บทที่ 4
“เพราะปิดภาคเรียนเราสองคนก็เลยไม่ได้เจอกัน ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เธอถึงกับทำตัวห่างเหินกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ?” สมเด็จเจ้าฟ้าชายตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แต่ทุกถ้อยคำกลับฟังดูคุกคามอย่างน่าขนลุก ดวงตาคมกริบที่แฝงไว้ด้วยความร้อนแรงจ้องมองร่างบางตรงหน้าเหมือนผู้ล่าที่ไม่ยอมปล่อยเหยื่อให้หลุดมือ มือหนาแตะลงบนไหล่บอบบาง ก่อนจะเลื่อนไล้ไปตามแขนเรียว ราวกับจะตอกย้ำว่าทุกส่วนของเธออยู่ภายใต้การครอบครองของเขา ปลายนิ้วหยาบกร้านลากไปบนผิวเนียนละเอียด ทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ “ปล่อยเรานะ!” เสียงหวานแหบพร่าเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัวผสมความโกรธ เจ้าหญิงแอนเจลีก้าพยายามเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสที่ใกล้เข้ามาทุกที ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มแน่น ขณะที่มือบางทั้งสองข้างผลักแผงอกแกร่งออกสุดแรง แต่คนตรงหน้ากลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ราวกับว่าความพยายามของเธอเป็นเพียงแรงต้านที่ไร้ผล “ต้องให้ฉันทวนความจำให้ไหม?” คำพูดของสมเด็จเจ้าฟ้าชายแฝงไปด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าราวกับผู้ชนะที่มั่นใจในชัยชนะ เสียงกระซิบแผ่วเบาดังชิดใบหู ทำเอาเธอแทบหยุดหายใจเมื่อเขาเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบ “ว่าใครคือผู้ชายคนแรกที่ใช้ลิ้นกับxxxของเธอ?” ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาก็เลื่อนลงสู่ลำคอระหงโดยไม่รั้งรอ ลิ้นร้อนลากผ่านผิวบอบบางที่เริ่มปรากฏรอยแดง ริมฝีปากหยักลึกประทับแน่นราวกับจะประกาศสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ มือหนาจับยึดเอวบางไว้แน่น จนเธอแทบไม่สามารถขยับหนี “ปล่อย! ได้โปรด!” เสียงร้องขอของเธอดังขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความหวาดหวั่น น้ำตาเริ่มคลอเบ้าเมื่อความพยายามหนีไร้ผล มือบางทุบลงบนแผงอกของเขาหลายครั้ง แต่ดูเหมือนการกระทำของเธอจะยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบของอีกฝ่าย สมเด็จเจ้าฟ้าชายเงยหน้าขึ้นจากลำคอระหง ”ครั้งแรกที่ฉันสัมผัสxxxของเธอ...ฉันทำที่ไหนนะ?” ที่มหาวิทยาลัย สมเด็จเจ้าฟ้าชายใช้ลิ้นชิมความหวานจากโยนีของเจ้าหญิงแอนเจลีก้า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้เจอกัน และความเลวของเขาในครั้งนั้น ก็ได้สร้างตราบาปฝังลึกในใจของเจ้าหญิงแอนเจลีก้า อย่างไม่มีวันลืม “หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ” ”หึ เธอกล้าสั่งฉันงั้นเหรอ?” สายตาที่มองเจ้าหญิง น่ากลัวมาก น่ากลัวจนเจ้าหญิงตัวแข็งทื่อ มือหนาเลื่อนมือลงไปสัมผัสกลางหว่างขาของเจ้าหญิง ”เธอมีสิทธิ์สั่งฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?“ สมเด็จเจ้าฟ้าชายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจับร่างบางพลิกหันหลัง ”ปล่อยเรานะคาร์ดอส“ สมเด็จเจ้าฟ้าชายกระชากกระโปรงของเจ้าหญิงขึ้นเหนือเอวคอด มืออีกข้างก็กดใบหน้าของเจ้าหญิงแนบกับต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าของเจ้าหญิงอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาที มือทั้งสองข้างของเจ้าหญิงที่พยายามปัดป่ายร่างกำยำให้ออกห่าง ก็ถูกเจ้าชายใช้เข็มขัดมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา ทำเอาเจ้าหญิงเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดอย่างหนัก ”เราเจ็บนะ ปล่อยเรา!“ แคว่ก! “ทำไม ฉันไม่ดียังไงเธอถึงไม่เลือกฉัน” สมเด็จเจ้าฟ้าชายเอ่ยถามอย่างดุดันพลางฉีกกระชากแพนตี้ออกจากกลางหว่างขาของเจ้าหญิงอย่างแรง “ศักยภาพ ยศ อำนาจของฉัน มีมากกว่ามันหลายเท่า แต่เธอกลับไม่สนใจฉัน ไอ้เวรนั่นมันไม่เคยใยดีเธอเลยสักครั้ง นอกจากมันจะไม่ใยดีเธอแล้ว เธอรู้บ้างรึเปล่าว่าพระคู่หมายที่เธอรักนักหนา มันเอาน้องสาวบุญธรรมของตัวเองมาทำเมีย” “อึก ไม่จริง ไฟไม่ใช่คนแบบนั้น” “เลิกหลอกตัวเองสักที การที่มันนอนกับน้องสาวของมัน ก็เพียงพอให้เธอตัดสินใจได้แล้วว่าควรเลือกใคร แต่เธอก็ยังโง่เง่า ดื้อดึง คิดว่าสักวันมันจะเห็นค่าเธอ” เจ้าชายคาร์ดอสพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ราวกับว่าเขาสนุกกับการบีบหัวใจเจ้าหญิงแอนเจลีก้าให้แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ คำพูดที่ออกมาจากปากเขาเสียดแทงลึกเข้าไปในจิตใจของเธอ ทิ้งรอยแผลที่ไม่มีวันหาย เจ้าหญิงได้แต่ก้มหน้าลง น้ำตาไหลรินอย่างสิ้นหวัง เธอรู้ดีว่าคำพูดของเขามีบางส่วนที่เป็นความจริง แต่ก็ไม่อาจทนรับฟังได้ “ถ้ามันรักเธอ มันคงแต่งงานกับเธอตั้งนานแล้ว ไม่สู้ ยอมเป็นของฉันแต่โดยดี เพื่อแลกกับอำนาจที่เธอกับราชวงศ์จะได้รับ ไม่ดีกว่าหรือไง?” “....” สำหรับเจ้าหญิงแอนเจลีก้า ต่อให้ไฟไม่ยอมแต่งงานด้วย เจ้าหญิงก็จะไม่มีวันตกเป็นของเจ้าชายคาร์ดอสเด็ดขาด “หรือต่อให้มันยอมแต่งงานกับเธอ อำนาจของมันก็ช่วยราชวงศ์ของเธอไม่ได้ มีแค่ฉันคนเดียวที่จะช่วยราชวงศ์ของเธอได้“ ”....“ “เธอก็รู้ดีว่าฉันสามารถให้ทุกอย่างที่เธอต้องการได้ ขอแค่เธอยอมเป็นของฉัน” เจ้าชายคาร์ดอสกล่าวพร้อมกับบีบคางของเธออย่างแรง “เราไม่มีวันยอมเป็นของท่าน ไม่มีวัน” เจ้าหญิงตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ทั้งๆ ที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด “อวดดี” เจ้าชายจับร่างบางนอนลงบนพื้นหญ้าอย่างรวดเร็ว ตามด้วยถอดกางเกงของตัวเองออก แล้วจับเจ้าหญิงแหวกขาออกกว้างอย่างแรง จนเห็นความเป็นสาวอมชมพู ไร้เส้นขน และปิดสนิท ยังคงบริสุทธิ์ประดุจเด็กทารก ถึงแม้เจ้าชายจะสัมผัสตรงนั้นของเจ้าหญิงหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีเรื่องให้พลาดทุกครั้ง ทำให้ไม่ได้สอดใส่ตัวตนเข้าไปสักที แต่ครั้งนี้ไม่มีพลาด “ยะ...