ตุบ!
ไคล์เหวี่ยงน้ำตาลเข้าไปในรถ โดยไม่ได้สนใจว่าเธอจะเจ็บหรือเปล่า
น้ำตาลเอามือลูบไหล่ข้างที่กระแทกกับประตูรถ ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่lส่วนที่กระแทกนั้นเป็นไหล่ไม่ใช่ศีรษะของเธอ
“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถามขึ้นเมื่อเห็นเขาตามขึ้นมาแล้วนั่งลงข้าง ๆ แต่ก็ยังเว้นระยะห่างกับเธออยู่พอสมควร
“ออกรถ!” เขาออกคำสั่ง
“ครับบอส”
“ส่วนเธอ...บอกฉันมาว่าเป็นใครมาจากไหน” เขาถามโดยไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองคนข้าง ๆ
“...” เธอก็บอกไม่เริ่มถูก ถ้าพูดตามตรงแล้วเธอกับเขาไม่น่าจะมีเรื่องอะไรที่ต้องมาเกี่ยวพันกันได้เลย จะให้เธอบอกเขาว่าเธอมาเพื่อเสนอตัวให้เขาเพียงแค่นั้นมันก็ไม่สมเหตุสมผล เพราะเขาก็ต้องอยากรู้สาเหตุว่าทำไมเธอต้องทำแบบนั้น ดีไม่ดีเขาได้ฆ่าเธอทิ้งทั้ง ๆ ที่ยังไม่เริ่มงานเลยด้วยซ้ำ
“ตอบมา!” ดวงตาที่ฉายแววโกรธราวกับมังกรที่พร้อมจะกระโจนเข้าใส่ศัตรูหากสิ่งที่ได้ฟังทำให้รู้สึกไม่พึงพอใจเท่าที่ควร
ส่วนน้ำตาล หลังจากที่ได้ฟังน้ำเสียงที่กดต่ำลงนั้นทำให้เธอต้องกลั้นหายใจ เธอรู้สึกเหมือนมันเป็นคลื่นใต้น้ำที่รอซัดโถมเข้าชายหาดแล้วกวาดสิ่งที่อยู่บนพื้นทรายลงกลับสู่ท้องทะเลไปในชั่วพริบตา
“ฉัน...” เธอเม้มปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง “ฉันก็เป็นผู้หญิงที่หลงเสน่ห์คุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอไงคะ ก็อย่างที่ฉันเคยพูดไปว่าอยากนอนกับคุณ”
“ไร้ยางอาย” ช่างเป็นคำตอบที่ไร้สาระสิ้นดี ในสายตาของตอนนี้ เธอก็ไม่ต่างจากหญิงสาวที่อยู่ตามร้านเหล้าที่คอยจะเสนอตัวให้ผู้ชายที่ถูกใจ
“เรื่องนั้นฉันยอมรับค่ะ” ปากพูดไปแต่หน้าชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว
“นี่เธอ!! นี่ไม่ใช่คำชมนะ หัดรู้จักอายซะบ้างก็ดี”
“มัวแต่อายก็ไม่ได้ลองสิคะ ว่าจะถึงใจแค่ไหน” น้ำตาลขยับเข้าไปใกล้แล้วเอามือวางลงบนมือของเขา
เพี๊ยะ!!
“เอามือสกปรกของเธอออกไป” เขาปัดมือเธอออก
“เมื่อกี้ฉันเพิ่งเข้าห้องน้ำมา ฉันล้างมือด้วยสบู่เรียบร้อยแล้วนะ ไม่เชื่อก็ลองดมดูสิคะ” ไม่พูดเปล่าน้ำตาลยังเอามือไปวางบนจมูกของไคล์
หมั่บ!
“นี่เธอ!!” เขาจับข้อมือเล็กนั้นไว้ แล้วออกแรงบีบจนเกิดรอยแดง
“โอ๊ย!!” น้ำตาลร้องด้วยความเจ็บ เธอใช้มืออีกข้างลูบข้อมือของตัวเองเบา ๆ หลังจากที่เขาปล่อยมือของเธอ
“ฉันไม่ใช่คนที่เธอจะมาตีสนิทด้วย”
“แต่ฉันอยากสนิทกับคุณจริง ๆ นะ” เธอย้อนกลับไปทันควัน “เอ่อ...จริง ๆ วันนี้ฉันยังไม่พร้อม แต่ถ้าคุณต้องการฉันก็ไม่ขัด”
“ต้องการ...?”
