หมั่บ!!
ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินเข้าห้องไปก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งจับต้นแขนของน้ำตาลไว้จากด้านหลัง ทันทีที่เธอหันกลับไปมองก็ได้เห็นว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับที่ผลักไสเธอให้คนอื่นนั่นเอง
ชายหนุ่มแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงนี้ ตามเนื้อตัวนอกร่มผ้ามีรอยแดง ๆ ปรากฏให้เห็น คงเกิดจากการฉุดกระชากลากถูกันมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าน้ำตาลปฏิเสธคู่ค้าของเขา
“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นไคล์
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”
“ได้ไงล่ะ ตั้งแต่ทำธุรกิจร่วมกันมา คุณไม่เคยกลับคำพูดสักครั้ง” เขาโวยวาย ในเมื่อยกให้เขาแล้วจะมาเอาคืนได้ยังไง
“ครั้งนี้ผมวู่วามเกินไป” ไคล์แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่ในใจลึก ๆ กลับยอมรับว่าเขาวู่วามจริง ๆ นั้นแหละ
“อย่าบอกว่าที่เธอพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง” เขามองสลับกันระหว่างไคล์กับหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ ไคล์
“พูดว่าไงครับ”
“เธอบอกผมว่า เธอกำลังทะเลาะกับคุณ”
“ว่าไงนะ” ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาว ความรู้สึกผิดเมื่อก่อนหน้าก็มลายหายไป เธอเอาชื่อของเขาไปแอบอ้างได้ยังไง ความจริงเธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำแล้วจะมีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกัน
น้ำตาลหลุบตาต่ำลง มือสองข้างกุมเข้าหากันแน่น หากเขาปฏิเสธและเปลี่ยนใจอีกคราวนี้เธอก็คงไม่มีโอกาสรอดแน่นอน
“หรือว่าคุณยังติดใจเธออยู่” ชายหนุ่มสันนิษฐาน “ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ได้”
“...”
“เอาเถอะ คู่ค้าทางธุรกิจอย่างเราไม่ควรมาทะเลาะกันเองเพราะเรื่องผู้หญิง คืนนี้ผมหาใหม่เอาก็ได้” ขณะพูดเขาก็หันไปมองเธอ แต่ในใจกลับรู้สึกเสียดาย “อ้อ...ถ้าคุณเบื่อวันไหน ผมขอละกัน”
“...” ไคล์ไม่ตอบ แต่เขากลับมองไปที่น้ำตาล
“ผมยกห้องนี้ให้คุณละกัน อุตส่าห์เปิดไว้หวังจะเชยชมเธอซะหน่อย แต่กลับผิดแผนซะงั้น” ว่าจบเขาก็เดินจากไป ทิ้งให้ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าห้องเพียงสองคน
เกิดความเงียบระหว่างคนทั้งสอง เขายืนมองหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาด้วยความขัดใจ ผู้หญิงปากดีใจกล้าที่เขาเจอก่อนหน้าหายไปไหนแล้ว
“นี่เธอ” เขาเอ่ยเรียกขณะที่ทำทีเป็นเดินผ่านเธอไป แต่พอหันกลับมาเธอก็ยังยืนอยู่ที่เดิม “จะยืนอยู่อีกนานมั้ย”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เธอยังคงอยู่ในท่าเดิม
“จิ๊...จะรอให้หมอนั่นกลับมาเอาหรือไง” เขารู้สึกไม่สบอารมณ์จึงจิ๊ปากแล้วเดินกลับมาที่เธออีกครั้ง
เขายืนอยู่ด้านหลังของเธอโดยที่เธอไม่สนใจสักนิด ไม่มีท่าทีว่าจะเหลียวมอง หรือแสดงให้เขารู้ว่าเธอรู้ว่าเขายืนอยู่
หมั่บ!
เพี๊ยะ!!
มือเล็กฟาดไปบนใบหน้าของเขาอย่างแรงด้วยความโกรธ เธอโกรธเขาจนตัวสั่นจนลืมไปว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่อาจจะทำให้เขาโกรธและทำร้ายเธอ แต่เวลานี้ใครจะสนล่ะในเมื่อเขาทำให้เธอตกอยู่ในสภาพนี้
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ” เธอตวาดใส่เขา “คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตของฉัน คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
เสียงสั่น ๆ ของหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขาแอบตกใจจนลืมไปว่าเขาเพิ่งโดนเธอตบหน้า แต่ในตอนนี้ภายในใจของเขากำลังสั่นไหว เขาทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งโดยการผลักใสให้เธอไปกับผู้ชายแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก หากแม่ของเขารู้เขาคงโดนแม่โกรธแน่ ๆ
ปึก! ปึก!
กำปั้นเล็ก ๆ ทุบไปบนอกของเขา เธอโกรธผู้ชายตรงหน้าเหลือเกิน มีสิทธิ์อะไรมาทำกับเธอแบบนี้
“คุณมันเลว...ฮึก ๆ” เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“อย่ามาทำเป็นเล่นตัว เธอเองไม่ใช่เหรอที่เสนอตัวให้ฉัน” เขาจับแขนของเธอไว้พร้อมทั้งต่อว่าเธอ
“ใช่...ฉันเองที่เสนอตัวให้คุณ” เธอเงยหน้ามองเขา แม้ภาพด้านหน้าจะไม่ชัดเจน เพราะโดนน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ในดวงตาบดบังก็ตาม “แม้ว่าคุณจะไม่ต้องการ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ยกฉันให้คนอื่น”
“ที่เข้าหาฉันไม่ใช่เพราะเงินเหรอ หมอนั่นก็เงินหนานะ” แม้จะตกใจ แต่เขาก็ยังคงหาข้ออ้างมาโทษเธอ
“คุณยังไม่รู้จักฉันดีพอ คุณจะมาว่าฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” อยู่ ๆ น้ำตาลก็รู้สึกแปลก ๆ มันหวิว ๆ เหมือนจะวูบ หรือเป็นเพราะเธอรีบออกมาจนไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่ตอนเย็น
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อเธอเอาแต่เสนอตัวให้ฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะเงินและเพราะอะไร...หา!” เขาขมวดคิ้วใส่เธอ “เธอจะให้ฉันเอาเธอฟรี ๆ หรือเปล่าล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะได้เปลี่ยนความคิดซะใหม่”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา แต่หน้าของน้ำตาลกลับซบลงไปตรงอกของเขาก่อนตัวของเธอจะค่อย ๆ ทรุดลง
หมั่บ!!
ไคล์ที่สังเกตเห็นอาการแปลก ๆ ของน้ำตาล เขารีบคว้าตัวเธอไว้แล้วอุ้มขึ้น
“นี่เป็นวิธีอ่อยของเธอเหรอ” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ แม้ว่าคนในอ้อมแขนจะหมดสติไปแล้วก็ตามแต่เขาเองก็อดคิดไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมีแผนอะไรอีก
ไคล์ไม่ได้พาน้ำตาลเข้าไปในห้องพักที่คู่ค้าของเขายกให้ แต่เขากลับพาเธอออกไปทางด้านหลังของโรงแรมเพื่อไม่ให้ดูผิดสังเกต
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ทันทีที่ลูกน้องหันมาเห็นว่าเจ้านายของเขากำลังอุ้มผู้หญิงเดินมาที่รถด้วยตัวเอง เขาก็รีบวิ่งเข้าไปเพื่ออาสาจะช่วย “ส่งมาให้ผมครับ”
“นายไปเปิดประตูรถ”“ครับบอส”
ไคล์วางน้ำตาลลงตรงเบาะด้านหลัง ก่อนจะถอดเสื้อสูทของตัวเองคลุมตัวให้เธอ
“หาผ้าเย็นให้ฉัน” ขณะพูดก็ปัดปอยผมบนใบหน้าหวาน
“ครับบอส”
“ยาทาแก้ฟกช้ำด้วย”
“ครับบอส”
หลังปฐมพยาบาลเสร็จเรียบร้อยเขาก็พาน้ำตาลกลับคอนโดของเขา เพราะไม่รู้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหน หรือแม้แต่ทำงานอะไร กระทั่งชื่อของเธอเขาก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ
เขาวางเธอลงบนเตียงในห้องที่อยู่ติดกับห้องของเขา ก่อนจะจัดการห่มผ้าให้เธอ หลังจากนั้นก็ถอยออกมาแล้วยืนมองหน้าคนที่หลับสนิท
“คงจะเหนียวตัวน่าดู แต่จะให้ฉันเปลี่ยนผ้าให้เหรอ ไม่มีทาง” เขากอดอก รู้สึกไม่พอใจเมื่อคิดถึงหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เธอทำกับเขา
ยังมีอีกเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ ครั้งก่อนเธอเข้ามาในห้องนี้กับเขาได้ยังไง ปกติบอดี้กร์ดของเขาจะรู้ว่าเขาไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าออกที่นี่เด็ดขาด ไม่ว่าใครก็ตามหากเขาไม่อนุญาต แล้วทำไปผู้หญิงต่างชาติคนนี้ถึงเข้ามาได้ ที่น่าแปลกใจอีกอย่างคือ ทำไมเขาไม่เอาเธอไปทิ้งที่โรงแรม พาเธอกลับมาในพื้นที่ส่วนตัวของเขาทำไม
“ฉันคงเสียสติไปแล้ว เพราะเธอคนเดียว” เขาโทษเธอ “คืนนี้ฉันจะปล่อยให้เธอหลับอย่างสบายใจ ส่วนพรุ่งนี้ฉันจะล้วงความลับจากเธอให้ได้คอยดู”
ปัง!!
