Home / มาเฟีย / Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ / บทที่ 4 : ตีตรานางบำเรอ

Share

บทที่ 4 : ตีตรานางบำเรอ

Author: Hz.Bloom
last update Last Updated: 2025-11-08 06:11:52

รถหยุดนิ่งในลานจอดรถใต้ดินที่มืดและไร้สรรพเสียง ร่างบางถูกกระชากลงจากรถอีกครั้ง ถูกลากเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัว ความเร็วของลิฟต์ทำให้หูอื้อ

ติ๊ด

ประตูเหล็กหนักๆ เปิดออก ลลิลถูกผลักเข้าไปด้านใน

ปัง!

เสียงล็อกอัตโนมัติดังสนั่น ปิดกั้นทางหนีทุกเส้นทาง

ที่นี่ไม่ใช่คุก แต่มันคือเพนต์เฮาส์หรู คือ 'กรงทอง' คือ 'เซฟเฮาส์'

ลลิลสำรวจห้องอย่างหวาดกลัว ทุกอย่างหรูหราจนน่าอึดอัด พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบใต้ฝ่าเท้าที่บอบช้ำ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นมีราคา แต่กลับไร้ชีวิตชีวา ทุกอย่างเป็นสีขาว เทา และดำ เหมือนตัวตนของธนาทัศ

กระจกบานใหญ่จรดเพดาน เผยให้เห็นแสงไฟระยิบระยับของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน สวยงาม แต่เป็นความสวยงามที่ลลิลไม่มีวันได้สัมผัส

ร่างบางเดินเข้าห้องน้ำ น้ำอุ่นที่ไหลรดร่าง ชะล้างคราบเลือดและสิ่งโสโครกจากตรอก ลลิลขัดถูผิวเนื้ออย่างแรง ขัดจนแดง ขัดราวกับจะลบรอยสัมผัสของพวกอันธพาล ลบความทรงจำในตรอก และลบสายตา 'ประเมินค่า' ของธนาทัศ

ลลิลมองเงาสะท้อนในกระจก รอยฟกช้ำม่วงเขียวปรากฏชัดบนผิวเนื้อที่ขาวจัด ร่องรอยจากพวกอันธพาล ร่องรอยจากการถูกกระชากขึ้นรถ 'สินค้ามีตำหนิ' ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัว

เมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายจะมา นี่คือการยอมรับข้อตกลง หรือแค่การขังไว้รอฆ่า

ในคืนที่สาม ท่ากมกลางความเงียบที่เกือบจะทำให้ลลิลเป็นบ้า

คลิก

เสียงปลดล็อกดิจิทัลดังขึ้น เบาแต่ก้องกังวานในโสตประสาท ร่างบางที่ขดตัวอยู่มุมห้องแข็งทื่อ หัวใจกระตุกแรง

ประตูบานหนักเปิดออก ร่างสูงสง่าก้าวเข้ามา เงาร่างทอดทาบทับร่างบางจนมิด ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในชุดสูทเต็มยศเหมือนวันแรก เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมบน แขนเสื้อพับขึ้นอย่างลวกๆ เผยให้เห็นท่อนแขนที่แข็งแรง และกลิ่นแอลกอฮอล์ วิสกี้ราคาแพงโชยฟุ้งออกมาจากกายสูง กลิ่นที่ทำให้เจ้าของร่างยิ่งดูน่ากลัว เพราะคาดเดาไม่ได้

ชายหนุ่มไม่มองลลิลด้วยซ้ำ ราวกับร่างบางเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในห้อง ร่างนั้นเดินตรงไปที่มินิบาร์ หยิบขวดแก้วเจียระไนขึ้นมา เตรียมจะรินเหล้าเพิ่ม

นี่คือโอกาสเดียว ลลิลคิดต้องพิสูจน์ว่ามีประโยชน์ ต้องทำตามข้อเสนอ

ร่างบางฝืนร่างกายที่เกร็งแข็ง ก้าวออกจากมุมมืด มือที่สั่นจนควบคุมไม่ได้ยื่นออกไป พยายามจะจับขวดเหล้าจากมือหนา

"ฉันรินให้ค่ะ"

ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย เหลือบมอง 'สิ่งของ' ที่ขยับได้เป็นครั้งแรก แววตาเย็นชา แล้วปล่อยมือจากขวด ปล่อยให้ทำ

