เข้าสู่ระบบจบมื้อเย็นไนท์ก็ขับรถมาส่งนานิที่คอนโด ความจริงกลับไปส่งที่บ้านใกล้กว่า แต่เธอได้บอกที่บ้านไปแล้วว่าจะกลับคอนโด ให้ไนท์มาส่งที่คอนโด
จอดรถดับเครื่องเสร็จไนท์ก็เอี้ยวตัวมาปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยให้นานิ
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยเสียงเบาเพราะใบหน้าหล่อคมอยู่ใกล้จนเธอรู้สึกประหม่า
“คืนนั้นพี่จูบเรายังไง? ”
“..” คำถามไม่มีปี่มีขลุย ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ เขาถึงมาถามถึงเรื่องนี้ด้วย
เขินนะ><
“ว่าไงครับ”
“กะ..ก็จูบแบบ..เอ่อ..ปากชนปาก” แค่ถามเฉยๆ ก็พอทำไมต้องจ้องริมฝีปากเธอด้วย สติสตังเธอกระเจิดจนตอบเขาเสียงตะกุกตะกัก
“แค่นั้นจริงเหรอ? ” หรี่ตาถามกลับ ซึ่งอีกคนก็พยักหน้าตอบรัวๆ ตอบแทบไม่ทัน ไนท์กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นนานิเขินจนเสียอาการ
ตอนคุยโทรศัพท์ละรุกเก่งพอโดนรุกต่อหน้าแบบนี้คนบางคนก็อายตัวม้วน
“แต่เหมือนแวปๆ เข้ามาในหัวว่ามันมากกว่าแค่ปากชนปาก” ไนท์ขยับใบหน้าไปใกล้ใบหูเล็กแล้วกระซิบเสียงเบา
“พี่! อย่าแกล้งเรา” โวยออกมาเสียงสั่น ยกมือดันอกไนท์ให้ถอยห่าง ทว่าไนท์ไม่ทำตาม
“ไม่ได้แกล้งครับ จำไม่ได้เลยถาม”
“จำได้ก็บอกว่าจำได้สิ มาหรอกถามเราทำไม” ถามอะไรแบบนี้ ใครจะกล้าตอบ
ไหนจะสายตาแพรวพราววาววับที่กำลังมองกันในระยะประชิด ทำเอาเธอขัดเขินแทบทำตัวไม่ถูก
“พี่จำไม่ได้ ขอทบทวนความจำหน่อยได้ไหม”
“ทวน..” กำลังจะถามว่าทวนความจำยังไง แต่ยังพูดไม่จบ ก็โดนปิดปากด้วยปากซะก่อน
ขอที่ไม่ได้แปลว่าขออนุญาติเพราะทันทีที่เสียงทุ้มต่ำเงียบลง ลมหายใจคนตัวเล็กก็ถูกช่วงชิง
นานิจำต้องเงยหน้ารับจูบที่บดคลึงลงมาตามนิ้วแกร่งที่คีบปลายคางเล็กเสยขึ้น รสชาติหอมเย็นที่มากจากหมากฝรั่งรสมิ้นที่ไนท์มักมีติดตัวเพื่อเคี้ยวดับกลิ่นบุหรี่
กลิ่นบุหรี่จางๆ ที่ติดในโพรงปาก สัมผัสเย็นๆ ที่ปลายลิ้น เมื่ออีกฝ่ายสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวพัน รสชาติของมิ้นและกลิ่นบุหรี่จึงชัดเจนยิ่งขึ้น
ความเย็นแผ่ซ่านในโพรงปาก หลังจากลิ้นหนากวาดไล่สำรวจไปทั่ว สองริมฝีปากบดเบียดเคล้าคลึง สองเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดและเสียงลมหายใจที่เริ่มหอบเหมือนหายใจไม่ทัน ก่อนไนท์จะถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิง
“ช่วยทำให้พี่ลืมไอหน่อยได้ไหม” ไนท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและแววตาขอร้องอ้อนวอน