ว่าจบเขาก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้คนที่นอนอยู่บนเตียงสับสน เธอได้ยินทุกอย่างที่เขาพูดเพราะเธอรู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่เขาพาเธอเข้ามาในห้องนอนแล้ว เพียงแต่เธอไม่กล้าลืมตาขึ้นมามองเขา
น้ำตาลคิดว่าถ้าเธออยู่ถึงพรุ่งนี้แผนของเธออาจจะสำเร็จ คืนนี้เธออาจจะย่องเข้าไปหาเขาในห้องแล้วปิดงาน แต่นั่นก็หมายความว่าชีวิตของเธอคงจะสั้นลงด้วยเช่นกัน ดีไม่ดีเธออาจจะหมดลมหายใจก่อนจะทำงานสำเร็จ
“ฉันควรต่อลมหายใจของตัวเองไปอีกสักพัก” เธอบอกตัวเองเบา ๆ
น้ำตาลกลิ้งไปกลิ้งมาเพื่อซึมซับความนุ่มสบายของที่นอนและผ้าห่ม เธอจะมีโอกาสได้ซื้อของราคาแพงแบบนี้เข้าห้องหรือเปล่านะ หรือยังคงต้องใช้ชีวิตประหยัดต่อไป ทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้นอนและค่อย ๆ ตายไป
“ไม่เอาน่า...คิดอะไรฟุ้งซ่านล่ะเนี่ย เสร็จงานนี้ฉันจะตั้งใจเก็บเงินซื้อบ้าน และอยู่กันอย่างมีความสุขกับน้องชายเจ้าปัญหาของฉัน” เธอเพ้อฝัน “ก่อนอื่นคืนนี้ต้องออกไปจากที่นี่ก่อน”
วันต่อมาน้ำตาลลองไปโรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ เพราะเมื่อตอนดึกเธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ ถ้าอาการป่วยยังรุมเร้าอยู่แบบนี้ รับรองว่างานของเธอไม่มีทางคืบหน้าแน่ ๆ[คุณเองเหรอ]“...”[คุณจำผมได้หรือเปล่า]“...”“อ้อจริงสิ คุณคงไม่เข้าใจภาษาของผม” สายตาของหมอโฟกัสไปที่ประวัติคนไข้อีกครั้ง“คุณรู้ได้ยังไง” น้ำตาลแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็พูดภาษาที่เธอฟังออกขึ้นมา“ก็ที่คุณระบุในนี้” เขาชี้ไปที่แฟ้มประวัติคนไข้ “คุณไม่ใช่คนที่นี่สินะ”“อ๋อ” น้ำตาลโล่งใจ เธอเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ คิดว่าตัวเองกำลังกรอกประวัติอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐที่ประเทศไทยซะอีก“ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนั้นคุณถึงไม่ยอมคุยกับผม”“...” น้ำตาลไม่ได้พูดอะไร เธอนึกไม่ออกว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แต่ว่าหมอคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีจัง เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาเขาก็พูดไม่หยุดเลย“สรุปว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า”“คุณรู้จักฉันเหรอ”“คิดไว้แล้ว ว่าคุณคงจำผมไม่ได้”“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง ดูยังไงเธอก็ไม่คุ้นหน้าเขาเลยสักนิด“เราเคยเจอกันวันนั้นไง วันที่ฝนตก”“ฝนตก...” เธอทวนคำ“อือ...หึ”น้ำตาลทำท่าครุ่นคิด ตั้งแต่มาที่นี่ เธอนึกไม่ออกว่าเธอเคยมีโอกาสได้เจอผ
[สวัสดีครับคุณไคล์]เจ้าของชื่อก้มมองคนที่ยืนแนบอกของเขาก่อนที่จะปรายตามองคนที่เอ่ยทักทายเขา“คุณ” น้ำตาลเรียกเขาสั้น ๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปเห็นหน้าเจ้าของร่างกำยำที่เธอถอยหลังชน ไม่รู้ว่าเขาเดินมาทางที่เธอยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้าเธอเอาแต่เถียงกับผู้ชายไร้มารยาทคนนี้จนลืมสังเกตน้ำตาลหันไปเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ไม่กล้าสู้หน้าเขาตรง ๆ เพราะเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนยังปรากฏอยู่ในหัว เธอจึงทำทีเสมองไปทางอื่น[เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของคุณ]ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาวทันที มันจะมากเกินไปแล้ว เธอกำลังทำให้เขาเสื่อมเสีย เพราะลูกค้าประจำของที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักแฟนของเขา ผู้หญิงคนนี้ยิ่งนับวันยิ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขา“...” น้ำตาลหลุบตาต่ำลง เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นบอกอะไรกับเขา ถ้าเกิดบอกทุกอย่างที่เธอแอบอ้างไปล่ะ แล้วเธอจะทำยังไง เขาต้องโกรธเธอมากแน่ ๆเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามรูขุมขน เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แปลก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายดี หรือแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป หรือแท้ที่จริงแล้วเธอกลัวคนตรงหน้ากันแน่มือที่จับขอบโต๊ะกำแน่น ดูเหมือนตัวเธอจะโงนเงนไปมาจนเจ้าของร่า
เวลา 22.00 น.เจ้าของขาเรียวก้าวผ่านประตูเข้าไปในไนต์คลับ ผู้คนในเวลานี้ดูหนาแน่นขนัดตา เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเป้าหมาย แต่แล้วก็ไม่เจอ โชคดีที่ยังมีที่ว่างพอให้เธอได้แทรกตัวแล้ววางก้นลง[รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ] พนักงานหนุ่มเดินเข้ามาถามทันทีที่เห็นเธอนั่งลง“คุณพูดภาษาอังกฤษกับฉันได้หรือเปล่า” เธอเริ่มจะชินกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้น คงเป็นเพราะเธอเป็นคนเอเชียเหมือนกับพวกเขา โดยลักษณะทั่วไปของเธอก็ไม่ได้แตกต่างจากหญิงสาวชาวจีนมากนัก เลยไม่มีใครเอะใจว่าเธอไม่ใช่คนที่นี่“ครับ” พนักงานพยักหน้าเบา ๆ “ไม่ทราบว่าคุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”น้ำตาลก็นิ่งคิด เธอกำลังคิดว่าเธอจะสั่งอะไรมาดื่มดี ผู้หญิงที่เอาแต่ทำงานไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าผับแบบเธอควรสั่งอะไรมาดื่มดี“อะไรก็ได้ที่เบาที่สุดค่ะ”เพราะยังไม่หายป่วยเวลานี้เธอจึงไม่ควรดื่มด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะอย่างน้อย ๆ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเขาเธอจะได้กล้าพอที่จะชวนเขาขึ้นเตียงแบบไม่รู้สึกกระดากปาก เพราะทุกครั้งสติของเธอครบถ้วนเธอมักจะทำมันพลาดอยู่เสมอ“ได้ครับ”น้ำตาลนั่งรอไปเรื่อย เวลานี้เป้าหมายของเธอก็ยังไม่ปรากฏตัว จากหนึ่งแก้วเป็นสองแก้ว และตามด้วย
วันต่อมา แม้ว่าจะมีความคิดหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวของน้ำตาล ความคิดที่ว่าเธอไม่อยากทำ ไม่อยากมอบร่างกายให้คนที่เธอไม่ได้รัก และที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะรังเกียจเธอเอามาก ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่พอนึกถึงน้องชายเธอก็ต้องข่มกลั้นความคิดทุกอย่างไว้ เรื่องเดียวที่เข้ามาแทรกอยู่ในหัวคือเธอต้องทำแม้จะไม่อยากทำก็ตามน้ำตาลจึงตัดสินใจไปหาไคล์ที่บริษัทอีกครั้ง เธอจะต้องรีบทำมันให้สำเร็จ เธอไม่อยากใช้ชีวิตแสนลำบากอยู่ที่นี่ แค่อาทิตย์เดียวมันก็นานเกินไปแล้วสำหรับเธอ[หยุดก่อนครับ]น้ำตาลหันไปมองตามเสียง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอะไรก็ตาม ชายในเครื่องแบบรีบวิ่งมาขวางหน้าของเธอไว้ เธอมองสำรวจการแต่งกายของเขา คงจะเดาไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็น รปภ.ของบริษัทแห่งนี้“...” น้ำตาลรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ[ไม่ได้นะครับ บอสสั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าไปในบริษัทอีก] เขาบอกเธอเป็นภาษาจีนเพราะหลังจากที่เธอเดินออกจากบริษัทเมื่อวาน ไคล์ได้สั่ง รปภ. รวมไปถึงเลขาของเขา ห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ย่างกรายเข้ามาในบริษัทของเขาอีก มันอันตรายมากที่จะปล่อยให้เธอเข้ามาวนเวียนในพื้นที่ของเขา จนกว่าเขาจะสืบทราบว่าเธอเป็นใครมาจาก
