MY SISTER "แต่ก้อนะ...นายเป็นเกย์ คงไม่รู้หรอก" "เหอะ!!!...แค่ครั้งเดียว ช้านไม่นับ" นีรดา สุระเวช... หนูดา อายุ 26 ปี Planner บริษัท Y สวย เก่ง ฉลาด ภายนอกเข้มแข็ง แต่ข้างในอ่อนแอ่มาก ไม่ยอมคน รักความยุติธรรมเป็นที่สุด "เหอะ!!! จะลองป่ะหล่ะ" "ใครบอกครั้งเดียว...ทั้งคืนต่างหาก" ปฐพี เดชาพิพักษ์...ดิน อายุ 22 ปี เรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่มหาลัย A ปี 4 หล่อ ดุ เถือน รักอิสระ ชอบความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบผูกมัด และดูเหมือนไม่ชอบผู้หญิง แต่เขาแค่รำคาญนิสัยผู้หญิงต่างหาก
View Moreซ่าาาา……...ปึก
อร๊ายยยยย!!!!!
ทันที...ที่น้ำในแก้วที่ฉันถือมาลอยไปอยู่บนหน้าของผู้หญิงคนนั้นจนหมด แก้วเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรงเพื่อแสดงให้กลุ่มคนตรงหน้ารู้ว่าฉันโกรธมาก และตามมาด้วยเสียงกรี๊ดของหญิงสาววัยแรกรุ่นที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน แต่ดันปากดี ฉันไม่รู้หรอกว่ายัยนี้เด็กใคร แต่คงเส้นใหญ่มากถึงได้มาทำงานที่นี่ได้ เพราะเธอทำงานไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ขนาดฉันที่ทั้งสวยและเก่ง กว่าจะเข้าได้ก็แทบแย่ แต่เพราะอารมณ์ไง ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น แล้วเป็นไงล่ะทีเนี้ย เฮ้ออออ!!!
“คุณนีรดาร์ เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม”
“คุณนีรดาร์!!!!!”
“คะๆๆๆๆ”
เสียงตะคอกของผู้จัดการทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ หลังจากที่จัดการยัยเด็กนั่นเรียบร้อย ฉันก็ถูกเรียกเข้ามาในห้องเย็นเกือบชั่วโมงและไม่มีท่าทีว่าจะได้ออกไป ถ้าเทียบกับสมัยเป็นนักเรียนก็คงหมายถึงห้องปกครองที่ไม่มีใครอยากเข้ามา แต่ฉันจับใจความที่คุณผู้จัดการพูดไม่ได้สักอย่างเพราะมัวแต่คิดถึงคำที่ยัยนั่นพูด ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แต่เอ๊ะ...เมื่อกี้เหมือนได้ยินย้ายๆ อะไรย้าย
“ผู้จัดการว่ายังไงนะคะ”
“เฮ้อออ!!! ผมบอกว่า คุณต้องย้ายไปประจำที่เชียงใหม่” เขาถอนหายใจแรงหนึ่งครั้งแล้วบอกกับฉันช้าๆ ชัดๆ
"ฮะ!!"
“ผมช่วยคุณได้เท่านี้แหละ ความจริงเพราะคุณเป็นคนเก่ง ผมก็อยากให้คุณไปช่วยที่นู่นด้วย แต่ดันเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ผมก็เลยไม่ต้องขอความเห็นจากคุณ”
เหวอ....เลยฉัน เชียงใหม่เลยนะนั่น แล้วพ่อกับแม่จะอยู่ยังไง แต่เพราะฉันตกงานไม่ได้ พ่อต้องใช้เงินเยอะในการรักษาตัว จะทำยังไง ทำไงดี ยัยหนูดาเอ๊ยยยย...ถึงคราวซวยแล้ว
“แล้วเงินเดือนฉันจะขึ้นไหมคะ มีค่าอะไรให้พะ….”
ปังงงงงง!!!!