“ตัวฉันไงคะ”
“จอดรถ” เขาเหลืออดแล้วจริง ๆ นี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่พาผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ขึ้นรถมาด้วย ไม่ได้คำตอบที่อยากรู้แถมยังรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิมซะอีก
เอี๊ยด!!
ลูกน้องของไคล์เบรกรถกะทันหัน จนน้ำตาลคะมำไปด้านหน้า ใบหน้าของเธอแบบกับเบาะด้านหน้า
“ลงไป”
“หา...” น้ำตาลหันไปมองเจ้าของรถ “ฉันเหรอ”
“ใช่”
“ค่ะ ๆ” เธอเองก็ไม่ได้ขัด เพราะเธอตั้งใจจะไปหาเขาในอีกสามวันข้างหน้า วันนี้ถือว่าโชคดีที่เขาปล่อยเธอไป เพราะมัวแต่ยืนเหม่อหลังจากที่ลงรถกว่าเธอจะนึกได้ว่าเธอลืมของไว้บนรถของเขา รถก็แล่นออกไปไกลแล้ว “เฮ้ย!! เดี๋ยวสิ...ซวยชะมัดเลย”
ด้านไคล์เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอลืมกล่องอาหารไว้ คงเป็นอาหารจากร้านที่เขาเจอเธอ ด้วยความอยากรู้เขาจึงหยิบกล่องนั้นออกมาแล้วเปิดดูก่อนจะหันไปมองด้านหลัง จึงได้รู้ว่ารถแล่นออกมาไกลแล้ว อาหารกล่องนี้คงต้องทิ้งไป
สามวันต่อมา
เท้าคู่เล็กสองข้างก้าวลงจากรถแท็กซี่ หญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีขาว เธอปล่อยผมยาวสลวยไปตามแผ่นหลัง บนศีรษะมีที่คาดผมทำจากมุกเม็ดเล็ก ๆ เธอดูเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ทำให้นักธุรกิจที่ร่วมงานในค่ำคืนนี้ต่างให้ความสนใจ แต่ทุกคนกลับอยู่นอกสายตาของเธอ ยกเว้นชายหนุ่มร่างสูงที่เป็นเป้าหมายของเธอตั้งแต่แรก
น้ำตาลเดินเข้าไปกอดแขนของเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มตวัดสายตามองหน้าเธอด้วยความไม่ชอบใจที่อยู่ ๆ ก็เสียมารยาทกับเขาแบบนี้
“สวัสดีค่ะคุณไคล์” เธอกล่าวทักทายเขาด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อย
“ว้าว” นักธุรกิจหนุ่มผิวสีแทนคนหนึ่งอุทานขึ้น ความงดงามของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขารู้สึกถูกใจตั้งแต่แรกเจอ จนอยากทำความรู้จัก “เอ่อ...สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ” น้ำตาลทักทายกลับพลางส่งยิ้มบาง ๆ ให้ เธอจะทำตัวเฟรนลี่ตามที่เพจแนะนำ เพราะจากผลการสำรวจเขาบอกว่าผู้ชายจะชอบผู้หญิงอารมณ์ดี ยิ้มเก่ง
“เธอมาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นทำให้คนที่ได้ยินรับรู้ว่าเขาไม่พอใจ
“ทำไมพูดกับเธอแบบนั้นละครับ คุณไม่อยากให้เธอมาเหรอ” นักธุกิจหนุ่มหยั่งเชิงถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ เขามักจะหงุดหงิดที่เห็นฉันแต่งตัวแบบนี้” น้ำตาลพูดเข้าข้างตัวเอง
“น่าเสียดายนะครับ ของสวย ๆ งาม ๆ แบบนี้ก็ต้องแบ่งกันชม จะเก็บไว้คนเดียวได้ยังไง”
“งั้นก็เอาไปสิ” เขาผลักเธอเข้าไปหานักธุรกิจคู่ค้าของเขา โชคดีที่ชายหนุ่มอ้าแขนรับไว้ได้ทั้นไม่อย่างนั้นเธอได้ล้มคะมำไปต่อหน้าต่อตาของแขกในงานแน่ ๆ “เธอชอบเงินนะ อย่าลืมติ๊บเธอหนัก ๆ ล่ะ”