ลลิลมือสั่นจนน้ำสีอำพันกระฉอกหกเล็กน้อย หยดลงบนพื้นหินอ่อน ร่างบางสะดุ้ง กลัวจะถูกลงโทษ กลัวจะถูกโยนกลับไปในตรอกมืดนั่น

ร่างสูงมองนิ่ง ไม่พูดอะไร รับแก้วไป

เมื่อร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหนังตัวใหญ่ เสียงหนังโซฟาดังเอี๊ยดอ๊าดเล็กน้อย ลลิลก็ทรุดตัวลงคุกเข่าที่พื้นเบื้องหน้า ย้ำสถานะเดียวกับที่ทำในตรอก พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบเสียดแทงหัวเข่า

มือเล็กๆ ที่สั่นเทา ค่อยๆ เอื้อมไปถอดรองเท้าหนังราคาแพง นิ้วมือเย็นเฉียบ กลัวแม้แต่จะสัมผัส หนึ่งข้าง แล้วอีกหนึ่งข้าง

ร่างบางกลั้นหายใจ หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอก นี่คือการแสดงเจตนา 'เสนอตัว' ที่ชัดเจนที่สุด นิ้วมือที่เย็นเฉียบและสั่นเทา ค่อยๆ เลื่อนขึ้นไป ช้าๆ จนมาหยุดที่หัวเข็มขัดโลหะมันวาวของร่างสูง

ทันทีที่นิ้วแตะ

หมับ!

มือใหญ่และแข็งแกร่งของร่างสูงคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กๆ บีบแน่น แน่นจนเจ็บ กระดูกแทบแหลกคามือ หยุดทุกการกระทำของลลิลไว้

ธนาทัศบีบข้อมือของลลิลแน่น กระดูกข้อมือเล็กๆ แทบแหลกคามือ ลลิลเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาคู่นั้น เย็นชา ว่างเปล่า กลิ่นเหล้าปนลมหายใจอุ่นๆ รดใบหน้า ลมหายใจที่ทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน

ร่างสูงถามด้วยสายตาเย็นชา "เคยผ่านผู้ชายมาก่อนไหม"

ลลิลตัวแข็งทื่อ คำถามนั้นเหมือนน้ำเย็นที่สาดใส่ ควรตอบว่าอะไร ถ้าตอบผิดจะถูกฆ่าหรือไม่ ร่างบางทำได้เพียงส่ายหน้าปฏิเสธทั้งน้ำตา น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ ไหลทะลักออกมา

ธนาทัศปล่อยข้อมือเล็กๆ นั้นออก แต่ไม่ได้ลุกขึ้น ร่างบางยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ระยะห่างที่ใกล้จนน่ากลัว แรงผลักเบาๆ ที่หน้าอกส่งให้ลลิลหงายหลังเล็กน้อย ร่างบางใช้ศอกยันพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบไว้ ตกอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน

"จำเป็นต้องตรวจสอบสินค้าให้แน่ใจ"

มือใหญ่ที่ว่างอยู่เอื้อมมา ไม่ใช่การสัมผัสที่อ่อนโยน แต่เป็นการ 'กระชาก' กระดุมเสื้อเชิ้ตที่คนรับใช้นำมาให้เปลี่ยน ถูกดึงทึ้งจนขาด

เสียงผ้าขาดดัง แคว่ก สาบเสื้อถูกแบะออก เผยให้เห็นไหปลาร้าที่สั่นระริก และเนินอกที่ขาวจัด

ร่างบางสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ พยายามยกมือขึ้นมาปิดบังร่างกาย แต่ถูกมือหนาคว้าข้อมือทั้งสองข้าง ตรึงไว้กับพื้นเหนือศีรษะ ด้วยมือเพียงข้างเดียว

หญิงสาวดิ้นรน แต่แรงที่น้อยนิดเหมือนลูกนกในกำมือพญาเหยี่ยว

"อยู่นิ่งๆ" เสียงสั่งนั้นเย็นเยียบ

เมื่อร่างบางหยุดดิ้นรนเพราะความกลัว มืออีกข้างของธนาทัศก็เริ่ม 'ตรวจสอบ' สายตาคมกริบไล่มอง เหมือนผู้เชี่ยวชาญประเมินราคาสิ่งของ สายตาหยุดลงที่รอยฟกช้ำจางๆ บริเวณหัวไหล่

