อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับ
วันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน
แขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง
“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคล
คู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว
“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาว
คู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง
“ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ”
“ขอบคุณครับพ่อแม่”
จากนั้นเป็นคิวของเสี่ยกวงและคุณนายอิสรีย์
“ขอให้ลื้อสองคนมีความสุขมากๆ นะ อั๊วฝากแก้วตาดวงใจไว้กับลื้อนะอาเก่ง ช่วยดูแลให้ดีกว่าที่อั๊วเคยทำด้วย”
“ขอให้ลูกสองคนมีความสุขในทุกๆ วันนะลูก หนักนิดเบาหน่อยก็ใจเย็นๆ กันก่อนแล้วค่อยเคลียร์กันนะลูก แม่รอเจอหลานอีกคนน้า” คุณนายมาพร้อมกับซองใส่เช็คให้เป็นเงินขวัญถุงเช่นกัน
“ขอบคุณค่ะป๊า ม้า”
จากนั้นเป็นคิวของพี่ชายอย่างอังกูร อันธิกาน้องสาว หรือญาติของเจ้าบ่าวอย่างสุพลและภรรยา เพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมรุ่น เพื่อนร่วมงานของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่มากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
เสร็จจากพิธีรดน้ำก็เป็นพิธีปูเตียงเรียงหมอนหรือพิธีส่งตัว โดยที่เจ้าภาพเชิญสุพลและภรรยามาปูเตียงให้ ตามธรรมเนียมผู้ใหญ่ทั้งคู่ที่ถูกเชิญมาจะนอนลงบนเตียงนั้น ฝ่ายหญิงจะนอนทางซ้าย ฝ่ายชายนอนลงทางขวา กล่าวถ้อยคำอวยพรที่เป็นมงคลต่อชีวิตคู่ แล้วจึงลุกจากเตียงเป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
หลังจากเสร็จพิธีส่งตัว บ่าวสาวลงมาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับแขก ในการจัดพิธีครั้งนี้ทั้งคู่เน้นความเรียบง่ายและเป็นกันเอง ในทุกขั้นตอนจะมีภาพของเด็กหญิงสุพิชชาอยู่ในเฟรมเสมอเพราะว่าเธอคือคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของครอบครัว
“แม่ขา วันนี้แม่สวยจังค่ะ”
“แล้วพ่อไม่หล่อเหรอคะลูก” สกนธีถามลูกสาว
“หล่อค่ะ พ่อหนูหล่อที่สุดในโลกเลย” เด็กหญิงตอบทำให้คนเป็นพ่อยิ้มหน้าบาน อิสริยาส่ายหน้าไปมาก่อนจะบอกคนที่เพิ่งเลื่อนขั้นมาเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายว่า
“เอ๋หิวค่ะ อยากได้ขนมพี่เก่งไปเอามาให้หน่อยได้ไหมคะ”
“ขนมไรดีครับ เอาขนมไทยหรือเบเกอรี” ในงานวันนี้อิสริยาเหมาขนมและเชฟจากร้านไนซ์คาเฟและร้านของชมพูนุทมาด้วย ซึ่งดนัยก็เต็มใจมาร่วมแสดงความยินดีและคิดราคาขนมในราคาพิเศษให้ เช่นเดียวกับร้านของชมพูนุทที่สกนธีเคยไปขอเรียนทำขนม ก็ได้รับเชิญมาเป็นสักขีพยานให้กับบ่าวสาวเช่นกัน
“อยากกินทั้งสองอย่างเลยค่ะ อยากกินขนมเบื้องกับเครปเย็นไส้ฝอยทองค่ะ เอ๊ะ... เอ๋ไปเลือกเองดีกว่าค่ะ” อิสริยาชอบขนมมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ ซึ่งน่าจะมาจากอาการฮอร์โมนสวิงในช่วงตั้งครรภ์ด้วย
“จ้ะ งั้นไปพี่พาไป” สกนธีประคองเธอไป ทั้งจากที่เธอตั้งครรภ์และชุดไทยที่สวมในวันนี้ทำให้เจ้าสาวเดินไม่ได้เร็วๆ ว่าที่คุณพ่อลูกสองจำเป็นต้องดูแลเธอดีกว่าที่ผ่านมา
เธอเดินไปถึงซุ้มของดนัย
“ขนมน่ากินมากเลยค่ะเชฟ น่าอร่อยไปหมดเลย” หญิงสาวทำตาโต ช่วงนี้เธอมีความสุขกับขนมจริงๆ วันนี้ขนมมาในขนาดชิ้นพอดีคำเพิ่มความน่ารับประทานไปอีกเท่าตัว
“เลือกไปชิมอย่างละชิ้นสองชิ้นไหมครับพี่เอ๋” ดนัยหยิบจานเล็กมาเตรียมไว้ให้ สกนธีจึงรับมาถือไว้เองรอให้ภรรยาเลือกจิ้มใส่จาน
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะเชฟที่มาร่วมในงานแต่งงานพี่ พี่ชอบมากเลย” อิสริยาขอบคุณอีกฝ่าย
