เรียนเสร็จก็เกือบเย็น ก่อนเดินไปตึกฝั่งตรงข้าม ไนท์ก็ได้ช่วยเดย์ขึ้นรถที่ไอญดาวนมารับที่หน้าตึกคณะวิศวกรรม
เนื่องจากก่อนหน้านี้เดย์เกิดอุบัติเหตุรถชน วูบหลับขณะขับรถ ผลมาจากพักผ่อนน้อยบวกเมาแล้วขับ
อุบัติเหตุครั้งนั้นทำกระดูกขาข้างขวาของเดย์ร้าว ต้องใส่เฝือกและใช้ไม้ค่ำเดิน เดย์จึงเดินเหินไม่สะดวก แฟนสาวยังไอญดาเลยต้อง ดูแลไม่ห่าง
ไนท์เดินมาเอารถที่ลานจอดรถหลังตึกคณะมนุษย์ ที่หลังๆ เขามักจะเลือกจอดที่นี่ เนื่องจากเบื่อความผิดหวังที่หาที่จอดรถแถวตึกคณะตัวเองไม่ได้ ขี้เกียจวนไปมา ขับมาจอดที่นี่เลยตั้งแรกจะได้ไม่เสียเวลา เพราะลานจอดหลังตึกคณะมนุษยศาสตร์ค่อนข้างใหญ่ ไม่เคยเห็นมีรถจอดเต็มเลยสักครั้ง
เมื่อก้าวมาเกือบจะถึงรถสายตาคมก็สะดุดเข้ากับร่างบางของเจ้าของรถที่จอดข้างรถเขาวันนี้
เจอตัวก็ดี จะได้ถามเรื่องที่ค้างคาใจ
เมื่อตอนเที่ยงเขาไม่อยากถามเธอตอนอยู่กันหลายคน ขี้เกียจตอบคำถามคนอื่น ว่าคืนนั้นไปเจอกันได้ยังไง ที่ไหน อย่างไร ไอ้พวกนั้นต้องซักแน่ ทั้งที่มันไม่มีอะไรเลย
..หรือมีวะ?
“ยังไม่กลับเหรอ”
“กำลังจะกลับค่ะ”
“ขอคุยด้วยก่อนดิ”
“ไว้วันหลังได้ไหมคะ วันนี้เรารู้สึกไม่ค่อยดีเลย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสายตาคมจึงกวาดมองทั่วดวงหน้าหวาน ก่อนขมวดคิ้วเข้าหากัน เห็นเหงื่อเม็ดเล็กผุดตามขมับของคนตัวเล็ก หน้าตาก็ดูซีดเซียว
“ไม่สบายเหรอ สีหน้าเราดูไม่ค่อยดีนะ”
“ค่ะ”
ไนท์ก้าวไปข้างหน้าหมายจะยกมือขึ้นทาบหน้าผากเล็กเผื่ออุณหภูมิว่ามีไข้รึเปล่า มันเป็นปฏิกริยาธรรมชาติที่เห็นคนรู้จักไม่สบายก็เป็นห่วง
ทว่ายังไม่ทันถึงตัว คนหน้าตาซีดเซียวก็ยกมือขึ้นมาอุบปากแล้วพุ่งตัวไปยังต้นไม้ข้างลานจอดรถก่อนจะปล่อยของเสียออกจากปากดังโอ้กอ้ากสามยกติดๆ กัน
ตกใจนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าอาการเธอจะหนักขั้นอาเจียน แต่ขายาวก็รีบสาวเข้าไปดูอาการคนป่วย
พอถึงตัวนานิสิ่งแรกที่ทำไนท์ทำคือโกยผมยาวสลวยที่ตกปิดหน้าปิดตา หรืออาจจะโดนอ้วกแล้วบ้างบางส่วนรวบไว้ในมือ แล้วใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ลูบหลังบางให้
เสียงโอ้กอ้ากดังขึ้นอีกสองสามทีก่อนเงียบลง
“พี่ถอยออกไปก่อน ตรงนี้มันไม่น่ามอง” อยากบอกตั้งแต่ที่เขารวบเก็บผมให้เธอแล้ว แต่ติดที่ปากไม่ว่างเนื่องจากขย้อนเอาอาหารที่กินเข้าไปเมื่อตอนกลางวันออกอยู่
“ไม่เป็นไร อ้วกต่อเลย” มันก็ไม่ได้น่ามอง แต่จะให้ยืนมองเธอเฉยๆ เขาก็ทำไม่ได้