"มีตำหนิ" นิ้วหัวแม่มือหยาบกร้าน กดลงบนรอยช้ำนั้น ไม่ใช่การปลอบโยน แต่เป็นการ 'บดขยี้' ลลิลนิ่วหน้า กัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือด กลั้นเสียงสะอื้น

ปลายนิ้วเย็นเฉียบของธนาทัศ ลากไล้จากรอยตำหนินั้น ผ่านเนินอกที่สั่นไหวตามจังหวะหายใจ ผ่านซี่โครงที่ผอมบาง ลากลงมา หยุดที่เอวคอด ฝ่ามือใหญ่วางทาบลงไป วัดขนาดประเมิน

"ผอมไป" ร่างสูงพึมพำ ราวกับไม่พอใจในตัวสินค้าเล็กน้อย

ลลิลหลับตาแน่น น้ำตาไหลไม่หยุด ร่างกายเกร็งแข็ง ทุกสัมผัสของอีกฝ่ายราวกับเหล็กร้อนนาบลงบนผิว ความอัปยศ ความหวาดกลัว ร่างบางสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อรับรู้ว่าการตรวจสอบยังไม่จบ

มือที่วางอยู่บนเอว เลื่อนต่ำลง ช้าๆ เชื่องช้า ทว่าหนักแน่น มุ่งไปยังจุดอ่อนไหวที่สุด จุดที่ยืนยันคำตอบของร่างบาง

นิ้วมือเย็นเฉียบ สอดแทรกผ่านขอบกางเกงนอนเนื้อบาง แตะลงบนผิวเนื้อนุ่ม ณ จุดเร้นลับ จุดที่ไร้เดียงสา ไม่เคยมีใครแตะต้อง

ลลิลสะดุ้งเฮือกร่างกระตุกเกร็งอย่างรุนแรง

แต่ธนาทัศยังไม่หยุด ร่างสูงโน้มใบหน้าต่ำลง เคลื่อนผ่านหน้าท้องที่เกร็งแข็ง มุ่งไปยังจุดเดียวกับที่นิ้วมือกำลังสำรวจ

ริมฝีปากเย็นเฉียบ กดลงบนผิวเนื้ออ่อนนุ่มนั้น ปลายลิ้นแตะสัมผัส เป็นการ 'ชิม' อย่างโจ่งแจ้ง

ลลิลกรีดร้อง แต่เสียงกรีดร้องที่ไร้เสียงดังอยู่ในลำคอ ร่างกายบิดเร่าด้วยความอัปยศ นี่มันยิ่งกว่าฝันร้าย

การ 'ตรวจสอบ' เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที แต่มันยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์

ธนาทัศผละใบหน้าออก ชักมือกลับ ความเย็นชาในดวงตา ฉายแวว 'พอใจ' ขึ้นมาแวบหนึ่ง ไม่ใช่ความพอใจในอารมณ์ แต่เป็นความพอใจที่ 'สินค้า' ตรงตามที่ระบุ

เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเอง "หวาน" ตามด้วยคำยืนยัน "ของใหม่"

ร่างสูงจ้องมองใบหน้าที่ซีดเผือดและเปียกชุ่มด้วยน้ำตา ดวงตาคมกริบไร้แววสงสาร

"ฉันชื่อ ธนาทัศ" ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ต่อไปนี้เรียกฉันว่า คุณทัศ"

"ส่วนเธอ" แววตาเย็นชาเหลือบมองร่างกายที่เปลือยเปล่า "คือนางบำเรอของฉัน"

"จำหน้าที่ของตัวเองไว้"

ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปล่อยข้อมือของลลิลให้เป็นอิสระ หันหลัง วางแก้วเหล้าที่ยังเหลือครึ่งหนึ่งลงบนโต๊ะ "ใส่เสื้อผ้าซะ"

ธนาทัศเดินออกจากห้องไปดื้อๆ ราวกับเพิ่งเช็กสต็อกสินค้าเสร็จสิ้น

ปัง! เสียงประตูล็อกอัตโนมัติกลับมาทำงาน ดังสนั่น ในความเงียบ

ทิ้งให้ลลิลต้องเผชิญกับความหวาดหวั่น ร่างบางยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้นหินอ่อนที่เย็นเฉียบ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกเย็นเยียบจากปลายนิ้ว และรสสัมผัสจากริมฝีปากของธนาทัศ ยังคงติดตรึงอยู่ที่จุดอ่อนไหวนั้น

