แคลร์มองตามหลังแซมที่เดินออกจากร้านไปอย่างรู้สึกไม่ดี เธอหันมามองแอนนาซึ่งรอสบตากับแคลร์อยู่แล้ว แคลร์เม้มปาก ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงไม่เห็นด้วยกับการกระทำ
“ให้ฉันลาออกเลยไหม” แอนนาถาม ทุกคนในโต๊ะตึงเครียดไปกันใหญ่แล้ว
“เดี๋ยวก่อนแอนนา คุณเป็นอะไรของคุณ ถ้าฉันใช้งานคุณหนักไปก็ขอโทษด้วยนะวันนี้” แคลร์ขอโทษปัดๆ ไปเพื่อไม่ให้บรรยากาศในโต๊ะยิ่งแย่ ออสซีไม่รู้จะพูดอะไร เขาหยิบไหมไทยที่เหลือกระดกลงคอจนหมด แล้วลุกขึ้น
“คืนนี้เรากลับกันก่อนแล้วกันนะ ผมไปจ่ายเงินก่อน พวกคุณนั่งคุยกันไป ผมจะไปจ่ายที่เคาน์เตอร์เลย”
“เดี๋ยวฉันเคลียร์ให้นะ ออสซี” แคลร์ตะโกนไล่หลังมาแบบไม่ดังมาก
“ไม่เป็นไร ผมเลี้ยงเอง มีของแซมที่ช่วยจ่ายมาแล้ววางอยู่บนโต๊ะ ผมเลี้ยงที่เหลือไหวน่า” ออสซียิ้มให้แคลร์แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ แอนนายังคงนั่งเฉยในท่าไขว่ห้าง
“ตกลงยังไง” แอนนาถามแคลร์
“แอนนา ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นอะไรนะวันนี้ แต่รบกวนช่วยให้เกียรติฉันในฐานะนายจ้างด้วย ฉันไม่เคยอยากไล่คุณออก คุณก็รู้นี่ว่าฉันไว้ใจและชอบการทำงานของคุณ แต่นี่อะไร คุณมีปัญหาอะไรกับแซมนัก”
“สรุปว่าไม่ไล่ฉันออกนะ” แอนนาถามด้วยสีหน้ากวนโทสะ แคลร์โมโหมาก เธอยืนขึ้นชะเง้อมองดูออสซีที่เคาน์เตอร์ ออสซีมองเธออยู่พอดี แคลร์พยักเพยิดบอกกับออสซีว่าจะไปแล้ว ออสซีพยักหน้าตอบ เขามองไปที่โต๊ะเห็นแอนนายังคงนั่งอยู่ที่เดิม พนักงานแคชเชียร์ส่งเงินทอนให้ออสซี เขารับเงินเก็บใส่กระเป๋า เท้าก็ก้าวไปด้วย มันอะไรกันนักหนาวะ เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ เมื่อเก็บเงินลงกระเป๋าเรียบร้อย เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองที่เก่า แอนนายังอยู่ในท่าเดิม ออสซีเดินเข้ามาหาเธอ
“แอนนา กลับกันเถอะ” เขาค้อมตัวลงมองหน้าแอนนาที่ยังไม่ยอมหันมา แล้วยิ่งต้องอึ้งเข้าไปอีกเมื่อเห็นว่าแอนนาร้องไห้
“แอนนา คุณเป็นอะไรไป” ออสซีประหลาดใจมาก ปกติแล้วแอนนานั้นยิ่งกว่าหญิงแกร่ง ก็ใช่ เพราะเธอเป็นมากกว่านั้น
“คุณกลับกับแคลร์นะ เดี๋ยวฉันกลับเอง รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวเจ้านายฉันจะอารมณ์เสีย”
“แล้วคุณจะนั่งอยู่นี่เหรอ มันเริ่มดึกแล้ว คุณดื่มเหล้าเข้าไปด้วยนะ กลับด้วยกันกับเราดีกว่า... นะ ไปค้างบ้านแคลร์ พรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกันใหม่ แอนนาเม้มปาก ส่ายหน้า น้ำตาไหลออกมา