ทีตอนเขาเจ็บเธอยังเข้ามาช่วยทำแผลให้เลย กับอีแค่ยืนลูบหลังให้แค่นี้ทำไมเขาจะทำให้ไม่ได้
“ไม่มีอะไรให้อ้วกต่อแล้วค่ะ” ตอนนี้หมดใส้หมดพุงแล้วมั้ง
ไนท์ประคองคนป่วยกลับมาที่รถ ตอนนี้เธอดูจะไม่ค่อยมีแรงเท่าไร ร่างกายอ้อนปวกเปียกไปหมด
“มีน้ำเปล่าในรถ หยิบให้เราหน่อยได้ไหมคะ”
ไนท์โน้มตัวเข้าไปหยิบขวดน้ำเปล่าขวดใหม่ที่นอนแอ้งแม่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ บิดเกียวเปิดฝาก่อนยื่นให้คนตัวเล็ก
“ขอบคุณค่ะ”
“ป่วยเป็นอะไร ถึงขั้นอ้วกเลย”
“โรคกะเพาะคงกำเริบค่ะ” เมื่อเช้าลืมทานข้าวเช้าทั้งที่ซื้อแซนวิสมาแล้วแท้ๆ ตอนที่เพื่อนคนอื่นๆ กิน เธอดันไม่หิว ท้องเลยว่างยาวถึงเที่ยง พอตอนนั้นก็กลายเป็นหิวจัด
ตอนทายข้าวเที่ยงก็ทายได้ไม่เยอะ รู้สึกไม่สบายท้อง ทานเสร็จก็รู้สึกจุกเสียด ขมุกขมุ่น พะอืดพะอมมาตลอดทั้งบ่าย สุดท้ายก็จบอย่างที่เห็น
“รู้ว่าเป็นโรคกะเพาะแล้วทำไมไม่กินข้าวให้ตรงเวลา”
“....” อ่าว เหมือนอยู่ๆ ก็โดนดุเฉยเลย ดื่มน้ำเสร็จก็ส่งยิ้มแห้งๆ แทนคำตอบ
“ขึ้นรถสิ เดี๋ยวไปส่ง ส่วนรถเราเดี๋ยวให้คนเอาไปส่งให้”
“ขอบคุณนะคะ” ไม่คิดแย้งเรื่องรถเพราะถ้าต้องจัดการเอง ก็คงหนีไม่พ้นที่ต้องโทรไปขอช่วยเหลือจากที่บ้านหรือพี่ชาย คงโดนซักไซร้ ก่อนจะโดนบ่นยาวถ้ารู้สาเหตุว่าป่วยโรคกะเพาะกำเริบ ให้ไนท์จัดการแหละดีแล้ว
คอนโดของนานิ
“เมื่อกี้พี่บอกมีเรื่องจะคุยกับเรา”
“แล้วคุยได้ไหม” สงสารคนป่วยก็สงสารอยู่ แต่มันก็คาใจ ถ้าเธอสะดวกเขาก็อยากคุยเลย
“ได้ค่ะ ได้อ้วกแล้วก็รู้สึกดีขึ้น แต่ขึ้นไปคุยบนห้องได้ไหมคะ เราอยากล้างหน้าล้างปากก่อน” เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย ไม่มีคาบอ้วกตามเสื้อผ้าก็จริง แต่อาจจะมีกระเซ็นใส่บ้าง ไหนจะผมอีก ตอนนี้เหมือนมีกลิ่นอ้วกติดปลายจมูกอยู่ตลอดเวลา ยิ่งได้กลิ่นยิ่งรู้สึกอยากอ้วกอีกรอบ
ส่วนเรื่องชวนผู้ชายขึ้นห้อง รู้จักกันมาเกือบเทอมแล้ว เธอไว้ใจไนท์ มั่นใจว่าเขาไม่ทำอะไรมิดีมิร้ายกับเธอแน่นอน
“อืม ได้สิ”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองสินะ! เพราะความเป็นเพื่อนกันมานานยูสึเกะคงไม่อยากให้เพื่อนกับน้องสาวสานสัมพันธ์กันในเชิงคู่รักเพราะถ้านานิกับมิลล์ไปกันไม่รอดอาจจะเสียความเป็นเพื่อนกันได้ ตอนนี้ไนท์เข้าใจแล้วว่าทำไมมิลล์ถึงไม่เข้าหานานิมากกว่านี้ทั้งที่มีโอกาส หลังจากประโยคฮุคของยูสึเกะ ไนท์ก็ตกอยู่ในห้วงความคิดตัวเอง