“พูดไรวะนิ้ง”
ผมงง เอาตรงๆ เลยว่าผมไม่เข้าใจที่เธอถาม ดูนิ้งอึกอักตอนที่ผมถามงั้นกลับไปด้วย หรือเธออยากให้ผมหยุดตามจีบเธอ?
“นะ นิ้งถามว่า... ฉลามจะเลิกจีบนิ้งมั้ย?”
เฮ้ย หรือเธอจะคิดงั้นจริงๆ วะ ทำไมถามงี้ ผมไม่เข้าใจ
“ไม่เลิกดิ ใครจะเลิก” ผมออกตัวแรงไปก่อน ใส่อารมณ์ตอนพูดด้วย คือถ้าเธอบอกให้ผมเลิกจีบผมไม่ยอมแน่นอนอ่ะ ชอบมาก ชอบชิบหายขนาดนี้จะให้ผมเลิกตามตื้อเธอง่ายๆ เหรอ ไม่มีทาง “ถามงี้ทำไม อยากให้เลิกจีบเหรอ”
“... เปล่า”
อ้าว
“คะ... แค่อยากจะบอกว่าอย่าโกรธนิ้งเลยนะ” ผมชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดที่คาดไม่ถึงจากปากเธอ เฮ้ย นี่ผมฝันอยู่เหรอ เหมือนเธอกำลังง้อผมอยู่เลย “นิ้งไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น”
“เหรอ” ผมคราง แล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว
แต่ที่แน่ๆ ผมหายโกรธนิ้งแล้ว ลงทุนกล้าง้อก่อนขนาดนี้ใครจะไปโกรธลง
แต่จะให้หายเลยก็ไม่ได้ เดี๋ยวเธอจะได้ใจ ต้องมีข้อต่อรองนิดหน่อย
“นิ้งหอมแก้มเราก่อน” ผมพูดสั้นๆ แต่คราวนี้เอาจริง อย่างน้อยถึงจะดูเหี้ย แต่ผมก็อยากได้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ ที่ตามใจเอาใจเธอขนาดนี้ “ถ้าหอมแก้มเรา... เราหายโกรธเลย”
“แต่...” คะนิ้งอึกอัก แล้วผมก็แกล้งตีหน้าทะมึน
“งั้นก็แค่นี้แหละ เราเข้าใจ” ผมพูดให้เธอใจเสียเล่น จนร่างเล็กเลิ่กลั่ก เธอคงกลัวผมจะโกรธเธออีก แล้วพอเห็นว่าเป็นงั้นผมก็มีความสุขชะมัดเลยว่ะ เพราะถ้าถึงขั้นกลัวผมโกรธ แสดงว่านิ้งต้องแคร์ผม
“แต่... แต่เรายังคุยกันไม่ถึงเดือน...”
“เธอจะบอกว่าถึงเดือนแล้วเธอถึงจะหอมแก้มเราได้เหรอ?” คนตัวเล็กทำหน้าเหวอเมื่อผมสวนกลับไปแบบนั้น ก่อนที่เธอจะละล่ำละลั่กพูด
“มะ... ไม่ใช่นะ”
“งั้นเธอจะหอมแก้มเราได้ตอนไหน ตอนเธออายุหกสิบงี้?” ผมถามอีกพร้อมกับเลิกคิ้วสูง คะนิ้งทำหน้าเหวอมากกว่าเดิม แล้วเธอก็เหมือนพูดไม่ออก เวลาไล่ต้อนเธอก็สนุกดีเหมือนกัน เธอจะได้ปากตรงกับใจขึ้นมาหน่อยไง “เธอจะคุยกับเราจนอายุหกสิบเลย?”
“อะ... เอ่อ”
“เราคุยกับเธอไปจนตายได้เลย” ผมพูดอย่างใจป้ำ แล้วก็พูดออกมาจากใจด้วย “แต่หอมแก้มอ่ะขอตอนนี้”
“...”
“หยุดรถรอแล้วนะ” เธอทำหน้าอึดอัดใจสุดๆ เมื่อผมจอดรถเทียบฟุตบาทอย่างที่บอกจริงๆ ไม่เป็นไรหรอก ถึงเราจะหอมกันในนี้ก็ไม่มีใครเห็นแน่ มันมีฟิล์มทึบ คนตรงหน้าเองก็น่าจะรู้อยู่
แต่ผมก็ไม่ได้จะปล้ำเธอหรอกว่ะ ผมให้เกียรติ์เธอเสมอ บอกว่าแค่หอม ก็คือแค่หอม
“ไม่... ไม่เอาหอมแก้มได้มั้ย” เธอต่อรองผม ผมก็เลย...
“ได้”
“...”
