LOGIN“เดี๋ยวไปโรงเรียน ก็เจอเพื่อนใหม่ เดี๋ยวก็ไม่เหงาแล้ว”
“ไม่อยากมีเพื่อน” เธอสวนกลับด้วยประโยคที่เหนือความคาดหมาย
“ทำไมละ” หัวคิ้วผมย่นเข้าหากันจนแนบชิด
“เพื่อนไม่ชอบเรา…อุ๊บ”
“เป็นอะไร” ผมตกใจ เอียงคอมองเด็กน้อยที่อยู่ๆ ก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง
เธอเลื่อนมือออกแล้วอธิบาย “ขอโทษค่ะ พี่มิณบอกไม่ให้แทนตัวเองแบบนี้กับผู้ใหญ่ มันไม่น่ารัก”
ผมหลุดยิ้ม “น่ารักดีออก ใช้กับเฮียได้ คิดซะว่าเฮียเป็นเพื่อนก็ได้”
“ได้ไงคะ เฮียอายุมากกว่าตั้งเยอะ”
อึก! รู้สึกเหมือนถูกทุบกลางหลังอย่างแรง จุกอยู่นะ นี่ผมไม่ได้กำลังโดนหลอกด่าอยู่ใช่ไหม เด็กน้อยไร้เดียงสาตรงหน้ากะพริบตามองผมปริบๆ
“เหอะ…” ผมทำได้แค่ยิ้มแห้ง “เป็นเพื่อนไม่ได้จำกัดอายุสักหน่อย”
“จริงเหรอคะ” นี่เป็นประโยคแรกที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของน้ำเสียง
“อือ”
“เฮียอยากเป็นเพื่อนกับเราเหรอ” เสียงสดใสและตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ
“ใช่ เฮียอยากเป็นเพื่อนกับน้อง”
“แล้วทำไมเรียกเราว่าน้องละ” ตุ๊กตาในอ้อมกอดเริ่มไม่จำเป็นอีกต่อไป เธอคลายมันออกโดยที่ไม่รู้ตัว
“ก็น้องยังเรียกเราว่าเฮียเลย” ผมตอบ
ริมฝีปากบางฉีกยิ้มหวานให้ผมเป็นครั้งแรก นี่สิถึงเหมาะสมกับใบหน้าอ่อนหวานของเธอ
“นั่งข้างบนด้วยได้ไหม เมื่อยแล้ว”
“ได้ค่ะ”
หลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ ผมก็ย้ายร่างกายขึ้นไปนั่งบนเตียงในท่าห้อยขาทั้งสองลง แต่เบี่ยงตัวไปทางสาวน้อยที่ตอนนี้กำลังจัดแจงกระดาษที่มีรูปวาดฝีมือตัวเอง
ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะไม่กลัวผมแล้ว เพราะเจ้าหมียักษ์ถูกย้ายออกไปนอนไว้ข้างๆ แทน
และเรายังคุยกันไปเรื่อยๆ เวลาล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้เลย รู้แต่ว่ากิริยาของเด็กหญิงเปลี่ยนไป ศีรษะเล็กเริ่มโงนเงนไปมา ขณะที่เจ้าตัวนอนคว่ำ มือขวายังจับดินสอจ่ออยู่บนกระดาษ
แน่นอนว่าอาการมันชัดเจนว่าง่วง แต่เธอกำลังฝืน...
