พื้นทรายรอบตัวทั้ง 360 องศาพุ่งทะยานขึ้นเป็นแท่งเสา มันโผล่พรวดเป็นลำ ๆ ขนาดสูงใหญ่ตระการตามากกว่าตึก 8 ชั้น เจฟเฟอร์ยืนขาแข็งทื่อแหงนมองมันจนคอเป็นเอ็น เขาตกตะลึงจนก้าวขาไม่ออก ไม่มีทางหนีไม่มีที่ซ่อน ทุกทิศทุกทางถูกล้อมไว้ด้วยแท่งทรายหลายสิบต้น การผุดขึ้นดังกล่าวทำให้เม็ดทรายบางส่วนกระเด็นหลุดออกมา ซึ่งกว่าจะหล่นลงสู่พื้นได้ก็ใช้เวลามากกว่า 10 วิบ่งบอกถึงความอลังการใหญ่ยักษ์ ด้วยสเกลที่เทียบได้กับภูเขากับเห็บหมา จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายพิการแขนขาดอย่างเจฟเฟอร์จะต่อกรกับมันได้
.
"แสกนข้อมูลวิเคราะห์องค์ประกอบ"
ชายหนุ่มสั่งการซุ่มเสียงสั่นเครือ
.
ทันใดนั้นภาพที่เห็นในมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็ปรากฏเป็นเคอร์เซอร์กระพริบแป๊บ ๆ วิ่งไล่แสกนแท่งทรายต้นหนึ่งตั้งแต่บนยันล่าง ตัวเลขข้อมูลวิ่งยึกยืออยู่ริมจอรอการประมวลผล
.
"เราอาจจะแค่กลัวไปเอง บางทีในแท่งทรายนั่นอาจจะมีตัวอะไรซ่อนอยู่ ตัวที่ใช้ทรายในการข่มขู่ศัตรูคล้ายกับหางของงูหางกระดิ่ง.."
.
ชุดข้อมูลยังคงวิ่งต่อไป ในขณะที่ขาทั้งสองข้างก็สั่นรัวพอ ๆ กัน เขากำลังจะจมลงไปเรื่อย ๆ ด้วยผลพวงจากเม็ดทรายข้างบนที่หล่นลงมาทับถม
.
"ติ๊ด! ๆ , ติ๊ด! ๆ "
.
"ได้แล้วเหรอมันคือตัวอะไรคอมพิวเตอร์?"
.
"SAND"
.
"ทราย! แค่ทรายเนี่ยะนะ! บ้าน่า.. เม็ดทรายจะเคลื่อนไหวแบบนี้ได้ยังไงไม่มีเหตุผลเลย"
เจฟเฟอร์สั่งระบบวิเคราะห์องค์ประกอบใหม่อีกหลายที แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิมทุกครั้งมีแค่ทรายกับทราย แล้วก็เป็นทรายล้วน ๆ ที่ล้อมกรอบเขาเอาไว้ หนำซ้ำในตอนนี้ก็กำลังจะขย้ำกลืนกินเขาลงไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่เร่งทำอะไรสักอย่าง
.
สายลับอันดับหนึ่งตกอยู่ภายใต้การจองจำแห่งทัณฑสถานสีส้ม เม็ดทรายนับแสนนับล้านไหลเข้ามาเต็มกางเกงและเสื้อผ้า มันหนักอึ้งแถมยังฉุดเขาให้จมดิ่งลงไปราวกับโซ่ตรวนพ่วงลูกตุ้มเหล็ก แม้ว่าจะมีอยู่ช็อตหนึ่งที่เสาทรายบางต้นดันวูบไหวไปตามแรงลม เสี้ยววินาทีที่เกิดช่องว่างดังกล่าวเจฟเฟอร์จึงไม่รอช้า เขารีบพุ่งตัวด้วยความรวดเร็วพลางเอียงตัวให้หน้าตัดแคบที่สุด หวังจะสอดแทรกทะลุออกไปด้านนอกให้ได้ หัวพ้น! , แขนพ้น! , แต่ตัวไม่รอด!
.
"กึก!"
.