ไม่รับรู้แม้กระทั่งยูสึเกะเดินออกไป ในหัวตอนนี้มีแต่ความหวาดหวั่น หวั่นกลัวและสับสนพุ่งเข้าใส่จนสมองมันมึนงงคล้ายหูอื้อตาลายไปชั่วขณะ“พี่” เสียงเรียกของนานิทำให้ไนท์ตื่นจากพวัง “เป็นอะไรคะ เราเรียกตั้งหลายครั้ง”ไนท์ไม่ตอบแต่ตวัดแขนแกร่งคว้าร่างบางเข้ามากอด ใบหน้าคมลดลงวางไว้กับบ่าเล็กแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นเหมือนกลัวคนในอ้อมกอดหายไป“คุยอะไรกับพี่ยูคะ บอกเราได้ไหม” ความเงียบและอาการของไนท์ทำให้นานิอยากรู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน “เราคิดยังไงกับไอ้มิลล์” เสียงทุ้มเอ่ยถามแผ่วเบา“คะ?”“ชอบมันไหม คิดกับมันเกินเพื่อนพี่ชายรึเปล่า?”“ไม่ค่ะ เราคิดกับพี่มิลล์แค่พี่ชาย” อดีตเคยคิดเกินเพื่อนพี่ชาย แต่ปัจจุบันไม่แล้ว แต่นานิคิดว่าไนท์ไม่จำเป็นต้องรู้ความรู้สึกของเธอไหนอดีตเพราะมันก็แค่อดีต
เช้าวันต่อมาเพราะคอแห้งผากจนนอนต่อไปไม่ไหวเลยต้องฝืนตัวลุกจากเตียงอุ่นและร่างนุ่มนิ่มเดินออกห้องนอนไปยังห้องครัวเพื่อหาน้ำเย็นๆ ดื่มไนท์เดินเมาขี้หูขี้ตา ยกมือเสยผมที่ร่วงปรกหน้าปกตาแล้วเลื่อนไปทุบที่หัวที่ตอนนี้มันปวดตุบๆ จากอาการแฮ้งเหล้าไม่น่าแดกเยอะเลยกู วันนี้คงต้องชดใช้กรรมด้วยอาการปวดหัวทั้งวัน..แกร็ก~เปิดประตูห้องมาเท้าหนาก็ชะงักเมื่อเจอกับคนบางคนที่ไม่คิดว่าเจอที่นี่มันมาทำอะไรที่นี่?อีกหนึ่งหนุ่มที่มีสีหน้ายับยู่ยี่ด้วยอาการแฮ้งค์จากการดื่มจนน็อกเมื่อคืนกำลังยกขวกน้ำดื่มก็ชะงักเหมือนกันเมื่อเห็นไนท์ไนท์เดินกระแทกไหล่มิลล์ที่ยืนหน้าตู้เย็นเปิดประตูหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวด ก่อนปิดประตูตู้เย็นด้วยเสียงดังปัง“มึงมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง” กรอกน้ำเข้าปากไปเกือบครึ่งขวด ลำคอที่แห้งผากก็รู้สึกดี เลยทำให้ไนท์มีเสียงเอ่ยทักมิลล์“แล้วมึงล่ะมาทำอะไร”“กูก็มาหาเจ้าของห้อง”“กู..เจ้าของห้องพามา” มิลล์ตอบกลับอย่างยียวน“มึงอย่ามากวนตีน”“กูไม่ได้กวนตีน เจ้าของห้องพากูมาจริงๆ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งที่กูมา” เขาเห็นไนท์แวบๆ กับน้องสาวของเพื่อนสนิทหลายครั้งแล้ว แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าได้เจอที่นี่ เด