“ง่วงก็นอน” ผมบอก
“ไม่เอา ไม่ชิน” เธอส่ายหัวปฏิเสธทั้งที่เปลือกตาปิดลงไปหลายส่วน ผมรู้ได้ในทันทีว่าเธอกลัว เธอยังปรับตัวกับสถานที่ใหม่ไม่ได้
ผมย้ายตัวเองไปนั่งพิงหัวเตียง ก่อนจะเอื้อมไปแตะไหล่เล็กเบาๆ และออกแรงรั้งให้เธอนอนลง โดยที่อาศัยตักของผมเป็นที่รองหัวแทนหมอน
“นอนเหอะ ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวเฮียอยู่เป็นเพื่อน”
“ถ้าเฮียจะออกไป ปลุกเราด้วยนะ เราไม่อยากนอนคนเดียว”
พอได้รับการตกปากรับคำผ่านรอยยิ้มบางของผม เด็กน้อยไร้เดียงสาก็เข้าสู่ห้วงนิทราทันที
ผมอดไม่ได้ที่จะลูบหัวเธอเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ถ้าพ่อแม่ทำน้องสาวน่ารักแบบนี้ให้นะ ผมหลงตายแน่ๆ
จากที่เข้าผิดห้องในตอนแรก และคิดว่าจะแค่ทักทายนิดหน่อย กลายเป็นอยู่ยาวเป็นชั่วโมงเลยทีนี้
“เฮียหมอมาทำอะไรในห้องนี้คะ” เสียงจากพี่สาวของเด็กหญิงบนตัก ส่งผลให้ร่างกายผมกระตุกเล็กน้อย ละสายตาจากมิเชล โฟกัสไปยังผู้มาเยือนใหม่ที่จ้องหน้าผมเขม็ง พร้อมดึงมือกลับมาวางบนฟูกด้วยสัญชาตญาณ
“พอดี...เฮียแวะมาทักทายน้องอะ แล้วอยู่เล่นด้วยแป๊บหนึ่ง น้องก็ผล็อยหลับไป” ผมตอบเสียงเรียบ ความจริงผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ แต่ใจสั่นทำไมวะ…
เป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กน้อยรู้สึกตัวตื่น บิดไปมา พลางครางเรียกชื่อผม
“อื้ออ เฮียไวน์”
“เฮียไวน์?” มิณทวนคำที่น้องสาวตัวน้อยเอ่ยเรียกอีกครั้ง เลิกคิ้วมองหน้าผมด้วยความสงสัย แน่นอนว่าไม่มีใครเรียกผมแบบนี้ ส่วนมากก็เรียกหมอแทนชื่อกันทั้งนั้น แต่มันแปลกยังไง ก่อนผมเป็นหมอ ผมก็มีชื่อไหมล่ะ
คนบนตักยันตัวลุกทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นหู “พี่มิณ”
เธอโดดลงจากเตียงและวิ่งไปกอดขาคนที่ถูกกล่าวถึงแน่น เชื่อแล้วว่าพวกเขารักกันมากจริงๆ ในขณะที่ผมดีดตัวลงมายืนข้างเตียง
“ไปหาทุกคนข้างล่างกัน” มิณย่อตัวลงนั่งหย่องเพื่อให้เท่าเทียมน้องสาว
“ค่ะ” เด็กหญิงตอบรับ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาจูงมือผม เพื่อไปยังจุดหมายที่ถูกระบุจากพี่สาว
“สนิทกันเร็วจังนะคะ” เสียงแซะดังขึ้นในตอนที่ผมกำลังเดินผ่านมิณออกจากห้อง ไหล่กว้างถูกยกขึ้นพร้อมกระตุกยิ้มมุมปาก
และตั้งแต่นั้นมาผมกลายเป็นพี่ชายคนโปรดและเพื่อนคนแรกของสาวน้อยไปโดยปริยาย ด้วยความที่มิเชลค่อนข้างเข้ากับคนยากด้วยนั่นแหละ จัดอยู่ในประเภทที่ว่าไม่อยากเปิดใจทำความรู้จักผู้คนใหม่ ๆ ถ้าไม่จำเป็น
ทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อน สุดท้ายก็ผมนี่แหละที่เป็นให้แทบจะทุกอย่าง...
“เฮีย ทำบ้าอะไรเนี่ย” มือไม้ปัดป่ายไปที่ผู้ชายตรงหน้าแบบไร้ทิศทาง หวังจะให้เขาถอยออก แต่ถูกสะกดให้นิ่งสนิทจากประโยคถัดไปของเขา“ไม่ใช่ว่า เพราะกลัวจะใจอ่อนหรอกเหรอ ถึงสั่งให้เฮียเลิกทำแบบนี้” “...” พอตั้งสติได้ ฉันผลักเขา แล้วเลื่อนมองไปทางอื่น แต่ร่างกายกำยำแค่เบี่ยงองศาไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น“แน่จริงอย่าหลบตาสิ” เฮียไวน์คว้าข้อมือฉันขึ้น ก่อนจะกดนิ้วหัวแม่มือลงตรงจุดที่สัมผัสได้ถึงชีพจร “...”“ใจเต้นแรงเชียว” เขาว่า พลางเอื้อมมือประคองสันกราม ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะบริเวณหลังหู ทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย“โห่ หลังหูร้อนจัดเลย ไข้ขึ้นปะเนี่ย”“เฮียไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้นะ” ฉันปัดป้องเป็นพัลวัน เขาจึงยอมปล่อยมือออก แล้วเปลี่ยนมายันไว้บนโต๊ะทั้งสองข้างใกล้ๆต้นขาฉันแทน ก่อนจะลดตัวลงเล็กน้อยเพื่อความเท่าเทียม“ไม่ต้องมาบอกให้เฮียเลิกทำอันนั้น เลิกทำอันนี้ เพราะเฮียไม่เลิก” เขายืนยันเสียงหนักแน่น “เหอะ เสียเวลาเปล่าค่ะ” ฉันว่า“มาลองดูกันสักตั้งไหมล่ะ” “ไม่” กลายเป็นเราทั้งคู่ก็ตอบโต้กันไปมาอย่างดุเดือด“ใจกล้าๆ ให้เหมือนปากหน่อยสิ มิรินดา”“อย่ามาท้าเรานะ” ฉันเลื่อนแขนขึ้นกอดอก ท่าทางขึงขั
ฉันเริ่มรู้สึกตัวจากเสียงกระหน่ำเคาะที่ดังมาจากหน้าห้อง ไม่สิ...ต้องเรียกว่าทุบมากกว่า สมาร์ตวอตช์บนข้อมือซ้ายถูกยกขึ้นมาในระดับสายตาทุ่มครึ่ง! จากที่สะลึมสะลือในตอนแรก พอเห็นเวลาเท่านั้นแหละ ฉันถึงกับตื่นเต็มตา เมื่อพบว่าตัวเองผล็อยหลับไปกว่าหกชั่วโมง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง พลางใช้กำปั้นทุบไปที่หลังต้นคอเบาๆ เพื่อผ่อนคลาย แล้วจึงพาร่างกายกึ่งไร้เรี่ยวแรงไปเปิดประตูพอสภาพของฉันปรากฏต่อสายตาเพื่อนรักเท่านั้นแหละ มันก็จัดชุดใหญ่มาให้เลย“โหย…อีมิ! อีเพื่อนเวร กูนึกว่าตายห่าไปละ ถ้ามึงจะนอนขนาดนี้ ช่วยแชทมาบอกกูก่อนด้วยค่ะ แม่ง! เคาะเรียกจนมือจะ…”“มีอะไร!” ฉันขัดขึ้นเสียงแข็ง เพราะถ้าปล่อยให้พูดก็หาจุดสิ้นสุดไม่ได้สักที“ตอนแรกกูว่าจะชวนไปข้างนอก แต่เห็นสภาพมึงแล้ว กลับไปนอนต่อเหอะ”“อือ”ประตูถูกดันปิดอย่างไร้เยื่อใยในเวลาต่อมา และต่อให้ร่างกายปกติดี ถ้าไม่อยากไป เอาช้างมาลาก ฉันก็ไม่ขยับก๊อก…ก๊อก“จิ๊...!” ฝีเท้าหยุดชะงัก หลังจากที่เดินออกมาได้เพียงสองก้าว ฉันถอนหายใจแรง ยกมือขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด แล้วหมุนตัวกลับไปดึงประตูเปิดอีกครั้ง“อะไรอี๊ก!!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดถูกส่งไ
เราก็ทำตามขั้นตอนที่พี่พลอยใสบอกไว้ตามลำดับ ซึ่งมันไม่สามารถไปแทนกันได้ เพราะต้องยืนยันตัวตนจริงๆ ในการรับคีย์การ์ดห้องพัก ทุกอย่างถูกรวมไว้ในบัตรเดียว ทั้งเข้าออกประตูด้านหน้า และเข้าออกอาคารนี้ด้วย“มึงได้ห้องอะไร” คำถามแรกจากเพื่อนสนิท หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยและเรากำลังเดินออกมาหน้าอาคาร“C20 มึงละ”“C21 ข้างกันเลย” พอพูดกับฉันจบ มันก็เอี้ยวไปหาผู้ชายที่เดินอยู่ด้านหลัง “แล้วคุณหมอละ”“C19”“โอ๊ะ! ข้างมึง” มันหันกลับมาตอกย้ำ ก่อนจะสาวเท้านำไปยังกองสัมภาระด้านนอกหน้าระรื่น“ขึ้นไปรอที่ห้องไหม เดี๋ยวเฮียเอาขึ้นไปให้” เฮียไวน์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ขณะก้าวเท้ายาวขึ้นมาขนาบข้างแทนที่เพื่อนรัก“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันปฏิเสธ พร้อมกับเร่งฝีเท้าเพื่อทิ้งระยะห่างและพอออกมาด้านนอกอาคาร ฉันก็อดที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนสุดไม่ได้ เคยเป็นไหม ยิ่งรู้ว่าเขาห้าม ก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็น และฉันก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าข้างบนนั้นมันมีอะไรซ่อนอย