“ฉันกลับได้ค่ะ พรุ่งนี้คุณเตรียมบลัดดีแมรีไว้ให้ฉันด้วยนะ สายๆ เจอกันบ้านแคลร์ ฉันโอเค ฉันไม่ใช่คุณหนูคุณนายบอบบางที่ไหน อย่าลืมสิ” เธอยิ้มตาเศร้าให้ออสซี ออสซีถอนหายใจ เขาเป็นห่วงแอนนาขึ้นมาจริงๆ
“ไงก็โทรบอกเราหน่อยนะ บอกผมก็ได้ถ้ายังไม่อยากคุยกับแคลร์ก็” เขาแตะไหล่แอนนาเบาๆ นี่พวกหล่อนเป็นอะไรกันไปหมดนะ ดูทุกคนเกิดจะอ่อนไหวอะไรขึ้นมา จู่ๆ เกิดจะใจบางแบบพร้อมๆ กัน เกย์เริงร่าอย่างเขาทำตัวไม่ถูกนะนี่
“ค่ะ เดี๋ยวฉันส่งข้อความบอกตอนถึงบ้านนะ”
“อื้ม” ออสซีส่งเสียงตอบเธอแล้วเดินมาหาแคลร์ที่รถ ก่อนออกจากร้าน เขายังหันไปมองแอนนาอีกครั้ง เธอยังก้มหน้า นั่งในท่าเดิม เขาเป็นห่วงจริงๆ เลย
ที่รถ แคลร์นั่งหลังพวงมาลัยเหมือนรู้อยู่แล้วว่าแอนนาไม่กลับด้วยแน่ๆ เธอมองดูออสซีเดินเข้ามาเปิดประตูข้างคนขับ เขาเข้ามานั่งข้างใน ประตูยังไม่ทันปิดดี แคลร์ก็ออกรถทันที
“อุ้ย แคลร์ อะไรเนี่ย ผมยังไม่ทันปิดประตูเลย” ออสซีหันมาแว้ดใส่แคลร์แบบหวานๆ แคลร์ไม่ตอบ เธอขับรถกลับบ้านทันที ออสซีถอนใจ เขาคงต้องค้างบ้านแคลร์จริงๆ แล้วล่ะ
ทั้งสองนั่งรถมาด้วยกันอย่างเงียบเหงา ออสซีหันมองหน้าแคลร์เป็นระยะ สีหน้าเธอเรียบเฉย ดูจะอารมณ์เย็นลงบ้างแล้วเมื่อวัดจากความเร็วของรถที่ลดลง เขาขยับตัวนั่งให้สบายขึ้น ตามความรู้สึกที่ผ่อนคลายลง แต่เขาก็คงไม่พูดอะไรกับแคลร์ตอนนี้ เกี่ยวกับเรื่องเมื่อตะกี้ แคลร์เงียบมาตลอดทาง จนเลี้ยวรถเข้าบ้าน เธอขับรถเก่ง แต่ที่ผ่านมาเขาเห็นแต่แอนนาขับรถให้ ทุกครั้งที่เขามาทำงานบ้านแคลร์ จะเห็นรถดอดจ์ ไวเปอร์ของแอนนาจอดอยู่ก่อนแล้ว ออสซีไม่เคยเห็นแอนนาสมัยก่อน สมัยที่เธอยังเป็นเอียน มีแต่แคลร์ที่เล่าถึงเอียนให้ฟังอย่างสนุกปากซึ่งดูแอนนาก็ไม่ได้ว่าอะไร เธอเหมือนผู้หญิงมาก ด้วยความโชคดีที่เธอมีโครงร่างเล็ก ใบหน้าเล็ก เมื่อปรับโฉมใหม่ ผ่าตัดแปลงอะไรๆ แล้ว เธอจึงกลายเป็นแอนนาที่ในสายตาของเขาแล้วนั้น เธอเป็นผู้หญิงที่ดูดีคนหนึ่งเลย แม้แต่เสียงของเธอก็ยังผ่าน จะเสียก็แต่นิสัยนี่ล่ะ เขาหลุดขำออกมาเบาๆ เมื่อคิดมาถึงจุดนี้
“อะไรเหรอ” แคลร์ถามออสซี ความเงียบอันน่าอึดอัดใจที่ผ่านมาเกือบ 20 นาทีสิ้นสุดลงเสียที ขอบคุณพระเจ้า