“นี่คุณ!!!! นั่นน่ะลูกกรรมการบริษัทเลยนะ ไม่โดนไล่ออกก็ดีแค่ไหนแล้ว” นั่นงะ...รู้อยู่แล้วไม่น่าถาม เสียงตบโต๊ะดังขึ้นทั้งที่ฉันยังพูดไม่จบ เกรี้ยวกราดได้ตลอดจริงๆ
“ค่ะ…”
ฉันทำได้แค่ก้มหน้ารับกรรมที่ยัยเด็กนั่นเป็นคนก่อ แล้วเดินออกมาจากห้องของผู้จัดการ เฮ้ออออ!!! ยัยเด็กนั่นต้องเป็นคู่เวรคู่กรรมของฉันแน่ๆ ฉันอยู่ที่นี้มาตั้ง 4 ปีไม่เคยมีปัญหากับใคร นึกแล้วก็ขึ้น กล้าดียังไงมาหาว่าฉันขายตัว ฉันรักศักดิ์ศรีของฉันเป็นที่สุด แต่ก็นะ...ถือว่าไปเอาประสบการณ์ละกัน
ติ๊ง...ติ๊ง
ลูกปลา : เป็นไงมึง
แมนนี่ : ไม่โดนไล่ออกใช่ปะมึง
พริกแกง : นั้นดิ นั้นดิ เล่ามา
ฉัน : โดนย้ายยยย
แมนนี่ : โอ้...แม่เจ้า
พริกแกง : ไปไหนมึง
ลูกปลา : พระราม 2 อยุธยา หรือนครปฐม
ฉัน : เชียงใหม่
ฉัน : เป็นงะ ช็อกมะล่ะพวกมึง
ฉันกดปิดเครื่องในทันทีเพราะรู้ว่าพวกมันต้องโทรมา ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยกับใครทั้งนั้นขอเวลาทำใจสักพัก ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยห่าง พ่อกับแม่เลย ตายๆๆๆ งานนี้ตายแน่ๆ
@บ้าน
แกร๊กก...แกร๊ก
“แม่คะ หนูกลับมาแล้วค่ะ”
ฉันเปิดประตูเข้ามาในบ้านแต่ไม่พบใคร จึงร้องหาผู้เป็นมารดาแล้วเดินไปล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวใหญ่ตรงห้องนั่งเล่น ราวกับว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อ
พรึบบบบ.....
“ทำไมกลับเร็วจังลูก”
เสียงคุ้นหูเอ่ยถามและเดินตรงมายังห้องนั่งเล่นพร้อมกับหอบผ้าในมือ ท่านว่างหอบผ้านั่นลงบนโต๊ะแล้วหย่อนสะโพกลงข้างฉันพลางเอามือมาแตะหน้าผาก คล้ายกับจะเช็กดูว่าฉันยังสบายดีอยู่รึเปล่า
“ไม่สบายรึเปล่าลูก หน้าซีดๆ”
“เปล่าจ๊ะแม่ หนูดาสบายดี”
ฉันฉีกยิ้มพร้อมกับจับมือของท่านมาหอม มาแนบหน้า แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ความจริงต่อจากนี้ฉันจะทำแบบนี้ในทุกวันไม่ได้อีกแล้ว ความจริงฉันกลับมาหาท่านทั้งสองได้ทุกอาทิตย์แหละ แต่ฉันต้องประหยัดยังต้องจ่ายค่ารักษาอีกเยอะ คงต้องรอแค่วันหยุดยาว ปีหนึ่งก็สามสี่ครั้งเอง ฉันต้องคิดถึงพวกท่านมากแน่ๆ
“เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำมาให้นะ”