“งั้นเปลี่ยนเป็นมากกว่าหอมแทนละกัน”
ผมไม่ได้พูดเล่นนะอันนี้ ผมพูดจริง
[พาร์ท : ฉลามดุ]
ฉันสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น
“งั้นนิ้งหอมแก้มฉลามก็ได้” ฉันว่าฉันค่อนข้างชินกับเขาขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วล่ะ รู้ว่าที่เขาพูดไปนั่นก็แค่พูดเล่น พูดแหย่ให้ไปไม่เป็นทั้งนั้น และพอได้ยินแบบนั้นคนตัวสูงก็ฉีกยิ้ม แล้วเขาก็เอียงหน้าเข้ามา
“เอาดิ” ฉันกลั้นหายใจ หน้าเห่อร้อนสุดๆ ตอนที่เลื่อนใบหน้าเข้าไปกดปลายจมูกลงที่ผิวแก้มของเขาเบาๆ แล้วผละออกอย่างรวดเร็วเพราะหน้าร้อนเห่อไปหมด
แต่แก้มเขานิ่มดีแฮะ
“หะ... หอมแล้ว” ฉันแทบจะก้มหน้าพูดกับเขา แต่ร่างสูงกลับมีสีหน้าบึ้งตึง
“ไม่รู้สึกเลย” เขาติง แล้วอาศัยจังหวะที่ฉันเผลอเลื่อนหน้าเข้ามาหอมแก้มฉันดังฟอดใหญ่
“...!” ฉันเบิกตากว้าง เอามือมาจับแก้มของตัวเองเอาไว้แน่นอย่างตกใจ แล้วเขาก็ตีสีหน้าจริงจังกลบเกลื่อนสิ่งที่ทำลงไป
“แบบนี้ไง เน้นหนักๆ แบบนี้” เขาพูดหน้าตายมาก แล้วฉันก็อ้าปากค้าง แต่เขามาฉวยโอกาสหอมแก้มฉันนะ ก็ไหนเขาบอกจะอดทนไงล่ะ “อีกที”
ดะ... เดี๋ยวก่อนนะ อีกทีเหรอ!
ทำไมพอฉันยอมขอโทษก่อนเขาถึงได้แกล้งฉันไม่หยุดเลยล่ะ
“แต่...”
“ไม่มีแต่”
ฮือ
“ครั้ง... ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ไม่เอาแล้ว” ฉันพูดกับเขาหน้ามุ่ยๆ เพราะคิดว่าปฏิเสธไปเขาก็ไม่ฟังอยู่ดี คนโตกว่าพยักหน้าด้วยสีหน้ามีความสุขสุดๆ ที่เห็นว่าฉันยอมตามใจเขา ฉันก็เลยกลืนน้ำลายลงคอแล้วเลื่อนใบหน้าเข้าไปหาฉลามดุช้าๆ
แต่ทว่า
“... อื้อ!” ยังไม่ทันที่ฉันจะแตะริมฝีปากลงกับแก้มของเขาด้วยซ้ำ ฉลามดุก็หันหน้ากลับมาหาแล้วประกบริมฝีปากของเขาลงกับปากของฉันอย่างรวดเร็ว
ฉันเบิกตากว้าง แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ในนาทีต่อมาร่างสูงก็ผละออก
“เฮ้ย ขอโทษนะนิ้ง เราไม่ได้ตั้งใจ” อีกฝ่ายทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ตอนที่หน้าฉันเหวอจนถึงขีดสุด ก่อนที่ต่อมาหน้าของฉันจะร้อนจัดจนชาลามไปถึงต้นคอ
“นะ... นี่คุณ”
“ถือว่าแทนคำขอโทษของเธอละกัน” เขาหันมายิ้มให้ฉันแล้วคิดเอาเอง ไม่รอให้ฉันได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น แต่ฉันรู้นะว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันเป็นรอยยิ้มแบบไหน เขาแกล้งฉันชัดๆ เลย “เวลาเธอทำเราโกรธ เธอก็ง้อเราแบบนี้นะ”
“...”
“เราจะได้โกรธเธออีกบ่อยๆ”
ตอนนี้ฉันไม่อยากคุยกับเขาต่อแล้วอ่ะ คนขี้แกล้ง
จนเขาขับมาส่งถึงหน้าหอพักของฉัน ฉลามดุก็เอาแต่มองหน้าฉันยิ้มๆ ส่วนฉันก็ดึงเข็มขัดนิรภัยออกแต่ไม่กล้าสบตาเขา
ฉันไม่ชินกับสายตาของเขาเลย
“หลามดึงให้” ฉันเหวอเมื่อเขาแทนตัวเองว่าหลามด้วยสายตาล้อเลียนแล้วขยับตัวมาปลดเข็มขัดออกให้ ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ฉันมากอย่างจงใจ ก่อนที่คนตัวโตจะสบตาฉันด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนที่จะผละออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉันหน้าแดงไปหมด ก็เลยตัดสินใจพูดกับเขาแบบปกติ ก็ฉันอายนี่นาที่จะมาแทนตัวว่านิ้งกับเขาตลอดเวลา มันดูใกล้ชิดมากเกินไป อย่างน้อยๆ...
“... เราลงแล้วนะ” ก็แทนตัวว่าเรานี่แหละเนอะ ยังไงก็ดูสนิทสนมมากกว่าหนูในตอนแรกที่คุยกับเขา อีกอย่างเพราะฝ่ายนั้นก็ไม่ค่อยชอบที่ฉันแทนตัวว่าหนู ทั้งที่ดูๆ ไปเขาน่าจะอายุมากกว่าฉันอีก
“จะลงแล้วเหรอ” แต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูรถลงไป ฉลามดุก็เอื้อมมือมาคว้าข้อมือของฉันเอาไว้หลวมๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนยังไม่อยากให้ไป มือของเขาใหญ่มากเมื่อเทียบกับข้อมือเล็กๆ ของฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วร่างสูงก็ถาม “ยังไม่เย็นมาก หิวมั้ย?”
“ก็นิดหน่อยค่ะ” ฉันใจเต้นนิดๆ เมื่อเขาบีบข้อมือฉันเบาๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น แล้วร่างสูงก็กระตุกยิ้มออกมา
“ไปหาไรกินกัน เดี๋ยวเลี้ยง”
ละ... เลี้ยงอีกแล้วเหรอ
“แต่...” ฉันอึกอัก เริ่มครุ่นคิดอยู่ในหัว แล้วไหนๆ ก็ไหนๆ ฉันเองก็อยากจะไถ่โทษที่พูดไม่ดีใส่เขาในวันนี้ด้วย “เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”
“ว่าไงนะ”
“เดี๋ยวเราเลี้ยงฉลามเอง” ฉันพูดกับเขาอย่างมุ่งมั่น ฉันโอเคกับเขาแล้วล่ะ ไม่ค่อยกลัวเขาแล้ว แค่ก่อนหน้านั้นฉันเขินที่เขา... เอ่อ “อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
ฉลามดุนิ่งไป เขาเหมือนไม่เชื่อหูจนฉันต้องถามเขาไปอีกครั้งนึง
“เราถามว่าอยากกินอะไรรึเปล่า?”
“กินเธอได้ปะ”
“...!” ฉันเบิกตากว้าง พูดไม่ออกเมื่อจู่ๆ เขาก็ตอบกลับมาแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง ร่างสูงเริ่มสำรวจใบหน้าของฉันที่ร้อนขึ้นอย่างเงียบเชียบ แล้วฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาอีกแล้ว
“เป็นไร ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากมาเลี้ยงเรา”
“ก็...”
“ใจดีกับเราทำไมวะ เริ่มชอบเราแล้วอ่ะดิ” ฉันแทบจะมุดหน้าหนีเขาในวินาทีนั้น ไม่รู้ทำไมพอฉันเริ่มใจดีด้วยอย่างที่เขาบอกเขาถึงชอบหยอดอะไรก็ไม่รู้ใส่ฉันจังเลย มันทำให้ฉันเริ่มอยากกลับมากลัวเขาเหมือนเดิมแล้วนะเนี่ย “ล้อเล่น ดูทำหน้าเข้า”
“ก็เราทำฉลามโกรธไม่ใช่เหรอ เราก็แค่อยากจะเลี้ยงขอโทษ” ฉันละล่ำละลักตอบไปตามที่คิดจริงๆ แล้วเขาก็นิ่งไปเหมือนเริ่มสังเกตความผิดปกติในการแทนตัวเองที่เริ่มเป็นกันเองมากขึ้นของฉัน “ฉลามอยากกินอะไรรึเปล่า เดี๋ยวเราจะเลี้ยงเอง”
เขาเงียบไปสักพักก่อนที่จะดึงฉันให้มานั่งดีๆ แล้วตอบกลับมา
“เราไม่อยากให้เธอเลี้ยงหรอก แค่อยากให้ไปกินกับเรา”
“...”
“ไม่ต้องทำอะไรเพราะเราไม่ได้โกรธ เราไม่ชอบให้ผู้หญิงออกเงินให้เท่าไหร่ว่ะนิ้ง”
“...”
“อีกอย่าง... เราเลี้ยงเธอได้ทั้งชีวิตเลย” ฉันหน้าร้อนไปหมดเมื่อฉลามดุพูดออกมาตรงๆ พร้อมกับเอื้อมมือมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ก่อนที่จะขับรถออกไป ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพาฉันไปไหน แต่มันก็ไม่ได้ไกลมากนัก เพราะต่อมารถของเขาก็จอดอยู่หน้าร้านเหล้าร้านหนึ่ง
ฉันเคยถูกพี่ชายพามาที่แบบนี้นะ แล้วก็ไม่ค่อยชอบด้วย ก็เลยทำหน้ามุ่ยนิดๆ ตอนที่เขาดับเครื่อง
“ลงกัน” เขาพูดกับฉัน แต่พอเห็นว่าฉันเงียบ ร่างสูงก็เอื้อมมือมาแตะมือฉันที่วางอยู่บนหน้าตักเบาๆ จนฉันสะดุ้งแล้วเผลอชักมือออก แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร “ไม่ต้องกลัวหรอก เพื่อนเราก็อยู่ ไม่มีใครทำไรนิ้งได้แน่”
“...”
“เราก็อยู่กับนิ้งไง” เขาพูดอีกเมื่อเห็นว่าฉันมีสีหน้าลำบากใจ แล้วเปิดประตูอ้อมมาฝั่งที่ฉันนั่งอยู่แล้วเปิดประตูรถดึงแขนฉันที่ไม่กล้าสบตาเขาออกมา ฉันก็รู้นะว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอกเพราะฉลามดูน่ากลัวจะตาย แต่... ฉันแค่ไม่ค่อยชอบที่แบบนี้
จะว่าฉันค่อนข้างรักความสงบไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ ก็ได้ บางทีบรรยากาศมันอื้ออึงจนอึดอัดอ่ะค่ะ
ฉันทำหน้ามึนงงตอนเดินเข้ามาด้านใน คนมองฉลามเหมือนรู้จักเขา ในขณะที่ร่างสูงจะลากฉันให้ไปนั่งที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยผู้ชายหน้าดุๆ เต็มไปหมด แต่เขากันฉันให้มานั่งกับเขาโดยไม่ให้ฉันนั่งข้างใครเลย
“เฮีย! มาจริงอ่ะ” ผู้ชายคนหนึ่งโพล่งขึ้น เขาดูเป็นคนซื่อๆ แต่เขาก็ดูดีนะ ฉันมองหน้าเขาเลิ่กลั่ก ในขณะที่คนอื่นๆ จะเลื่อนสายตามาจดจ้องฉันที่นั่งตัวเกร็งเป็นตาเดียว จนผู้ชายคนเดิมต้องถามขึ้นมาอีก “นี่ใครครับเฮีย?”
“แฟนในอนาคต” ฉันเบิกตาโตแล้วหันไปมองฉลามดุอย่างตกใจเมื่อเขาแทนตัวฉันที่มาด้วยแบบนั้ร “ไอ้เล้ง ชงเหล้าให้หน่อย”
“มาถึงก็เอาใหญ่เลยนะเฮีย” ผู้ชายคนเดิมทำหน้าเบื่อๆ ในขณะที่จะยกแก้วเปล่ามาชงเหล้าให้ฉลามดุตามที่เขาสั่ง ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีการชงเหล้าเป็นยังไง ก็เลยทำได้แต่เลิ่กลั่กมองไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นชิน “แล้วแฟนเฮียเอาด้วยปะ?”
ฟะ... แฟนเหรอ!
“มึงกวนตีนเหรอ นิ้งไม่กินเหล้า” ฉลามดุด่าเขา แล้วฉันก็เหวออีก ฉันเพิ่งจะเคยเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ตอนเขาพูดกับฉันเขาพูดดีๆ ตลอดนี่นา “เดี๋ยวสั่งอย่างอื่นให้แทน อย่าให้เห็นว่าพวกมึงให้นิ้งแตะเหล้านะ”
“ได้เฮีย แต่คราวหลังพูดดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องดุ” ผู้ชายที่ชื่อเล้งบ่น คนอื่นก็หัวเราะ แล้วก็ไม่มีใครถามเรื่องของฉันต่ออีก ฉันก็เลยโล่งอก แล้วก็เริ่มคิดอะไรอยู่คนเดียว
ฉันนึกถึงคำพูดที่ฉลามดุถามทีเล่นทีจริงบนรถ
“เป็นไร ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากมาเลี้ยงเรา”
“ก็...”
“ใจดีกับเราทำไมวะ เริ่มชอบเราแล้วอ่ะดิ”
ถามว่าฉันเริ่มชอบเขารึยังน่ะเหรอ?