แม้จะยังมึนเบลอกับจูบสุดอสนดูดดื่ม แต่เธอก็ได้ยินที่ที่ไนท์พูดชัดเจนทุกถ้อยคำ จึงยกมือขึ้นลูบแก้มสากเรียวปากระบายยิ้มอ่อน ทอดสายตามองไนท์ด้วยเอ็นดูจากนั้นก็พยักหน้าตอบตกลง
“แล้วพี่ต้องยังไง” ถามออกอย่างต้องการร่วมมือ เขาอยากเริ่มต้นใหม่ อยากมีใครสักคนที่หัวใจตรงกัน อยากถูกรักบ้าง อยากสมหวังกับความรักเหมือนคนอื่นเขา
“พี่ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ แค่เปิดใจ”
“ก็กำลังเปิดอยู่”
“ดีค่ะ เปิดให้กว้าง เปิดให้เราเข้าไปเยียวยา”
“ขอบคุณครับ”
“ด้วยความเต็มใจค่ะ” นานิตอบรอยยิ้มกว้าง เห็นแล้วไนท์ก็ใจไม่ไหวที่จะกดริมฝีปากบดคลึงเชยชิมความหวานที่ยังติดปลายลิ้นอีกครั้ง
เธอหวานจนอยากชิมแล้วชิมอีก ตวัดลิ้นกวาชิมทั่งโพรงปากก่อนจะวกกลับมาเกี่ยวกระหวัดรัดรึงปลายลิ้นเล็กอีกครั้ง แล้วก็อีกครั้งจนรู้สึกได้ถึงร่างกายที่เริ่มวูบวาบ มือไม้เริ่มลากไล้ลูบคลึงตามสะโพกและสีข้างของคนตัวเล็ก
ไนท์จึงรีบผละออกเมื่อเริ่มรู้สึกถึงสัญญาณอันตราย เลยต้องรีบหยุดตัวเองเพราะคนด้อยประสบการณ์อย่างนานิไม่น่าจะหยุดเขาได้ มีแต่คล้อยตามเพราะแค่จูบเธอก็เคลิ้มจนตัวอ่อนปวกเปียก
“นานิ” ไนท์เรียกด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อเรียกสติคนที่เขาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน
“คะ?”
“พี่ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราเริ่มต้นด้วยเซ็กซ์”
แม้จะหิวโซ แต่ก็จะอดทน อยากให้ใจผูกก่อนกายผูก ในเมื่อเลือกเดิน 1-10ได้ก็อยากจะเดินตามลำดับให้ถูกต้อง อยากให้ความสัมพันธ์สองเราพัฒนาจากน้อยไปมากพร้อมๆ กัน อยากค่อยเป็นค่อยไป ไม่ฉาบฉวย มันจะได้มั่นคงและยั่งยืน
ในเมื่อเปิดใจให้ใครแล้วก็ไม่อยากผิดหวังอีกครั้ง อยากทำให้มันดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นไปได้ก็อยากให้เธอเป็นคนสุดท้าย
เป็นรักสุดท้ายของเขา
“แล้วพี่…. ไม่อยากเหรอ? ” คืนนั้นเขาพึ่งขอมีวันไนต์กับเธอไป และเจ้าตัวเองก็ยอมรับว่าเพราะเสี้ยนมากเลยเสี้ยนไม่เลือกหน้า ก็ชัดแล้วว่าเขามีความต้องการด้านนั้น
“อยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ”
“คำตอบที่จริงใจค่ะ”
“อยากดิ” ไม่งั้นเรื่องคืนนั้นคงไม่เกิดขึ้น
“แล้วไหวเหรอคะ”
“ทนได้”
“แน่นะคะ ไม่ใช่ว่าเอาไปลงที่อื่น”
“หึหึ ถึงพี่จะหื่นหน่อย แต่ก็ไม่ได้เหี้ยนะ เอาตัวเองมาพัวพันกับเราแล้วจะไปยุ่งกับคนอื่นได้ไง”
“แล้วถ้าพี่ทนไม่ไหวล่ะ”
“ก็ต้องแล้วแต่เราแล้วแหละ”
“..” แล้วแต่เธองั้นเหรอ?
“ไม่ต้องกังวลนะ ระหว่างเราพี่อยากให้มันจะเกิดขึ้นเมื่อเราสองคนแน่ใจและพร้อมกันทั้งสองฝ่าย” เพราะเห็นนานกังวล ไนท์เลยรีบบอกให้เธอสบายใจ
เขาไม่ชอบบังคับใคร ของแบบนี้มันต้องเห็นตรงกันถึงฝ่ายมันถึงจะเกิดขึ้นได้
“ขอบคุณนะคะ” ขอบคุณที่เขาพูดออกมาตรงๆ เธอจะได้สบายใจ
ความจริงเธอก็ไม่ได้อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยเซ็กซ์ ดีใจที่เขาก็คิดตรงกัน
เดินมาถึงหน้าตึกก็ต้องตกใจเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไอญดา เดย์ ชิน เรนจิ เอิงเอย คิม และลูกพีช อยู่กันครบขนาดนี้คงเตี๊ยมกันมาแล้ว“โว้ มีเดินมาส่งด้วย” “ให้เกียร์ให้ใจ”“อุ๊ย! สร้อยข้อมือสวย”“ประกาศตัวผ่านโซเซียลฉ่ำ”“รูปคู่ก็มา”“เปลี่ยนรูปโปรไฟล์คู่”“My night”ชินเป็นคนแรกที่เปิดแซว จากนั้นคนอื่นก็แซวตามๆ กันมา ไนท์โคลงหัวอมยิ้มขำ มันก็เขินนิดๆ ที่เพื่อนแซว ต่างจากนานิที่โดนแซวจนเขินไม่ไหวหนีมาหลบข้างหลังไนท์ทุกคนลุ้นคู่ไนท์กับนานิมาพักใหญ่แล้ว ว่าเมื่อไหร่ทั้งสองจะเปิดตัวสักที แล้วในวันนี้ก็มาถึงเลยขอแซวหน่อย อีกอย่างไนท์สร้างซีนไว้เสียใหญ่โตเมื่อวาน“เมื่อวาน เล่นไว้ซะใหญ่เลยนะมึง” เหตุการณ์เมื่อวานเป็นที่กล่าวถึงกันมากในโซเซียล มีทั้งรูปและวิดีโอของไนท์กับนานิและก็มิลล์ เพจดังของมหาลัยก็เอาไปใส่สีตีไข่ว่าเกิดศึกแย่งหญิงระหว่างหนุ่มฮอตวิศวะกับหนุ่มตีว่าที่คุณหมอ มีคนมาคอมเมนต์มากมาย บ้างก็บอกว่ากินกันไม่ลงเพราะหล่อกันคนละแบบ จนเกิด #ทีมหมอมิลล์ #ทีมไนท์ แต่หลังจากที่ไนท์กับนานิแชร์สถานะใหม่บนโซเซียล พร้อมกับเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปคู่ของทั้งสองพร้อมกันและเป็นรูป
กริ๊งๆ เสียงนาฬิกาปลุกยามเช้าตรู่ นานิคว้าโทรศัพท์มาปิดนาฬิกาปลุก ในช่วงที่เธอขยับตัวไปเอื้อมโทรศัพท์ก็ทำให้ร่างหนาที่กอดรัดอยู่ด้านหลังขยับตัวตื่นตามไนท์ส่งเสียงอู้อี้ในคออย่างขัดใจนิดหน่อย เนื่องจากเขายังอยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนี้ต่อ ปกติเขาไม่ใช่คนขี้เซาหรือตื่นสาย แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่มีนานิมานอนด้วยเขาก็ไม่อยากลุกจากที่นอนเลย บวกกับไม่ได้กอดเธอตั้งหลายคืนแล้ว วันนี้เขาเลยไม่อยากลุกจากที่นอนเลย“ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้เรามีเรียนเช้ากันนะ”“อืม” ไนท์ตอบกลับเสียงอืมเบาๆ ในลำคอ แล้วซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอด้านหลังนานิ จมูกโด่งกดหอมไปทั่วจนถึงลาดไหล่ กดริมฝีปากขบเม้มตามผิวเนื้อเนียนในขณะที่ตาสองข้างยังปิดสนิทอยู่“พี่ ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวไปเรียนสาย” นานิย่นคอหนีจมูกปากและลิ้นที่เริ่มไล้เลียไปยังใบหู เมื่อคืนหลังจากให้เกียร์ให้ใจไนท์ก็ให้ตัวเขามาแบบรัวๆ จนเธอแทบจะสลบเหมือดคาเตียง ตื่นเช้ามายังหื่นใส่อีก“พอแล้วค่ะ” เอ่ยเตือนอีกครั้งเพราะเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่มันเริ่มขยายตัวถูไถอยู่ตรงก้นของเธอ ไนท์เป็นคนเครื่องติดง่ายเธอรู้ดี ถ้าห้ามได้ให้รีบห้ามไม่งั้นยาว ปกติเธอก็ไม่ใช่คนเล่นตัวอะไรแต่ตอ
“ยกเลิกตั้งนานแล้วทำไมยังเก็บเอกสารไว้อีกล่ะคะ”“ลืม ลืมจริงๆ เพราะพอยกเลิกก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีก”“โห แบบนี้เราก็ร้องไห้ฟรีสิ” เสียน้ำตาไปเป็นปี๊บ แต่จะว่าร้องไห้ฟรีก็ไม่ใช่เพราะพอเกิดเรื่องนี้เธอกับเขาเลยได้เคลียร์ใจกันเหมือนตอนนั้น ไม่งั้นไม่รู้ว่าเธอจะได้มีโอกาสคุยกันตรงไปตรงมาแบบนี้ไหม“แล้วเราไปรู้ได้ยังไง รู้ตอนไหน” เมื่อกี้ถามไปแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ“ตอนที่เราหาเอกสารที่ฝากพี่ปรินต์ไง เราหาบนโต๊ะไม่เจอเลยลองค้นในลิ้นชักที่โต๊ะทำงานดู”“งั้นก็วันเดียวกับที่เดย์เจอ” “พี่เดย์ก็พึ่งรู้เหรอคะ?”“อืม เรื่องเรียนตอนพี่ไม่ได้บอกใครเลย พ่อกับแม่ก็ไม่ได้บอก”“โห ใจร้าย ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าคนรอบข้างจะเสียใจตอนรู้ว่าพี่จะไปเรียนต่อ”“คิดสิ แต่ไม่คิดว่าทุกคนจะเสียใจขนาดนี้” เพราะเขาแค่จะไปเรียน เรียนจบก็กลับมาแล้ว ไม่ได้ไปแล้วไปลับเสียหน่อย“ที่พี่ตัดสินใจไปเรียนต่อเพราะไอใช่ไหม”“อืม มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ตอนนั้นคิดแค่ว่าคงอยู่เห็นเดย์กับไอรักกันไม่ได้ เลยอยากหนีไปไกลๆ “ “พี่คงรักไอมาก” “เคย..แค่เคยรัก” ตอนนี้แค่เคยรักเท่านั้นและไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นต่อไอญดาอีกต่อไป ไม่มีเลย เพราะ
ไนท์พานานิขึ้นมาคุยต่อบนห้องเนื่องจากมีอีกหลายเรื่องเลยที่เขาอยากอธิบาย“คุยกันบนเตียงได้ไหม อยากนอนกอดเรา คิดถึง” พอบอกไปแบบนั้นนานิก็มองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ “แค่นอนคุยกันจริงๆ “ พอไนท์ยืนยันแบบนั้นนานิก็ยอมนอนลงในอ้อมแขนแกร่งแล้วหนุนศีรษะไว้ที่อกแข็งๆ ของไนท์ไนท์กดจมูกบนเรือนผมยาวสลวยสูดดมกลิ่นแชมพู กลิ่นครีมอาบน้ำ กลิ่นน้ำหอมกลิ่นคาราเมล เขาโคตรคิดถึงเธอเลย ตอนนี้เหมือนหัวใจเขากลับมาเต้นอีกครั้ง เขาเหมือนต้นไม้ที่ใกล้ตาย ใบแห้งเหี่ยวเฉ่า ทว่าอยู่ๆ ก็มีคนมารดน้ำช่วยชีวิตมันไว้“คิดถึง” ตั้งแต่วันที่เธอขอยุติความสัมพันธ์ เขาก็นอนไม่หลับ อาลัยอาวรณ์ถึงแต่เธอ ร่างนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมละมุนที่คุ้นจมูกที่ได้สูดดมแล้วรู้สึกสบายใจ เธอเป็นเซฟโซนของเขา “เราก็คิดถึงพี่” นานิว่าแล้วกระชับเรียวแขนที่กอดรัดร่างหนาเอาไว้“แล้วรักพี่ไหมครับ?”“รักค่ะ” นานิตอบเสียงเบาและก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาไนท์ตอนพูด ก่อนหน้านี้เธอตะโกนคำว่ารักใส่เขาด้วยความโกรธแต่พอตอนนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นอีกแล้ว แล้วเขาก็มาถามกันตรงๆ มันก็เกิดขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไนท์ยกยิ้มบางทอดสายตามองคนตัวเล็กในอ้อมกอดด้วยความร