พูดจบไคล์ก็หันหลังเดินไปหน้าตาเฉย เขาไม่สนใจว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร เขาเพียงต้องการผลักเธอออกไปให้ห่างเขาก็เท่านั้น
น้ำตาลตกใจจนตาโต ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเธอแบบนี้ ใบหน้านวลเริ่มซีดเผือดลงทันตาเห็นเมื่อรับรู้ได้ว่าผู้ชายผิวสีแทนคนนี้กำลังโอบเอวเธอไว้แน่น แม้เธอจะดิ้นเขาก็ไม่ยอมปล่อย
“ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้” เธอตะโกนตามหลังของไคล์โดยไม่สนสายตาของแขกที่มองมาก่อนจะหันมาตวาดใส่คนที่โอบเอวเธอไม่ยอมปล่อย “นี่คุณ!! ปล่อยฉันนะ”
“เดี๋ยวสิ เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยนะครับ”
“ฉันไม่อยากรู้จักคุณหรอก”
“จุ๊ ๆ!! อย่าเสียมารยาท” ชายหนุ่มเอานิ้วไปแตะที่ปากของน้ำตาล แต่เธอก็พยายามสะบัดหน้าหนี “คืนนี้ผมจะติ๊บให้คุณหนัก ๆ”
“ไม่นะ ฉันไม่ได้รับงานแบบนั้น”
“แต่เขายกคุณให้ผมแล้วนะ”
“เขาไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นค่ะ ฉันไม่ใช่ของของ ใคร”
“ในเมื่อเขาผลักคุณให้ผมแล้ว แสดงว่าเขาไม่ต้องการคุณแล้ว คุณก็รีบเกาะผมให้แน่น ๆ สิ” เขากระชับแขนที่โอบเอวเธอไว้ให้แน่นขึ้น
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ คุณกำลังเข้าใจผิด เราแค่ทะเลาะกันนิดหน่อย” เธอพยายามแก้ตัว สมองก็เอาแค่ครุ่นคิดหาวิธีเอาตัวรอด
“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ถึงจะทะเลาะกันเขาก็ไม่ควรผลักไสคุณแบบนี้ การทำแบบนี้หมายถึงเขาไม่เอาคุณแล้ว”
“คุณปล่อยฉันก่อนเถอะนะ” เธอพูดแกมขอร้อง “ฉันจะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”
“ไม่ต้องคุยแล้วครับแค่นี้ก็ชัดเจนแล้ว เราไปกันเถอะ”
“คุณจะพาฉันไปไหน”
“ไปในที่ที่มีแค่เราไง ตรงนี้คนเยอะแยะ หรือคุณชอบความตื่นเต้น”
“ไม่นะ” เธอพยายามปัดมือของเขาที่เริ่มทำรุ่มร่ามกับเธอให้ออกห่างจากตัว ไม่รู้ทำไมเธอรู้สึกว่าสัมผัสจากผู้ชายคนนี้ช่างน่าขยะแขยงสิ้นดี
เธอถูกพาออกมาจากงานท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เกิดความสงสัย แต่กลับไม่มีใครกล้าถามหรือยื่นมือเข้าไปช่วยเธอสักคน หญิงสาวเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเอง เธอต้องหนีไม่พ้นแน่ ๆ
ปึก!
น้ำตาลโดนผลักเข้าไปในลิฟต์ ชายหนุ่มกระโจนเข้าหาเธอทันที เธอมุดหน้าลงแล้วออกแรงผลักเขาให้ออกห่างจากตัว
‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน’
ความกลัวปกคลุมไปทั่วร่างกายไม่เว้นแม้แต่หัวใจ เธอข่มกลั้นเสียงสะอื้นไว้ พยายามปกป้องตัวเองจากสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ เธอจะยื้อให้ถึงที่สุด
“แรงเยอะจังเลยนะ” เขากระโจนเข้าหาเธออีกครั้ง คราวนี้แขนสองข้างโดนจับรวบและขึงไว้ “โอ๊ย!!”
ตุบ!!