"เย็ดแม่งเอ๊ย! เหวอ! เฮ๊ยยย! เดี๋ยว ๆ ๆ ฟังกันก่อนเซ้! อร๊ากกกกกก!!!"
.
ราวกับว่าเม็ดทรายพวกนี้มีชีวิต เหมือนพวกมันรู้ว่าเหยื่อรายนี้กำลังจะคิดหนีจึงได้กระชับตัวเข้า เสาทรายที่เคยเป็นช่องโหว่ก็เลยรวบตึงเข้าหากันในเสี้ยวอึดใจ บีบรัดลำตัวของเจฟเฟอร์แน่นติดแหงก ก่อนที่จะมีมวลทรายจากข้างล่างอีกลำกระแทกสวนขึ้นมาอย่างแรงโอบอุ้มเอาร่างที่เคยแข็งแกร่ง ติดสอยห้อยตามขึ้นไปบนฟากฟ้า ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับแท่งเสา
.
"ฟิ้วววว~!"
.
"เฮ๊ยยย! ไอ้ทรายหัวควยมึงปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้นะเว๊ย! กูไม่ชอบที่สูง ๆ หึ๊ย! ฮึบ! "
.
ลมตีหน้าโบกสะบัดริมฝีปากพัดกระพือ เจฟเฟอร์ไม่มีทางเลือกถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเขาก็ต้องตาย เดชะบุญที่ใบหน้ากับท่อนแขนดันเป็นอวัยวะเพียง 2 ส่วนที่โผล่พ้นออกมา เจ้าตัวก็เลยรีบหันปลายนิ้วที่พับเป็นกระบอกปืนเตรียมไว้แล้ว สาดกระสุนเข้าใส่โคนของแท่งเสาที่ปรากฏอยู่เบื้องล่าง
.
"โหมด Auto ยิงต่อเนื่อง! ยิง!"
.
"จิ้ว ๆ ๆ ๆ จิ้ว ๆ ๆ ๆ จิ้ว ๆ ๆ ๆ !" , พลั๊ก! แก๊ก ๆ วี๊ดดด!!!
.
หัวไหล่แทบหลุดนานแค่ไหนกันที่เจ้าตัวไม่ได้เลือกใช้หมวดการรบแบบนี้ จากที่เคยใช้แค่นิ้วเดียวกับเลเซอร์หนึ่งนัดแม่น ๆ เจาะเข้าที่กระโหลก มาหนนี้แม่งเสือกต้องใช้ทั้งมือ นิ้วทั้งห้าถ่างออกจากกันเป็นพังผืด ก่อนที่จะกระหน่ำห่ากระสุนเลเซอร์ใส่โคนเสาเป็นพายุ
.
"จิ้ว ๆ ๆ ๆ ๆ จิ้ว ๆ ๆ ๆ ๆ จิ้ว ๆ ๆ ๆ ๆ "
.
เสาทรายได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก จากมุมมองด้านบนเจฟเฟอร์มองเห็นบริเวณโคนเว้าแหว่งเป็นวง ๆ วูบวาบซ้ายทีขวาที ในขณะที่อาฟเตอร์เอ็ฟเฟ็คที่เกิดขึ้นตามมาก็ทำให้ต้นแขนเขาเจ็บหนักอยู่ไม่น้อย มันรับแรงกระแทกมากไม่ได้ การยิงคอมโบต่อเนื่องเมื่อครู่คงทำให้น๊อตข้างในหลุด มิหนำซ้ำยังมีกลุ่มควันโพยพุ่งออกมาฟู่ ๆ ตามรูขุมขน
.
"ช่างหัวมัน! ยิงต่อไป! มันใกล้จะล้มแล้ว"
.
กัดฟันกราดกระสุนใส่ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เสียงจิ้ว ๆ แว่วดังราวกับการรบกันของกองทหารสตอร์มทรูปเปอร์ในหนังสตาร์วอร์ ดีกว่าหน่อยคือเขายิงค่อนข้างแม่น กระสุนนี่เข้าเป้าเป๊ะ ๆ บวกกับแท่งเสาทรายเองก็เซ็ตตัวใหม่รองรับการเว้าแหว่งนั้นไม่ทัน จึงค่อย ๆ เอนตัวลงช้า ๆ ก่อนจะฟาดตรึมลงกับพื้นในท้ายที่สุด
.