ตามจริงแล้ว ฉันเองก็ยังไม่ได้ถึงกับชอบฉลามดุหรอก แต่ที่ยอมตามใจเขาหลายเรื่องก่อนหน้านี้ก็เพราะเขาเองก็ดูไว้ใจได้ ฉันไม่ค่อยกลัวเขาแล้วหลังจากที่เขาพูดตรงๆ ว่าเขากำลังอดทนอยู่ และการกระทำของเขาก็บ่งบอกว่าเขากำลังอดทนอยู่จริงๆ (ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ในบางครั้งเขาจะฉวยโอกาสจากฉันไปเยอะแล้วก็ตาม) พอได้ยินแบบนี้ฉันก็เลยไว้ใจเขาขึ้นมาบ้างนิดหน่อย
อีกอย่าง... เขานิสัยคล้ายๆ กับพี่ชายของฉันเลย ฉันรู้จักคนประเภทนี้ดีก็เลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนดีกว่าที่เห็นจากลุคภายนอก อีกอย่าง... ไม่ชอบเวลาที่ฉลามโกรธเลยอ่ะ มันเหมือนเห็นพี่คะนองอยู่ในตัวของเขายังไงก็ไม่รู้
แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าที่ตามใจเขาแบบนั้นมันจะถูกมั้ย แต่ส้มบอกให้ฉันลองเปิดใจให้เขาไม่ใช่เหรอ มันอาจจะไม่ผิดก็ได้ เพราะหลายครั้งฉันก็ถูกมองว่าเป็นคนที่ยอมคนอื่นง่ายเกินไปเหมือนกัน
สับสนไปหมดแล้ว
“นิ้งกินน้ำส้มนะ” ฉันสะดุ้งเมื่อฉลามดุเรียกสติฉันกลับมาพร้อมกับวางแก้วน้ำลงตรงหน้า เป็นน้ำส้มแฟนต้าที่ออกซ่าเล็กๆ ฉันมองมันแล้วก็อึดอัด พอมองไปรอบๆ ก็ยิ่งอึดอัด ฉันไม่ชินกับสภาพแวดล้อมแบบนี้เลย มันคล้ายๆ ตอนไปกับพี่คะนอง “เป็นไร?”
“ปะ... เปล่า” ฉันสั่นหน้าตอบเขา แล้วก็มองไปรอบๆ ที่เริ่มจะมีพวกผู้หญิงออกมาเสิร์ฟอาหาร แล้วพวกเธอก็โดนลวนลาม นั่นทำให้ฉันยิ่งกลัวมากขึ้น “เราว่า... เปลี่ยนไปร้านอื่นดีมั้ย?”
“ทำไมอ่ะ” ฉลามดุถามอย่างสงสัยในขณะที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ดูเขาจะชินชากับที่นี่มากเลยไม่ได้คิดอะไรกับเหตุการณ์พวกนั้น แต่ฉันไม่ชินเลยจริงๆ นะ ยิ่งมาแค่กับเขาแต่ไม่มีส้มหวานอยู่ด้วยแบบนี้ “กลัวเหรอ?”
“ก็...” ฉันเหลือบมองพวกเพื่อนๆ ของเขาที่นั่งดื่มกันเสียงโหวกเหวก พวกเขาเงียบแล้วหันมามองฉันกับคนตัวโตข้างๆ ทันที แล้วฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิด “ก็กลัวนิดหน่อยค่ะ เราไม่ค่อยชิน”
“มันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เอาจริงๆ ปะ” เขาพูดในขณะที่ถือแก้วเหล้าไว้แนบตัว แล้วชี้ไปที่เด็กเสิร์ฟที่ฉันเคยมองก่อนหน้านั้น “ตรงนั้นมันเป็นเด็กเสิร์ฟ ลูกค้าแก่ๆ มันก็เป็นพวกชอบลูบชอบจับอยู่แล้ว แต่ก็ได้แค่นั้น”
“...”
“หรือถ้าเธอกลัวพวกนั้นมาลูบๆ จับๆ เธอแบบนั้น ให้เธอมองหน้าเราไว้นะนิ้ง”
“...”
“เพราะถ้ามันทำแบบนั้นกับเธอ... มันคงได้หน้าแหกด้วยมือเราอ่ะ” เขาพูดได้หน้าตายมาก พร้อมกับยกกำปั้นมาคว้าอากาศหมับต่อหน้า ฉันเหวอถึงขีดสุดในขณะที่ฉลามดุจะแค่นหัวเราะออกมา “โอเคนะ”
“อะ... โอเค”
“หายกลัวได้ยัง?”
“หะ... หายแล้วก็ได้”
แต่กลัวเขาแทนแล้วนะ ฮือ
“กินไรมั้ย สั่งกับเราได้” ฉลามดุเสนอตัวพร้อมกับแย่งเมนูจากมือของเพื่อนเขาส่งมาให้ดู และก็เพราะว่าฉันเองก็หิวจริงๆ ก็เลยเปิดดูตามที่เขาบอก “ข้าวผัดดีปะนิ้ง?”
