แชร์

My Husband 2 - พลาสเตอร์สีหวาน

ผู้เขียน: Siesta
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-21 22:58:51

และ....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

เป็นที่มาของเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้ตอนนี้ฉันมานั่งทำผมทำเล็บอยู่ตรงนี้ เหลือเวลาอีกตั้งเป็นชั่วโมงก่อนที่จะถึงเวลานัด ความรู้สึกเบื่อ ๆ ทำให้ฉันหาข้ออ้างออกจากบ้านก่อนเวลานัด อย่างน้อยก็เอิ่ม...ควรไปทำผมทำเล็บฆ่าเวลาเล่น ๆ ถึงจะเป็นการนัดบอดที่ไม่ได้เต็มใจแต่อย่างไรแล้วคนเราก็ต้องทำตัวให้ดูดีนิดหนึ่งไหม

ฉันเลือกร้านทำผมที่ไม่ไกลจากร้านที่ได้นัดบอดกับผู้ชายคนนั้น เพราะรู้ดีว่าการทำผมทำเล็บแต่ละครั้งกินเวลาเป็นชั่วโมง การได้ทำอะไรแบบนี้เป็นการระบายความเครียดได้เป็นอย่างดีเลยละ

ในขณะที่สายตาฉันมองทอดออกไปนอกกระจกแบบเรื่อยเปื่อย พลันสายตาของฉันบังเอิญไปที่เด็กน้อยคนหนึ่งในวัยไม่ถึงเจ็ดขวบที่กำลังวิ่งอยู่ที่ริมถนนและตอนนี้เด็กน้อยคนนั้น กำลังวิ่งตามลูกบอลกลิ้งออกไปทางม้าลาย

“ตายแล้ว! เด็กนั่น” ฉันเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ พร้อม ๆ กับเสียงหวีดร้องของคนที่เห็นเหตุการณ์อีกหลายต่อหลายคนที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์นั้นด้วยเช่นกัน

“ไม่น่ะ!!”

เอี๊ยดดดดด

เสี้ยววินาทีที่ฉันกลั้นหายใจ ฉันได้ยินเหมือนเสียงเบรกรถดังสนั่นท้องถนนพร้อมกับเสียงหวีดร้องของผู้คน และ....ในชั่วพริบตาท่ามกลางความตกใจของทุกคนรวมทั้งฉัน ฉันเห็นผู้ชายสูงโปร่งใส่สูทสีเทาเข้มคนหนึ่งวิ่งลงมาจากรถหรูอย่างรวดเร็ว

ในช่วงวินาทีอันตรายนั้น! เขาคนนั้นวิ่งเข้ามาดึงตัวเด็กผู้ชายคนนั้นไว้ในอ้อมกอดจนตัวเขาเองไถลไปกับท้องถนน

“โห...โคตรเท่ห์” ฉันเผลออุทานออกมา

นี่ถ้าคนที่ฉันนัดดูตัวเป็นผู้ชายคนนี้ฉันจะรีบเซย์เยสทันทีเลยให้ตายเถอะ

...

ฉันพยายามชะเง้อมองดูเหตุการณ์ด้านนอกกระจก แต่ทว่าเริ่มมีไทยมุงเข้ามามุงดูเป็นจำนวนมากทำให้ฉันมองหน้าผู้ชายที่เป็นฮีโร่คนนั้นไม่ถนัด เสียงฮือฮาจากคนรอบข้างที่บอกว่าเด็กชายไม่เป็นอะไร ทำให้ฉันถึงกับถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอกเมื่อรู้ว่าทั้งชายปริศนาและเด็กน้อยคนนั้นปลอดภัย

เมื่อสถานการณ์กลับมาสู่สภาวะปกติไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ รถเริ่มสัญจรไปมาตามปกติ พอ ๆ กับที่ฉันทำผมเสร็จพอดีฉันเลยรีบข้อตัวออกจากร้านเพราะน่าจะใกล้ถึงเวลานัดพอดิบพอดี

หวังว่าหมอนั่น หมายถึงคู่นัดบอดของฉันน่ะ อย่างน้อยเขาควรมาก่อนเวลานัด

ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเองก่อนผลักประตูร้านเข้าไป

ผิดคาด...ในขณะที่ฉันมาถึงเวลานัดพอดิบพอดี แต่หมอนั่นกลับยังมาไม่ถึง นี่มันอะไรกันพระเจ้า! ฉันเดินมานั่งโต๊ะที่ถูกจองเอาไว้ด้วยความรู้สึกหงุดหงิด คือ...ฉันเข้าใจได้แหละ ว่าหมอนั่นก็คงโดนบังคับและคงไม่อยากมานัดบอดในครั้งนี้ แต่ก็นะ...ในเมื่อมีการนัดหมายกันแล้ว อย่างน้อยตามมารยาทเขาก็ควรต้องมาเป็นพิธี หรืออย่างน้อยถ้าเขาตกลงว่าจะมาดูตัวกับฉันแล้ว เขาก็ควรต้องมาก่อนเวลานัดสิ นี่มันอะไรกัน!

นาทีนี้เป็นฉันเองที่ไม่ประทับใจการนัดบอดครั้งนี้ ซึ่งความจริงแล้วฉันก็ไม่ได้พอใจตั้งแต่แรกที่คุณพ่อคุณแม่บอกนะแหละ แต่เมื่อมองนาฬิกาเหมือนจะเลยเวลาเกือบสิบนาที ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น

“ถ้าจะมาสายขนาดนี้ คงไม่มาแล้วแหละมั๊ง”

“น้องคะ เก็บเงินด้วยค่ะ” ในที่สุดความอดทนฉันก็มีสิ้นสุดเพราะนี่เลยเวลาไปแล้วเกือบสิบนาที รู้สึกเหมือนตัวเองโดนคู่นัดบอดเททั้งที่ยังไม่ทันเห็นหน้าอย่างไงอย่างงั้น

แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อเขาเป็นฝ่ายผิดนัด ก็เท่ากับเขาเป็นฝ่ายยกเลิกการนัดบอดในครั้งนี้ ดีซะอีกฉันจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับคนแปลกหน้าอย่างเขา ฉันรีบหยิบกระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นยืน แต่...

“เดี๋ยวครับ” เสียงทุ้มนุ่มของชายเชิ้ตสีขาวใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเอกซีรีส์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉัน ทำเอาฉันเผลออ้าปากค้าง แต่นี่.... ฉันสาบานได้ว่าไม่เคยรู้จักผู้ชายหล่อ ๆ ขนาดนี้มาก่อนแน่ หากประเมินจากสายตา เขาน่าจะสูงถึงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรด้วยซ้ำ หุ่นคือแบบโคตรดีอะ

“ผมภีมม์ที่นัดพบคุณวันนี้”

“หา...”

ฉันอึ้งไปเล็กน้อยที่คนที่ฉันนัดบอดเอาไว้คือผู้ชายคนนี้ คือความหล่อของเขาออร่าจนเหมือนฉันรู้สึกแสบตา เขาหล่อแบบนายแบบ หล่อแบบดารา หล่อแบบตะโกน ใช่ฉันอยากจะตะโกนกรี๊ดออกมาดัง ๆ แต่ต้องทำเป็นเก็บอาการ คิดดูขนาดแค่ฉันเผลอสบตากับนัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้มของเขาแค่นิดเดียว รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมาอย่างไงอย่างงั้น ยิ่งเมื่อเผลอพิจารณาไล่สายตาไปตามกรอบใบหน้าคมผิวขาวละเอียด จมูกโด่งเป็นสัน รวมถึงริมฝีปากรอยหยักที่ยิ้มเล็กน้อยที่กำลังยิ้มทักทายให้กับฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกเคลิ้มเฉย

แต่ก็นะ...ความหล่อของเขา ชดใช้ความผิดที่เขามาสายไม่ได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   ตอนพิเศษ เจอกันครั้งที่สอง

    น้องเกิด 1 กุมภาพันธ์ วั้นนั้นเขายังไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเพราะคุณแม่น้องเพิ่งคลอดใหม่ๆและเขาเจอน้องครั้งแรกในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั่นเป็นครั้งแรกที่ภีมม์เจอกับใบเฟิร์นทั้งสองบ้านสนิทกันมากไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ จนกระทั่งครอบครัวของภีมม์ ย้ายไปทำธุรกิจที่เมืองอเมริกา ภีมม์เลยไม่ได้มาหาใบเฟิร์นอีกแต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยลืมที่ตัวเองมีเจ้าสาว…#ภีมม์ตอน 9 ขวบ“แม่ครับ มีผู้หญิงเอาดอกกุหลาบมาให้ภีมม์ แต่ภีมม์ไม่รับไว้ ผิดไหมครับ”“อ้าว ทำไมละลูก”“ภีมม์บอกเขาว่าภีมม์มีเจ้าสาวแล้ว ภีมม์รับดอกไม้จากใครไม่ได้อีก ภีมม์ไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาทำแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้บ่อย ๆ ภีมม์ขอแต่งงานกับน้องเฟิร์นเลยได้ไหมครับ”ตอนนี้ภีมม์โตขึ้นพอที่จะรู้ความหมายของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่หมายถึงคนที่ต้องแต่งงานอยู่ด้วยกัน“ไม่ได้ลูก น้องเพิ่ง 2-3 ขวบเอง เอาไว้ให้น้องเรียนจบมหาวิทยาลัยก่อนนะลูก”“งั้นถ้าจบ คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ใบเฟิร์นเป็นเจ้าสาวของภีมม์เลยนะครับ”“น้องภีมม์ครับ การเป็นเจ้าบ่าวคนไม่ใช่แค่เราไปขอเขาแต่งงานแล้วแต่งงานกันได้เลยนะครับ ก่อนอื่นลูกต้องตั้งใจเรียนหนังสือให้เก่ง ให้ได้ทำงานดี ๆ เป็นผู้นำคน มีอาชีพแ

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   ตอนพิเศษ : เจอกันครั้งแรก

    “ภีมม์เข้ามาดูน้องสิลูก”เสียงผู้เป็นแม่หันมาเรียกลูกชายวัยเจ็ดขวบ เดินเข้ามาที่เตียงทารกตัวน้อยจิ้มลิ้มตัวแดง ๆ แก้มจ้ำม้ำที่ขยับตัวดุกดิ๊กไปมาอยู่บนเตียง“น่ารักจัง ตุ๊กตาหรือครับหม่าม๊า”“น้องเป็นคนจ๊ะ ไม่ใช่ตุ๊กตา”ภีมม์ขยับเข้าไปใกล้ด้วยความสนใจ สองมือจับขอบเตียงเด็ก จ้องมองทารกตัวน้อยที่ลืมตาแป๋วแหว๋ว ก่อนที่เด็กน้อยจะยิ้มหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมาอย่างไม่รู้ภาษา มือน้อยควานสะเปะสะปะไปทั่ว ส่งผลให้ภีมม์ลองยื่นนิ้วชี้เข้าไปให้เด็กตัวน้อยจับด้วยความอยากรู้หมับ!มือเล็ก ๆ ของเธอนุ่มนิ่ม แต่จับเขาเอาไว้แน่นมาก“หม่าม๊าครับ น้องจับมือภีมม์แน่นเลย” ภีมม์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนใช้นิ้วชี้อีกข้างที่ว่างอยู่ จิ้มแก้มซาลาเปาของเด็กตัวน้อยเพราะดูนุ่มหยุ่นไปหมด“จับแน่นแบบนี้ แสดงว่าน้องจองภีมม์ไว้เป็นเจ้าบ่าวแน่ ๆ เลย” เสียงคุณน้าที่นอนอยู่บนเตียงและเป็นแม่ของเด็กทารกน้อยเอ่ยขึ้น“เจ้าบ่าว? เจ้าบ่าวคืออะไรครับ”“เจ้าบ่าวก็คือคนที่ต้องอยู่กับน้องไปตลอดชีวิตยังไงคะ”“หมายถึง ให้น้องใช้มือนุ่ม ๆ จับมือภีมม์แบบนี้ไปตลอดแบบนี้เลย นะเหรอครับ?”“ใช่จ๊ะ จับมือกันไปตลอดจนแก่เฒ่า”“แล้วปล่อยได้ไหมครับ”“

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 58 - ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว (END)

    หลังจากที่เราปรับความเข้าใจกัน ถึงตอนนี้ฉันก็ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาอะไรนั่นอีกแล้ว นอกจากจะเอาตัวเองมุ่งมั่นกับงานที่ทำ อย่างน้อยก็เพื่อให้งานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของพี่ภีมม์ดีที่สุด และเพื่อเป็นลบคำสบประมาทที่ใครต่อใครอาจจะนินทาฉันได้อีก ยิ่งตอนนี้พอมีพี่ภีมม์คอยให้กำลังใจและสนับสนุนงานฉันเต็มที่ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองมีพลังบวกเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่าถึงตอนนี้แม้คนจะยังคงซุบซิบเรื่องเดิม ๆ ของเรา แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันให้ความสนใจกับมันอีกต่อไป เพราะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันควรให้ความสนใจและสำคัญที่สุด คือความรักของฉันกับพี่ภีมม์มากกว่าที่มันมีมากขึ้นทุกวันต่างหากวันงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัททีเคยนต์มาถึงแน่นอนว่าเพราะเป็นรถนำเข้าหรูราคาหลายสิบล้าน ทำให้งานนี้เหล่าบรรดาเซเลปและสื่อมวลชนต่างให้ความสนใจกับงานวันนี้เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงคุณเจนนี่ที่ถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษมาร่วมงาน แต่กลับชอบทำตัวเสนอหน้าไปยืนอยู่ข้างพี่ภีมม์ทำเสมือนเป็นคนสำคัญข้างกายเขาเฮ้อ...จะว่าไปเธอก็น่าสงสารนะพยายามทำทุกอย่างก็แล้ว ก็ยังเป็นได้แค่เพื่อนฉันพยายามบอกกับตัวเองแบบนั้นแต่สุดท้า

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 57 - ปรับความเข้าใจ

    อึก...พออ่านถึงตรงนี้ น้ำตาฉันก็ไหลออกมาหนักกว่าเก่า(เห็นโน้ตที่พี่เขียนเอาไว้ไหมครับ) เสียงพี่ภีมม์แทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าฉันเงียบไปมีแต่เพียงสะอื้นที่แทรกเข้าไปในปลายสายเบา ๆ“ฮือ เห็นแล้วค่ะ ฮือ...พี่ภีมม์เฟิร์นขอโทษ”ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาเข้ามาในหัวใจ สุดท้ายแล้วพี่ภีมม์เองต่างหากที่เป็นฝ่ายรอรับสายโทรศัพท์มือถือจากฉัน ส่วนตอนนั้นที่ฉันโทรหาเขาไม่ติด ใช่ว่าพี่ภีมม์จะปิดเครื่องหนีแต่ความจริงแล้วตอนนั้นเขาอาจกำลังอยู่บนเครื่องบินเลยไม่ได้เปิดมือถือก็เป็นได้บ้าที่สุด ฮือ....(เฟิร์นครับ ถ้าพี่ทำให้เฟิร์นร้องไห้พี่ขอโทษนะ)“เฟิร์นต่างหากที่ควรขอโทษพี่ภีมม์”พี่ภีมม์วางสายไปแล้ว ในขณะที่ฉันหยิบกระดาษที่พี่ภีมม์ขึ้นมาอ่านซ้ำไปซ้ำมาน้ำตามันไหลออกมาไม่หยุดเลย มีแต่ฉันที่คิดเองเออเองไปคนเดียวทั้งนั้นแล้วตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ฉันนั่งเสียใจและคิดมากอยู่เป็นคนเดียวทั้งเดียวล่ะ คืออะไรหลังจากที่ฉันวางสายจากพี่ภีมม์น้ำตามันก็ไหลออกมาราวกับทำนบแตก ครั้งนี้ฉันถึงได้ตระหนักเสียงหัวใจของตัวเองว่า ในเวลาที่ฉันไม่มีเขาหรือถ้าต้องเลิกกับเขาฉันคงทนไม่ไหวแน่ นี่สินะที่ใครๆ บอกไว้ว่าเราจะรู้ค่าขอ

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 56 - รอจนกว่า...

    ฉันรู้สึกจุกนิดหน่อยที่พวกเอ่ยถึงคุณเจนนี่ ดูเหมือนคุณเจนนี่น่าจะมีอิทธิพลต่อคนกลุ่มนี้พอสมควร ความจริงมันก็ไม่แปลกนักหรอกเพราะคุณเจนนี่มาหาพี่ภีมม์มากกว่าฉันที่เป็นภรรยาตัวจริงเสียอีก ซึ่งฉันไม่แปลกใจอะไรเลยสักนิดเมื่อคิดขึ้นได้ว่าพวกหล่อนอาจจะสนิทกับคุณเจนนี่มากพอสมควร“ถ้าพวกคุณว่างมากน่าจะไปทำงานกันนะคะ ถ้าคุณภีมม์รู้ว่าจ้างคนแบบพวกคุณมาทำงานเขาคงไม่ค่อยโอเค เห็นทีฉันคงต้องรายงานพี่ภีมม์บ้างแล้วละ”“แหมทำตัวเนียนเหมือนเป็นภรรยาเจ้าของบริษัทตัวจริงเลยนะ โน้นจ๊ะคุณภีมม์กับภรรยาตัวจริงเขาตอนที่อยู่ที่วอชิงตันดีซี” ไม่พูดเปล่าผู้หญิงคนนั้นยังเปิดรูปจากไอจีคุณเจนนี่ ที่เช็กอินอยู่ที่รัฐวอชิงตันดีซีมาให้ฉันดูแน่นอนในรูปมีพี่ภีมม์อยู่ในรูปของเธอจริง ๆภาพที่เห็นแม้สองคนจะไม่ได้ยืนใกล้ชิดกันแบบสนิทสนมแต่ก็ทำให้รู้ว่าทั้งสองคนอยู่ที่เดียวกันนี่สินะ...สาเหตุของการไม่โทรหาฉันเลยตลอดอาทิตย์นี้หัวใจมันชาจนแทบไม่มีความรู้สึก เมื่อเห็นว่าพี่ภีมม์อยู่กับคุณเจนนี่ที่อเมริกา ถึงจะเป็นรูปที่เธอเช็กอินเมื่อสองสามวันก่อน แต่มันทำให้มั่นใจได้เลยว่าคุณเจนนี่กับพี่ภีมม์คงเดินทางไปด้วยกันจากที่ตั้งใจจะ

  • My Husband (อุ๊ปส์) เจ้าบ่าวของฉันเป็นประธานบริษัท   My Husband 55 - หัวใจที่หายไป

    น้ำตามันไหลออกมาจากไหนมากมายหนักก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันร้องไห้จนเผลอหลับไปบนที่นอน จนตอนเช้าของอีกวันเช้าที่ไม่มีพี่ภีมม์อยู่ข้าง ๆ ฉันต้องลากตัวเองเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวทั้งที่ตายังบวมเป่งจนเกือบจะปิด ดูตลกมากเสียจนต้องหาอะไรเย็น ๆ มาประคบเปลือกตาให้ยุบลงก่อนไปทำงาน“คุณเฟิร์น” ในขณะที่ฉันยืนเรียกรถ TAXI อยู่หน้าตึกก็พบว่าคนขับรถของพี่ภีมม์มารออยู่ก่อนแล้ว“อ้าว! สวัสดีค่ะคุณโจ มารับพี่ภีมม์เหรอคะพี่ภีมม์ไม่อยู่หรอกค่ะ น่าจะติดธุระ”“อ่อทราบแล้วครับ เมื่อวานผมเพิ่งไปส่งคุณภีมม์ขึ้นเครื่อง”“คะ...ขึ้นเครื่อง?”“คุณภีมม์ได้บอกคุณเฟิร์นเหรอครับ เห็นว่ามีประชุมด่วนกับบอร์ดบริหารของรถยนต์”“ออค่ะ เฟิร์นไม่ทราบเลย” ฉันพูดเพราะไม่รู้จริง ๆ พี่ภีมม์ไม่ได้บอกอะไรฉันเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะไปไหน อย่าว่าแต่เปิดเครื่องรับสายฉันหรือโทรมาเขายังไม่โทรมาด้วยซ้ำคุณโจทำสีหน้างง ๆ ก่อนจะเปิดประตูรถให้ฉันขึ้นไปนั่งบนรถ“เมื่อวานคุณภีมม์บอกว่าคุณน่าจะไม่สบายเลยให้นอนพักครับ ผมก็นึกว่าคุณจะไม่ออกไปทำงานเลยไม่ได้กลับมารอรับ”“อ่าค่ะ” ฉันซึ่งยังมึนงงอยู่เพราะไม่รู้ว่าพี่ภีมม์ไปไหนเลยยังสับสนอยู่เล็กน้อยจริงสินะเมื่อ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status