“เรียกพี่ไนท์ 2 นาทีได้ไหมน้า”“ล้อเหรอ เดี๋ยวโดน “ลงโทษคนล้อเลียนด้วยการซุกใบหน้าหล่อเหลาไปฟัดกับหน้าอกอวบ จนเจ้าของเต้างามเปิดปากหัวเราะเพราะความ,จั๊กจี้ใครว่าเมาแล้วเสร็จยาก เขาเสร็จเร็วฉิบหาย จับยัดแป๊บๆ แตกเฉย สัสเอ๊ย!“ฮ่าๆ พี่พอแล้ว เราจั๊กจี้”“รอบที่สองก็แก้ตัวแล้วไง จำแต่รอบที่ดีก็พอ”“^^”“กล่อมหน่อยครับ ง่วงแล้ว”กว่าจะง่วง จัดไปตั้งสองรอบ รอบแรกกินเวลาน้อยนิดแต่รอบสองยืดเยื้อเกินครึ่งชั่วโมงได้ เวลาปาไปกี่โมงแล้วไม่รู้ น่าจะดึกมากแล้ว เธอเองก็หนังตาหนักอึ้ง ฝืนลืมตาต่อไปไม่ไหวแล้วเหมือนกันเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ไนท์หลับภายในเวลาไม่กี่นาที“ง่วงขนาดนี้ ยังฝืนตัวเองทำจนได้ คนหื่น “เรียวปากบ่นเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม มือก็ยังลูบไล้กล่อมคนตัวโต แม้เขาจะหลับไปแล้ว เธอทำมันโดยไม่รู้ตัว มันเป็นความเคยชินที่เธอกล่อมไนท์หลับแบบนี้ทุกคืนครืดๆ ~กำลังจะเข้าสู่นิทราเสียงสั่นจากโทรศัพท์ก็ดังรบกวนเสียก่อน เวลานอนนานิมักจะใส่โหมดพระจันทร์ห้ามรบกวนเอาไว้ ถ้าใครมีเรื่องด่วนจริงๆ ก็ต้องโทรหามากกว่าหนึ่งครั้งถึงมีสายเข้าเหมือนเวลาปกติซึ่งสายเรียกเข้าตอนนี้ คนปลายสายคงมีเรื่องด่วน“พี่ยู” เ
ห้องนานิถึงห้องนานิก็ไล่คนเมาไปอาบน้ำทันที ด้วยความที่ไนท์เป็นคนรักสะอาดอยู่แล้ว แม้จะเมาแค่ไหนก็ฝืนกายไปอาบน้ำให้ได้“น้องนานิคร้าบ อาบน้ำให้พี่หน่อยครับ” เสียงยานคางตะโกนจากในห้องน้ำอย่างออดอ้อน“โตแล้ว อาบเองสิคะ” เมาแล้วอ้อนจัง อ้อนที่สุด เรียก ‘น้องนานิ’ ปิดท้ายด้วย’ ครับ’ เสียงหวาน แต่เธอไม่หลงกลหรอก“พี่เมา หัวฟาดพื้นทำไง”“พี่อาบเองได้ เรารู้ รีบอาบเลยค่ะ ไม่งั้นเราจะให้พี่นอนที่โซฟา” ดื้อจังนานิขยับตัวไปยืนใกล้ประตูห้องน้ำที่เปิดอ้าเอาไว้ด้วยฝีมือคนในห้องน้ำที่นึกอยากอาบน้ำโชว์ ที่เธอต้องยืนอยู่ตรงนี้เพราะเผื่อคนเมาลื่นล้มหัวฟาดตอนอาบน้ำขึ้นมาจริงๆ จะได้ยินและเข้าไปช่วยได้เร็วที่สุดแต่คิดว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นหรอก ตอนเดินขึ้นห้องไนท์ก็ดูสร่างเมามาบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังคะยั้นคะยอขอให้เธอเข้าไปช่วยอาบน้ำ คิดเหรอว่าเธอจะตกหลุมพราง ขืนเข้าไปต้องโดนเขาจับกินแน่เสียงน้ำปิดลง นานิเลยขยับไปนั่งรอที่เตียงนอนแทน ได้ยินเสียงกุกกักที่อ่างล้างหน้าหลายนาทีก่อนร่างสูงใหญ่จะเดินออกห้องน้ำมาด้วยสภาพผ้าขนหนูพันเอว หัวเปียกหมาด หยดน้ำเกาะตามหน้าอกแกร่งและซิกแพ็กลีนๆเซ็กซี่จัง!แค่มองหน
00.30 น.เวลานี้คนไม่ได้มีนัดฉลองหลังสอบที่ไหนก็ควรเข้านอนได้แล้ว ไม่ใช่กำลังถอยรถเข้าจอดในลานจอดรถย่านสถานบันเทิงแถวมหาลัยอย่างตอนนี้มันไม่ได้เป็นแผนปุ๊บปั๊บเนื่องจากคนเมาเกริ่นๆ เอาไว้หรือจะเรียกว่าขอร้องก็ได้ ว่าถ้าวันนี้เขาเมามารับได้ไหม ซึ่งคำตอบก็คือได้ ไม่งั้นเธอคงไม่มาอยู่ตรงนี้ตอนนี้ ทั้งที่ควรนอนหลับน้ำลายยืดไปแล้วนั่งรอในรถได้ไม่ถึงนาทีก็เห็นร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยในชุด all black เดินออกจากผับ ด้วยท่าทางที่เดาได้ไม่ยากว่าเขาเมาแน่นอนตอนส่งข้อความไปอ้อนให้มารับ เธอยังต้องนั่งแกะข้อความที่พิมพ์มาผิดๆ ถูกๆ ของเขาเลยริมฝีปากบางกระตุกยิ้มดีใจเมื่อเห็นรถญี่ปุ่นที่จอดอยู่คันหน้าสุด ดึกดื่นขนาดนี้เธอยังมารับเขา เมาครั้งไหนก็เป็นเธอที่คอยดูแล น่ารักชะมัดแบบนี้ต้องให้รางวัลไนท์สาวเท้าก้าวยาวๆ มายังรถของนานิที่มองปุ๊บของรู้ว่าเป็นของเธอ คนในรถไม่ได้ลดกระจกลงต่ำจนเห็นข้างใน ทำเพียงแค่ลดลงเพื่อรับอากาศข้างนอกทว่ายังก้าวไปไม่ถึงไหน ก็มีผู้หญิงหน้าตาดีในชุดเดรสรัดรูปอวดหุ่นน่าขย้ำเดินเข้ามาทัก“พี่ไนท์”นานิหุบยิ้มฉับเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาทักไนท์ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน เม
เมื่อการสอบปลายภาควันสุดท้ายเสร็จสิ้นลง สี่หนุ่มก็พากันมาฉลองที่ร้านอาหารกึ่งบาร์ต่างจากปกติที่จะพากันฉลองที่ผับแถวมหาลัย แต่ด้วยความที่เดย์ยังไม่ถอดเฝือกและยังต้องใช้ไม้ค้ำเดินอยู่ แม้จะลดเหลือแค่อันเดียวแล้วก็ตามแต่ก็ยังเดินเหินไม่สะดวกเหมือนปกติ ทั้งสี่เลยจึงต้องปรับเปลี่ยนสถานที่ฉลองมาเป็นที่นี้เพราะขืนพาเดย์ไปผับในสภาพนี้ คงดูกระเสือกกระสนเกินไป ป่วยอยู่แต่เสือกอยากแดกเหล้าอะไรประมาณนี้ แถมข้างในยังแออัดมากไม่เหมาะกับคนที่เดินเหินยังไม่สะดวกอย่างเดย์แม้แต่นิดและแม้จะเป็นนัดของหนุ่มๆ แต่ไอญดาก็ได้รับอนุญาตให้ติดสอยห้อยตามมาเพราะต้องขับรถมาส่งและรับเดย์กลับเนื่องจากอีกสามหนุ่มไม่ได้เอารถมาเพราะเตรียมตัวจัดหนักกันเต็มสตรีม วันนี้เลยไม่มีใครเป็นสารถีไปรับเดย์ และอีกเหตุผลหนึ่งคือเดย์ติดแฟนสาวมากไปไหนก็ต้องหนีบไปด้วยทุกที ไอญดาจึงได้ร่วมวงกับหนุ่มๆ อยู่บ่อยครั้งวันนี้ไนท์เรียกรถมา รวมถึงเรนจิกับชินด้วย ที่ถือคติเมาไม่ขับ ก่อนหน้านี้มีดื่มแล้วขับบ้าง ถ้าไม่เมามาก แต่ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุกับเดย์ทำให้อีกสามหนุ่มคิดถึงชีวิตตัวเองมากขึ้นและชีวิตคนอื่นบนท้องถนนด้วยขณะที่ไนท์เดินเข้ามาที่