เราก็ทำตามขั้นตอนที่พี่พลอยใสบอกไว้ตามลำดับ ซึ่งมันไม่สามารถไปแทนกันได้ เพราะต้องยืนยันตัวตนจริงๆ ในการรับคีย์การ์ดห้องพัก ทุกอย่างถูกรวมไว้ในบัตรเดียว ทั้งเข้าออกประตูด้านหน้า และเข้าออกอาคารนี้ด้วย“มึงได้ห้องอะไร” คำถามแรกจากเพื่อนสนิท หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยและเรากำลังเดินออกมาหน้าอาคาร“C20 มึงละ”“C21 ข้างกันเลย” พอพูดกับฉันจบ มันก็เอี้ยวไปหาผู้ชายที่เดินอยู่ด้านหลัง “แล้วคุณหมอละ”“C19”“โอ๊ะ! ข้างมึง” มันหันกลับมาตอกย้ำ ก่อนจะสาวเท้านำไปยังกองสัมภาระด้านนอกหน้าระรื่น“ขึ้นไปรอที่ห้องไหม เดี๋ยวเฮียเอาขึ้นไปให้” เฮียไวน์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ขณะก้าวเท้ายาวขึ้นมาขนาบข้างแทนที่เพื่อนรัก“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันปฏิเสธ พร้อมกับเร่งฝีเท้าเพื่อทิ้งระยะห่างและพอออกมาด้านนอกอาคาร ฉันก็อดที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนสุดไม่ได้ เคยเป็นไหม ยิ่งรู้ว่าเขาห้าม ก็ยิ่ง
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ชายหญิงวัยรุ่นตอนปลายทั้งสองก็ยังหาเรื่องคุยกันไปเรื่อยๆ โดยไม่ปล่อยให้บรรยากาศในรถเงียบเลยสักนาที ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับโครงการที่พี่พลอยใสเคยทำมาก่อนนั่นแหละ และฉันก็ได้รับรู้ว่าเธอเป็นนักวิจัยสาวมากความสามารถ แถมยังจบปริญญาโทด้านนี้โดยตรงจากมหาลัยชื่อดังของประเทศแทบยุโรปที่การทดลองทางวิทยาศาสตร์เป็นเลิศอีกด้วย เชื่อแล้วที่เขาชอบพูดกันว่าผู้ทั้งสวยและเก่ง มักจะโสดในที่สุด รถเลี้ยวเข้าจอดหน้าประตูทางเข้าสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งรายล้อมด้วยอาคารสูงหลายหลัง จากจุดนี้ มองไปจนสุดลูกหูลูกตาก็ยังไม่เจอทางสิ้นสุด เดาว่าพื้นที่โดยรวมคงกว้างขวางน่าดู
“ว่าแต่เฮียเหอะ รั้งท้ายเพื่อนได้ไงเนี่ย ฉันยังแปลกใจอยู่เลย เพราะคนที่โสดน่าจะเป็นเฮียฟิวส์มากกว่าอีก”ทันทีที่จบประโยค ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหน้าฉันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของท่าทาง ศีรษะที่ตั้งตรงในตอนแรก เอี้ยวหันกลับมาทางซ้าย“ก็คนที่ชอบ เขาก็ไม่ได้ชอบเฮียนี่หว่า ทำไงได้ล่ะ”ฉันรีบเลื่อนมองออกนอกรถ เพื่อหลีกเลี่ยงการประสานสายตา ทั้งที่ไม่คิด แต่มันก็ยังรู้สึกว่าผู้หญิงที่เขาพูดถึง คือตัวเอง...นั่นทำให้อัตราการเต้นของหัวใจฉันเร็วขึ้นเล็กน้อย“จริงดิ มีผู้หญิงไม่ชอบเฮียด้วยเหรอวะ” คู่สนทนามีน้ำเสียงที่ค่อนข้างประหลาดใจ ราวกับไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเขายังงั้นแหละเฮียไวน์ไม่ได้ตอบกลับ แต่เปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่นแทน“ว่าแต่ ทำไมอยู่ ๆ ย้ายมานี่ได้วะ ไหนบอกจะไม่กลับมาแล้ว”“ไม่รู้ดิ เขาเห็นว่าฉันเป็นคนไทยมั่ง ก็เลยส่งมา”ซึ่งฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขาคุยกันถึงเรื่องอะไร…“เอ่อ ลืมบอกเลย” เฮียไวน์ ขยับยื่นหน้ามาตรงกลาง “พลอยใส เ






![จิรัติพันประดับ [เซตเกี่ยวรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
