เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงแล้วที่สายตาคู่สวยเอาแต่จับจ้องไปยังหน้าจอโทรศัพท์ หากย้อนดูประวัติการใช้งานทั้งหมดบนโทรศัพท์มือถือของเธอคงไม่พ้นเพจต่าง ๆ มากมายที่สอนวิธียั่วยวนผู้ชาย และการแต่งตัวเพื่อมัดใจผู้ชาย
“โอ๊ย!!! ทำไมมันยากขนาดนี้นะ นี่มันไม่ใช่ตัวฉันสักหน่อย” เธอดิ้นไปมาบนเตียงขนาดเล็ก
ห้องเช่าขนาดเท่ารูหนูที่เธอพอจะหาได้หลังจากถูกส่งตัวมาซึ่งไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นห้องเช่าเล็ก ๆ ที่มีแค่เตียงนอนและห้องนั่งเล่นภายในตัว ห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องก็พอให้คนตัวเล็ก ๆ อย่างเธอใช้สอย ทุกอย่างมันพอดีสำหรับคนหนึ่งคนเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญเพราะเธอใช้มันเป็นที่หลับนอนและเก็บเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุดเท่านั้น เธอจะเอาปัญญาที่ไหนไปเช่าห้องราคาแพงในเมื่อเงินเก็บเพียงเล็กน้อยที่เธอมีได้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ไปหมดแล้ว
ด้วยความสงสัยในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปยังกระจกบานเล็ก หมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจรูปร่างและใบหน้าของตัวเอง
“ฉันก็ไม่ได้ดูแย่นะ ออกจะสวย หมอนั่นสายตาไม่ดีหรือไง เสนอให้ฟรี ๆ แล้วยังไม่เอาอีก หรือจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง” แวบหนึ่งที่เธอมีความคิดแปลก ๆ ขึ้นมา “ถ้าความจริงแล้วเขาชอบผู้ชายล่ะ สิ่งที่ฉันพยายามก็เปล่าประโยชน์นะสิ”
“แล้วมันจะมีวิธีมัดใจผู้ชายพวกนี้หรือเปล่านะ โอ๊ย!! ไม่รู้แล้ว ทำไมอุปสรรคเยอะแยะแบบนี้นะ”
หลังบ่นเสร็จเธอก็หยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
กว่าชั่วโมงที่น้ำตาลวุ่นอยู่กับการอาบน้ำแต่งตัว เธอหยิบเสื้อกันหนาวที่มีติดตัวมาเพียงแค่หนึ่งตัวขึ้นมาใส่ วันนี้เธอตั้งใจออกไปสำรวจเส้นทางต่าง ๆ อย่างน้อย ๆ เธอก็จะได้รู้ทางหนีทีไล่ไว้บ้าง
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
น้ำตาลหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในเสื้อกันหนาวของเธอออกมาก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวทักทายตามมารยาท ทั้ง ๆ ที่รู้สึกไม่ชอบคนที่โทรมาเลยก็ตาม
‘ฉันส่งเธอไปทำงาน ไม่ใช่ให้ไปเที่ยว’
“คือฉันแค่ออกมาหาอะไรทานแค่นั้น” เธอโกหกออกไป เพราะถ้าเขารู้ว่าวันนี้เธออู้งานเขาอาจจะเล่นงานน้องชายของเธอก็เป็นได้
‘เธอมีแต่เสื้อผ้าแบบนั้นหรือไง แล้วเมื่อไหร่งานจะสำเร็จ’
“หา!!” น้ำตาลหันไปมองโดยรอบ เขารู้ได้ยังไงว่าเธอแต่งตัวแบบไหน “คุณให้คนสะกดรอยตามฉันเหรอ”
‘ฉันมีสิทธิ์ทำแบบนั้น’
“แต่นี่มันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์นะคะ การสะกดรอยตามแบบนี้มันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น”
‘เธอลืมไปหรือเปล่าว่าน้องชายของเธออยู่กับฉัน’
“อย่าทำอะไรเขานะคะ” นี่แหละคือเหตุผลที่เธอต้องทำทุกอย่างตามที่ ๆ คนคนนี้บอก
‘ถ้าเธอทำงานนี้สำเร็จ’
“ฉันจะรีบทำให้สำเร็จค่ะ”
‘อีกสามวันจะมีงานเลี้ยงที่หมอนั่นต้องไปร่วม เธอต้องลงมือวันนั้น แล้วฉันจะส่งโลเคชั่นสถานที่จัดงานไปให้’