น้ำตาลได้จังหวะที่เขาพยายามจะมัดมือของเธอ เธอก็กระทุ้งเข่าขึ้นไปจนโดนกล่องดวงใจของเขาเต็ม ๆ ชายหนุ่มตรงหน้าทรุดตัวลงนั่งทันที เธอรีบกดลิฟต์ให้เปิดออก และทุกอย่างกลับไม่เป็นดั่งใจเลยสักนิด
“จะหนีไปไหน” ร่างบางโดนคว้าตัวไว้ “ทำให้ฉันเจ็บแล้วฉันจะเอาคืนอย่างสาสม”
“ก็ฉันพูดดี ๆ คุณก็ไม่ยอมปล่อยฉันนี่นา”
ติ้ง!!
ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นบนสุด หัวใจดวงน้อย ๆ หล่นตุบลงไปที่ตาตุ่ม ความเงียบสงัดทำให้เธอยิ่งกังวล เวลานี้จะมีใครช่วยเธอได้นอกจากตัวของเธอเอง
“มานี่”
ร่างบางถูกกระชากให้ปลิวไปตามแรงของชายหนุ่ม
“อย่านะ!!”
วาเลนไทน์หมุนเวียนมาอีกรอบ หญิงสาวในชุดสีชมพูกำลังอุ้มเด็กน้อยวัย 6 เดือนเดินเข้าไปในบริษัท เนื่องจากผู้เป็นสามีต้องเข้าประชุมด่วนเขาจึงออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดและสั่งให้บอดี้การ์ดพาภรรยาและลูกตามมา“เชิญคุณน้ำตาลพาคุณหนูเข้าไปรอให้ห้องทำงานของบอสก่อนครับ คาดว่าไม่นานก็ประชุมเสร็จแล้วน้ำตาลเดินเข้าไปในห้อง เธอวางลูกน้อยลงบนเบาะนุ่ม ๆ ที่ถูกเตรียมไว้ ภายในเบาะมีของเล่นมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องทำงานของไคล์แทบจะเป็นที่สำหรับเลี้ยงเด็กเล็กก็ว่าได้น้ำตาลมองไปรอบ ๆ เธอจำได้ว่าห้องนี้คือที่ที่เธอมีจูบแรกกับเขา ไม่รู้เขาจะจำได้หรือเปล่า คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องทั้งหมดมันจะลงเอยแบบนี้ก็อก! ก็อก! ก็อก!แกร็ก!เสียงประตูทำให้น้ำตาลหันไปมองทันที เมื่อเห็นพนักงานสาวที่เคยปกป้องเธอจากหลินหลินในวันนั้นเธอก็ยิ้มกว้างให้กับหญิงสาว“ฉันจะเข้ามาถามว่าคุณน้ำตาลอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ”“ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันทานอาหารเช้ามาเรียบร้อยแล้ว”“ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกดิฉันได้เลยนะคะ”“ค่ะ”“จา! จา!” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เดินออกจากห้องเด็กน้อยก็ส่งเสียงทักทาย จึงทำให้เธอรีบหันกลับมาทันที“คุณหนู” พนักงา
ในห้องคลอดบรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความวิตกกังวล แต่ยังคงมีความหวังที่แฝงอยู่ในจิตใจของเขา เสียงเครื่องตรวจสอบการเต้นของหัวใจของทารกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เสียงหายใจหนักๆ ของน้ำตาลที่พยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดความสามารถน้ำตาลนอนอยู่บนเตียง ร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ความเจ็บปวดจากการปวดท้องคลอดทำให้เธอกุมมือไคล์ไว้แน่น ใบหน้าของเธอซีดแต่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาตามข้างแก้มเมื่อเธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ยังคงคืบคลานมาอีกระลอก“ไม่เป็นไรนะครับ” ไคล์เกลี่ยน้ำตาและเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เธอไปพร้อม ๆ กัน “หายใจเข้าลึก ๆ ครับ”ไคล์ขอเข้ามาในห้องคลอด เขายืนอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่างไปไหน จับมือน้ำตาลไว้แน่น สายตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยและความกังวล เขาพูดเบาๆ กับเธอ“ที่รัก ผมอยู่ตรงนี้แล้วนะ” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความรักที่ยิ่งใหญ่พยาบาลคอยให้คำแนะนำ และเตือนให้น้ำตาลหายใจลึกๆ เพื่อคลายความเจ็บปวด ก่อนจะบอกให้เธอกลั้นหายใจและเบ่งในช่วงเวลาสำคัญ การเคลื่อนไหวที่ทุกคนต่างรอคอยเริ่มต้นขึ้น“อุแว้!! อุแว้!!”เสียงร้องแรกของท
“ผมมีบางอย่างให้คุณ” ไคล์พูดขณะที่วางน้ำตาลลงบนที่นอน เขาเริ่มอุ้มเธอตั้งแต่ออกจากลิฟต์ จนมาถึงห้องพัก“อะไรคะ”“มีช่วงหนึ่งที่ผมไม่ค่อยได้อยู่กับคุณ” เขาเดินไปหยิบซองเอกสารบางอย่างแล้วเดินกลับมาหาน้ำตาล“...”“ช่วงที่คุณเพิ่งรู้ว่าท้องแต่ไม่ยอมบอกผม”“คุณไปไหนคะ” เธอจำได้ว่าช่วงนั้นเขาหายหน้าหายตาไปบ่อยมาก จนเธอคิดว่าเขาแอบไปอยู่กับคนรัก“ผมไปประเทศไทย”“...” ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ที่ประเทศไทย“ผมไปโรงพยาบาลที่คุณเคยทำงาน เพราะผมรู้มาว่าคนที่นั่นเล่นสกปรกกับคุณ” หลังจากรู้เรื่องของน้ำตาลมากขึ้น เขาก็ตามเอาคืนคนที่แกล้งเธอทุกคนอย่างสาสม“คุณทำอะไรพวกเขาคะ” น้ำตาลตกใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น“ผมแค่ทำเหมือนที่พวกเขาทำกับคุณ”“คุณไม่ได้ฆ่าใครใช่มั้ย” น้ำตาลถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เธอกลัวว่าเขาจะทำแบบนั้นกับใครสักคนที่เธอเคยรู้จัก“ตั้งแต่คุณขอไว้ ผมก็ไม่ทำแบบนั้นอีกเลย”“ขอบคุณนะคะ” เธอกอดเอวเขาไว้ รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครตายเพราะเธอ“ตอนนี้คุณมีสิทธิ์ในโรงพยาบาลนั้นครึ่งหนึ่ง”“คุณเอามันมาได้ยังไง” น้ำตาลก้มมองเอกสารที่ไคล์ยื่นมาให้เธอ ในนั้นระบุว่าเธอเป็นผู้ถือหุ้นของโรงพยาบาลที่เธอเคยทำ
“แต่งงานกันนะ”ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ประโยคนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของน้ำตาล วันนั้นเธอดีใจจนไม่ทันได้คิดไตร่ตรองว่าหากรับปากแต่งงานแล้วชีวิตของเธอจะเป็นยังไง แต่วันนี้ความคิดนั้นของเธอได้มลายหายไป เมื่อตลอดสองอทิตย์ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเห็นแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่ง“คิดดอะไรอยู่ครับ” วงแขนกว้างโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง พลางกดจูบลงไปบนไหล่มน“คิดว่าวันนี้ใช่ความฝันหรือเปล่า”“...” ไคล์เอียงหน้ามองภรรยาของเขา“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาอยู่ตรงนี้กับคุณ ไม่คิดว่าคุณจะให้เกียรติฉันมากขนาดนี้ ทั้งที่บนโลกใบนี้มีผู้หญิงมากมายที่เหมาะกับคุณ แต่คุณก็เลือกฉัน”“...”“ฉันทำผิดต่อคุณ จนไม่กล้าคิดว่าคุณจะให้อภัยฉันได้ แต่คุณก็ยังให้อภัย”ไคล์จับให้น้ำตาหันมาเผชิญหน้ากับเขา มือข้างหนึ่งเชยคางของน้ำตาลให้เงยหน้ามาสบตากับเขา“เพราะผมรักคุณ รักกว่าอะไรทั้งหมดที่ผมมีในตอนนี้”“...”“ผมไม่อยากให้คุณกังวลอะไร วันนี้เป็นอีกวันสำคัญของเราสองคนนะครับ ทุกคนกำลังรอชื่นชมความงามของเจ้าสาวอยู่”“แล้วพ่อของคุณล่ะ พิธีคริสต์ท่านจะมาด้วยหรือเปล่า”เนื่องจากตอนเช้าทั้งคู่ได้จัดพิธีแบบจี
บนถนนที่ทอดยาวออกไป ชายหนุ่มที่เคยใช้ชีวิตเร่งรีบมาตลอด วันนี้ไม่รู่อะไรดลใจให้เขาออกมาเดินบนถนน สายตาคมที่กวาดมองไปรอบ ๆ ก็สังเกตเห็นการแต่งตัวของผู้คนมากมายที่เดินสวนไปมา ทำไมพวกเขาถึงแต่งตัวด้วยโทนสีชมพู“วันนี้วันที่เท่าไหร่”“14 กุมภาพันธ์ ครับ”“วันวาเลนไทน์ใช่มั้ย”“โทรหาคุณเจียให้หน่อย” เขาหันไปบอกเซียวหม่า “แล้วถามว่าวันนี้ฉันมีนัดกับลูกค้าหรือเปล่า ถ้ามีบอกว่าให้เลื่อนนัดไปก่อน”“ครับบอส”ไคล์ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างรอให้เซียวหม่าโทรหาเลขา เขาหันไปเห็นคู่รักหลายคู่ที่แสดงความรักต่อกัน ก็ยิ่งชวนให้คิดถึงหญิงสาวที่เขาเพิ่งแอบไปหามาเมื่ออาทิตย์ก่อนเขาตั้งใจว่าจะไปหาเธออีกครั้งหลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะความคิดถึงมันล้นออกมาจนยากที่จะเก็บกักความรู้สึกนั้นไว้ได้ วันนี้เขาจึงตั้งใจไปหาเธออีกครั้งณ.บ้านเช่าหลังเล็กที่เขาเคยมาครั้งหนึ่งตอนที่เจ้าของบ้านนอนหลับสนิท แต่เวลานี้กลับเงียบสงัดไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว“วันนี้วันวาเลนไทน์ ร้านคงจะปิดช้ากว่าปกติครับ”“วันวาเลนไทน์แบบนี้ยังต้องทำงานอีกเหรอ”“ถึงจะเป็นวันวาเลนไทน์ก็ยังคงเป็นวันทำงานครับ ไม่ใช่ว
หลังจากที่ไคล์พักรักษาตัวจนหายดี เขาก็เริ่มกลับไปทำงาน แต่ทุก ๆ ตอนเที่ยงเขาจะพาน้ำตาลออกไปทานข้าวด้วยกันทุกครั้ง เขาไม่เคยปล่อยให้เธออยู่บ้านโดยไม่มีเขาเลยสักครั้ง“รีบ ๆ สิครับ”“รีบไปไหนกันคะ”“ผมมีที่ที่อยากจะพาคุณไป”“อะไรกันคะ คุณทำให้ฉันกังวลนะ”“ผมมีพิรุธขนาดนั้นเลยเหรอ”“ก็คุณดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ สีหน้าของคุณดูง่ายจะตาย”“แสดงว่าที่ผ่านมาคุณอ่านความคิดของผมออกหมดเลยเหรอ”“เปล่าหรอกค่ะ เพราะก่อนหน้านี้แม้แต่หน้าของคุณฉันยังไม่กล้ามอง แล้วฉันจะสังเกตได้ยังไง”“แล้วตอนนี้ล่ะ”“ก็มองทุกวันไงคะ มองจนจำได้หมดแล้วว่าถ้าทำปากแบบนี้” เธอดึงแก้มของสามีจนปากของเขาเป็นเส้นตรง “แสดงว่ากำลังงอล”“รักคุณจังเลยครับ”“ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ”“หรือคุณเบื่อที่จะฟังแล้ว”“ไม่เลยค่ะ ฉันฟังได้ทุกวัน”“ผมก็บอกรักคุณได้ทุกวัน ไม่เบื่อเลย”“คุณสั่งตัดชุดมาให้ฉันอีกแล้วเหรอ”“ครับ” เขาเดินเข้าไปช่วยน้ำตาลรูดซิปด้านหลัง “ก็ท้องของคุณเริ่มโตแล้ว”“พอคลอดแล้วฉันจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปไว้ที่ไหนละคะ”“จะกังวลไปทำไมครับ คลอดเสร็จก็ท้องอีก”“อะไรนะ”“เราจะมีลูกด้วยกันสักห้าคนดีมั้ย”“คุณท้องเองมั้ยล่ะคะ ถ้าท้องเองจะ