ไนท์ขับมอเตอร์ไซค์พานานิกลับและเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิงที่เขารัก ไนท์ก็เสียสละหมวกกันน็อกให้นานิ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นครั้งคราวจากข้างหลัง บ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังร้องไห้ จะหยุดรถกลางรถปลอบก็ไม่ได้ จะขับเร็วขึ้นก็ห่วงความปลอดภัยของเธอ ตลอดทางไนท์ขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความวุ่นวายใจ โชคดีที่คอนโดตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ และในที่สุดเขาก็พาเธอมาก็ถึงจุดหมายพอมอเตอร์ไซค์หยุดนิ่งนานิก็รีบลงทันที เธอซ้อนคันนี้มาหลายครั้งแล้วเลยรู้วิธีลงอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ปลดล็อกถอดหมวกกันน็อกยื่นคืนให้ไนท์แล้วทำท่าจะไป เห็นแบบนั้นไนท์ก็รีบคว้าตัวนานิไว้แล้วใช้อ้อมแขนแกร่งกอดรัดเธอไว้ในอ้อมกอด “จะไปไหน ไม่ให้ไป”ตุ้บ!กำปั้นเล็กทุบเข้าที่หน้าอกแกร่งในขณะที่สองแก้มยังอาบไปด้วยน้ำตา เธอร้องไห้ด้วยดวงตาแดงก่ำ ใต้ตาบวมแป่ง ใบหน้าเลอะเทอะไปด้วยคราบน้ำตา ร้องไห้จนหยุดสะอื้นไม่ได้ตุ้บๆๆๆ!!เสียงทุบจากกำปั้นเล็กดังต่อเนื่อง ซึ่งไนท์ก็นิ่งให้คนในอ้อมกอดระบายจนพอใจ เขาไม่แน่ใจว่าเธอโกรธเรื่องอะไร แต่รู้ว่าโกรธมากเพราะกำปั้นน้อยทั้งสองข้างทุบมาอย่างไม่ออมแรง“อย่ามาทำเหมือนรัก ถ้าไม่คิดจะรั
แววตาเจ็บปวดแสนเศร้าของนานิเมื่อครู่นี้ทำให้ไนท์สับสนบวกกับคำพูดหลายอย่างทีคุยกับเพื่อนเมื่อเช้าด้วย ‘อย่ามาทำเป็นพระรองแสนดีอีก มึงก็รู้ว่าเป็นพระรองมันเจ็บ เป็นพระเอกกับเขาบ้างสิวะ’‘เขาเป็นของมึงท่องไว้ ถ้ามันอยากได้ก็สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย’ถ้าเราหัวใจตรงกันแล้วทำไมเขาต้องยอมเสียเธอไปให้คนอื่นด้วยวะ รักแรกแล้วไง ใครกลัว รอบนี้เขาจะสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้เธอเป็นนางเอกเขาก็จะเป็นพระเอกไนท์วนรถกลับเข้ามาอีกครั้งทั้งที่ขับออกไปเกือบถึงทางออกหน้ามหาลัยแล้ว แต่พอขับเข้ามาก็เห็นนานิกำลังขึ้นรถเบนซ์คันสีดำที่เขารู้ดีว่ามันคือรถของใครมึงอีกแล้วเหรอ?ไนท์ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์ถอดหมวกกันน็อกออกด้วยความรีบร้อน ในใจเดือดปุดๆ ที่เห็นมิลล์มารับนานิ ก้าวตรงไปที่รถของมิลล์แล้วพอเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วเห็นมิลล์โน้มตัวมาหานานิ ท่าทางเหมือนทั้งสองกำลังจูบกัน วินาทีนั้นความโกรธก็พุ่งปรี๊ด ไนท์โกรธเลือดขึ้นหน้ากระชากประตูฝั่งข้างคนขับออกด้วยความโมโห“ทำบ้าอะไรกัน” กระชากประตูเปิดออกก็ลากร่างบางออกมาแล้วตะโกนถามโดยไม่สนนักศึกษาหลายคนที่อยู่แถวนั้นทุกคนต่างพากันมาเมียงมองอย่างให้ความสน