อย่าทำเรานะ” เจ้าหญิงพยายามขยับตัวหนีพลางวิงวอนทั้งน้ำตา ทว่าก็ไร้ความปรานีในสายตาของสมเด็จเจ้าฟ้าชาย ”อึก อย่าขยับเข้ามานะ“ “กรี๊ดดดดด!!” เจ้าหญิงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและหวาดกลัว เมื่อถูกมือหนากระชากข้อเท้าของเธอลงมาอย่างแรง จากนั้นก็คร่อมร่างของเธอเอาไว้ “ฉันจะให้ทางเลือกกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย” มือหนาบีบคางมนแน่น “ยอมเป็นของฉัน เพื่อแลกกับราชวงศ์ของเธอจะยังคงอยู่ หรือปฏิเสธฉัน แล้วปล่อยให้เธอและราชวงศ์ของเธอถูกบดขยี้ไม่เหลือชิ้นดี” “อึก...คาร์ล...ป...ปล่อยเราไปเถอะนะ...เราขอร้องท่าน” “เป็นของฉันมันแย่มากรึไง ทำไมเธอถึงได้ปฏิเสธฉันตลอด ถ้าในสายตาเธอฉันมันแย่ขนาดนั้น งั้นก็ให้มันแย่ให้สมกับที่เธอคิดเลยก็แล้วกัน ฉันจะทำให้เธอรู้สึกซึ้งว่าปฏิเสธฉันเธอจะมีจุดจบแบบไหน”บทที่ 6สมเด็จเจ้าฟ้าชายโน้มใบหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาและแข็งแรงตะปบลงบนทรวงอกใหญ่ราวกับต้องการครอบครองทุกอย่าง บีบขย้ำด้วยแรงที่มากพอจะทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกใบหน้าของเจ้าหญิงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดผสมความตกใจ ขณะที่ริมฝีปากของเขาเข้าครอบครองยอดอกสีชมพูระเรื่ออย่างตะกละตะกลาม การดูดดึงนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและความกระหาย เหมือนเขาต้องการตอกย้ำความเหนือกว่าของตนในทุกการกระทำปึก! ปึก! ปึก! ปึก!ขณะเดียวกัน สะโพกสอบของสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ขยับเข้าใส่ด้วยจังหวะหนักหน่วงและไร้ความปรานี เจ้าหญิงแอนเจลีก้าผู้ไร้ทางสู้ ก็ทำได้เพียงกัดริมฝีปากแน่น พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำตาใสไหลอาบแก้มซีดขาวราวกับหยดน้ำแข็งที่ละลาย เธออยากจะกรีดร้องออกมาเพื่อปลดปล่อยความทรมานในหัวใจและร่างกาย แต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงจะเปล่งออกมา ความเจ็บปวดที่ลึกล้ำเกินบรรยายกดทับเธอไว้จนรู้สึกราวกับถูกพันธนาการอยู่ในกรงที่ไร้ทางหลบหนีสมเด็จเจ้าฟ้าชายจัดแจงท่าทางให้เจ้าหญิงหันหลังให้ในท่าด๊อกกี้ มืออีกข้างบีบเอวคอดกิ่วแน่น จากนั้นก็กระแทกกระทั้นเข้าใส่รัวๆปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก
บทที่ 5“อึก…เพราะท่านเลวแบบนี้ไง เราถึงปฏิเสธท่าน!” เจ้าหญิงกล่าวพร้อมมองสบตาเจ้าฟ้าชายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่คำพูดนั้นกลับเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนดูเหมือนไม่มั่นใจสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำว่า...“งั้นเหรอ?”“....” เจ้าหญิงมองอย่างหวาดระแวง พลางแอบเขยิบตัวออกห่างเจ้าชายโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนลมหายใจร้อนผ่าวแตะผิวแก้มของเจ้าหญิง ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยอำนาจที่กดดันทุกอย่างรอบตัว “ถ้าคิดว่าคำพูดแค่นี้จะทำให้ฉันล้มเลิก…เธอคิดผิด” เสียงต่ำและหนักแน่นของเขาเอ่ยออกมา ราวกับประกาศชัยชนะที่อีกฝ่ายไม่มีวันหลีกเลี่ยงมือข้างหนึ่งของเขาบีบแน่นรอบลำคอระหง นิ้วมือกดลึกลงจนผิวเนื้อเริ่มขึ้นสีแดงจาง ส่วนอีกมือรั้งเอวบางเข้ามาชิดกับร่างกำยำอย่างแน่นหนา เจ้าหญิงก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง มือทั้งสองข้างพยายามดึงข้อมือของเขาออก แต่แรงของเธอเทียบไม่ได้เลยกับแรงของเขาสุดท้ายร่างเล็กก็ถูกตรึงไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก เสียงหอบสะท้อนเบา ๆ จากลำคอระหง ขณะที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว น้ำตาเอ่อล้นออกมา แต่ถึงกระนั้น ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องกล
บทที่ 4“เพราะปิดภาคเรียนเราสองคนก็เลยไม่ได้เจอกัน ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เธอถึงกับทำตัวห่างเหินกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”สมเด็จเจ้าฟ้าชายตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แต่ทุกถ้อยคำกลับฟังดูคุกคามอย่างน่าขนลุก ดวงตาคมกริบที่แฝงไว้ด้วยความร้อนแรงจ้องมองร่างบางตรงหน้าเหมือนผู้ล่าที่ไม่ยอมปล่อยเหยื่อให้หลุดมือ มือหนาแตะลงบนไหล่บอบบาง ก่อนจะเลื่อนไล้ไปตามแขนเรียว ราวกับจะตอกย้ำว่าทุกส่วนของเธออยู่ภายใต้การครอบครองของเขา ปลายนิ้วหยาบกร้านลากไปบนผิวเนียนละเอียด ทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้“ปล่อยเรานะ!”เสียงหวานแหบพร่าเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัวผสมความโกรธ เจ้าหญิงแอนเจลีก้าพยายามเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสที่ใกล้เข้ามาทุกที ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มแน่น ขณะที่มือบางทั้งสองข้างผลักแผงอกแกร่งออกสุดแรง แต่คนตรงหน้ากลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ราวกับว่าความพยายามของเธอเป็นเพียงแรงต้านที่ไร้ผล“ต้องให้ฉันทวนความจำให้ไหม?” คำพูดของสมเด็จเจ้าฟ้าชายแฝงไปด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าราวกับผู้ชนะที่มั่นใจในชัยชนะ เสียงกระซิบแผ่วเบาดังชิดใบหู ทำเอาเธอแทบหยุดหายใจเมื่อเขาเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบ “ว่าใค
บทที่ 3กึด!เจ้าหญิงแอนเจลีก้ายืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว สมเด็จเจ้าฟ้าชายยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ หางตาของเจ้าชายจับจ้องมายังสีหน้าหวาดผวาของเจ้าหญิงแสนสวยอย่างคาดโทษ“เราแยกกันล่าสัตว์เป็นสองกลุ่มดีไหม ให้เด็กๆ ไปด้วยกัน ส่วนคนแก่อย่างเราแยกไปล่าสัตว์ด้วยกันอีกเส้นทาง” สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สองกล่าวขึ้นมาอย่างรู้งาน“ดีครับ” พระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้าตอบรับอย่างเห็นด้วย เจ้าหญิงแอนเจลีก้ามองไปที่พระราชบิดาของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สมเด็จพระราชินีนาตาชาหันไปมองลูกสาวที่จ้องมองมาด้วยสายตาวิงวอน นัยน์ตาฉายแววความกังวลใจ แต่กลับยิ้มบางๆ ให้กับลูกสาวเจ้าหญิงแอนเจลีก้าส่งสายตาอ้อนวอนไปยังพระราชบิดาและพระราชมารดาของเธออย่างสิ้นหวัง เหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรงทองคำ พยายามหาทางหนีจากอันตรายที่กำลังเผชิญ เธอไม่ต้องการเข้าป่าไปล่าสัตว์กับเจ้าชายคาร์ดอส ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเมื่อนึกถึงวิธีการอันโหดเหี้ยมที่สมเด็จเจ้าฟ้าชายจะกระทำต่อเจ้าหญิงในป่าดังคำขู่แต่พระราชบิดาและพระราชมารดาของเจ้าหญิงกลับมองผ่านสายตาของเธอไปราวกับมองไม่เห็นความสิ้นหวังที่ฉายช