“เปล่า เผอิญผมคิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ออสซียิ้ม รถจอดสนิทแล้ว แคลร์ลงจากรถ เธอไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆ ให้เขาเห็นเลย นอกจากอารมณ์ดีๆ กับเวลาเธอตื่นเต้นเมื่อได้ยินได้เห็นอะไรถูกใจ แคลร์เหมือนก้อนน้ำแข็งที่ไม่ได้เยือกเย็นเสียเท่าไร แต่เป็นก้อนน้ำแข็งที่ทำให้ลมร้อนคลายลง ทั้งเย็น และดูดีด้วย แคลร์คงจะเคยเจอแต่สิ่งดีๆ มา ครอบครัว สิ่งแวดล้อม ฐานะ การศึกษา เธอเพียบพร้อมไปทุกสิ่ง แล้วทำไมเธอต้องทนจ้างแอนนาไว้ด้วยนะ ออสซีเดินอ้อมรถจากฝั่งตัวเองมาหาแคลร์ แล้วตามเธอเข้าบ้านไป
คืนนั้นผ่านพ้นไปจนถึงช่วงสายๆ ของวันต่อมา แคลร์งัวเงียลุกขึ้นจากโซฟา หยิบชุดนอนขึ้นมาสวม เธอเดินไปที่ห้องน้ำ เปิดประตูชะโงกหน้าเข้าไปมองดู แล้วจึงเดินขึ้นชั้นสองไปดูตามห้องต่างๆ ในบ้าน ออสซีกลับไปแล้วงั้นเหรอนี่ เธอกลับเข้าไปในห้องนอน หยิบแว่นตาที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาสวม ในห้องมืดสนิทแม้จะสายแล้ว เธอเดินไปอีก 4-5 ก้าวก่อนจะถึงหัวเตียง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู มืออีกข้างชักรอกม่านทึบแสงเปิดออก แดดส่องเข้ามาเต็มที่จนเธอต้องหลับตาหลบแสงจ้า แคลร์นอนแผ่หลาลงบนเตียง เมื่อคืนที่หลับไปบนโซฟาทำให้เธอปวดเมื่อยเนื้อตัวจากการนอนผิดท่า เธอยืดแขนขาจนสุดเหยียดแล้วจึงกดโทรศัพท์ดู มีสายไม่ได้รับห้าสายเป็นสายของแอนนาทั้งหมด เธอรีบโทรกลับทันที “ฮัลโหล แคลร์” แอนนารับสายโดยที่แคลร์ไม่ต้องรอนาน “แอนนา มีอะไรรึเปล่า” แอนนาเงียบไป “ไม่ใช่สิ คือฉันหมายถึงที่โทรมาตั้งห้าสายน่ะ มีเรื่องร้ายแรงอะไรรึเปล่า แล้วเมื่อคืนคุณกลับบ้านปลอดภัยดีใช่ไหม” แคลร์รีบเปลี่ยนคำถามให้เข้าท่าเข้าทางกว่าการถามว่า มีอะไรรึเปล่า พลางส่ายหน้าอย่างรู้สึกไม่ดีที่ถามแบบนั้นออกไป “เมื่อคืนฉ
“ใช่ บางทีคนเราก็มีเรื่องมากมายที่เล่าให้ใครฟังไม่ได้ ถึงจะอยากเล่าอยากเอ่ยมากแค่ไหนก็ตาม” เธอจิบวิสกี้ตามปิดท้ายประโยค เวลานี้ออสซีรู้สึกเหมือนแคลร์กำลังแบกอะไรเอาไว้ในอก เขาต้องช่วยแบ่งมันมาไหมนะ อย่าเลยดีกว่า เพราะเขาพยายามมาแต่ไหนแต่ไรแล้วที่จะไม่ให้คนอื่นเข้ามาชิดใกล้เกินไป เงื่อนไขหนึ่งคือต้องไม่รู้ความลับของคนคนนั้นด้วย แคลร์ขยับเข้ามาใกล้เขา เธอซบลงบนไหล่ของออสซี “ไหล่คุณกว้างพอดีตัวฉันเลย ออสซี ดูสิ อบอุ่นสบายดีจัง” แคลร์พูดแล้วแหงนหน้ามาส่งยิ้มให้ คางของเธอยังเกยอยู่ที่ไหล่ของออสซี ออสซีตัวแข็งทื่อ “นั่งดีๆ น่าแคลร์ โซฟาตั้งกว้าง” เขาเบี่ยงตัวพยายายามออกห่าง แต่แคลร์กอดเขาเอาไว้ “ไม่เอาอ่ะ ตรงนี้ล่ะสบายดีแล้ว เรานอนกันตรงนี้เลยดีไหม” แคลร์ถาม “ก็ได้ เอาสิ บ้านคุณนี่นะ” ออสซีตอบ แคลร์ดันตัวออสซีลงนอนบนโซฟาโดยที่ตัวของเธอทับเขาอยู่ด้านบน “อุ้ยแคลร์ นอนดีๆ สิ ขยับไปหน่อย ผมไปนอนโซฟาตัวนู้นก็ได้” แคลร์จูบปากออสซี เขาตกใจมาก “แคลร์ แคลร์” เขาผละตัวเองออก แคลร์ยังไม่หยุด “คุณบอกเองนะว่าบ้านฉัน ฉันก็ถามแล้วว่าเรา
