“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด
“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป”
ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน
“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย
“ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน
“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง”
“ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล
“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ
“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง”
แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ”
หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด้วยคราวด้วยกัน หรือบางคนก็มีความเชื่อผิดๆ ว่าทำหมันแล้วจะมีผลกับความสัมพันธ์และอารมณ์ทางเพศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในทางการแพทย์ก็เคยมีการออกมายืนยันแล้วว่าไม่เป็นความจริง
ฝ่ายสกนธีเองไม่ได้คิดอะไรมาก เขาแค่คิดว่าอิสริยาเสียสละตัวเองอุ้มท้องลูกสองคนแล้วจึงอยากทำอะไรเพื่อเธอบ้าง จึงปรึกษาแพทย์และตัดสินใจเป็นฝ่ายทำหมันชายเองหลังจากที่อิสริยาคลอดลูกจนแข็งแรงดีแล้วสักระยะ
ชายหนุ่มรอที่หน้าห้องผ่าตัด จนเกือบครบหนึ่งชั่วโมงพยาบาลจึงออกมาแจ้งว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
“คุณพ่อคะ การผ่าตัดเรียบร้อยดีค่ะ น้องแข็งแรงดีตอนนี้หมอเด็กรับไปดูแลแล้ว คุณพ่อไปรอที่ห้องพักได้เลยค่ะสักครู่เราจะย้ายคุณแม่ขึ้นไป”
เด็กหญิงสโรชามีน้ำหนักสามพันหกร้อยกรัม แข็งแรง ส่งเสียงร้องดังในตอนที่พี่สาวของเธอไปเกาะกระจกมองที่ห้องเด็กแรกเกิด
“คุณพ่อขา น้องร้องด้วย”
สกนธีพยักหน้า ชายหนุ่มจูงมือลูกสาวคนโตมาดูน้องเพราะอยากให้แกได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมเกี่ยวกับน้องเท่าที่ทำได้ เพราะว่าเขากับอิสริยาค่อนข้างกังวลว่าน้องเพียงจะคิดน้อยใจพ่อกับแม่หากมีน้องมาเพิ่มอีกคน
“ครับลูก ตอนหนูเกิดมาหนูก็ร้องแบบนี้เหมือนกัน”
“หนูตัวเล็กแบบนี้ด้วยเหรอคะพ่อ” เด็กหญิงถามต่อ
“ใช่จ้ะ หนูตัวเล็กกว่าน้องนิดหน่อย ตอนหนูเกิดหนูหนักสามโลสองขีดน้อยกว่าน้องสี่ขีด”
น้องเพียงมองน้องอย่างตื่นเต้น “หนูอยากอุ้มน้องพิงค์”
สกนธีมองลูกอย่างเอ็นดู “เดี๋ยวก็ได้อุ้มลูก กลับไปหาแม่กันเถอะอีกสักพักเดี๋ยวน้องตามไปครับ”
เมื่อชายหนุ่มพาลูกกลับมาที่ห้องพักฟื้น อิสริยาที่รู้สึกตัวตื่นดีแล้วพอดี หญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นน้องเพียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับคนเป็นพ่อ
“คุณแม่ตื่นแล้ว แม่ขาหนูไปดูน้องมาค่ะ” เด็กหญิงวิ่งตรงมาหามารดา มีคุณยายนั่งอยู่ข้างเตียงซึ่งนางลุกให้หลานสาวเข้ามาหาแม่
“น้องน่ารักไหมลูก” อิสริยาถามลูก เธอจับมือเด็กหญิงที่กำลังทำท่าตื่นเต้นแล้วอมยิ้ม
“น่ารักมากค่ะ พ่อบอกว่าเดี๋ยวน้องตามมา”
อิสริยาพยักหน้า เธอถามไถ่ว่าน้องเพียงรับประทานอะไรหรือยัง หิวไหม ซึ่งเด็กหญิงก็ตอบจนหญิงสาวพอใจจากนั้นจึงหันมาคุยกับสกนธี
“หมอบอกว่าลูกแข็งแรงดีไหมคะ”
“น้องพิงค์แข็งแรงดีจ้ะเดี๋ยวพยาบาลจะพามาส่ง แล้วเอ๋เจ็บแผลไหมตอนนี้ ปวดหัวหรือเปล่า” สกนธีมองภรรยาอย่างสำรวจพลางส่งโทรศัพท์ให้เธอดูรูปลูกคนเล็กที่เขาไปถ่ายมาเมื่อครู่
“นี่จ้ะ ลูกเราเกือบตัวใหญ่สุดในห้องเลย หมอบอกว่าแข็งแรงมาก ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
อิสริยาดูรูปลูกคนเล็กมือหนึ่งก็กอดน้องเพียงที่ชะโงกหน้ามาดูด้วยกัน