บทที่ 2“ทูลฝ่าบาท“ เมื่อรัชทายาทเดินออกไปแล้ว ไอแซ็กก็เดินกลับเข้ามาหากษัตริย์ เพื่อเตือนสติกษัตริย์ไม่ให้ตามใจพระราชโอรสจนก่อให้เกิดสงครามใหญ่“มีอะไร”“กระหม่อมขอทูลว่าการมีปัญหากับคนผู้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นั้นไม่ใช่เพียงเป็นหลานชายของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิ แต่ยังเป็นหลานชายของประธานาธิบดีเดมอนด้วย และเบื้องหลังของคนผู้นั้นก็เป็นประธานสภามาเฟีย ผู้ควบคุมมาเฟียทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกอยู่ในตอนนี้”“....”“หากมีปัญหากับซากุระ เดมอนจะต้องแทรกแซงอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันถล่มเรา ฝ่าพระบาททรงไตร่ตรองดูอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ””....““แม้ประเทศของเราจะเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกมายาว แต่หากสองมหาอำนาจอันดับสองและสามของโลกทรงร่วมมือกัน ประเทศของเรามีความเสี่ยงสูงที่จะพ่ายแพ้สงครามพ่ะย่ะค่ะ”“ซากุระมีเดมอน แต่เรามีซาเรสตาและโรดามอร์ โรดามอร์คือมหาอำนาจอันดับสี่ของโลก ส่วนซาเรสตาคือมหาอำนาจอันดับห้าของโลก นอกจากนี้ เรายังมีจำนวนประเทศพันธมิตรมากกว่าซากุระและเดมอน ความต่างตรงนี้จะทำให้เราชนะสงคราม”“ฝ่าพระบาท ซากุระไม่ได้มีเพียงเดมอน แต่ทุกประเทศทั้งท
บทที่ 1(เหตุการณ์ทุกอย่างภายในนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องสมมติขึ้นมาจากจินตนาการของนักเขียน มิได้มีเจตนาที่จะเสนอข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์หรือข้อเท็จจริง และไม่ได้มีเจตนาสร้างความเกลียดชัง ขัดแย้งหรือแตกแยกใดๆ)”สหายของลูก คือหลานชายคนเดียวของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิพ่ะย่ะค่ะ”สหายผู้นั้นที่เจ้าฟ้าชายกำลังเอ่ยถึงก็คือ ไฟ เจ้าชายมาเฟีย ลูกครึ่ง ซากุระ-เดมอน-ไทย เป็นเจ้าชายแห่งฟีนิกซ์ บิดาของไฟเป็นน้องชายแท้ๆ ของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิ จักรพรรดิซากุระองค์ปัจจุบัน“อะไรนะ?” กษัตริย์ดูตกใจ เพราะไม่คาดคิดว่า ว่าที่พระคู่หมายของผู้หญิงที่ลูกชายต้องใจ จะเป็นถึงหลานชายของจักรพรรดิซากุระ ซึ่งเป็นจักรพรรดิที่ครองบัลลังก์ประเทศมหาอำนาจอันดับสองของโลก ในเวลานี้ประเทศซากุระเป็นมหาอำนาจรองบริทแลนด์ เป็นรองเพียงแค่บริทแลนด์ ประเทศเดียวซากุระเป็นมหาอำนาจอันดับสองของโลก ที่มีอำนาจทางการทหารแข็งแกร่งไม่แพ้ประเทศใดในโลก ด้วยเทคโนโลยีทางทหารที่ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพสูงสุด มีระบบการป้องกันที่ทันสมัย ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและระบบที่สามารถตอบสนองทุกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกองทัพซากุระประกอบด้