่ยังมีที่ว่างพอให้เธอได้แทรกตัวแล้ววางก้นลง[รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ] พนักงานหนุ่มเดินเข้ามาถามทันทีที่เห็นเธอนั่งลง“คุณพูดภาษาอังกฤษกับฉันได้หรือเปล่า” เธอเริ่มจะชินกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้น คงเป็นเพราะเธอเป็นคนเอเชียเหมือนกับพวกเขา โดยลักษณะทั่วไปของเธอก็ไม่ได้แตกต่างจากหญิงสาวชาวจีนมากนัก เลยไม่มีใครเอะใจว่าเธอไม่ใช่คนที่นี่“ครับ” พนักงานพยักหน้าเบา ๆ “ไม่ทราบว่าคุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”น้ำตาลก็นิ่งคิด เธอกำลังคิดว่าเธอจะสั่งอะไรมาดื่มดี ผู้หญิงที่เอาแต่ทำงานไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าผับแบบเธอควรสั่งอะไรมาดื่มดี“อะไรก็ได้ที่เบาที่สุดค่ะ”เพราะยังไม่หายป่วยเวลานี้เธอจึงไม่ควรดื่มด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะอย่างน้อย ๆ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเขาเธอจะได้กล้าพอที่จะชวนเขาขึ้นเตียงแบบไม่รู้สึกกระดากปาก เพราะทุกครั้งสติของเธอครบถ้วนเธอมักจะทำมันพลาดอยู่เสมอ“ได้ครับ”น้ำตาลนั่งรอไปเรื่อย เวลานี้เป้าหมายของเธอก็ยังไม่ปรากฏตัว จากหนึ่งแก้วเป็นสองแก้ว และตามด้วย
วันต่อมา แม้ว่าจะมีความคิดหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวของน้ำตาล ความคิดที่ว่าเธอไม่อยากทำ ไม่อยากมอบร่างกายให้คนที่เธอไม่ได้รัก และที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะรังเกียจเธอเอามาก ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่พอนึกถึงน้องชายเธอก็ต้องข่มกลั้นความคิดทุกอย่างไว้ เรื่องเดียวที่เข้ามาแทรกอยู่ในหัวคือเธอต้องทำแม้จะไม่อยากทำก็ตามน้ำตาลจึงตัดสินใจไปหาไคล์ที่บริษัทอีกครั้ง เธอจะต้องรีบทำมันให้สำเร็จ เธอไม่อยากใช้ชีวิตแสนลำบากอยู่ที่นี่ แค่อาทิตย์เดียวมันก็นานเกินไปแล้วสำหรับเธอ[หยุดก่อนครับ]น้ำตาลหันไปมองตามเสียง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอะไรก็ตาม ชายในเครื่องแบบรีบวิ่งมาขวางหน้าของเธอไว้ เธอมองสำรวจการแต่งกายของเขา คงจะเดาไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็น รปภ.ของบริษัทแห่งนี้“...” น้ำตาลรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ[ไม่ได้นะครับ บอสสั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าไปในบริษัทอีก] เขาบอกเธอเป็นภาษาจีนเพราะหลังจากที่เธอเดินออกจากบริษัทเมื่อวาน ไคล์ได้สั่ง รปภ. รวมไปถึงเลขาของเขา ห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ย่างกรายเข้ามาในบริษัทของเขาอีก มันอันตรายมากที่จะปล่อยให้เธอเข้ามาวนเวียนในพื้นที่ของเขา จนกว่าเขาจะสืบทราบว่าเธอเป็นใครมาจาก
หน้าบริษัทซอฟต์แวร์พนักงานต่างพากันเดินเข้าไปทางประตู หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูจะกลมกลืนไปกับพนักงานเหล่านั้นวันนี้เธอมาในชุดเดรสที่พนักงานบริษัททั่วไปในประเทศจีนนิยมใส่ เพราะหลังจากที่ได้สังเกตการแต่งกายของคนที่นี่ เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายของเธอมักจะมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ทุกครั้งเวลาที่เจอกัน วันนี้เธอจึงเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวใหม่เท้าสองข้างก้าวออกจากลิฟต์เมื่อมันมาจอดตรงชั้นบนสุดของบริษัท ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้บริหารระดับสูง อาจเป็นเพราะเช้ามากเวลานี้เลขาหน้าห้องจึงยังมาไม่ถึงบริษัท เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาตวันนี้เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะเข้ามาที่บริษัทหรือเปล่า หลังจากที่เธอแอบออกจากคอนโดของเขาตอนตี 1เมื่อสองวันก่อน เมื่อกลับถึงห้องเช่าเล็ก ๆ เธอก็พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะโดนเจ้าหนี้โทรมาต่อว่าเธอเรื่องทำงานล่าช้าก็เถอะ แต่เธอก็มีข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดได้เสมอ“ถ้าวันนี้เขาไม่มาล่ะ” น้ำตาลเดินไปเดินมาด้วยความกังวล ตอนนี้เวลาของเธอเหลือไม่มากแล้วฉันให้เวลาเธออีกสามวัน ไม่มีการต่อรองอะไรอีกแล้ว ถ
หมั่บ!!ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินเข้าห้องไปก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งจับต้นแขนของน้ำตาลไว้จากด้านหลัง ทันทีที่เธอหันกลับไปมองก็ได้เห็นว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับที่ผลักไสเธอให้คนอื่นนั่นเองชายหนุ่มแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงนี้ ตามเนื้อตัวนอกร่มผ้ามีรอยแดง ๆ ปรากฏให้เห็น คงเกิดจากการฉุดกระชากลากถูกันมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าน้ำตาลปฏิเสธคู่ค้าของเขา“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นไคล์“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”“ได้ไงล่ะ ตั้งแต่ทำธุรกิจร่วมกันมา คุณไม่เคยกลับคำพูดสักครั้ง” เขาโวยวาย ในเมื่อยกให้เขาแล้วจะมาเอาคืนได้ยังไง“ครั้งนี้ผมวู่วามเกินไป” ไคล์แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่ในใจลึก ๆ กลับยอมรับว่าเขาวู่วามจริง ๆ นั้นแหละ“อย่าบอกว่าที่เธอพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง” เขามองสลับกันระหว่างไคล์กับหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ ไคล์“พูดว่าไงครับ”“เธอบอกผมว่า เธอกำลังทะเลาะกับคุณ”“ว่าไงนะ” ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาว ความรู้สึกผิดเมื่อก่อนหน้าก็มลายหายไป เธอเอาชื่อของเขาไปแอบอ้างได้ยังไง ความจริงเธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำแล้วจะมีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกันน้ำตาลหลุบตาต่ำล