“ค่ะ”
หลังน้ำตาลรับคำเขาก็วางสายไป ส่วนเธอก็หันไปมองรอบ ๆ ตัวอีกครั้งเพื่อดูว่าใครกันนะที่กำลังสะกดรอยตามเธออยู่
‘คนนั้นก็ท่าทางแปลก ๆ คนนี้ก็ด้วย’ เธอเริ่มระแวงผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ‘กี่คนล่ะที่สะกดรอยตามเรา’
น้ำตาลเริ่มขนลุก หรือไม่ใช่แค่คนของเจ้าหนี้ แต่เป็นคนของมาเฟียคนนั้นด้วย
‘ใช่แล้ว ฉันเข้าหาเขาขนาดนั้น แน่นอนว่าเขาต้องสงสัยแน่ ๆ ว่าฉันเป็นใคร เขาต้องสั่งคนสะกดรอยตามฉันด้วยแน่นอน’
‘ไม่ได้การแล้ว ระวังตัวให้มากกว่านี้ดีกว่า’
น้ำตาลรีบเดินไปหยุดหน้าร้านอาหารจีนร้านหนึ่ง เธอเปิดประตูเข้าไปตั้งใจว่าจะซื้อใส่กล่องแล้วกลับไปทานที่ห้อง
[ฮวนอิ๋งหนี่] พนักงานสาวเอ่ยทักทายเป็นภาษาจีน
“เอ่อ...คือฉัน” น้ำตาลเริ่มบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ “ฉันต้องการพูดเป็นภาษาอังกฤษ”
เมื่อได้ฟังดังนั้นพนักงานสาวก็หันซ้ายหันขวา เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยถนัดภาษาอังกฤษเช่นกัน
[มีอะไรหรือเปล่าเหมยลี่] พนักงานหนุ่มที่อยู่ใกล้ ๆ หันมาถามเพื่อนของเขา
[ลูกค้าคนนี้เธอไม่ใช่คนจีน เธอบอกว่าต้องการให้ฉันพูดภาษาอังกฤษ]
[อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เธอไปยืนตรงนั้นแทนฉัน เดี๋ยวฉันจะคุยกับลูกค้าเอง]
[ได้ ๆ]
หลังทั้งคู่สลับที่ยืนกัน ชายหนุ่มก็ยิ้มให้น้ำตาล เธอเองก็ยิ้มตอบทันทีเช่นกัน
“สวัสดีครับคุณลูกค้า” พนักงานหนุ่มทักทายน้ำตาลเป็นภาษาอังกฤษ
“สวัสดีค่ะ”
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับเป็นเมนูอะไรดีครับ”
เด็กหนุ่มตรงหน้าพูดจาฉะฉาน น้ำเสียงก็น่าฟัง จนทำให้น้ำตาลเอาแต่จ้องหน้าของเขา ถ้าให้เดาเด็กหนุ่มคนนี้คงจะมีอายุไล่เลี่ยกับน้องชายของเธอ
“คุณลูกค้าครับ”
“อ๋อ...เอ่อ ฉันขอเป็นผัดเต้าหู้เสฉวนพร้อมข้าวค่ะ” เธอไม่รู้หรอกว่ารสชาติของผัดเต้าหู้เป็นยังไง เธอแค่จำชื่อเมนูมาจากเน็ตไอดอลคนหนึ่งที่รีวิวอาหารจีน ยังไงเธอก็หวังว่ามันจะถูกปากของเธอ
“ครับ” ขณะตอบรับนิ้วของเขาก็แตะลงไปบนหน้าจอตรงหน้า เพื่อบันทึกเมนูที่ลูกค้าสั่ง
“ใส่กล่องนะคะ”
“คุณลูกค้าจะรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ”
“ไม่มีค่ะ”
“ขอทวนออเดอร์นะครับ” เมื่อเห็นว่าน้ำตาลพยักหน้าเบา ๆ เชาก็พูดต่อ “ผีดเต้าปูเสฉวนพร้อมข้าว ใส่กล่องกลับบ้าน แค่นี้ใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ”
“งั้นเชิญคุณลูกค้านั่งรอสักครู่นะครับ”
“ค่ะ”
น้ำตาลเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้สำหรับนั่งรออาหาร เธอมองบรรยากาศโดยรอบของร้าน รวมถึงสไตล์การแต่งตัวของลูกค้าที่เข้ามาในร้าน ก่อนจะก้มมองตัวเอง
“เชยจริง ๆ ด้วย” เธอนึกถึงคำพูดของเจ้าหนี้ปากเสียคนนั้น “ให้ซื้อใหม่คงไม่มีปัญญา ส่งเธอมาทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ ทำไมไม่ให้เงินติดตัวมาด้วยนะ” คิดแล้วเธอก็ยังหงุดหงิดที่โดนทักเรื่องการแต่งตัว “ช่างเถอะไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่สักหน่อย อีกไม่กี่วันก็คงได้กลับแล้ว”