“เราไม่ใช่เด็กนะ” ฉันทำหน้ามุ่ย แล้วเขาก็หัวเราะ
“นิ้งจะเป็นเด็กได้ไงวะ นิ้งก็เป็นแฟนเราดิ” ฉันเอ๋อไปเลยเมื่อเจอเขารุกใส่แบบนั้น ทำไมต้องมาแบบไม่ทันตั้งตัวทุกทีเลยนะ “ไม่กินข้าวแล้วจะกินเราแทนก็ได้นะ... ยอมเลย”
“... เราจะกินข้าวนี่แหละ” ฉันตอบกลับไปพร้อมกับปาดเหงื่อที่ขมับออก แล้วเขาก็ระบายยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ “ฉลามไปคุยกับเพื่อนเถอะค่ะ เราไม่เป็นไร”
ฉันขอล่ะนะ ฉันอยากเลือกเมนูคนเดียวเงียบๆ อ่ะ ไม่อยากโดนทำให้ไปไม่เป็นอีกแล้ว
“อยากคุยกับนิ้งว่ะ ทำไงดี”
“เอ่อ... งั้นคุยกับเราก็ได้” ฉันหลุบตาลงมองเมนูทันที ก็เขาเล่นดักคอฉันทุกทางเลย แล้วอย่างงี้จะให้ฉันตอบไปว่ายังไงล่ะ
“กินเผ็ดไม่ได้ไม่ใช่เหรอ” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาพูดประโยคนั้นพร้อมกับขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนชิดมากขึ้น ฉันรู้สึกถึงปลายนิ้วมือของเขาที่เกลี่ยเส้นผมของฉันออก พร้อมกับเสียงกระซิบที่ข้างหู “กินที่เธอกินได้ดิ”
เขาเมาแล้วรึเปล่านะ ทำไมถึง...
“เราจะมั่นใจได้ยังไง... ว่าเราจะไม่ร้องไห้เพราะฉลามอีกอ่ะ?” เพราะฉันใจอ่อนง่ายทุกครั้งพอเป็นเขา ทะเลาะกันหนักๆ ฉลามก็แค่เดินมาพูดอะไรสักอย่าง จนฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยแสดงออกมาจริงๆ เลยว่ามันจะดีขึ้นกว่าเดิม “... เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น”“...”“ฮึก... ฉลามจะให้เราเชื่อได้จากตรงไหนเหรอ” สุดท้ายฉันก็แพ้ให้ความอ่อนแอขี้แยของตัวเอง ฉันร้องไห้ออกมาตรงนั้นเพราะเจ็บจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว น้ำตาบังฉันจนมองไม่ออกว่าฉลามกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่“ไปคุยที่รถได้มั้ยวะ”ฉันได้ยินเสียงเขาตอบกลับมา ก่อนที่ข้อมือฉันจะถูกเขาจูงให้เดินตามไปด้วยกัน ฉันสะอื้นออกมาตอนที่ถูกใส่หมวกกันน็อคแล้วติดที่ล็อคตรงใต้คางให้ แล้วฉลามก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ของเขา“ระ... เราไม่กลับกับฉลามนะ ไม่เอา” ฉันพูดทั้งน้ำตา แล้วเขาก็จ้องหน้าฉันนิ่ง ตอนแรกฉันก็คิดว่าฉลามจะขับรถออกไปเลย ไม่ก็ว่าฉันว่างี่เง่า ดื้อ เป็นผู้หญิงน่ารำคาญ แต่ต่อมาทั้งตัวของฉันก็ถูกเขาดึงเข้ามากอดไว้“กลับเหอะ” เขากระซิบเสียงหนักข้างหูฉันที่เบิกตาโต แล้วกอดฉันแน่นขึ้น“...”“มีเรื่องจะคุย”สุดท้ายฉันก็นั่งรถไปกับเขา
[... โห ปกติพี่บอกรักนิ้งยังงี้เลยเหรอ]ผมนิ่งไปหลังจากที่พูดกับนิ้งไปตรงๆ แล้วเสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่นิ้งแต่เป็นส้ม“นิ้งไม่อยู่เหรอวะ” ผมถามตรงประเด็นทันที แล้วปลายสายก็ตอบกลับมา[ใช่ค่ะพี่ วันนี้ส้มหยุดอ่ะเลยได้นอนอยู่ที่ห้อง นิ้งเค้าไปเรียน สงสัยจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง]“...”[ว่าแต่นี่พี่โทรมาง้อนิ้งเหรอ ดีแล้วแหละ]“แล้วนิ้งยังอยู่นั่นปะ เลิกกี่โมง? วันนี้เรียนวิชาไร?” ผมไม่สนเรื่องยิบย่อยแล้วถามกลับไป ส้มเงียบไป ส่วนผมก็ร้อนใจแทบบ้า จนเธอตอบกลับมา[น่าจะใกล้เลิกแล้วอ่ะพี่ วันนี้เรียนวิชาเดียว] เธอบอก แล้วผมก็ทำท่าจะกดตัดสายแล้วใส่กางเกงจะได้ไปรับเธอที่มหาลัยก่อนที่เธอจะกลับไปก่อน ผมกลัวว่าจะไม่ทัน [แต่พี่หลาม ส้มมีอะไรจะบอกแหละ]“ไว้วันหลังได้ปะ พี่รีบว่ะ”[แต่เป็นเรื่องนิ้งนะ พี่หลามไม่ฟังหน่อยเหรอ] ผมนิ่งไป แล้วรูดซิปกางเกงขึ้น“งั้นพูดมา”[ถ้าพี่หลามจะไปง้อนิ้งรอบนี้อ่ะ ส้มว่าต้องมีแต่ใจล้วนๆ เลยอ่ะ]“...”[นิ้งอ่ะน้อยใจพี่มากเลย ส้มก็ไม่ได้จะบอกว่าพี่ผิดฝ่ายเดียวหรอกนะ ส้มรู้ว่าบางทีคนเป็นแฟนกันก็ชอบใช้อารมณ์เหนือเหตุผล] ผมยืนฟังที่เธอพูดเงียบๆ [ส้มรู้ว่าพี่หลามรักนิ้งมาก
“มึงรู้ปะเจ๊” ผมกระดกแก้วที่สามรวดเดียวแล้วเอียงหน้าไปคุยกับมัน “ตั้งแต่เกิดมา กู... ไม่เคยเจ็บเหี้ยๆ ขนาดนี้กับผู้หญิงคนไหนเลยว่ะ”“เฮ้ย อีหลาม มึงเมายังวะเนี่ย” เจ๊ตบหน้าผม แล้วผมก็ปัดมือมันออก“กูไม่เมา” ผมพูดตรงๆ มันแค่มึนๆ แต่ที่ผมพูดเพราะแม่งเฮิร์ท “กูเจ็บตั้งแต่คำที่เค้าบอกว่ากูไม่เคยเข้าใจเค้า กูเอาแต่ใจ ชอบพูดเหี้ยๆ กับเค้า”“...”“แม่งก็จริงว่ะ กูแม่งเหี้ยแบบนั้นแหละ ผู้หญิงมันเลยชอบทิ้งกูไปไง” ผมพูดแล้วแค่นหัวเราะ “แล้วเดี๋ยวกูก็จะถูกนิ้งทิ้งอีก กูแม่งทำห่าไรก็ล้มเหลวไปหมด”“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าน้องจะทิ้งมึง?”“กูแค่คิด ใครแม่งจะทนกับคนอย่างกูวะ”“โอ้ย อีหลาม มึงคิดว่าน้องเค้าเป็นคนแบบอีพวกนั้นรึไงวะ มีสติหน่อย สมองมึงรวนแล้วเหรอ”เจ๊พูดแล้วตบหน้าผมซ้ำอีกให้ตื่น แต่แม่งหยุดไม่ได้แล้วว่ะ ผมกดดัน ผมไม่รู้ว่าต้องทำไง ผมคิดเรื่องเธอในหัวเยอะมาก ที่ผ่านมาในหัวผมมีแต่เรื่องที่ผมเป็นคนแบบนี้แล้วกลัวนิ้งจะทนไม่ไหว ผมรู้ตัวเอง หลังจากทะเลาะตอนนั้นผมก็อยากดีกว่านี้ แต่แม่ง...“คงงั้นมั้ง” ผมตอบลอยๆ แล้วหัวเราะส่งๆ“อีหลาม มึงฟังกูนะ เรื่องพวกนี้มันต้องคุย มึงมานั่งคิดว่าเค้ามองมึงแบบนั
ทันทีที่ฉันพูดจบประโยคนั้น ฉลามก็เงียบไป เขาเงียบไปนานมากจนฉันใจโหวงๆ ฉันถือสายรอเขาตอบกลับมาอยู่แบบนั้นสักพัก ใจเต้นรัวไปหมดเพราะอยากรู้ว่าเขาจะตอบอะไรกลับมา จนสุดท้าย...[โอเค เข้าใจล่ะ] ฉันสะดุ้งน้อยๆ ตอนที่จู่ๆ เขาก็สวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแปลกๆ [เราแม่งเหี้ยเองว่ะ]“...”[ถ้านิ้งไม่อยากให้เราขับตามเราไม่ไปก็ได้]“...”[แค่นี้นะ]ติ๊ดฉันชะงักไปเมื่อเขาตัดสายฉันทันทีที่พูดจบประโยคนั้น ใจฉันหายวูบไปเลย แล้วมันก็เป็นแบบนั้นไปตลอดทาง... หรือมันจะถึงทางตันแล้วนะผ่านมาสองวันได้แล้วหลังจากนั้น... เราแทบไม่เจอหน้ากันเลยฉันกลับมาถึงห้องกับส้มหวานอย่างปลอดภัยจนถึงเช้าวันต่อมา ฉลามไม่โทรมาหา เขากลับมารึยังฉันก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากนี้เราทั้งคู่จะยังเหมือนเดิมอยู่มั้ย ก่อนจะวางสายไปเสียงเขานิ่งมากจนผิดปกติเลย ตอนไปมหาลัยส้มก็ไปส่งเราเลยยิ่งไม่ได้เจอกันเข้าไปใหญ่แต่ฉันรู้แค่ว่าเขากลับมาทำงานแล้วหลังจากที่ได้โทรคุยกับพี่เพทายนั่นล่ะ[อีหลามอ่ะนะ? ก็มาทำงานปกตินี่ ช่วงนี้มันก็อยู่ไม่นานด้วย มันไปสมัครงานเพิ่ม] ฉันนิ่งไปนิดหน่อยตอนที่พี่เพทายอธิบายมาแบบนั้นหลังจากที่เธอโทรม
