บทที่ 2
“ทูลฝ่าบาท“ เมื่อรัชทายาทเดินออกไปแล้ว ไอแซ็กก็เดินกลับเข้ามาหากษัตริย์ เพื่อเตือนสติกษัตริย์ไม่ให้ตามใจพระราชโอรสจนก่อให้เกิดสงครามใหญ่ “มีอะไร” “กระหม่อมขอทูลว่าการมีปัญหากับคนผู้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นั้นไม่ใช่เพียงเป็นหลานชายของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิ แต่ยังเป็นหลานชายของประธานาธิบดีเดมอนด้วย และเบื้องหลังของคนผู้นั้นก็เป็นประธานสภามาเฟีย ผู้ควบคุมมาเฟียทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกอยู่ในตอนนี้” “....” “หากมีปัญหากับซากุระ เดมอนจะต้องแทรกแซงอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันถล่มเรา ฝ่าพระบาททรงไตร่ตรองดูอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ”....“ “แม้ประเทศของเราจะเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกมายาว แต่หากสองมหาอำนาจอันดับสองและสามของโลกทรงร่วมมือกัน ประเทศของเรามีความเสี่ยงสูงที่จะพ่ายแพ้สงครามพ่ะย่ะค่ะ” “ซากุระมีเดมอน แต่เรามีซาเรสตาและโรดามอร์ โรดามอร์คือมหาอำนาจอันดับสี่ของโลก ส่วนซาเรสตาคือมหาอำนาจอันดับห้าของโลก นอกจากนี้ เรายังมีจำนวนประเทศพันธมิตรมากกว่าซากุระและเดมอน ความต่างตรงนี้จะทำให้เราชนะสงคราม” “ฝ่าพระบาท ซากุระไม่ได้มีเพียงเดมอน แต่ทุกประเทศทั้งทวีปเอเชียเป็นพันธมิตรกับซากุระทุกประเทศพ่ะย่ะค่ะ” “ในเอเชีย...นอกจากซากุระ ก็มีแค่จีน ที่ยังพอทำให้เรารู้สึกหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย แต่ประเทศอื่นๆ กระจอกเกินกว่าจะเข้าร่วมสงคราม ไม่ต้องกังวลไปหรอก บริทแลนด์ไม่เคยแพ้สงคราม และจะไม่มีวันแพ้” @วันต่อมา ในยามเช้าของวันต่อมา พระเจ้าโอเชียนนัสและสมเด็จพระราชินีนาตาชา พร้อมกับพระราชธิดาก็เดินทางมาถึงพระราชวังจากัวร์ พระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้า กษัตริย์แห่งเฮลิโอสและสโคลเดน พระองค์ทรงมีพระราชโอรส-ธิดา ร่วมกันทั้งหมดสี่พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายฟิลิปป์ ดยุกแห่งเซอร์เบอรัส พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ดยุกแห่งไดร์วูล์ฟ พระราชโอรสพระองค์ที่สอง เจ้าหญิงแอนเจลีก้า เป็นพระราชบุตรพระองค์ที่สามและเป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว เจ้าชายอาร์เธอร์ ดยุกแห่งเกรย์วูล์ฟ พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็ก ในวันนี้ พระราชโอรสทั้งสามพระองค์ของพระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้าไม่ได้มาด้วย เพราะไม่ได้รับเชิญ มีเพียงเจ้าหญิงแอนเจลีก้าเท่านั้นที่ได้รับเชิญให้มาร่วมคณะล่าสัตว์กับพระราชบิดาและพระราชมารดา ตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สอง โดยการเดินทางมารวมล่าสัตว์ครั้งนี้ เจ้าหญิงแอนเจลีก้าไม่ได้อยากมาด้วยเลยสักนิด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธคำสั่งของพระราชบิดาได้ เมื่อเดินทางมาถึง กษัตริย์ทั้งสองประเทศก็กล่าวทักทายกันอย่างสนิทสนม เมื่อเจ้าหญิงแอนเจลีก้าพบหน้าเจ้าฟ้าชายคาร์ดอส เจ้าหญิงก็สะดุ้งตกใจเบาๆ ด้วยความหวาดกลัว สายตาของเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสจ้องมองมาที่เจ้าหญิงแอนเจลีก้าตั้งแต่เดินออกจากวัง มาจนกระทั่งตอนนี้ ก็ไม่ได้ละไปจากใบหน้าอันงดงามของเจ้าหญิงแอนเจลีก้าเลยแม้แต่น้อย เจ้าหญิงแอนเจลีก้า มีดวงตาสีน้ำเงินฟ้า ริมฝีปากอวบอิ่ม เป็นสีกุหลาบ ผิวกายขาวเผือก ผมสีส้มแดงธรรมชาติ จมูกโด่งเรียวเป็นสัน มีส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร เจ้าหญิงแอนเจลีก้าเป็นผู้หญิงที่ได้รับการโหวตให้เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยที่สุดในโลกมานานหลายปี และความสวยกับรูปร่างอันแสนเพอร์เฟคของเจ้าหญิง ทำให้สมเด็จเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสอยากจะได้เจ้าหญิงแอนเจลีก้ามาครอบครอง เป็นอย่างมาก การมองอย่างเปิดเผยของเจ้าฟ้าชายคาร์ดอส ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคาม รู้สึกอึดอัดและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน เจ้าหญิงจึงก้มหน้าหลบสายตา แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหญิงโดนสายตาคุกคามของเจ้าฟ้าชายจ้องมองก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ชิน ไม่เคยชินเลยสักครั้ง "เจ้าหญิง“ เจ้าฟ้าชายคาร์ดอสเอ่ยทักทายเจ้าหญิงแอนเจลีก้าต่อหน้าพระราชมารดาและพระราชบิดาของเจ้าหญิง ”....“ มือบางกำกระโปรงแน่นพลางช้อนตามองคนทักทาย เจ้าหญิงเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ไม่ยอมเอ่ยทักทายกลับ ทำให้สมเด็จเจ้าฟ้าชายไม่พอใจ “เราดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้ง” เจ้าชายยื่นมือออกไปเพื่อจะจับมือทักทาย ”....“ ทว่าก็ไร้การตอบสนอง เจ้าหญิงกำกระโปรงของตัวเองแน่นขึ้น ทำให้สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สอง รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก นอกจากเจ้าหญิงจะไม่ทักทายกลับแล้ว หนำซ้ำยังไร้การตอบสนอง ทำราวกับว่าเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสและพระราชบิดา ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ เหมือนจงใจไม่ให้ค่า ทั้งที่ก็ยืนหัวโด่กันอยู่ นี่ถือเป็นการเสียมารยาทอย่างร้ายแรง สมเด็จพระราชินีนาตาชาเห็นลูกสาวทำตัวไม่เหมาะสม ก็รีบสะกิดและส่งสายตาเอ็ด ทว่าเจ้าหญิงก็ยังคงนิ่งเฉย “ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรบริทแลนด์ เจ้าหญิงแอนเจลีก้า” สมเด็จเจ้าฟ้าชายเอ่ยทักทายอีกครั้ง แต่เจ้าหญิงก็ยังคงก้มหน้าเงียบเหมือนเดิม ทำให้พระราชบิดาและพระราชมารดารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก พระราชบิดาพระราชมารดาของเจ้าหญิงและผู้ติดตามต่างส่งสายตามาที่เจ้าหญิงเชิงสั่งให้เจ้าหญิงทักทายสมเด็จเจ้าฟ้าชายกลับไปเดี๋ยวนี้ คนของฝั่งของเจ้าหญิงดูร้อนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะสถานการณ์ภายในราชวงศ์วูล์ฟ ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก หากสร้างศัตรูเพิ่มเกรงว่าราชวงศ์วูล์ฟจะต้องถูกกวาดล้างเร็วมากขึ้น พระบิดาของเจ้าหญิงเดินทางมาตามคำเชิญก็เพราะว่าต้องการให้กษัตริย์คาร์โลช่วยเหลือ ราชวงศ์สไมโลดอน ของกษัตริย์คาร์โล เป็นราชวงศ์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลกและมีอำนาจมากที่สุดในตอนนี้ พระเจ้าโอเชียนนัสจึงต้องการให้กษัตริย์คาร์โลช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ก่อนที่สถานการณ์ภายในประเทศจะย่ำแย่บานปลายไปมากกว่านี้ ทว่าเจ้าหญิงแอนเจลีก้ากลับไม่ให้ความร่วมมือกับพระราชบิดาแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังจะเพิ่มความยากลำบากให้กับพระราชบิดาและราชวงศ์ มากขึ้นไปอีก “เจ้าบ้านทักทายแล้ว จะไม่ทักทายเจ้าบ้านกลับหน่อยเหรอครับ เจ้าหญิง” สมเด็จเจ้าฟ้าชายกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลติดตลกเหมือนว่ากำลังหยอกเย้าเอ็นดู ทว่าความจริงกำลังคาดโทษ ‘เขาช่างเสแสร้ง ตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเขาไม่ใช่คนดีแบบนี้ เขามันคนเลว เลวที่สุดที่ฉันเคยพบเจอมาทั้งชีวิต‘ เจ้าหญิงเอ่ยในใจอย่างเกลียดชัง “....” แต่ถึงคนตรงหน้าจะพูดอย่างนั้น เจ้าหญิงก็ยังคงไม่ทักทายกลับ ทำเพียงแค่ถอนสายบัวตามธรรมเนียม ที่เจ้าหญิงที่ไม่ใช่รัชทายาท ต้องถอนสายบัวต่อหน้าเจ้าชายรัชทายาท เพื่อแสดงความเคารพต่อตำแหน่งของเจ้าชายที่มียศสูงกว่า “ลูกรัก” สมเด็จพระราชินีนาตาชาสะกิดลูกสาว ทำให้เจ้าหญิงจำใจยื่นมือไปทักทายสมเด็จเจ้าฟ้าชาย เจ้าชายยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปจับมือเจ้าหญิง “ขอประทานอภัยฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบฝ่าบาท” เจ้าหญิงกล่าวทักทายกลับตามมารยาทอย่างฝืนใจ สุดๆ สมเด็จเจ้าฟ้าชายยิ้มทักทายอย่างอบอุ่น ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปพูดข้างกกหูของเจ้าหญิงให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนว่า... “เข้าป่าเมื่อไหร่เธอโดนแน่”บทที่ 6สมเด็จเจ้าฟ้าชายโน้มใบหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาและแข็งแรงตะปบลงบนทรวงอกใหญ่ราวกับต้องการครอบครองทุกอย่าง บีบขย้ำด้วยแรงที่มากพอจะทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกใบหน้าของเจ้าหญิงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดผสมความตกใจ ขณะที่ริมฝีปากของเขาเข้าครอบครองยอดอกสีชมพูระเรื่ออย่างตะกละตะกลาม การดูดดึงนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและความกระหาย เหมือนเขาต้องการตอกย้ำความเหนือกว่าของตนในทุกการกระทำปึก! ปึก! ปึก! ปึก!ขณะเดียวกัน สะโพกสอบของสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ขยับเข้าใส่ด้วยจังหวะหนักหน่วงและไร้ความปรานี เจ้าหญิงแอนเจลีก้าผู้ไร้ทางสู้ ก็ทำได้เพียงกัดริมฝีปากแน่น พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำตาใสไหลอาบแก้มซีดขาวราวกับหยดน้ำแข็งที่ละลาย เธออยากจะกรีดร้องออกมาเพื่อปลดปล่อยความทรมานในหัวใจและร่างกาย แต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงจะเปล่งออกมา ความเจ็บปวดที่ลึกล้ำเกินบรรยายกดทับเธอไว้จนรู้สึกราวกับถูกพันธนาการอยู่ในกรงที่ไร้ทางหลบหนีสมเด็จเจ้าฟ้าชายจัดแจงท่าทางให้เจ้าหญิงหันหลังให้ในท่าด๊อกกี้ มืออีกข้างบีบเอวคอดกิ่วแน่น จากนั้นก็กระแทกกระทั้นเข้าใส่รัวๆปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก
บทที่ 5“อึก…เพราะท่านเลวแบบนี้ไง เราถึงปฏิเสธท่าน!” เจ้าหญิงกล่าวพร้อมมองสบตาเจ้าฟ้าชายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่คำพูดนั้นกลับเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนดูเหมือนไม่มั่นใจสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำว่า...“งั้นเหรอ?”“....” เจ้าหญิงมองอย่างหวาดระแวง พลางแอบเขยิบตัวออกห่างเจ้าชายโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนลมหายใจร้อนผ่าวแตะผิวแก้มของเจ้าหญิง ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยอำนาจที่กดดันทุกอย่างรอบตัว “ถ้าคิดว่าคำพูดแค่นี้จะทำให้ฉันล้มเลิก…เธอคิดผิด” เสียงต่ำและหนักแน่นของเขาเอ่ยออกมา ราวกับประกาศชัยชนะที่อีกฝ่ายไม่มีวันหลีกเลี่ยงมือข้างหนึ่งของเขาบีบแน่นรอบลำคอระหง นิ้วมือกดลึกลงจนผิวเนื้อเริ่มขึ้นสีแดงจาง ส่วนอีกมือรั้งเอวบางเข้ามาชิดกับร่างกำยำอย่างแน่นหนา เจ้าหญิงก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง มือทั้งสองข้างพยายามดึงข้อมือของเขาออก แต่แรงของเธอเทียบไม่ได้เลยกับแรงของเขาสุดท้ายร่างเล็กก็ถูกตรึงไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก เสียงหอบสะท้อนเบา ๆ จากลำคอระหง ขณะที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว น้ำตาเอ่อล้นออกมา แต่ถึงกระนั้น ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องกล
บทที่ 4“เพราะปิดภาคเรียนเราสองคนก็เลยไม่ได้เจอกัน ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เธอถึงกับทำตัวห่างเหินกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”สมเด็จเจ้าฟ้าชายตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แต่ทุกถ้อยคำกลับฟังดูคุกคามอย่างน่าขนลุก ดวงตาคมกริบที่แฝงไว้ด้วยความร้อนแรงจ้องมองร่างบางตรงหน้าเหมือนผู้ล่าที่ไม่ยอมปล่อยเหยื่อให้หลุดมือ มือหนาแตะลงบนไหล่บอบบาง ก่อนจะเลื่อนไล้ไปตามแขนเรียว ราวกับจะตอกย้ำว่าทุกส่วนของเธออยู่ภายใต้การครอบครองของเขา ปลายนิ้วหยาบกร้านลากไปบนผิวเนียนละเอียด ทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้“ปล่อยเรานะ!”เสียงหวานแหบพร่าเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัวผสมความโกรธ เจ้าหญิงแอนเจลีก้าพยายามเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสที่ใกล้เข้ามาทุกที ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มแน่น ขณะที่มือบางทั้งสองข้างผลักแผงอกแกร่งออกสุดแรง แต่คนตรงหน้ากลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ราวกับว่าความพยายามของเธอเป็นเพียงแรงต้านที่ไร้ผล“ต้องให้ฉันทวนความจำให้ไหม?” คำพูดของสมเด็จเจ้าฟ้าชายแฝงไปด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าราวกับผู้ชนะที่มั่นใจในชัยชนะ เสียงกระซิบแผ่วเบาดังชิดใบหู ทำเอาเธอแทบหยุดหายใจเมื่อเขาเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบ “ว่าใค
บทที่ 3กึด!เจ้าหญิงแอนเจลีก้ายืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว สมเด็จเจ้าฟ้าชายยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ หางตาของเจ้าชายจับจ้องมายังสีหน้าหวาดผวาของเจ้าหญิงแสนสวยอย่างคาดโทษ“เราแยกกันล่าสัตว์เป็นสองกลุ่มดีไหม ให้เด็กๆ ไปด้วยกัน ส่วนคนแก่อย่างเราแยกไปล่าสัตว์ด้วยกันอีกเส้นทาง” สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สองกล่าวขึ้นมาอย่างรู้งาน“ดีครับ” พระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้าตอบรับอย่างเห็นด้วย เจ้าหญิงแอนเจลีก้ามองไปที่พระราชบิดาของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สมเด็จพระราชินีนาตาชาหันไปมองลูกสาวที่จ้องมองมาด้วยสายตาวิงวอน นัยน์ตาฉายแววความกังวลใจ แต่กลับยิ้มบางๆ ให้กับลูกสาวเจ้าหญิงแอนเจลีก้าส่งสายตาอ้อนวอนไปยังพระราชบิดาและพระราชมารดาของเธออย่างสิ้นหวัง เหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรงทองคำ พยายามหาทางหนีจากอันตรายที่กำลังเผชิญ เธอไม่ต้องการเข้าป่าไปล่าสัตว์กับเจ้าชายคาร์ดอส ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเมื่อนึกถึงวิธีการอันโหดเหี้ยมที่สมเด็จเจ้าฟ้าชายจะกระทำต่อเจ้าหญิงในป่าดังคำขู่แต่พระราชบิดาและพระราชมารดาของเจ้าหญิงกลับมองผ่านสายตาของเธอไปราวกับมองไม่เห็นความสิ้นหวังที่ฉายช
บทที่ 2“ทูลฝ่าบาท“ เมื่อรัชทายาทเดินออกไปแล้ว ไอแซ็กก็เดินกลับเข้ามาหากษัตริย์ เพื่อเตือนสติกษัตริย์ไม่ให้ตามใจพระราชโอรสจนก่อให้เกิดสงครามใหญ่“มีอะไร”“กระหม่อมขอทูลว่าการมีปัญหากับคนผู้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นั้นไม่ใช่เพียงเป็นหลานชายของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิ แต่ยังเป็นหลานชายของประธานาธิบดีเดมอนด้วย และเบื้องหลังของคนผู้นั้นก็เป็นประธานสภามาเฟีย ผู้ควบคุมมาเฟียทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกอยู่ในตอนนี้”“....”“หากมีปัญหากับซากุระ เดมอนจะต้องแทรกแซงอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันถล่มเรา ฝ่าพระบาททรงไตร่ตรองดูอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ””....““แม้ประเทศของเราจะเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกมายาว แต่หากสองมหาอำนาจอันดับสองและสามของโลกทรงร่วมมือกัน ประเทศของเรามีความเสี่ยงสูงที่จะพ่ายแพ้สงครามพ่ะย่ะค่ะ”“ซากุระมีเดมอน แต่เรามีซาเรสตาและโรดามอร์ โรดามอร์คือมหาอำนาจอันดับสี่ของโลก ส่วนซาเรสตาคือมหาอำนาจอันดับห้าของโลก นอกจากนี้ เรายังมีจำนวนประเทศพันธมิตรมากกว่าซากุระและเดมอน ความต่างตรงนี้จะทำให้เราชนะสงคราม”“ฝ่าพระบาท ซากุระไม่ได้มีเพียงเดมอน แต่ทุกประเทศทั้งท
บทที่ 1(เหตุการณ์ทุกอย่างภายในนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องสมมติขึ้นมาจากจินตนาการของนักเขียน มิได้มีเจตนาที่จะเสนอข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์หรือข้อเท็จจริง และไม่ได้มีเจตนาสร้างความเกลียดชัง ขัดแย้งหรือแตกแยกใดๆ)”สหายของลูก คือหลานชายคนเดียวของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิพ่ะย่ะค่ะ”สหายผู้นั้นที่เจ้าฟ้าชายกำลังเอ่ยถึงก็คือ ไฟ เจ้าชายมาเฟีย ลูกครึ่ง ซากุระ-เดมอน-ไทย เป็นเจ้าชายแห่งฟีนิกซ์ บิดาของไฟเป็นน้องชายแท้ๆ ของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิ จักรพรรดิซากุระองค์ปัจจุบัน“อะไรนะ?” กษัตริย์ดูตกใจ เพราะไม่คาดคิดว่า ว่าที่พระคู่หมายของผู้หญิงที่ลูกชายต้องใจ จะเป็นถึงหลานชายของจักรพรรดิซากุระ ซึ่งเป็นจักรพรรดิที่ครองบัลลังก์ประเทศมหาอำนาจอันดับสองของโลก ในเวลานี้ประเทศซากุระเป็นมหาอำนาจรองบริทแลนด์ เป็นรองเพียงแค่บริทแลนด์ ประเทศเดียวซากุระเป็นมหาอำนาจอันดับสองของโลก ที่มีอำนาจทางการทหารแข็งแกร่งไม่แพ้ประเทศใดในโลก ด้วยเทคโนโลยีทางทหารที่ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพสูงสุด มีระบบการป้องกันที่ทันสมัย ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและระบบที่สามารถตอบสนองทุกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกองทัพซากุระประกอบด้