LOGIN“คุ้น”
“คะ?”
“ท่านี้คุ้นมาก”
“เอ่อ.. เราหิวข้าว ขอเราทานข้าวก่อนนะคะ” นานิดึงด้วยข้าวต้มกลับเดินถือออกนั่งโต๊ะที่ระเบียง ซึ่งไนท์ก็เดินตามมาแล้วนั่งลงเก้าอี้ตัวเดิมโดยลืมว่าเมื่อครู่นี้เขากำลังจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อบ้วนปากหลังจากสูบบุหรี่
“แบ่งกันไหมคะ เรากินไม่หมดหรอก”
“ข้ามต้มหมูกับเบียร์เนี่ยนะ?”
นานิมองสลับเบียร์กับถ้วยข้ามต้มตรงหน้าสลับกันกันก่อนจะยิ้มแห้งๆ ให้อีกฝ่าย
“งั้นเอาเบียร์เพิ่มไหมคะ”
“พอแล้ว พี่ต้องขับรถ” คอนโดเธอก็อยู่เสียไกลเลย ไม่อยากเมาแล้วขับ เพราะเดย์พึ่งมีประสบการณ์โดยตรงมากับตัว เขาไม่อยากเป็นรายต่อไป
“เฮ้ย ใช่สิ เราลืมไปเลย แล้วที่พี่ดื่มไปแล้วอ่ะ”
“กระป๋องเดียวเอง ไม่เมาหรอก ยังไม่หมดกระป๋องเลยด้วย”
เพราะเห็นไนท์เหมอๆ สายตาเศร้าๆ ตอนนั่งสูบบุหรี่ นานิเลยคิดว่าแอลกอฮอล์อาจจะช่วยได้ จนลืมคิดเรื่องขับรถไปเลย
เธอรู้ว่าไนท์ยังทำใจเรื่องเดย์กับไอญดาไม่ได้ แต่ดูเหมือนเขาจะพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด คงอยากให้อีกสองคนสบายใจ แต่สายตาเขามันซ่อนความเจ็บปวดไม่ได้
เพราะรับรู้และเห็นความสัมพันธ์ของทั้งสามคนมาตั้งแต่ต้นจนจบ และอยู่ด้วยในแทบทุกสถานการณ์สำคัญ อย่างวันที่ไอญดาติดลิฟต์ วันที่เป็นจุดแตกหักของทุกอย่าง รวมไปหัวใจของคนตรงหน้าด้วย นานิสงสารไนท์มากแต่ไม่รู้จะช่วยเขายังไง
“พี่”
“อืม?”
“เจ็บมากไหมคะ ตรงนี้อ่ะ” ถามพลางชี้นิ้วไปที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง
คำถามจี้ใจทำให้ไนท์ดึงสายตาจากใบหน้าสวยใสเงยมองท้องฟ้า เขาจ้องมองอย่างเหมอลอยเกือบนาทีก่อนจะตอบ.. “เจ็บสิ เจ็บมากเลย”
“แล้วทำยังไงมันถึงจะหายคะ”
“หึ! ไม่รู้เหมือนกันดิ” แสระยิ้มเบาๆ กับตัวเองก่อนตอบ ทำยังไงให้หายงั้นเหรอ ไม่รู้วิธีเหมือนกัน “ทำใจละมั้ง”
“เราว่าเวลาจะช่วยให้พี่รู้สึกดีขึ้น”
“ก็ขอให้เป็นแบบนั้น” พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไร ก็รู้สึกเจ็บหน่วงขึ้นมาทุกที ไนท์จึงหยิบเบียร์ที่เหลือมาดื่ม
เสียงถอนหายใจยาวพรืดหลายครั้ง ทำให้นานิเข้าใจว่าไนท์ไม่สะดวกใจจะพูดเรื่องไอญดากับเดย์
“พี่บอกมีจะพูดกับเรา เรื่องอะไรเหรอคะ” ปกติเธอกับไนท์ก็ไม่ค่อยมีอะไรคุยกันสักเท่าไหร่ แต่วันนี้ไนท์เดินเข้ามาหาแล้วบอกเรื่องจะคุยด้วย ก็คงจะเป็นเรื่องไอญดา คงอยากถามไถ่เกี่ยวกับคนรักเก่า
“ทำไมเมื่อเช้าเราถึงมองพี่แปลกๆ มีอะไรรึเปล่า” ไนท์ละสายตาจากท้องฟ้าหันกลับมาสบตาคนถาม จากนั้นก็พ่นคำถามที่ค้างคาใจมาทั้งวันออกมาทันที
อึก!
ช้อนที่กำลังจะตักข้าวต้มเข้าปากชะงักค้างในอากาศเมื่อเจอคำถามที่ไม่คาดคิด เธอคิดว่าเรื่องคืนนั้นที่เธอไปส่งเขามันจบไปแล้วเสียอีกเพราะเช้าวันต่อมาไนท์ก็ส่งข้อความขอบคุณ นั้นก็แสดงว่าเขาจำได้ว่าเธอเป็นคนไปส่ง แต่ก็แค่นั้น..
เธอจึงเข้าใจว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นคนเมาคงจำไม่ได้เพราะเท่าที่เจอเขาวันนี้ไนท์ก็ดูปกติดี เธอเลยมั่นใจว่าไนท์คงจำได้แค่นั้น และเธอก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไปเช่นกัน
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่..
“คืนนั้นเราส่งพี่ที่ไหน”
“หน้าคอนโดไงคะ”
“หือ? พี่คิดว่าเราแค่เรียกรถให้” จำถึงแค่ตอนที่ขอเธอเรียกรถให้เท่านั้น หลังจากนั้นมันเบลอๆ
“แล้วที่ส่งข้อความมาขอบคุณล่ะคะ?”
“ขอบคุณที่ช่วยเรียกรถให้ แล้วก็พาส่งที่รถไง”
“อ่อ” ดูเหมือนการสื่อสารระหว่างเธอกับเข้าจะผิดพลาดนิดหน่อยเลยทำให้เข้าใจไม่ตรงกัน
“ว่าแต่ทำไมเราต้องไปส่งพี่ที่คอนโด?”
“ก็พี่ครึ่งหลับครึ่งตื่นขนาดนั้น เราไม่กล้าปล่อยให้นั่งกลับเองหรอก เราเลยนั่งมาส่ง แล้วก็ให้พี่ยูมารับกลับค่ะ” ตอนแรกเธอก็ไม่ได้คิดว่าต้องนั่งรถไปส่งเขา แล้วก็นัดกับพี่ชายเอาไว้แล้วว่าให้มารับเวลาไหน แต่ผิดแผนไปหน่อย เลยแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไป
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” ขอบคุณจริงๆ ที่เธอไม่ทิ้งให้เขานั่งรถกลับเองในสภาพแบบนั้น
“ค่ะ” อยู่ก็พูดไม่ออกดื้อๆ เลยตอบออกไปแค่สั้นๆ สายตาอ่อนโยนและคำว่าขอบคุณ ของเขามันทำให้ใจสั่นแปลกๆ
“แต่เรายังไม่ได้ตอบคำถามพี่นะ”
“ห้ะ! คำถามไหนคะ?”
“ก็ที่เรามองพี่แปลกๆ ไง ถามจริง คืนนั้นพี่ทำอะไรไว้รึเปล่า” คนเราเวลาเมาก็มักจะทำอะไรไม่คาดหมายออกไปโดยที่ไม่รู้ตัวและจำไม่ได้ ซึ่งคืนนั้นเขาเมามากๆ แทบจำอะไรไม่ได้เลย มันก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองอาจจะทำอะไรบ้าๆ บอๆ ออกไป
“ไม่มี้ค่ะ” นานิส่ายหน้าหวือตอบออกไปเสียงสูงแล้วก้มหน้าก้มตาหน้ากินข้าว
“เราโกหกไม่เก่งเลยนะ” เสียงสูงปรี๊ดแถมยังหลบตาอีก ท่าทางแบบนี้ให้เขาเชื่อได้ยังไงว่าไม่มีอะไร “บอกพี่มาเถอะ เผื่อพี่ทำตัวบ้าบอไปจะได้ขอโทษเราถูก”
“มะ..ไม่มีจริงๆ ค่ะ”
“น้ำเสียงแบบนี้ หลบตาแบบนี้ แสดงว่ามี”
“-_-”
“นานิ คืนนั้นพี่ทำอะไรลงไป บอกพี่มา” ไนท์กดเสียงต่ำตอนท้ายกดดันนานิด้วยน้ำเสียงและสายตา
“พี่ไม่อยากรู้หรอกค่ะ”
“อยาก” ยิ่งเธอพูดแบบนี้เขาก็ยิ่งอยากรู้
“แน่ใจนะคะ?”
“แน่ใจ!” ไนท์ยืนยันเสียงหนักแน่นและมั่นคง
“..”
ท่าทางอึกอักเหมือนไม่กล้าพูดของนานิทำให้คนรอฟังเริ่มกังวล ว่าความจริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คืนนั้น
หรือเขาอาจจะทำมิดีมิร้ายไว้?
ไนท์หยิบเบียร์ที่เหลือค่อนก้นกระป่องขึ้นมาจิบแก้ความประหม่าในระหว่างที่หูก็รอฟังอย่างจดจ่อ
“พี่”
“..”
“…ขอวันไนต์กับเรา”
เดินมาถึงหน้าตึกก็ต้องตกใจเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไอญดา เดย์ ชิน เรนจิ เอิงเอย คิม และลูกพีช อยู่กันครบขนาดนี้คงเตี๊ยมกันมาแล้ว“โว้ มีเดินมาส่งด้วย” “ให้เกียร์ให้ใจ”“อุ๊ย! สร้อยข้อมือสวย”“ประกาศตัวผ่านโซเซียลฉ่ำ”“รูปคู่ก็มา”“เปลี่ยนรูปโปรไฟล์คู่”“My night”ชินเป็นคนแรกที่เปิดแซว จากนั้นคนอื่นก็แซวตามๆ กันมา ไนท์โคลงหัวอมยิ้มขำ มันก็เขินนิดๆ ที่เพื่อนแซว ต่างจากนานิที่โดนแซวจนเขินไม่ไหวหนีมาหลบข้างหลังไนท์ทุกคนลุ้นคู่ไนท์กับนานิมาพักใหญ่แล้ว ว่าเมื่อไหร่ทั้งสองจะเปิดตัวสักที แล้วในวันนี้ก็มาถึงเลยขอแซวหน่อย อีกอย่างไนท์สร้างซีนไว้เสียใหญ่โตเมื่อวาน“เมื่อวาน เล่นไว้ซะใหญ่เลยนะมึง” เหตุการณ์เมื่อวานเป็นที่กล่าวถึงกันมากในโซเซียล มีทั้งรูปและวิดีโอของไนท์กับนานิและก็มิลล์ เพจดังของมหาลัยก็เอาไปใส่สีตีไข่ว่าเกิดศึกแย่งหญิงระหว่างหนุ่มฮอตวิศวะกับหนุ่มตีว่าที่คุณหมอ มีคนมาคอมเมนต์มากมาย บ้างก็บอกว่ากินกันไม่ลงเพราะหล่อกันคนละแบบ จนเกิด #ทีมหมอมิลล์ #ทีมไนท์ แต่หลังจากที่ไนท์กับนานิแชร์สถานะใหม่บนโซเซียล พร้อมกับเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปคู่ของทั้งสองพร้อมกันและเป็นรูป
กริ๊งๆ เสียงนาฬิกาปลุกยามเช้าตรู่ นานิคว้าโทรศัพท์มาปิดนาฬิกาปลุก ในช่วงที่เธอขยับตัวไปเอื้อมโทรศัพท์ก็ทำให้ร่างหนาที่กอดรัดอยู่ด้านหลังขยับตัวตื่นตามไนท์ส่งเสียงอู้อี้ในคออย่างขัดใจนิดหน่อย เนื่องจากเขายังอยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนี้ต่อ ปกติเขาไม่ใช่คนขี้เซาหรือตื่นสาย แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่มีนานิมานอนด้วยเขาก็ไม่อยากลุกจากที่นอนเลย บวกกับไม่ได้กอดเธอตั้งหลายคืนแล้ว วันนี้เขาเลยไม่อยากลุกจากที่นอนเลย“ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้เรามีเรียนเช้ากันนะ”“อืม” ไนท์ตอบกลับเสียงอืมเบาๆ ในลำคอ แล้วซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอด้านหลังนานิ จมูกโด่งกดหอมไปทั่วจนถึงลาดไหล่ กดริมฝีปากขบเม้มตามผิวเนื้อเนียนในขณะที่ตาสองข้างยังปิดสนิทอยู่“พี่ ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวไปเรียนสาย” นานิย่นคอหนีจมูกปากและลิ้นที่เริ่มไล้เลียไปยังใบหู เมื่อคืนหลังจากให้เกียร์ให้ใจไนท์ก็ให้ตัวเขามาแบบรัวๆ จนเธอแทบจะสลบเหมือดคาเตียง ตื่นเช้ามายังหื่นใส่อีก“พอแล้วค่ะ” เอ่ยเตือนอีกครั้งเพราะเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่มันเริ่มขยายตัวถูไถอยู่ตรงก้นของเธอ ไนท์เป็นคนเครื่องติดง่ายเธอรู้ดี ถ้าห้ามได้ให้รีบห้ามไม่งั้นยาว ปกติเธอก็ไม่ใช่คนเล่นตัวอะไรแต่ตอ
“ยกเลิกตั้งนานแล้วทำไมยังเก็บเอกสารไว้อีกล่ะคะ”“ลืม ลืมจริงๆ เพราะพอยกเลิกก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีก”“โห แบบนี้เราก็ร้องไห้ฟรีสิ” เสียน้ำตาไปเป็นปี๊บ แต่จะว่าร้องไห้ฟรีก็ไม่ใช่เพราะพอเกิดเรื่องนี้เธอกับเขาเลยได้เคลียร์ใจกันเหมือนตอนนั้น ไม่งั้นไม่รู้ว่าเธอจะได้มีโอกาสคุยกันตรงไปตรงมาแบบนี้ไหม“แล้วเราไปรู้ได้ยังไง รู้ตอนไหน” เมื่อกี้ถามไปแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ“ตอนที่เราหาเอกสารที่ฝากพี่ปรินต์ไง เราหาบนโต๊ะไม่เจอเลยลองค้นในลิ้นชักที่โต๊ะทำงานดู”“งั้นก็วันเดียวกับที่เดย์เจอ” “พี่เดย์ก็พึ่งรู้เหรอคะ?”“อืม เรื่องเรียนตอนพี่ไม่ได้บอกใครเลย พ่อกับแม่ก็ไม่ได้บอก”“โห ใจร้าย ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าคนรอบข้างจะเสียใจตอนรู้ว่าพี่จะไปเรียนต่อ”“คิดสิ แต่ไม่คิดว่าทุกคนจะเสียใจขนาดนี้” เพราะเขาแค่จะไปเรียน เรียนจบก็กลับมาแล้ว ไม่ได้ไปแล้วไปลับเสียหน่อย“ที่พี่ตัดสินใจไปเรียนต่อเพราะไอใช่ไหม”“อืม มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ตอนนั้นคิดแค่ว่าคงอยู่เห็นเดย์กับไอรักกันไม่ได้ เลยอยากหนีไปไกลๆ “ “พี่คงรักไอมาก” “เคย..แค่เคยรัก” ตอนนี้แค่เคยรักเท่านั้นและไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นต่อไอญดาอีกต่อไป ไม่มีเลย เพราะ
ไนท์พานานิขึ้นมาคุยต่อบนห้องเนื่องจากมีอีกหลายเรื่องเลยที่เขาอยากอธิบาย“คุยกันบนเตียงได้ไหม อยากนอนกอดเรา คิดถึง” พอบอกไปแบบนั้นนานิก็มองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ “แค่นอนคุยกันจริงๆ “ พอไนท์ยืนยันแบบนั้นนานิก็ยอมนอนลงในอ้อมแขนแกร่งแล้วหนุนศีรษะไว้ที่อกแข็งๆ ของไนท์ไนท์กดจมูกบนเรือนผมยาวสลวยสูดดมกลิ่นแชมพู กลิ่นครีมอาบน้ำ กลิ่นน้ำหอมกลิ่นคาราเมล เขาโคตรคิดถึงเธอเลย ตอนนี้เหมือนหัวใจเขากลับมาเต้นอีกครั้ง เขาเหมือนต้นไม้ที่ใกล้ตาย ใบแห้งเหี่ยวเฉ่า ทว่าอยู่ๆ ก็มีคนมารดน้ำช่วยชีวิตมันไว้“คิดถึง” ตั้งแต่วันที่เธอขอยุติความสัมพันธ์ เขาก็นอนไม่หลับ อาลัยอาวรณ์ถึงแต่เธอ ร่างนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมละมุนที่คุ้นจมูกที่ได้สูดดมแล้วรู้สึกสบายใจ เธอเป็นเซฟโซนของเขา “เราก็คิดถึงพี่” นานิว่าแล้วกระชับเรียวแขนที่กอดรัดร่างหนาเอาไว้“แล้วรักพี่ไหมครับ?”“รักค่ะ” นานิตอบเสียงเบาและก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาไนท์ตอนพูด ก่อนหน้านี้เธอตะโกนคำว่ารักใส่เขาด้วยความโกรธแต่พอตอนนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นอีกแล้ว แล้วเขาก็มาถามกันตรงๆ มันก็เกิดขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไนท์ยกยิ้มบางทอดสายตามองคนตัวเล็กในอ้อมกอดด้วยความร