“ผมส่งรูปน้องพิงค์เข้าไปในไลน์ที่บ้านนะครับม้า” สกนธีบอกนางอิสรีย์ที่เพิ่งวางสายจากสามีพอดี
“ป๊าเขาบอกเหมือนกันว่าน้องพิงค์น่ารัก เดี๋ยวป๊ากับพี่ชายเราคงมาเยี่ยมนะเอ๋เห็นว่าจะไปแวะซื้อของบำรุงให้เราด้วย” นางบอกลูกสาวลูกเขย “คืนนี้น้องเพียงไปนอนกับอาม่าอากงไหมลูก”
เด็กหญิงนิ่งคิด “หนูอยากอยู่ช่วยแม่เลี้ยงน้องค่ะอาม่า”
“ให้น้องเพียงนอนนี่ก็ได้ครับแม่ ที่นี่มีห้องนอนข้างในอีกห้อง” สกนธีมองไปทางห้องนอนด้านในของห้องพักผู้ป่วย นางอิสรีย์เข้าใจได้ว่าลูกสาวลูกเขยเป็นห่วงความรู้สึกลูกคนโต นางจึงค่อนข้างเห็นด้วย
“แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้น้องเพียงหยุดนี่เนอะอาม่าลืม”
“ค่ะน้องเพียงทำการบ้านเสร็จหมดแล้วนะคะอาม่า” เด็กหญิงตอบยิ้มร่า เธอทำการบ้านมาจากโรงเรียนแล้วในชั่วโมงเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนหนึ่งชั่วโมง
“เก่งจังเลยลูก คนสวยของม่า” นางก้มลงกอดหลานสาวแล้วหอมแก้มแรงๆ
คืนนั้นสองสามีภรรยามีเวลาเป็นส่วนตัวเฉพาะครอบครัว หลังจากที่เสี่ยกวงและคุณนายอิสรีย์กลับไปแล้ว ส่วนคุณปู่คุณย่าของเด็กท่านได้บอกไว้ว่าจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมารับขวัญหลานสาวคนเล็กในวันรุ่งขึ้น
“พรุ่งนี้เพื่อนๆ พี่จะมาเยี่ยมนะครับเอ๋” สกนธีอ่านข้อความในไลน์ที่กลุ่มเพื่อนแจ้งไว้
“ค่ะ พี่เก่งยังไม่ต้องไปทำงานใช่ไหมคะ” หญิงสาวถาม
“ครับพี่ลาอาทิตย์นึง ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรไอ้นนท์มันจะจัดการให้”
“เกรงใจพี่นนท์ค่ะ ถ้ามีงานด่วนก็ไปได้นะคะ” เนื่องจากตั้งแต่แต่งงานครั้งที่สอง อิสริยาตั้งครรภ์แล้วสกนธีจึงให้จี๊ดแม่บ้านที่ร้านย้ายมาทำงานที่บ้านเพื่ออยู่เป็นเพื่อนภรรยาด้วยและช่วยดูแลงานบ้านด้วย ทำให้เธอมีคนช่วยเลี้ยงลูกทั้งสองคนในเวลาที่เขาไปทำงาน
“พี่ก็เคลียร์งานหลักๆ ไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่ถ้ามีมาอีกแล้วมันจัดการไม่ได้ก็ค่อยว่ากัน” สกนธีตอบง่ายๆ เดินไปดูลูกสาวคนเล็กที่หลับตาพริ้มในที่นอนเด็ก
“พี่เก่งไปพักเถอะค่ะ พาลูกเข้านอนได้แล้ว” อิสริยาเตือนเมื่อเห็นว่าเลยเวลานอนของน้องเพียงมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว วันนี้เด็กหญิงคงมีเรื่องตื่นเต้นมากจนลืมง่วงไปเสียแล้วกระมัง
“งั้นพี่พาลูกไปนอนก่อน เอ๋มีอะไรเรียกพี่เลยนะ” สกนธีกวักมือเรียกลูกคนโตที่เฝ้าน้องไม่ห่าง
“น้องเพียงไปนอนกันลูก พ่อพาไป”
“หนูนอนตรงนี้ไม่ได้เหรอคะ” เด็กหญิงมองหน้าพ่อแม่ อิสริยาส่ายหน้าไปมา จะนอนตรงนี้ได้อย่างไร ที่นอนก็ไม่มีไหนจะช่วงดึกที่ต้องมีพยาบาลเวรเข้ามาดูอีก
“ไม่ได้ค่ะลูก นอนตรงนี้ไม่มีที่นอนนะคะ หนาวด้วยเดี๋ยวตื่นมาไม่สบาย ไปนอนในห้องดีกว่าค่ะจะได้ตื่นเช้าๆ มาอยู่กับน้องไงลูก” หญิงสาวอธิบาย โชคดีของเธอและสามีที่ลูกสาวเป็นเด็กดีแต่ไหนแต่ไร น้องเพียงเชื่อฟังพ่อแม่เสมอหากว่ามีเหตุผลและพูดกับเด็กหญิงดีๆ
“มะ กู๊ดไนท์คิสแม่ก่อน” หญิงสาวอ้าแขนออกรับร่างเด็กหญิงมากอดหอมแก้มซ้ายขวา “แม่รักน้องเพียงนะลูก”
“หนูก็รักแม่ค่ะ” เด็กหญิงหอมแก้มมารดากลับ เอี้ยวตัวหันไปหาบิดาที่ยืนด้านหลัง “รักพ่อด้วยค่ะ”
สกนธีอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา “พ่อก็รักหนูค่ะ ไปนอนกันได้แล้ว”
น้องเพียงกอดคอพ่อขณะที่สกนธีเดินเข้าไปยังห้องนอนด้านในที่มีผนังกระจกใสกั้นอีกชั้น เธอโบกมือให้มารดา “บ๊ายบายค่ะแม่ หนูนอนก่อนนะคะ”
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่