หน้าบริษัทซอฟต์แวร์พนักงานต่างพากันเดินเข้าไปทางประตู หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูจะกลมกลืนไปกับพนักงานเหล่านั้นวันนี้เธอมาในชุดเดรสที่พนักงานบริษัททั่วไปในประเทศจีนนิยมใส่ เพราะหลังจากที่ได้สังเกตการแต่งกายของคนที่นี่ เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายของเธอมักจะมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ทุกครั้งเวลาที่เจอกัน วันนี้เธอจึงเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวใหม่เท้าสองข้างก้าวออกจากลิฟต์เมื่อมันมาจอดตรงชั้นบนสุดของบริษัท ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้บริหารระดับสูง อาจเป็นเพราะเช้ามากเวลานี้เลขาหน้าห้องจึงยังมาไม่ถึงบริษัท เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาตวันนี้เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะเข้ามาที่บริษัทหรือเปล่า หลังจากที่เธอแอบออกจากคอนโดของเขาตอนตี 1เมื่อสองวันก่อน เมื่อกลับถึงห้องเช่าเล็ก ๆ เธอก็พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะโดนเจ้าหนี้โทรมาต่อว่าเธอเรื่องทำงานล่าช้าก็เถอะ แต่เธอก็มีข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดได้เสมอ“ถ้าวันนี้เขาไม่มาล่ะ” น้ำตาลเดินไปเดินมาด้วยความกังวล ตอนนี้เวลาของเธอเหลือไม่มากแล้วฉันให้เวลาเธออีกสามวัน ไม่มีการต่อรองอะไรอีกแล้ว ถ
หมั่บ!!ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินเข้าห้องไปก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งจับต้นแขนของน้ำตาลไว้จากด้านหลัง ทันทีที่เธอหันกลับไปมองก็ได้เห็นว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับที่ผลักไสเธอให้คนอื่นนั่นเองชายหนุ่มแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงนี้ ตามเนื้อตัวนอกร่มผ้ามีรอยแดง ๆ ปรากฏให้เห็น คงเกิดจากการฉุดกระชากลากถูกันมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าน้ำตาลปฏิเสธคู่ค้าของเขา“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นไคล์“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”“ได้ไงล่ะ ตั้งแต่ทำธุรกิจร่วมกันมา คุณไม่เคยกลับคำพูดสักครั้ง” เขาโวยวาย ในเมื่อยกให้เขาแล้วจะมาเอาคืนได้ยังไง“ครั้งนี้ผมวู่วามเกินไป” ไคล์แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่ในใจลึก ๆ กลับยอมรับว่าเขาวู่วามจริง ๆ นั้นแหละ“อย่าบอกว่าที่เธอพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง” เขามองสลับกันระหว่างไคล์กับหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ ไคล์“พูดว่าไงครับ”“เธอบอกผมว่า เธอกำลังทะเลาะกับคุณ”“ว่าไงนะ” ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาว ความรู้สึกผิดเมื่อก่อนหน้าก็มลายหายไป เธอเอาชื่อของเขาไปแอบอ้างได้ยังไง ความจริงเธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำแล้วจะมีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกันน้ำตาลหลุบตาต่ำล