“ผมสิต้องขอบคุณที่พี่เอ๋เชื่อมือผม ขอให้ชีวิตแต่งงานมีความสุขมากๆ ราบรื่นนะฮะ” ดนัยถือโอกาสอวยพรสาวรุ่นพี่ไปด้วยเลย เพราะตอนรดน้ำเขาต้องจัดซุ้มไม่ว่างไปอวยพรตรงนั้น
ออกจากซุ้มดนัยเธอตรงไปที่ร้านของชมพูนุท
“คุณนุทขา พี่อยากได้ช็อกโกแลต”
“พี่เอ๋เอาไปนิดเดียวก่อนนะคะ ช็อกโกแลตมีคาเฟอีน น้ำตาลก็สูงด้วยค่ะ” ชมพูนุทจำเป็นต้องเบรกเพราะเห็นว่าอิสริยาโปรดปรานขนมมาก เกรงว่าเธอจะมีภาวะเบาหวานในคนท้อง
“อุ๊ย พี่ลืมไปเลยค่ะ งั้นเอาชิ้นเดียวพอกับเค้กส้มนะคะ” อิสริยารีบเบรกตัวเองทันที
“คุณพ่อคุณแม่ขา น้องเพียงอยากกินขนมด้วย” เด็กหญิงที่นั่งกับคุณลุงลุกมาหาพ่อและแม่เพราะเห็นจานขนมในมือพ่อ
“ไปสิลูก สวัสดีอานุทยังคะ” สกนธีถามลูก
“ยังค่ะ สวัสดีค่ะคุณอานุท” น้องเพียงมองขนมในซุ้มตาปรอย วันนี้มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น อยากให้พ่อแม่แต่งงานทุกวันเลย เธอคิดในใจ
“สวัสดีค่ะน้องเพียง หนูชอบอันนี้ไหมคะ น้ามีเยลลีรูปเป็ดน่ารักมาด้วยนะ”
ชมพูนุทส่งขนมเยลลีน้ำผลไม้หลากสีให้เด็กหญิงหนึ่งแพ็ก น้องเพียงตาโตรับไปทันทีย่อตัวไหว้อย่างอ่อนช้อย
“ขอบคุณค่ะอานุทคนสวย ขนมก็ซ้วยสวย” น้องเพียงลากเสียงจนคนที่ได้ยินหัวเราะ
ชมพูนุทยิ้มรับแก้มปริเธอชอบบรรยากาศของงานแต่งเพราะแบบนี้ล่ะ มันมีแต่ความชื่นมื่น มีแต่กลิ่นไอความสุขลอยอวลในงาน
“ขอบคุณค่าคนสวยของอานุท” และหันมาคุยกับเจ้าสาวแทน “ยินดีด้วยนะคะพี่เอ๋ พี่เก่ง นุทดีใจด้วยจริงๆ ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณนุท พี่ก็ขอบคุณเหมือนกันนะคะที่ช่วยเหลือมาตลอด” อิสริยาขอบคุณกลับ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่เอ๋ ยินดีมากมาก”
บ่ายวันนั้นเมื่องานเลี้ยงจบลง บ่าวสาวแยกตัวกลับบ้านเพราะเหนื่อยกันเต็มที่ ส่วนเด็กหญิงสุพิชชาครอบครัวของอิสริยารับหน้าที่ดูแลแทนพ่อแม่หนึ่งวันเพราะอยากให้บ่าวสาวได้พักผ่อน
“วันนี้เอ๋มีความสุขจังเลยค่ะ” เธอครึ่งนั่งครึ่งนอนกับโซฟาหลังบ้าน มีสามีกอดเธออยู่เคียงข้างกัน
“พี่ก็มีความสุขครับ” ตอนนี้ทั้งสองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาสวมชุดลำลองสบายๆ
“อยากไปเที่ยวไหม ไปทะเลกันดีไหม” เจ้าบ่าวหมาดๆ ก้มลงถามแต่หญิงสาวส่ายหน้า
“ไม่อยากไปไหนเลยค่ะ ช่วงนี้อยากนอน” อาจจะเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายซึ่งสกนธีเข้าใจดี ชายหนุ่มก้มลงกดจมูกที่ขมับนวลหนักๆ
“ไม่เป็นไร งั้นก็อยู่บ้านกัน พี่ลางานได้เจ็ดวันตอนแรกว่าจะชวนเอ๋ไปหลีเป๊ะ แต่ถ้าเอ๋...”
“ไปค่ะ ไป” อิสริยานั่งตัวตรงทันทีเมื่อได้ยินคำว่าหลีเป๊ะ เธออยากไปมานานแล้วเขาก็รู้ “ไปจัดกระเป๋ากันเลยไหมคะ”
สกนธีหัวเราะ “พี่จัดให้แล้วครับ ตั๋วเครื่องบินจองแล้วเที่ยวบินพรุ่งนี้ ของเราสามคนมีตั๋วของน้องเพียงด้วย รีสอร์ตก็จองแล้วครับตอนนี้เอ๋ก็เลยไตรมาสแรกมาแล้ว พี่ปรึกษาหมอหมอบอกว่านั่งเรือได้ครับ ถ้าเป็นเรือเฟอรี่ลำใหญ่สบายมาก” แต่ถ้าสปีดโบตคุณหมอห้ามเด็ดขาดและสกนธีก็เข้าใจดี
“มีของน้องเพียงด้วยเหรอค่ะ น่ารักจัง”
“อ้าว น้องเพียงก็ลูกพี่ ลูกเรา ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันสิครับ”
ตอนแรกที่หญิงสาวปฏิเสธเพราะเข้าใจว่าคำว่าฮันนีมูนหมายถึงเธอกับสกนธีแค่สองคน จึงไม่อยากไปเพราะไม่ต้องการทิ้งน้องเพียงไว้กับใครคนอื่นหลายวัน แต่เมื่อสกนธีบอกว่าเขาเตรียมทุกอย่างเผื่อลูกเธอก็ดีใจอย่างยิ่ง เต็มใจไปอย่างไม่มีข้อแม้
“ขอบคุณนะคะ” ขอบคุณที่กลับมาเป็นคนรักที่แสนดีของเธอแบบก่อนที่เราจะแต่งงานกัน หญิงสาวคิดในใจ
จบ
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่