“ฉะ... ฉลามใจเย็นก่อนได้มั้ย” ฉันแทรกขึ้นมา แล้วเม้มริมฝีปากแน่น “เราไม่ได้อยู่ในรถผู้ชายคนไหนหรอก เรากลับกับส้ม เค้าเป็นเพื่อนส้ม”[...]“แล้วที่เราต้องกลับแบบนี้เพราะเราทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ ฉลามก็ไล่เราด้วย... เราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ทำไมอ่ะ”[ก็นิ้งจะไปเองปะ?]“อื้อ... ใช่ เราจะไปเองแหละ เพราะงั้นเราก็จะไปจริงๆ แล้ว” ฉันโพล่งขึ้นมาเพราะเห็นว่าฉลามเองก็ไม่ใจเย็นที่จะคุยกับฉันเลย ฉันเองที่พยายามจะเย็นในตอนแรกๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน[ก็บอกว่าให้มันวนรถกลับมาไง]“เราเลยมาแล้วนะ วนกลับไม่ได้หรอก”[นิ้ง กลับมา]“...”[ได้ยินมั้ยวะ บอกให้กลับมาไง]ใจฉันวูบไป ความรู้สึกน้อยใจตีตื้นขึ้นมา เพราะฉลามไม่เคยฟังฉันเลย จะเอาแต่ใจตัวเองอยู่อย่างเดียว เขาบังคับให้ฉันทำนู่นทำนี่ตามใจเขา บอกให้ฉันเข้าใจเขา แต่พอถึงทีฉันบ้าง เขากลับไม่เคยเข้าใจอะไรเลย“... ฉลามเห็นเราเป็นอะไรเหรอ?” ฉันโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ไล่เรากลับ พอเราจะกลับจริงๆ ก็มารั้งเรา... ก่อนหน้านี้ก็อยากให้เรากลับไม่ใช่เหรอ”[ก็มันแม่ง...]“หลายครั้งแล้วนะที่เรายอมลงให้ฉลามตลอด เวลาฉลามหงุดหงิดใส่เราก็พยายามอดทน... เราก็แค่ไม่อยากเลิก อยากอ
[SALAMDU : SIDE]“ทำไมไม่รับสายวะ”ผมพึมพำอย่างหงุดหงิดตอนที่กดโทรศัพท์เข้าเบอร์นิ้งจนจะสามสิบสายได้แล้ว แต่เธอก็ไม่รับ ผมกดตัดสายแล้วโทรออกอยู่ซ้ำๆ ตอนที่พิงรถอยู่ด้านนอกแล้วจุดบุหรี่สูบ พ่นควันออกมาตอนที่เห็นว่าฟ้าเริ่มมืด ผมเงยหน้าขึ้นมอง แล้วดูดมวนบุหรี่อัดควันเข้าปอดตอนที่กดโทรหาเธออีกพอเธอตัดสายไปอีกผมก็พ่นควันบุหรี่ออกมาแรงๆ อย่างขัดใจ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในรถแล้วเปิดกระจกไว้จะได้ดูดบุหรี่ด้านนอก พร้อมกับขับวนหาเธอแถวๆ นั้นไปด้วยผมเห็นมีคนนั่งรถเข้ามา แต่เดินเข้าไปดูแล้วไม่ใช่ผมโทรไปหาไอ้โป้งให้บอกเบอร์โรงแรมห่านั่นให้ผมแล้วเพราะก่อนออกมาผมรีบจัดเลยลืมถามมา แล้วมันก็เป็นคนโทรจองให้ ก่อนหน้านั้นผมโทรถามเบอร์รถโรงแรมคันอื่นแล้วไล่โทรไปทุกสาย แต่มีสองเบอร์ที่โทรไม่ติด นอกนั้นก็ไม่ใช่ผมขับออกไปวนหานิ้งที่สถานีขนส่งไรนี่สองสามรอบได้ เพราะเธอเองก็ไม่น่าจะไปที่ไหนได้นอกจากที่นี่ ตอนนี้ก็อีกรอบ แต่พอไม่เจอผมก็จอดรถทิ้งไว้แถวๆ นั้นแล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆ เพราะผมไม่รู้จะทำไงพอบุหรี่มันหมดมวนผมก็ทิ้งลงพื้นแล้วใช้ส้นตีนขยี้ ก่อนที่จะหยิบมวนใหม่มาจุดสูบอีกเพราะผมเครียด เกือบจ