หลังจากที่แม่ลุกไป ฉันก็ตรงไปยังห้องของใครคนหนึ่ง ที่นอนอยู่แต่บนเตียงมานานหลายเดือน เขาคือพ่อของฉันเอง ท่านประสบอุบัติเหตุจนเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ฉันสงสารท่านเหลือเกิน แต่หมอบอกว่ามีโอกาสหายเป็นปกติ ฉันจึงทำทุกวิถีทางให้ท่านหาย เสียเงินเท่าไรฉันก็ยอม และนี่คือสาเหตุที่ฉันตกงานไม่ได้ รายได้มาจากฉันทางเดียว แม้แม่จะช่วยฉันด้วยการหาโน้นหานี้มาทำแต่มันก็ไม่พอหรอก ถ้าฉันไม่มีงานทำพวกเราแย่แน่ เอาว่ะ!!!!....อย่างน้อยก็ได้ค่าครองชีพเพิ่ม ไม่เสียค่าเช่าบ้าน ก็พอไหวอยู่แหละ
“พ่อจ๋า...เป็นยังไงบ้าง วันนี้มีอะไรมาโชว์หนูดาไหม”
ฉันเฝ้าถามและพูดคุยกับท่านทุกวัน ถึงแม้จะไม่มีเสียงตอบกลับแต่ท่านก็รับรู้สิ่งที่ฉันพูด บางวันท่านก็ยิ้ม กระดิกมือ กระดิกนิ้ว นั่นแหละที่พ่อโชว์ให้ฉันดู อาการท่านดีกว่าเมื่อก่อน
“หนูดาต้องไปทำงานที่เชียงใหม่ อาจจะหลายเดือน หรือเป็นปี พ่อต้องเข้มแข็งนะ หนูดาจะอดทน ไม่มีงานไหนได้เงินเยอะเท่านี้หรอก หนูดาไม่อยากหางานใหม่ พ่อเข้าใจใช่ไหม ฮือออๆ”
ฉันพูดไปน้ำตาก็ไหลไปฉันโน้มตัวลงไปกอดท่าน และรับรู้ได้ถึงแรงกอดจากด้านหลัง เรากอดกันอยู่อย่างนั้นนานเท่าไรไม่รู้ รู้แต่ไม่อยากปล่อยอ้อมกอดนี้เลย….. อีกนานแค่ไหนกันฉันถึงจะได้กลับมา แม่บอกว่ามันไม่ไกลเลย ว่าฉันเป็นเด็กขี้แย เรื่องแค่นี้เอง จริงเหรอ...เรื่องแค่นี้จริงเหรอ พวกท่านอาจจะอยู่ได้ เพราะมีคนแวะเวียนไปหาท่านอยู่บ่อยๆ แต่ฉันล่ะจะอยู่ยังไง ฮืออออ...ฮือออๆๆ
แอ๊ดดดดด.......ผมเปิดประตูเข้ามาในบ้านแต่ไม่เห็นคนตัวเล็กนั่น ขึ้นห้องไปแล้วเหรอ ผมกำลังจะเดินขึ้นบันไดแต่ดันได้ยินเสียงกุกกักมาจากในครัว จึงเปลี่ยนเส้นทางทันทีและมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องครัว ผมเห็นเธอกำลังเอื้อมหยิบยาในตู้“อะ...นะ...นาย” ผมเดินเข้าไปช้อนหลังเธอแล้วเอื้อมหยิบยาพร้อมกับที่เธอคงตกใจเลยหันกลับมาดันหน้าอกผมไว้เพื่อไม่ให้ผมใกล้เธอไปมากกว่านี้ แต่ใช้มือข้างเดียว…? อีกข้างต้องเจ็บแน่ๆ ถึงได้ไม่ใช้มัน“อันนี้เหรอ...หืม” ผมหยิบหลอดยานวดลงมาแล้วถามคนตัวเล็กตรงหน้า ดวงตานั่นเพิ่งผ่านการร้องไห้มาสินะ เธอหลบสายตาผม มีอะไรปิดบังแน่ๆ“อืม” เธอหยิบหลอดยาไปจากมือผมและผลักผมออก“เดี๋ยว….”อ๊ะ...โอ๊ยยยย///ผมแค่จับเบาๆ เองนะ ทำไมเจ็บขนาดนี้ รึว่า…“ปล่อย” ผมเลยปล่อยมือออกจากแขนเธอเพราะผมรู้ว่าเธอน่าจะเจ็บมาก“หนูดา...ไปหาหมอไหม” ผมเอ่ยขึ้นขณะที่เธอกำลังจะเดินขึ้นห้อง“...”“คุยกันก่อนดิ…” ผมเดินไปดักหน้าเธอไว้ ทำไมเธอเงียบแปลกๆ นะ ไม่โวยวายเหมือนเก่าเลย“ไอติมเป็นไงบ้าง”“น้องแค่ตกใจ...ไม่ได้เจ็บอะไร”“อืม” อะไรคือ อืม เธอต้องด่าผมดิ ไม่ใช่แบบนี้ อะไรวะเนี่ย“หนูดา...เป็นอะไร”“...” เธอส
วันนี้ดินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลของตามคำแนะนำของคุณหมอคนเดียวของกลุ่ม แต่วันนี้ฉันดูสดชื่นและมีความสุขแบบบอกไม่ถูก ยิ่งได้เห็นหน้าดิน ได้จับ ได้กอด ได้หอมนะ ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่จนยิ้มไม่หุบเลยแหละ คิ คิ“เป็นไรเนี่ย” ดินถามขึ้นระหว่างที่เรานั่งรอหมอเรียกอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์แล้วฉันเอาแต่คล้องแขนเขาพลางใช้จมูกโด่งซุกไปมาอยู่ที่แขนดินแบบนั้นไปยอมปล่อย“ไม่รู้อ่ะ อยากได้กลิ่นตัวดิน” ฉันพูดเสียงอู้อี้เมื่อจมูกยังกดอยู่ที่แขนของเขา รู้สึกเหมือนตัวเองหื่นยังไงก็ไม่รู้ แต่มันห้ามไม่ได้เลยอ่ะ“หื้มม”ฉันเหลือบมองหน้าดินเห็นเขาแอบเขินหน่อยๆ ด้วยนะ คิ คิ น่ารักที่สุดเลย หลัวฉัน...ของฉันคนเดียว“เชิญคุณนีรดาร์ ห้องตรวจ 1 ค่ะ”เอ๊ะ…! เรียกแล้ว ฉันกับดินพากันเดินเข้ามาในห้องตรวจ 1 ตามที่เสียงที่ประกาศเรียกเมื่อกี้ ฉันเห็นหมอผู้หญิงคนนี้แล้วไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่เลย เอาแต่มองดินอยู่ได้ ตั้งแต่นั่งอยู่ตรงนั้นจนฉันขึ้นนอนบนเตียงเพื่อจะอัลตราซาวด์ดูเบบี๋น้อยในท้องฉัน มันก็ตื่นเต้นอยู่หรอกแต่ใจดันจดจ่ออยู่หมอคนนั้นกับหลัวฉันเนี่ยแหละ“ดิน! หันมาหาหนูดา”“ดินดูเบบี๋อยู่ เนี่ยหนูดาดูดิ เห็นไหม” ด
“ดิน สุขสันต์วันเกิดนะ หนูดารักดิน นี้ของขวัญวันเกิด” หนูดาเดินเข้ามากอดผมแล้วพูดขึ้นพร้อมกับยัดบางอย่างใส่มือผมก่อนจะผละออกแล้วทำท่าเขินๆ ผมเลยยกมือขึ้นมาดูว่าเธอเอาอะไรให้ผม“เห่ย!” ผมอุทานเสียงหลง เผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ ลืมความโกรธเมื่อกี้นี้ไปจนหมดสิ้นแล้วดึงหนูดาเข้ามากอดอีกครั้งพลางก้มจูบที่หัวเธอเบาๆ นี้เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลย ผมกำลังจะเป็นพ่อคน เรากำลังจะมีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน เรากำลังจะกลายเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ“หายโกรธนะ ป๊ะป๋า จุ๊บ” หนูดาดันตัวออกแล้วเขย่งขึ้นมาจุ๊บที่ปากผมทีหนึ่ง ผมส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความเล่นใหญ่เล่นจริงของเมียตัวแสบ แต่คำว่า ป๊ะป๋า เนี่ยมันทำให้ผมอยู่ไม่เป็นสุขเลยจริงๆ หน้าร้อนผ่าวไปหมด“หึ ไม่เอาเล่นใหญ่แบบนี้แล้วนะ จะช็อกว่ะ”ปัง...ปังฮิ้ววววว….ฮิ้วววววโห...แม่งเล่นใหญ่จริงว่ะ มีพลุสายรุ้งด้วย..นี่ขนาดวันเกิดยังเล่นใหญ่ขนาดนี้ ถ้างานแต่ง..กูว่ามีนอนในโรงแกล้งกูแหง...หึ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงแซวต่างๆ นานาของให้พวกเวรนั่น“ว่าแต่เพิ่งปล่อย ทำไม” ผมก็อดที่จะสงสัยไม่ได้เพราะหนูดเพิ่งจะตกลงกับป๊าเมื่อไม่กี่วันนี้เองว่าจะมีหลานให้ท่าน“3
ผมออกมาเคลียร์งานที่ผับตั้งแต่เช้าเพราะวันนี้วันหยุด ปกติหนูดาจะเป็นคนทำแต่วันนี้ยัยเตี้ยของผมไม่ค่อยสบาย ผมเลยกะว่าจะมาเคลียร์งานให้เสร็จแต่เช้า สายๆจะได้พาเมียไปหาหมอผมนั่งเคลียร์งานอยู่ในห้องสักพักก็มีคนเปิดประตูห้องทำงานของผมเข้ามาอย่างถือวิสาสะแกร่ก...แอ๊ดดดด“อุ้ย! ขอโทษค่ะ คือป้าไม่รู้ว่านายน้อยจะเข้ามาแต่เช้า” ป้าแม่บ้านวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงแล้วรีบยกมือไหว้ผมด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน นี่ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ“ป้าจะไหว้ผมทำไม ป้าจะทำความสะอาดใช่ไหม ทำเลยครับ ไม่เป็นไร” แล้วผมก็ยกมือไหว้ป้าคืน นรกได้กินหัวผมพอดีให้คนรุ่นราวคราวเดียวกับป๊ามายกมือไหว้แบบนี้ แล้วป้าก็เอามือลงส่งยิ้มมาให้ผมก่อนจะหันไปหยิบอุปกรณ์แล้วทำความสะอาดตามหน้าที่ของท่านครืดดดด...ครืดดดดผมรีบหยิบมือถือออกจากกระเป๋าทันทีเพราะคิดว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเมียแต่ไม่ใช่ เบอร์ใครวะ...ผมเลื่อนสไลด์เพื่อรับสาย“ครับ ผมปฐพี อะไรนะ! ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ผมรีบคว้ากุญแจรถแล้วออกมาจากห้องทำงานทันทีพลางกดมือถือหาเฮียหมอไปด้วย ไอ้เฮียหมอแม่งก็ไม่รับสายซะทีวะ…ตืดดดดด...ตืดดดดด[อะไรของแม่งวะ โทรทำเหี้ยไร]“ไอ้เฮีย มึงรีบไ