ระหว่างรออาหารที่สั่ง น้ำตาลก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ เพียงแค่เดินผ่านโต๊ะที่สองเท่านั้นเธอกลับต้องหยุดเดินแล้วค่อย ๆ หันกลับมามอง เป็นเวลาเดียวกันกับที่ใครคนหนึ่งหันกลับมามองเธอเช่นกัน
เพียงแค่ได้สบตากับคนคนนั้น น้ำตาลก็รีบหันกลับ เธอรีบเดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วปิดประตูใส่กลอนจนแน่นหนา
“ให้ตายสิ ทำไมถึงต้องมาเจอเขาตอนนี้นะ” เธอพูดเขา ๆ ขณะนั่งอยู่บนชักโครก “แต่เอ๊ะ...แล้วฉันจะหนีเขาทำไม ฉันควรกระโจนเข้าหาเขาสิ”
‘แต่จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน นี่มันที่สาธารณะ อีกอย่าง...’ น้ำตาลก้มมองตัวเอง ‘แต่งตัวเชยแบบนี้ จะไปยั่วอะไรเขาได้ ฉันนี่มันมือสมัครเล่นจริง ๆ’
ด้านนอกตรงเคาน์เตอร์ พนักงานหนุ่มที่รับออเดอร์ของน้ำตาล เขานำอาหารออกมาวางไว้
“อาหารที่สั่งได้แล้วครับ เอ๊ะ!!”
[มีอะไรหรือเปล่า] เหมยลี่ที่เห็นอาการแปลก ๆ ของเพื่อนร่วมงาน เธอก็เอ่ยถามขึ้น
[ลูกค้าคนเมื่อกี้หายไปไหนแล้วนะ] พนักงานหนุ่มถามพลางกวาดสายตัวไปตามโต๊ะต่าง ๆ
[อ๋อ ฉันเห็นเธอเดินไปทางนั้น คงจะไปเข้าห้องน้ำ] เธอบังเอิญเห็นตอนน้ำตาลลุกขึ้นพอดี
[งั้นวางไว้ตรงนี้ก่อนละกัน] เขาตั้งใจจะกลับเข้าไปในครัว
[จางหย่ง] เหมยลี่เรียกพนักงานหนุ่มไว้ [นั่นไง เธอออกมาพอดีเลย]
“อาหารที่สั่งได้แล้วครับคุณลูกค้า” ทันทีที่น้ำตาลเดินเข้ามาใกล้ จางหย่งก็บอกเธอทันที
“อ๋อค่ะ ขอโทษนะคะพอดีฉันเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ” น้ำตาลยื่นเงินให้กับพนักงานหนุ่มก่อนจะหยิบอาหารแล้วเดินออกจากร้านไป
“ไง”
คำทักทายห้วน ๆ นั้นทำให้น้ำตาลที่เพิ่งได้ก้าวเท้าผ่านประตูร้านต้องหยุดนิ่งแล้วหันไปมองตามเสียง
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันต้องถามเธอมากกว่า”
“คุณสั่งคนสะกดรอยตามฉันอย่างนั้นเหรอ” น้ำตาลคิดว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ
“อะไรนะ” ไคล์ขมวดคิ้วเข้าหากัน
“สนใจตัวฉันจนสั่งให้ลูกน้องตามหาเลยเหรอคะ” ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เผื่อเขาจะสนใจตัวเธอขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้ บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะจบภายในคืนนี้ก็ได้
“ดูสารรูปตัวเองก่อนมั้ย” เขามองเธอหัวจรดเท้า
“แล้วไง ก็วันนี้มันวันหยุดของฉันนิ” เธอหมายถึงหยุดที่จะไม่ไปยั่วเขา “ฉันก็แต่งตัวตามสบาย มันแปลกตรงไหน”
“ยังต้องให้ฉันบอกอีกเหรอว่ามันแปลกตรงไหน หึ!!เธอนี่มัน” เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าเธอจะใช่คนคนเดียวกับคนที่บุกไปหาเขาถึงบริษัทหรือเปล่า
“เลิกทำน้ำเสียงดูถูกแบบนั้นสักที รู้หรือเปล่าว่าฉันน่ะอายุเยอะกว่าคุณอีก”
“รู้ข้อมูลของฉันไปหมด” เขาเดินเข้าไปใกล้น้ำตาลมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเธอจะถอยหนีก็เปล่าประโยชน์เพราะเขาเอื้อมไปบีบคางของเธอ “เธอเป็นใครกันแน่”
“โอ๊ย!!ฉันเจ็บนะ”
“ตอบฉันมา” เขาพูดเสียงดัง
“ปล่อยนะ ไม่อย่างงั้นฉันจะร้องให้คนช่วย”
“ก็ลองดูสิ โอ๊ย!! ยัยบ้า” ไคล์ร้องออกมาเมื่อโดนน้ำตาลกัดเข้าที่มือ
“คุณทำฉันก่อน” น้ำตาลเองก็ตกใจที่ตัวเองไปกัดมือเขาแบบนั้น
หมั่บ!!
ไม่ทันที่น้ำตาลจะหันหลังหนีได้ทัน เธอโดนไคล์คว้าคอเสื้อไว้ได้ก่อน
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
วันต่อมาน้ำตาลลองไปโรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ เพราะเมื่อตอนดึกเธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ ถ้าอาการป่วยยังรุมเร้าอยู่แบบนี้ รับรองว่างานของเธอไม่มีทางคืบหน้าแน่ ๆ[คุณเองเหรอ]“...”[คุณจำผมได้หรือเปล่า]“...”“อ้อจริงสิ คุณคงไม่เข้าใจภาษาของผม” สายตาของหมอโฟกัสไปที่ประวัติคนไข้อีกครั้ง“คุณรู้ได้ยังไง” น้ำตาลแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็พูดภาษาที่เธอฟังออกขึ้นมา“ก็ที่คุณระบุในนี้” เขาชี้ไปที่แฟ้มประวัติคนไข้ “คุณไม่ใช่คนที่นี่สินะ”“อ๋อ” น้ำตาลโล่งใจ เธอเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ คิดว่าตัวเองกำลังกรอกประวัติอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐที่ประเทศไทยซะอีก“ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนั้นคุณถึงไม่ยอมคุยกับผม”“...” น้ำตาลไม่ได้พูดอะไร เธอนึกไม่ออกว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แต่ว่าหมอคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีจัง เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาเขาก็พูดไม่หยุดเลย“สรุปว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า”“คุณรู้จักฉันเหรอ”“คิดไว้แล้ว ว่าคุณคงจำผมไม่ได้”“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง ดูยังไงเธอก็ไม่คุ้นหน้าเขาเลยสักนิด“เราเคยเจอกันวันนั้นไง วันที่ฝนตก”“ฝนตก...” เธอทวนคำ“อือ...หึ”น้ำตาลทำท่าครุ่นคิด ตั้งแต่มาที่นี่ เธอนึกไม่ออกว่าเธอเคยมีโอกาสได้เจอผ
[สวัสดีครับคุณไคล์]เจ้าของชื่อก้มมองคนที่ยืนแนบอกของเขาก่อนที่จะปรายตามองคนที่เอ่ยทักทายเขา“คุณ” น้ำตาลเรียกเขาสั้น ๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปเห็นหน้าเจ้าของร่างกำยำที่เธอถอยหลังชน ไม่รู้ว่าเขาเดินมาทางที่เธอยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้าเธอเอาแต่เถียงกับผู้ชายไร้มารยาทคนนี้จนลืมสังเกตน้ำตาลหันไปเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ไม่กล้าสู้หน้าเขาตรง ๆ เพราะเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนยังปรากฏอยู่ในหัว เธอจึงทำทีเสมองไปทางอื่น[เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของคุณ]ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาวทันที มันจะมากเกินไปแล้ว เธอกำลังทำให้เขาเสื่อมเสีย เพราะลูกค้าประจำของที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักแฟนของเขา ผู้หญิงคนนี้ยิ่งนับวันยิ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขา“...” น้ำตาลหลุบตาต่ำลง เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นบอกอะไรกับเขา ถ้าเกิดบอกทุกอย่างที่เธอแอบอ้างไปล่ะ แล้วเธอจะทำยังไง เขาต้องโกรธเธอมากแน่ ๆเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามรูขุมขน เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แปลก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายดี หรือแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป หรือแท้ที่จริงแล้วเธอกลัวคนตรงหน้ากันแน่มือที่จับขอบโต๊ะกำแน่น ดูเหมือนตัวเธอจะโงนเงนไปมาจนเจ้าของร่า