ไนท์ขับมอเตอร์ไซค์พานานิกลับและเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิงที่เขารัก ไนท์ก็เสียสละหมวกกันน็อกให้นานิ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นครั้งคราวจากข้างหลัง บ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังร้องไห้ จะหยุดรถกลางรถปลอบก็ไม่ได้ จะขับเร็วขึ้นก็ห่วงความปลอดภัยของเธอ ตลอดทางไนท์ขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความวุ่นวายใจ โชคดีที่คอนโดตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ และในที่สุดเขาก็พาเธอมาก็ถึงจุดหมายพอมอเตอร์ไซค์หยุดนิ่งนานิก็รีบลงทันที เธอซ้อนคันนี้มาหลายครั้งแล้วเลยรู้วิธีลงอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ปลดล็อกถอดหมวกกันน็อกยื่นคืนให้ไนท์แล้วทำท่าจะไป เห็นแบบนั้นไนท์ก็รีบคว้าตัวนานิไว้แล้วใช้อ้อมแขนแกร่งกอดรัดเธอไว้ในอ้อมกอด “จะไปไหน ไม่ให้ไป”ตุ้บ!กำปั้นเล็กทุบเข้าที่หน้าอกแกร่งในขณะที่สองแก้มยังอาบไปด้วยน้ำตา เธอร้องไห้ด้วยดวงตาแดงก่ำ ใต้ตาบวมแป่ง ใบหน้าเลอะเทอะไปด้วยคราบน้ำตา ร้องไห้จนหยุดสะอื้นไม่ได้ตุ้บๆๆๆ!!เสียงทุบจากกำปั้นเล็กดังต่อเนื่อง ซึ่งไนท์ก็นิ่งให้คนในอ้อมกอดระบายจนพอใจ เขาไม่แน่ใจว่าเธอโกรธเรื่องอะไร แต่รู้ว่าโกรธมากเพราะกำปั้นน้อยทั้งสองข้างทุบมาอย่างไม่ออมแรง“อย่ามาทำเหมือนรัก ถ้าไม่คิดจะรั
แววตาเจ็บปวดแสนเศร้าของนานิเมื่อครู่นี้ทำให้ไนท์สับสนบวกกับคำพูดหลายอย่างทีคุยกับเพื่อนเมื่อเช้าด้วย ‘อย่ามาทำเป็นพระรองแสนดีอีก มึงก็รู้ว่าเป็นพระรองมันเจ็บ เป็นพระเอกกับเขาบ้างสิวะ’‘เขาเป็นของมึงท่องไว้ ถ้ามันอยากได้ก็สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย’ถ้าเราหัวใจตรงกันแล้วทำไมเขาต้องยอมเสียเธอไปให้คนอื่นด้วยวะ รักแรกแล้วไง ใครกลัว รอบนี้เขาจะสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้เธอเป็นนางเอกเขาก็จะเป็นพระเอกไนท์วนรถกลับเข้ามาอีกครั้งทั้งที่ขับออกไปเกือบถึงทางออกหน้ามหาลัยแล้ว แต่พอขับเข้ามาก็เห็นนานิกำลังขึ้นรถเบนซ์คันสีดำที่เขารู้ดีว่ามันคือรถของใครมึงอีกแล้วเหรอ?ไนท์ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์ถอดหมวกกันน็อกออกด้วยความรีบร้อน ในใจเดือดปุดๆ ที่เห็นมิลล์มารับนานิ ก้าวตรงไปที่รถของมิลล์แล้วพอเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วเห็นมิลล์โน้มตัวมาหานานิ ท่าทางเหมือนทั้งสองกำลังจูบกัน วินาทีนั้นความโกรธก็พุ่งปรี๊ด ไนท์โกรธเลือดขึ้นหน้ากระชากประตูฝั่งข้างคนขับออกด้วยความโมโห“ทำบ้าอะไรกัน” กระชากประตูเปิดออกก็ลากร่างบางออกมาแล้วตะโกนถามโดยไม่สนนักศึกษาหลายคนที่อยู่แถวนั้นทุกคนต่างพากันมาเมียงมองอย่างให้ความสน