“พอๆๆ ไอ้ห่านี่ก็ไม่เกรงใจป๊าเลย ไว้กลับไปทำที่ห้องโน้น ความจริงเรื่องเนี่ยไอ้ดินมันไม่รู้หรอก มันก็เพิ่งรู้ก่อนหน้าหนูไม่นานเนี่ยแหละ แผนป๊าเอง”“ห้ะ! นี่ท่าน” ฉันถึงกับพูดลืมอายไปเลย ไม่เคยคิดเลยว่ามาเฟียที่น่าเกรงขามแบบท่านจะมาทำอะไรเพื่อแกล้งฉันแบบนี้ อะไรเข้าสิงท่าฟ่ะ ทำไมท่านถึงทำแบบนี้นะ เหงาหรือว่าอะไร สองพ่อลูกนี่ทำตัวได้น่าโมโหชะมัด ถ้าไม่ติดว่าเป็นป๊าดินล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยไปแน่...ฉันเลยหันกลับไปหาลูกชายตัวดีของท่านแทน“ไอ้เด็กบ้า กลับไปนายเจอดีแน่”“อ้าว ทำไมเป็นดินอะ” ดินพูดขึ้นหน้าตาเลิ่กลั่กแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงงๆ“ก็ฉันทำท่านได้ไหมล่ะ นายเป็นลูกก็รับไปสิ” ฉันพูดพลางเอามือขึ้นกอดอกด้วยท่าทางฟึดฟัดพอสมควร ความจริงอยากทำมากกว่านี้อีก...แต่ทำไม่ได้“ป๊าเล่นไรเนี่ย เห็นไหมผมซวยเลย” แล้วดินก็หันไปพูดกับป๊าตัวเองอย่างหัวเสีย“ก็ฉันอยากเห็นกะตานี่หว่า ว่าลูกสะใภ้ฉัน ใจเด็ด ใจกล้า อย่างที่เขาพูดกันจริงรึเปล่า แต่เกินคาดไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหนูจะยอมตายแทนลูกชายฉันได้ แกนี่มันโชคดีจริงๆ ฮ่าๆๆ” ท่านพูดขึ้นแล้วเดินเข้าไปตบไหล่ลูกชายตัวเองเบาๆ ก่อนจะหัวเราะขึ้นอย่างชอบใจ
สองอาทิตย์ต่อมา…..หลังจากที่ฉันและดินไปส่งพ่อกับแม่ไปเมกาเพื่อรักษาตัวเสร็จเรียบร้อยก็บินกลับมาที่เชียงใหม่ทันทีเพราะคนของป๊าโทรมาบอกว่าท่านมีเรื่องกับคนในแก๊งที่หักหลังท่านสถานการณ์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แล้วดินก็ดูร้อนใจมาก ฉันลอบมองดินเป็นระยะๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถไฟเหาะ เฮ้อออ...ทำไมเขาถึงขับรถเร็วแบบนี้นะ“ดิน เบาลงหน่อยดีไหม” ฉันเอื้อมมือไปจับแขนดินเพื่อดึงสติเขากลับมา ฉันคิดว่าใจดินคงไปอยู่กับป๊าแล้วละ ดินถอนหายใจออกมาก่อนจะผ่อนคันเร่งลงนิดหนึ่งสักพักรถก็เคลื่อนมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ฉันไม่เคยได้มาสักครั้ง เวลาท่านอยากเจอดินหรือมีงานต้องคุยส่วนมากก็จะไปหาดินที่ผับแล้วก็ภัตตาคารอะไรทำนองนั้นแต่ไม่เคยนัดดินมาที่นี่เลยฉันวิ่งตามดินมาหยุดอยู่กลางห้องโถงใหญ่กลางบ้านแต่ไม่เห็นใครเลย เงียบสงัดจนน่าแปลกใจ ดินก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกันเขาคว้ามือฉันไปจับไว้แน่นแล้วหันซ้ายหันขวามองอย่างระวังตัวพรึบบบบปึกกกก“ดิน”ดินดึงตัวฉันเข้าไปกอดจากหลังแล้วกดหัวลงเหมือนพยายามจะบังตัวฉันไว้จากอะไรสักอย่างก่อนฉันจะได้ยินเสียงของแข็งกระทบเข้าร่างกายดินอย่างจังเพราะฉันสัมผัสได้จากการแรงกระแทกและดินก็ทรุดเ
Comments