เวลา 22.00 น.เจ้าของขาเรียวก้าวผ่านประตูเข้าไปในไนต์คลับ ผู้คนในเวลานี้ดูหนาแน่นขนัดตา เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเป้าหมาย แต่แล้วก็ไม่เจอ โชคดีที่ยังมีที่ว่างพอให้เธอได้แทรกตัวแล้ววางก้นลง[รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ] พนักงานหนุ่มเดินเข้ามาถามทันทีที่เห็นเธอนั่งลง“คุณพูดภาษาอังกฤษกับฉันได้หรือเปล่า” เธอเริ่มจะชินกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้น คงเป็นเพราะเธอเป็นคนเอเชียเหมือนกับพวกเขา โดยลักษณะทั่วไปของเธอก็ไม่ได้แตกต่างจากหญิงสาวชาวจีนมากนัก เลยไม่มีใครเอะใจว่าเธอไม่ใช่คนที่นี่“ครับ” พนักงานพยักหน้าเบา ๆ “ไม่ทราบว่าคุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”น้ำตาลก็นิ่งคิด เธอกำลังคิดว่าเธอจะสั่งอะไรมาดื่มดี ผู้หญิงที่เอาแต่ทำงานไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าผับแบบเธอควรสั่งอะไรมาดื่มดี“อะไรก็ได้ที่เบาที่สุดค่ะ”เพราะยังไม่หายป่วยเวลานี้เธอจึงไม่ควรดื่มด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะอย่างน้อย ๆ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเขาเธอจะได้กล้าพอที่จะชวนเขาขึ้นเตียงแบบไม่รู้สึกกระดากปาก เพราะทุกครั้งสติของเธอครบถ้วนเธอมักจะทำมันพลาดอยู่เสมอ“ได้ครับ”น้ำตาลนั่งรอไปเรื่อย เวลานี้เป้าหมายของเธอก็ยังไม่ปรากฏตัว จากหนึ่งแก้วเป็นสองแก้ว และตามด้วย
วันต่อมา แม้ว่าจะมีความคิดหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวของน้ำตาล ความคิดที่ว่าเธอไม่อยากทำ ไม่อยากมอบร่างกายให้คนที่เธอไม่ได้รัก และที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะรังเกียจเธอเอามาก ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่พอนึกถึงน้องชายเธอก็ต้องข่มกลั้นความคิดทุกอย่างไว้ เรื่องเดียวที่เข้ามาแทรกอยู่ในหัวคือเธอต้องทำแม้จะไม่อยากทำก็ตามน้ำตาลจึงตัดสินใจไปหาไคล์ที่บริษัทอีกครั้ง เธอจะต้องรีบทำมันให้สำเร็จ เธอไม่อยากใช้ชีวิตแสนลำบากอยู่ที่นี่ แค่อาทิตย์เดียวมันก็นานเกินไปแล้วสำหรับเธอ[หยุดก่อนครับ]น้ำตาลหันไปมองตามเสียง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอะไรก็ตาม ชายในเครื่องแบบรีบวิ่งมาขวางหน้าของเธอไว้ เธอมองสำรวจการแต่งกายของเขา คงจะเดาไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็น รปภ.ของบริษัทแห่งนี้“...” น้ำตาลรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ[ไม่ได้นะครับ บอสสั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าไปในบริษัทอีก] เขาบอกเธอเป็นภาษาจีนเพราะหลังจากที่เธอเดินออกจากบริษัทเมื่อวาน ไคล์ได้สั่ง รปภ. รวมไปถึงเลขาของเขา ห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ย่างกรายเข้ามาในบริษัทของเขาอีก มันอันตรายมากที่จะปล่อยให้เธอเข้ามาวนเวียนในพื้นที่ของเขา จนกว่าเขาจะสืบทราบว่าเธอเป็นใครมาจาก
หน้าบริษัทซอฟต์แวร์พนักงานต่างพากันเดินเข้าไปทางประตู หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูจะกลมกลืนไปกับพนักงานเหล่านั้นวันนี้เธอมาในชุดเดรสที่พนักงานบริษัททั่วไปในประเทศจีนนิยมใส่ เพราะหลังจากที่ได้สังเกตการแต่งกายของคนที่นี่ เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายของเธอมักจะมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ทุกครั้งเวลาที่เจอกัน วันนี้เธอจึงเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวใหม่เท้าสองข้างก้าวออกจากลิฟต์เมื่อมันมาจอดตรงชั้นบนสุดของบริษัท ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้บริหารระดับสูง อาจเป็นเพราะเช้ามากเวลานี้เลขาหน้าห้องจึงยังมาไม่ถึงบริษัท เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาตวันนี้เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะเข้ามาที่บริษัทหรือเปล่า หลังจากที่เธอแอบออกจากคอนโดของเขาตอนตี 1เมื่อสองวันก่อน เมื่อกลับถึงห้องเช่าเล็ก ๆ เธอก็พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะโดนเจ้าหนี้โทรมาต่อว่าเธอเรื่องทำงานล่าช้าก็เถอะ แต่เธอก็มีข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดได้เสมอ“ถ้าวันนี้เขาไม่มาล่ะ” น้ำตาลเดินไปเดินมาด้วยความกังวล ตอนนี้เวลาของเธอเหลือไม่มากแล้วฉันให้เวลาเธออีกสามวัน ไม่มีการต่อรองอะไรอีกแล้ว ถ
หมั่บ!!ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินเข้าห้องไปก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งจับต้นแขนของน้ำตาลไว้จากด้านหลัง ทันทีที่เธอหันกลับไปมองก็ได้เห็นว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับที่ผลักไสเธอให้คนอื่นนั่นเองชายหนุ่มแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงนี้ ตามเนื้อตัวนอกร่มผ้ามีรอยแดง ๆ ปรากฏให้เห็น คงเกิดจากการฉุดกระชากลากถูกันมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าน้ำตาลปฏิเสธคู่ค้าของเขา“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นไคล์“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”“ได้ไงล่ะ ตั้งแต่ทำธุรกิจร่วมกันมา คุณไม่เคยกลับคำพูดสักครั้ง” เขาโวยวาย ในเมื่อยกให้เขาแล้วจะมาเอาคืนได้ยังไง“ครั้งนี้ผมวู่วามเกินไป” ไคล์แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่ในใจลึก ๆ กลับยอมรับว่าเขาวู่วามจริง ๆ นั้นแหละ“อย่าบอกว่าที่เธอพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง” เขามองสลับกันระหว่างไคล์กับหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ ไคล์“พูดว่าไงครับ”“เธอบอกผมว่า เธอกำลังทะเลาะกับคุณ”“ว่าไงนะ” ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาว ความรู้สึกผิดเมื่อก่อนหน้าก็มลายหายไป เธอเอาชื่อของเขาไปแอบอ้างได้ยังไง ความจริงเธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำแล้วจะมีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกันน้ำตาลหลุบตาต่ำล