หญิงสาวพยายามรวบรวมสติ ดึงเสื้อที่ขาดวิ่นเข้าหากัน พยายามติดกระดุมที่ไม่มีเหลือ มือสั่นจนทำอะไรไม่ถูก

'นางบำเรอ' คำคำนี้ มันคือการยอมรับข้อตกลงแล้วใช่หรือไม่ และอะไรคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ในกรงทองแห่งนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 12 : ตุ๊กตาบนรถ

    เสียงดนตรีคลาสสิกและเสียงผู้คนจอแจจากงานเลี้ยงจางหายไปทันทีที่ประตูบานหนักของปีกบริการปิดลง ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าของเดชที่ดังเป็นจังหวะ และเสียงลากร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของลลิลมือขวาคนสนิทของธนาทัศไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากประโยคสุดท้ายที่แสนเยือกเย็นนั้น มือที่บีบต้นแขนของร่างบางไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก ลากหญิงสาวผ่านโถงทางเดินที่สว่างจ้า ตรงไปยังประตูทางออกฉุกเฉินความอัปยศแล่นริ้วไปทั่วร่าง ลลิลไม่ได้ถูกลากกลับเข้าไปในงานเลี้ยง ไม่ได้ถูกประจานต่อหน้าแขกเหรื่อ แต่นี่อาจจะเลวร้ายกว่า การถูกลากเหมือนซากสัตว์ที่ไร้ค่าออกทางประตูหลัง ตอกย้ำสถานะ 'ทรัพย์สิน' ที่เสียหายของร่างบางเท้าเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและคราบดิน ก้าวสะเปะสะปะไปบนพื้นปูนเย็นเฉียบ ชุดราตรีสีแดงสดที่เคยงดงาม ตอนนี้ขาดวิ่นและเปรอะเปื้อนจนดูน่าสมเพชเดชลากร่างบางมาจนถึงลานจอดรถด้านหลังที่มืดสลัว รถลีมูซีนสีดำสนิทคันเดิมจอดรออยู่ เครื่องยนต์ติดอยู่ แต่เงียบกริบราวกับสัตว์ร้ายที่รอคอยเหยื่อประตูหลังฝั่งหนึ่งถูกเปิดออกโดยคนขับรถที่ยืนรออย่างนอบน้อม เดชไม่พูดพร่ำทำเพลง มือหนาผลักร่างที่ไร้วิญญาณของลลิลเข้าไปด้านในอย่างไ

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 11 : กลับสู่กรง

    รั้วเหล็กตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบก้าว ลมหายใจของลลิลขาดห้วง ร่างกายที่บอบช้ำจากเมื่อคืนก่อนถูกผลักดันด้วยสัญชาตญาณเฮือกสุดท้าย เท้าเปล่าที่เหยียบย่ำบนหญ้าเปียกชื้นไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไปความหวัง...มันคือสิ่งเดียวที่ขับเคลื่อนร่างบางในตอนนี้อีกแค่สิบก้าว...อีกห้าก้าว... มือเล็กยื่นออกไปข้างหน้า ปลายนิ้วสั่นเทาเกือบจะสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบของโลหะธาตุแห่งอิสรภาพแต่แล้วร่างบางที่พุ่งทะยานก็หยุดชะงักกะทันหันราวกับชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นไม่ใช่กำแพง แต่เป็นเงาร่างหนึ่งที่ก้าวออกมาจากเงามืดของต้นไม้ใหญ่ เงามืดที่ลลิลกำลังจะใช้เป็นที่หลบซ่อนนั่นเองร่างหนาไม่ได้วิ่งไล่ตาม ไม่ได้รีบร้อน ชายคนนั้นเพียงแค่ก้าวออกมา 'ยืนขวาง' อย่างใจเย็น ราวกับยืนรออยู่ตรงนั้นนานแล้วร่างที่กำลังพุ่งทะยานชะงักกึก ร่างกายเสียหลักเกือบล้มลงบนพื้นหญ้าที่ลื่นชื้น หัวใจที่เคยเต้นรัวด้วยความหวัง หล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม และหยุดเต้นไปชั่วขณะแสงจันทร์สลัวสาดส่องลงมาเผยให้เห็นใบหน้าที่เรียบเฉย ไร้ความรู้สึกแต่ลลิลจดจำได้แม่นยำ'เดช'มือขวาคนสนิทของธนาทัศความหวังทั้งหมดที่เคยลุกโชน