“เอาเลย ไม่ต้องเกรงใจ” แคลร์ยกแก้วขึ้นจิบนำ “มาร์ตินี่เผือกเหรอ” ออสซีถาม แคลร์ยกแก้วขึ้นที่ริมฝีปากอีกครั้ง คราวนี้ดื่มเข้าไปเต็มอึก “ลองดูซิว่าใช่ไหม” แคลร์บอก ออสซียกแก้วขึ้นจิบ แล้วทำท่าเหมือนจะสำลัก “อะไรเนี่ย” เขาทำสีหน้าบูดเบี้ยว “ชาทิเบต แอนนากับแซมได้ชิมแล้วนะ เหลือแต่คุณที่ยังไม่ลอง” ออสซีคุ้นๆ ว่าได้ยินแคลร์พูดถึงอยู่เมื่อวันก่อนตอนแซมมาถ่ายงานที่นี่ “ขอโทษนะฮะ รสชาติไม่ได้เรื่อง” เขาบอกแคลร์ไปตรงๆ “มันดึกแล้ว ก็บอกแล้วไงว่าดื่มอะไรกันเบาๆ ดีกว่า ให้ฉันรินอย่างอื่นมาให้เดี๋ยวเกิดเมาแล้วได้กันเองทำไงล่ะ” แคลร์หยอกออสซี ตอนนี้เธอยิ้มออกแล้ว “บ้า” ออสซีเอียงอายสวนกลับไป “นั่นคุณเขินเหรอ” แคลร์ถามเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของออสซี “ก็คุณพูดบ้าอะไรเล่า” ออสซีหน้าแดง “พูดบ้าอะไร ฉันก็ล้อเล่น ทำเป็นไม่เคยไปได้” แคลร์มองออสซีอย่างประหลาดใจ แต่เธอก็ยังยิ้มให้เขา ออสซีหลบสายตาแซมอย่างชัดเจน เขาลองดื่มชาอีกครั้ง คราวนี้เขาลองดื่มให้เต็มอึก ค่อยๆ กลืนมันลงไป แล้วบอกกับแคลร์ “ไม่ไห
“หาห้องนอนเอานะ ของกินเครื่องดื่มมีอยู่ที่โซนครัว บริการตัวเองตามสบาย” แคลร์พูดแบบไม่หันหน้ามามองออสซีเลย จังหวะนี้เขารู้สึกไม่ค่อยดี “ผมกลับไปนอนบ้านตัวเองได้นะ ถ้าคุณไม่สะดวก ไว้เจอกัน” ออสซีรอฟังคำตอบจากแคลร์ แคลร์หันมามองเขา “ขอโทษทีค่ะ ฉันเสียมารยาทไปหน่อย แต่บ้านนี้ต้อนรับคุณเสมออยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่รอให้คุณกลับด้วยกันหรอก นอนนี่แหละ ดึกแล้ว ขอโทษอีกที คราวหน้าฉันเลี้ยงนะ” แคลร์บอกกับออสซี ทั้งที่ทุกครั้งเธอจะเป็นเจ้ามือเกือบจะตลอด ออสซีคลายสีหน้าลง “ครับ” เขาตอบแคลร์สั้นๆ “พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ ราตรีสวัสดิ์” แคลร์ยิ้มอ่อนๆ ให้เขาแล้วชูมือขึ้นมาบอกราตรีสวัสดิ์ตอบ แคลร์เดินขึ้นชั้นสองไป ออสซีทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วกลับต้องสะดุ้งโหยง “ตาบ้า!” แคลร์ชะโงกหน้ามาเอ็ดเขาจากหัวบันได ออสซีกระเด้งขึ้นมานั่ง หันหน้ามามองตามเสียง “ขึ้นมาชั้นสองสิยะ ห้องหับเยอะแยะ เลือกเอา!” แล้วแคลร์ก็ผลุบหายไปอีก ออสซีไม่ได้ตอบอะไร เขาเหนื่อยใจกับผู้หญิงกลุ่มนี้จริงๆ “ผมว่าจะนั่งพักสักเดี๋ยวนึงก่อนน่ะ ขอบคุณมากนะแคลร์” เขาตะโกนขึ้นไป แ