"ตรึมมมมม!!!"
.
"แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! สัด! เกือบกูตายห่าไปแล้วไหมล่ะ ดีนะว่าพื้นข้างล่างมันนุ่มความสูงเมื่อกี้่น่าจะพอ ๆ กับตึกสำนักงานใหญ่เลยมั้ง แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! "
หน้าซุกดินปากคาบทรายพื้นผิวทะเลทรายแตกกระจายเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์จึงรีบตะกุยตะกายป่ายปีนขึ้นมาโดยเร็ว พลางถ่มเม็ดทรายออกจากปากสลับกับการเป่าปากพรู ๆ
"อดทนหน่อยเถอะวะเจ้าแขน ถ้ารอดไปจากที่นี่ได้ถึงโรงงานเมื่อไหร่จะเปลี่ยนให้ใหม่ทั้งซ้ายและขวาเลยคอยดู!"
ฟู่ ๆ ไอร้อนวูบขึ้นแทบจะทันทีทันใดหลังพูดเสร็จ ควันโขมงลอยแทรกตัวออกมาจากใต้ผิว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อันตรายที่อยู่เบื้องหน้าเจือจางลงไปตามควัน
.
.
"มันยังคงอยู่!"
สายลับหนุ่มคิดในใจ หน้าเขาเริ่มซีดเพราะรู้แล้วว่าอาวุธที่มีทำอะไรเจ้ากองทรายยักษ์นี่ไม่ได้ เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบหนัก สมรภูมิแห่งนี้คือบ้านของมัน ส่วนเขาน่ะเหรอเพิ่งเคยเข้ามาในนี้เป็นครั้งแรก ไหนจะร่างกายที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมโคตร ๆ นี่อีก ด้วยระยะห่างประมาณ 7 - 8 เมตร จากที่หล่นฟาดพื้นลงมา เจฟเฟอร์ทำได้แค่ประคองสติตัวเองเตรียมมองหาทางหนีทีไล่ ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าดูทรงแล้วสิ่งที่เจ้าตัวทำลงไปเมื่อครู่ คงจะไปกระตุกต่อมโกรธของมันเข้าน่ะสิ
.
ในเมื่อส่ิงมีชีวิตประหลาดนี้มีแต่ "ทราย" รูปร่างก็เลยไม่แน่นอน กล่าวคือจะเป็นอะไรก็ได้จะยืดจะหดอะไรได้หมด พอเจฟเฟอร์ไปทำร้ายมันเข้า มันก็เลยถือโอกาสรีเซ็ตรูปร่างตัวเองใหม่ด้วยการยุบต้นเสาที่เหลืออยู่ทั้งหมดทิ้ง กลายเป็นพื้นทรายราบ ๆ ต่อด้วยการเพิ่มจำนวขึ้น พรวด! พรวด! พรวด! จนเนินทรายธรรมดากลายเป็นภูเขาสูงตั้งตระหง่านภายในไม่กี่วิ หลังจากนั้นอวัยวะส่วนล่างก็งอกออกมา เป็นลำขา เป็นหัวเข่า เป็นฝ่าเท้า ที่ขนาดใหญ่โตเท่าบ้าน
.
ตามติดมาด้วยแขนสองข้างแนบชิดติดลำตัว กำปั้นมันนะดูไกล ๆ มองไม่ออกหรอกว่ามีกีี่นิ้ว แต่ถ้านับเฉพาะไซต์แล้วล่ะก็คงน่าจะพอ ๆ กับรถทัวร์สามคันผูกติดกันเห็นจะได้ ศีรษะกับใบหน้างอกออกมาหลังสุด ลูกตากลวงโบ๋จมยุบลงไปพลางแยกเขี้ยวเปล่งเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว จนเม็ดทรายรอบตัวสั่นสะเทือนถล่มปัฐพี
.
"โครงงงงงงงง!!!"
.
ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มสติสตังค์ที่อุตส่าห์ตั้งเอาไว้ก็เลยล้มลุกคลุกคลานตามไปด้วย เจฟเฟอร์กลับหลังหันวิ่งหนีสุดชีวิต เขาเป็นพระเอกก็จริงแต่ถ้าไม่มีนางเอกอยู่ด้วยไอ้ด้วนนี่ก็แค่ตุ๊ดตัวหนึ่ง เขาไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองเขายังไง ทำเท่ห์แทบตาย แต่สุดท้ายต้องมาตายอยู่ในโลกหลังเมือกเจลยังไงแม่งก็ไม่คุ้ม เจ้าตัวก็เลยต้องวิ่ง ๆ แม้ว่าทรายจะหนืดเท้าสุด ๆ ก็ต้องหนีเอาตัวรอดเท่าที่จะทำได้ไปก่อน
.
"กูจะเอาอะไรไปสู้กับมึงวะไอ้สัตว์ประหลาด ไม่สิมึงมันไม่ใช่สัตว์! มึงมันตัวห่าอะไรก็ไม่รู้! กูแค่จะมาเอาแขนแล้วก็กลับกูไม่ได้ทำอะไรมึงเลยนะ.. ไอ้เช็ดครกเอ๊ย! อร๊ายยยยย!"
.
วิ่งไปบ่นไปแต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจถึงหันหลังกลับมาเช็ค ลึก ๆ ในใจเจฟเฟอร์คงคิดว่าตัวมันใหญ่อย่างกับแซนแมนในหนังสไปเดอร์แมนภาค 3 ขนาดนี้ มันน่าจะช้าและงุ่นง่าน มันคงวิ่งตามเขาไม่ทันแต่ที่ไหนได้
.
"เหี้ย! หายไปแล้ว!"
.
ชะลอฝีเท้าลงมุ่ยหน้าเขาหันซ้ายแลขวามองไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ ก่อนจะลองเหลือบสายตาขึ้นไปมองข้างบนดู (คงไม่มั้ง?)
.
"เย็ดเข้! แม่งกระโดดได้ด้วย"
.
"เหวอ! จะหล่นทับหัวกูแล้ววววว , ฮึบ!"
.
เขย่งปลายเท้าพุ่งตัวสุดกำลัง ร่างหนาเหยียดแขนตึงราวกับนักกีฬากระโดดน้ำที่กำลังจะพุ่งตัวลงสู่ขอบสระ ต่างกันหน่อยตรงที่สระ ๆ นี้แม่งเป็นอะไรที่กว้างเอามาก ๆ เงาดำทะมึนของเจ้าปีศาจทรายแผ่ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะมืดมิดตอนจวนจะถึงพื้น กระทั่งมาถึงมันจึงได้อัดฝ่าเท้ากระทืบใส่สันทรายบริเวณดังกล่าวเสียงดัง!
.
"ตรึมมมมม!!!"
.
วินาศสันตะโรห่อหมกหมู่มวลเม็ดทรายนี่พุ่งขึ้นข้างบนอย่างกับน้ำพุ พื้นแผ่นดินสั่นสะท้านราวกับเกิดแผ่นดินไหวหลากหลายแม็คนิจูด เคราะห์ดีที่เจฟเฟอร์พุ่งหนีออกมาทันอย่างหวุดหวิด เขานั่งถ่างขาตูดแนบพื้นหายใจรวยรินอย่างหมดสภาพ
.
"หืด.. หาด.. หืด.. หาด.. หืด กูจะทำยังไงดี หืด.. หาด.. หืด"
.
เพราะตอนนี้มันได้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ใกล้มาก ๆ ใกล้แบบที่ม่านตามองไม่เห็นอะไรเลย นอกเสียจากสีน้ำตาลของส้นตีนทรายขนาดใหญ่ ที่บดบังทิวทัศน์เบื้องหน้าไว้จนมิด
.
"หืด.. หาด.. หืด.. หาด.. หมอ! ต้องติดต่อหมอยูมิโกะ! ซี๊ดดดดดเวรเอ๊ย! หืด.. หาด.. หืด.. หาด.. หืด"
.
กลัวแทบขาดใจเพราะแม้แต่จะหายใจเข้า ยังมีแต่ทรายเต็มโพรงจมูก!