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 10 : ปีกที่ถูกเด็ด

    ลลิลยืนนิ่งเป็นตุ๊กตาประดับห้อง แก้วแชมเปญในมือสั่นระริกจนของเหลวสีอำพันเกือบจะกระฉอกออกมา มืออีกข้างกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความเจ็บปวดทางกายเทียบไม่ได้เลยกับความอัปยศที่แผดเผาอยู่กลางอกคำพูดของธนาทัศยังคงดังก้อง 'เห็นไหม เธอมี 'ประโยชน์' แล้ว'ประโยชน์...คำนี้ช่างน่ารังเกียจ ประโยชน์ของร่างบางคือการถูกใช้เป็นเครื่องมือตบหน้าคนอื่น คือการถูกตีตราต่อหน้าสาธารณะด้วยจูบที่ไร้ความรู้สึก จูบที่อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอย่างป่าเถื่อนลลิลเหลือบมองร่างสูงที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มกลับเข้าสู่บทบาทนักธุรกิจผู้ทรงอำนาจได้อย่างไร้รอยต่อ พูดคุย หัวเราะเบาๆ กับกลุ่มนักการเมือง โดยไม่หันมามอง 'ถ้วยรางวัล' ที่เพิ่งใช้งานไปแม้แต่น้อยร่างสูงคงคิดว่าลลิลสิ้นฤทธิ์แล้ว คงคิดว่าการ 'ซื้อขาด' ในคืนนั้น และการ 'ลงทัณฑ์' ด้วยจูบเมื่อครู่ ได้ทำลายศักดิ์ศรีของร่างบางจนหมดสิ้นแล้วใช่...ศักดิ์ศรีของลลิลถูกขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี แต่มันไม่ได้ดับไฟในใจของหญิงสาว มันกลับจุดไฟแห่งความเกลียดชังและความปรารถนาที่จะหนีให้ลุกโชนขึ้นมาแทน'ฉันต้องหนี'ความคิดนั้นชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหนร่างบางกวาดสายตามองไปรอบห้อ

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 13 : บทลงโทษของอสูร

    เท้าเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนครูดไปกับพื้นปูนเย็นเฉียบของลานจอดรถ ลลิลไม่มีเวลาแม้แต่จะทรงตัว ร่างบางถูกลากกึ่งจูงให้ก้าวตามแผ่นหลังกว้างของธนาทัศที่เดินนำลิ่วไปยังลิฟต์ส่วนตัวบรรยากาศภายในกล่องเหล็กนั้นน่าอึดอัดยิ่งกว่าในรถ หญิงสาวยืนตัวสั่นอยู่มุมหนึ่ง โดยมีเดชยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ ขณะที่ร่างสูงของผู้เป็นนายยืนกอดอกนิ่งมองตัวเลขชั้นที่เลื่อนขึ้นอย่างใจเย็นติ๊งประตูลิฟต์เปิดออกยังชั้นเซฟเฮาส์ร่างบางถูกกระชากออกจากลิฟต์ และถูกผลักอย่างแรงจนร่างทั้งร่างปลิวเข้าไปในห้องนอน หญิงสาวเสียหลักล้มลงบนเตียงนุ่มอย่างไม่ออมแรงความทรงจำอันเลวร้ายจากสถานที่แห่งนี้หวนกลับมาจู่โจมทันทีปัง!เสียงประตูห้องปิดตามหลัง พร้อมเสียงล็อกอัตโนมัติที่ดังสนั่น ลลิลสะดุ้งสุดตัว รีบตะเกียกตะกายทรงตัวลุกขึ้นนั่งดวงตาทั้งสองข้างฉายแววความกลัวออกมาอย่างปิดไม่มิด เมื่อเห็นร่างสูงสง่าของธนาทัศก้าวตามเข้ามาในห้อง ร่างบางพยายามที่จะถอยหลังหนีไปอีก จนกระทั่งแผ่นหลังบอบบางแนบสนิทกับหัวเตียงชายหนุ่มปลดเนกไทสีดำออกจากลำคอแกร่งอย่างเชื่องช้า"นี่คือโทษสำหรับการหลบหนีของเธอ"ธนาทัศไม่พูดเปล่า ร่างสูงจับข้อมือเล็กไว้