แคลร์มองตามหลังแซมที่เดินออกจากร้านไปอย่างรู้สึกไม่ดี เธอหันมามองแอนนาซึ่งรอสบตากับแคลร์อยู่แล้ว แคลร์เม้มปาก ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงไม่เห็นด้วยกับการกระทำ “ให้ฉันลาออกเลยไหม” แอนนาถาม ทุกคนในโต๊ะตึงเครียดไปกันใหญ่แล้ว “เดี๋ยวก่อนแอนนา คุณเป็นอะไรของคุณ ถ้าฉันใช้งานคุณหนักไปก็ขอโทษด้วยนะวันนี้” แคลร์ขอโทษปัดๆ ไปเพื่อไม่ให้บรรยากาศในโต๊ะยิ่งแย่ ออสซีไม่รู้จะพูดอะไร เขาหยิบไหมไทยที่เหลือกระดกลงคอจนหมด แล้วลุกขึ้น “คืนนี้เรากลับกันก่อนแล้วกันนะ ผมไปจ่ายเงินก่อน พวกคุณนั่งคุยกันไป ผมจะไปจ่ายที่เคาน์เตอร์เลย” “เดี๋ยวฉันเคลียร์ให้นะ ออสซี” แคลร์ตะโกนไล่หลังมาแบบไม่ดังมาก “ไม่เป็นไร ผมเลี้ยงเอง มีของแซมที่ช่วยจ่ายมาแล้ววางอยู่บนโต๊ะ ผมเลี้ยงที่เหลือไหวน่า” ออสซียิ้มให้แคลร์แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ แอนนายังคงนั่งเฉยในท่าไขว่ห้าง “ตกลงยังไง” แอนนาถามแคลร์ “แอนนา ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นอะไรนะวันนี้ แต่รบกวนช่วยให้เกียรติฉันในฐานะนายจ้างด้วย ฉันไม่เคยอยากไล่คุณออก คุณก็รู้นี่ว่าฉันไว้ใจและชอบการทำงานของคุณ แต่นี่อะไร คุณม
ดวงไฟประดับห้อยระย้าเป็นแนวระหว่างต้นไม้ในร้าน ตัดกับท้องฟ้ายามกลางคืนที่มืดไร้แสงจันทร์ แซมเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอย่างผ่อนคลาย บรรยากาศในร้านยังอบอุ่นไม่เปลี่ยนไป มันยิ่งทรงเสน่ห์มากขึ้นด้วยแสงนวลๆ ของไฟประดับที่โยงเป็นแนวระหว่างต้นไม้สูงแต่ละต้น และไฟดวงที่เล็กกว่าเหมือนหมู่ดาวบนเรือนยอดไม้ ไม่รู้เพราะอะไรแซมถึงชอบเวลากลางคืนนัก มันสงบทั้งที่โดยรอบก็ครึกครื้น มันรู้สึกผ่อนคลายแม้จะมีเสียงพูดคุยจอแจ แม้ว่าบางเสียงจะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แซมชอบสีดำ ชอบความมืดของค่ำคืน ชอบความเงียบที่ถูกเสียงต่างๆ สอดแทรกรบกวนอยู่ตลอดจนกว่าจะดึกสงัดจริงๆ ยิ่งมีลมพัดมาเป็นระยะอย่างนี้ เหมือนธรรมชาติที่แฝงตัวอยู่ในเขตเมืองกำลังพยายามปลอบประโลมเธออย่างแผ่วเบาเมื่อสายลมนั้นพัดเข้ามากระทบร่าง แซมสูดหายใจเข้าออกอย่างผ่อนคลาย ลูกค้าหลายๆ โต๊ะในร้านเริ่มเป็นลูกค้าหน้าเดิมๆ ที่มากันตั้งแต่เย็น จนล่วงเลยเวลาของมื้อค่ำกลายมาเป็นชั่วโมงกินดื่มกับกลุ่มสังสรรค์แล้ว โต๊ะของแซมก็เช่นกัน พวกเขายังนั่งอยู่ที่โต๊ะเดิม ยังสั่งอาหารกันเรื่อยๆ สลับกับเครื่องดื่มเป็นระยะ “ทำไมเราไม่ไปไนต์คลับกันซะเลยนะ”