ร่างเปลือยนอนชูขาอ่อนล้าเรี่ยวแรง นาตาชาไม่เหลือแม้แต่กำลังจะดีดดิ้นพลิกตัวหลบหนีจากการย่ำยีทางเพศ เอาจริง ๆ แล้วหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันเป็นตัวอะไร เพราะเสื้อเกาะอกที่เคยอำพรางพวงเต้าให้อูมกระชับได้รูปนั้น บัดนี้ก็ได้ถูกถลกขึ้นมาปิดตาเอาไว้จนมองอะไรไม่เห็นซะแล้ว สิ่งเดียวที่สาวเจ้ารับรู้จึงมีเพียงสัมผัสอันแปลกประหลาด ที่สากราวกับกระดาษทราย.อย่าเรียกว่าไซ้เพราะแม่งคือการแสครชเห็น ๆ นาตาชาแสบซอกคอไปหมด หลังจากโดนโรบอทตัวหนึ่งดอมดมด้วยความรุนแรง เสียงอืดดด.. อ๊าดดด กึกกัก ๆ ๆ ที่มันเปล่งออกมา ประดุจว่าแม่เทพธิดากำลังจะได้ผัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร รับประกันได้เลยมันจะไม่แค่ "ก็อป" เพราะมันจะ "ปี้" เธอแน่ ๆ หากยังยอมนอนให้กดอยู่เช่นนี้."อ๊อย! เจ็บจังเลย.. อื้อ! อื้อ! ขยับตัวก็ไม่ได้! อย่านะ อย่าทำแบบนั้นตรงหูมัน.. อร๊อยยย~!".ธิดาแห่งอลาลัสผู้โฉมหน้าคร่าตาคล้ายกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ เบี่ยงหน้าหลบแบบสุดแรงเกิด แม้จะทำได้เพียงน้อยนิดแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้จุดที่เสียวที่สุดถูกไอ้หุ่นสนิมเขรอะตัวนี้ล่วงล้ำเอาชัย แพรผมสีบลอนด์ทองถึงกับแตกกระพือ มันคลี่ตัวออกคลุกกับเศษดินขุยขยะจนไม่เหลือเค้า
"หยุดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วางกำลังล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว!".เห็นจะจริงถ้าหากว่านี่เป็นหนังไทยสมัย "จารุณี" แสดงเป็นพจมาน ตรงกันข้ามเมื่อประโยคแสนเชยดังกล่าวคงจะใช้กับสถานการณ์จริงที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ไม่ได้ ตำรวจห่าเหวอะไรล่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้เชียงกงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด เจฟเฟอร์กับกลุ่มคนใช้่มีดคงสุดจะต้านทานแล้ว สังเกตได้จากการถอยร่นเอาหลังพิงกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มิหนำซ้ำกางเกงผ้ายืดเจ้ากรรมก็ดันมาพันควยพันหำจนเกือบจะล้มคะมำเสียหลัก."โอ๊ย! เอ๊ย! อุ๊ย! เดี๋ยวก่อนเซ้! อย่าเพิ่งกูยังไม่พร้อม อย่าเพิ่งบุกเข้ามาตอนนี้ไอ้พวกหุ่นสารเลว!"สายลับหนุ่มขึ้นเสียงพลางกระโดดเหยง ๆ เซถลาออกจากตำแหน่ง สีข้างเขาครูดเข้ากับเศษตัวถังยานที่ลักพาตัวองค์หญิงนาตาชามา โดยสันนิษฐานคร่าว ๆ ได้ว่า ยานลำนี้น่าจะโดนยิงร่วงก่อนหน้า Gravitybike ของเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะไอร้อนจากเครื่องยนต์ยังคงอุ่น ๆ อยู่ ทำให้เจฟเฟอร์เกิดปิ้งไอเดียบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะหลุบสายตาลงมามองลำควยกับลำขาทีี่พันกันอิรุงตุงนังของตนเอง แล้วก็บ่นขมุบขมิบ."ชิ! ไอ้ควยระยำนี่ก็ช่างแข็งถึกแข็งทนเหลือเ
สอดท่อนแขนอันกำยำเข้าโอบเอว ตวัดดึงเอาร่างอันผอมเพรียวเข้ามาแนบไว้ในวงแขน พลันกระโดดม้วนตัวเอาส่วนหนารับกงเล็บของเครื่องจักรสังหาร!."เอือกกก!"เจฟเฟอร์ร้องอุทานลั่น เขากัดฟันเม้มมุมปากในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อพบว่าองค์หญิงนาตาชากำลังจ้องมองอยู่ หน้าตาเธอบิดเบี้ยวขยะแขยง หัวคิ้วลู่เข้าหากันก่อนจะกลั้นใจซุกหน้าคมสวยที่คล้ายกับเทรเลอร์สวิฟ ลงมาซบเข้าที่ซอกคอของเจฟเฟอร์."ไม่ต้องกลัวนะครับผมมาช่วย ผมเป็นสุภาพบุรุษ ผมเกิดมาเพื่อคุณ""เอื้อกกก! อื้อหือ! อื้อออ! อ๊าาา!".แม่งแสบหลังก็แสบแต่แสบหูมากกว่าที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ ระหว่างที่เจฟเฟอร์ได้ใช้ความพยายามในการปกป้ององค์หญิงอย่างเต็มความสามารถ พวกจักรกลซอมบี้ก็ทำอะไรองค์หญิงไม่ได้เลย มันทำได้เพียงตะปบกรงเล็บใส่หลังเขาแบบโหมกระหน่ำ และช่่วงเวลาที่เกร็งตัวป้องกันอยู่นั้น จู่ ๆ ริมฝีปากของนาตาชาก็ได้เผยอขึ้นเครือครางขมุบขมิบ เข้าใจว่าเธอคงจะกลัวมาก ยิ่งเป็นตอนที่เธอเผลอซีดปากและพ่นลมหายใจออกมา ยิ่งทำให้อารมณ์กำหนัดของเจฟเฟอร์พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น."กอดผมเอาไว้ครับ ผมจะไม่ให้องค์หญิงเป็นอะไรผมสัญญา"."อือ.. อืม.. แต่คุณคะ! ขืนเป็นแบบนี้".
ลมโชยโบยแก้มเจฟเฟอร์บึ่ง Gravitybike ทะยานฟ้าจนหนังหน้าชาไปเป็นแถบ ริมฝีปากเผยอตีนผมโบกพัดวือกระพือเสียทรง ให้ตายสิเขาทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นบอร์ดี้การ์ดของเธอยังไงยังงั้น ทั้งที่ความจริงแล้วดวงหน้าขององค์หญิงนาตาชาแบบใกล้ ๆ เขายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง เจฟเฟอร์รู้แต่เพียงว่าเธอคือภารกิจ ขืนปล่อยให้รัชทายาทแห่งอลาลัสองค์นี้เป็นอะไรไป ข้อมูลการประชุมที่บอสอยากได้ก็คงจะล้มเหลว.มองไปตรง ๆ เห็นแต่ความสยดสยองบนท้องฟ้า ก้มลงด้านล่างก็เห็นแต่ตึกรามบ้านช่องที่เล็กเท่ากับจิ๋มมดในเมืองยอร์คชิน กระทั่งลองมองที่หน้าปัดยานความซวยจึงบังเกิด."เชี้ยแล้ว! ไอ้สัดเอ๊ย! นี่จะขับพ้นขอบชายแดนแล้วเหรอวะเนี่ยะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน""ตาย ๆ ๆ แคทเธอรีนไม่ได้เตรียมอาวุธใส่ Gravitybike มาซะด้วย ไหนจะพิกัดขององค์หญิงที่หายไปจากหน้าจออีก เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลยงานงอกแล้วไงกู!".โปรดอย่าสงสัยว่าทำไมเจฟเฟอร์ถึงออกอาการลนลานแปลก ๆ เพราะแม้ว่าในตัวเขานั้นจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำลายล้างมากมาย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดีกับไอ้พวกที่อยู่ด้านล่าง เราพูดมาตลอดว่ายอร์คชินคือเมืองที่เปรียบเสมือนฐานที่มั่นสุดท้ายของโลก หลังเกิดส
แสงสว่างสองหย่อมเปล่งประกายออกมาตรงบริเวณแก้มก้น ภายใต้ชุดหนังรัดรูปอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมงาน Parallel เจฟเฟอร์รับรู้ได้ถึงพลังงานความร้อนที่กำลังโรมรันผิวตูดของเขา มันอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จนค่อนไปทางร้อน กระทั่งเจ้าตัวย่อขาลงแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปตะปบไว้นั่นแหละมันถึงได้หยุด! ก่อนจะได้ออกมาเป็นแผ่นกระดานบางใส 2 แผ่นที่เรียกว่า "Jumper board".ขนาดกับรูปร่างเหมือนกับจานร่อนพลาสติกที่คนรักหมาใช้ปาให้เจ้าตูบกระโดดงับ ต่างกันนิดตรงที่ "Jumper board" นั้นอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานมากกว่า มันเรืองแสงตลอดเวลา บางเบาแต่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำบริเวณด้านล่างยังมองเห็นประกายไฟสปาร์คเป็นเส้น ๆ ราวกับสายฟ้าจากค้อนโยเนียร์ของธอร์เทพเจ้า."เอาล่ะพอถือไว้ในมือแล้วจากนั้นก็.. , ฮึบ!"."พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว!""ฟิ้ววววว~!".ประหนึ่งเคยได้เสียกับจาพนมมาก่อน เจฟเฟอร์ตีลังกาใส่เกลียวพลันปาเจ้าแผ่น jumper board ออกไปกลางอากาศ! ม้วนตัวทีก็ปาไปอันนึง หกคะเมนหกรอบก็ปาออกไปหกแผ่น มันแทบจะวาร์ปขึ้นมาบนก้นได้เองในทุก ๆ ครั้งที่เขาไพล่มือไปสัมผัสโดนเข้า แผ่นบอร์ดพุ่งแหวกอากากาศฟึบฟับ ๆ ๆ ! คล้ายกับดาวกระจาย ก่อ
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านสยายไกลมาถึงคนนอก เบอร์แบโต้กับเจฟเฟอร์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ รับรู้ได้เลยว่าปิเก้กำลังแบกรับความกดดันอยู่มากแค่ไหน พวกเขาเหงื่อแตกซิก หายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่อยากจะคิดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง เพราะความจริงแล้วถ้าเขาไม่มัวเถลไถลหาแขนข้างใหม่อยู่ เหตุการณ์สุดสยองทำนองนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับปิเก้เป็นแน่."เชี้ยเอ๊ย! ถ้ากูใส่เกียร์หมาเร่งกระเด้าเย็ดผู้หญิงให้แตกเร็วกว่านี้นะมึงเอ๊ย ไอ้ปิเก้มึงคงไม่ตายกูพูดจริง ๆ กูขอโทษเพื่อน"ส่ายหน้าไปมาปลดปลง จนเจฟเฟอร์ลืมไปเลยว่าทุกอย่างที่ฉายอยู่นั้นพุ่งออกมาจากตาของเขา."เฮ๊ย! พี่เจฟ! ใจเย็นก่อนพี่! เส้นโฮโลแกรมมันแตกกระจายหมดแล้ว ผมเวียนหัวดูไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร แล้วพี่ก็อย่าโทษตัวเองไปเลย ความเสียใจของพี่ผมสิต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้ ผมน่ะรับงานโดยตรงมาจากบอสเลยนะ"เบอร์แบโต้พยายามพูดปลอบใจ แล้วทันใดนั้นเองภาพเหตุการณ์จากเครื่องฉายในม่านตาก็กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เส้นลำแสงวูบไหวไปจังหวะหนึ่ง ตัดกลับมาหนนี้เจฟเฟอร์สังเกตเห็นเลยว่า ขณะนั่งคุกเข่าอยู่และกำลังจะถูกบ่วงเชือกไนล่อนกระชากคอขึ้นไป ปลายนิ้วชี้ของปิเก้ได้หักมุมลงมาแล้ว เขาเตร