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 9 : จูบเย้ยหยัน

    แทนที่จะเดินหนี ธนาทัศกลับจูงลลิล ลากผ่านฝูงชนที่แหวกทางให้ เหมือนคลื่นทะเลที่แยกออกให้พญาราชสีห์เดินผ่าน เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นรอบทิศทาง ตอกย้ำสถานะ 'ของเล่นชิ้นใหม่'ทุกย่างก้าวหัวใจของลลิลหล่นวูบ'โกหก!' ความคิดนั้นเหมือนฟ้าผ่า 'กำลังจะส่งมอบฉันเดี๋ยวนี้!'ร่างบางพยายามดึงแขนกลับ ต้านทานแต่ไร้ผล มือใหญ่ของธนาทัศ บีบลงบนแขนเล็ก แน่นเหมือนคีมเหล็ก เป็นการเตือน 'อยู่นิ่งๆ' คำขู่เมื่อคืนดังก้องในหัวทั้งคู่มาหยุดตรงหน้าชายแก่ร่างท้วมคนนั้น"อา...สวัสดี คุณทัศ ผู้ยิ่งใหญ่" ชายแก่หัวเราะ เสียงดังกลบเสียงดนตรี สายตาตะกละตะกรามยังคงไม่ละไปจากลลิล"และนี่คงเป็น..." ชายแก่หันมามองลลิล ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า "ดอกไม้ที่งดงามที่สุดในคืนนี้"ชายแก่พยายามจะคุยกับลลิลโดยตรง "ไม่ทราบว่าดอกไม้นี้ ชื่ออะไร"ลลิลก้มหน้าเม้มปากแน่น ร่างบางสั่นสะท้านด้วยความกลัวจนควบคุมไม่ได้ ธนาทัศยิ้ม แต่ตาไม่ยิ้ม ร่างสูงตอบราวกับลลิลไม่มีตัวตน "เด็กคนนี้ไม่มีชื่อหรอกครับ เจ้าสัว""แต่มี 'ราคา'"คำว่า 'เจ้าสัว' ทำให้ร่างบางยิ่งสั่นสะท้าน นี่คือชายแก่ที่ร่างสูงพูดถึงในห้องทำงาน คนที่ร่างบางเกือบถูก 'ขาย' ให้"ยอดเยี

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 8 : เกมที่เดิมพันด้วยชีวิต

    แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านหนา ลลิลลืมตาขึ้นบนพื้นกระเบื้องที่เย็นเฉียบ ร่างกายยังคงเปลือยเปล่าใต้ชุดคลุมอาบน้ำที่ชื้นแฉะ ร่างกายปวดร้าว โดยเฉพาะความระบมช้ำ ณ จุดเร้นลับที่ถูกย่ำยีเมื่อคืน ทำให้ทุกการขยับตัวคือความทรมาน จิตใจ ว่างเปล่า'รอดแล้ว' ความคิดนั้นแวบเข้ามา 'อย่างน้อยก็ไม่ถูกขาย' ร่างบางจำคำพูดของธนาทัศได้'ฉันตกลง' แต่ความโล่งใจนั้นถูก 'ราคา' ที่ต้องจ่ายกลบจนหมดสิ้นคลิกเสียงปลดล็อกดิจิทัลดังขึ้น ตรงเวลา ลลิลสะดุ้ง แต่ไม่ได้ซ่อนตัว 'ทีมงาน' ชุดเดิม ผู้หญิงในชุดยูนิฟอร์มหน้าหุ่นยนต์สองคน ก้าวเข้ามา ครั้งนี้ ลลิล 'ไม่ต่อสู้' ร่างบางรู้แล้วว่ามันไร้ประโยชน์หญิงสาวยอมเป็น 'ตุ๊กตาไร้ชีวิต' ฝืนพยุงร่างลุกขึ้น ไม่ขัดขืน ยืนนิ่ง ปล่อยให้สายตาเย็นชาเหล่านั้นสำรวจ ปล่อยให้พวกนั้นจับร่างอาบน้ำอุ่นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่การขัดล้างที่เจ็บแสบ แต่คือการ 'บำรุง' อีกครั้งตามที่เดชสั่งโลชั่นและน้ำมันหอมราคาแพงถูกชโลมลงบนผิว เหล่าผู้รับใช้นวดวนโลชั่นอย่างเป็นกลาง ไร้อารมณ์ มือเย็นชาเหล่านั้นไม่สนใจ แม้จะต้องสัมผัสโดนรอยแดงเป็นจ้ำๆ บริเวณซอกคอและหัวไหล่ ร่องรอยความเป็นเจ้าของที่ธนาทัศขบเม้มทิ้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status