“แกไปอยู่ที่ตึกฉันก่อนไหมติม คนเยอะด้วยไอ้หมอนั่นมันไม่กล้ามาวุ่นวายแน่” เพราะว่าร้านของอิสริยามีลูกน้องผู้ชายตัวใหญ่ๆ ทำงานเข้าออกที่นั่นหลายคน ซึ่งก็เป็นคนของเสี่ยกวงอีกทีและไว้ใจได้ทุกคนเพราะล้วนเป็นคนงานเก่าแก่
“ฉันเห็นด้วยนะ ที่นั่นก็ดี อยู่ในชุมชนของกินของใช้ไม่ลำบาก มีคนคอยเป็นหูเป็นตาเยอะ ถึงจะไม่มีคีย์การ์ดก็ไม่มีปัญหา”
ณาราค่อนข้างสบายใจหากติยากรยอมย้ายไปที่นั่น เพราะเธอสังหรณ์ใจว่าไอ้คนหน้าตัวเมียแบบนั้นคงไม่ยอมจบง่าย
“มีแล้วคีย์การ์ดน่ะ พี่เก่งให้คนไปทำไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว มีทั้งคีย์การ์ดทั้งใส่รหัสพินเปิดห้อง”
สกนธีให้ช่างไปติดตั้งระบบประตูใหม่ตั้งแต่ปีก่อนที่เขารีโนเวตชั้นสามเป็นห้องทำงาน โดยให้เหตุผลว่าชั้นบนเป็นที่พักอาศัยและเราก็มีลูกสาว มีลูกน้องผู้หญิงซึ่งเป็นแม่บ้านพักด้วย ควรจะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่าเดิม
“งั้นก็ดีเลยสิ ติมแกย้ายไปอยู่ที่นั่นเถอะ ถ้าไม่กล้าอยู่คนเดียวเดี๋ยวฉันไปด้วย” ณาราดีดนิ้วเปาะ
“คนเดียวที่ไหน เอ๋ก็เพิ่งบอกว่าคนเยอะมีแม่บ้านพักด้วยใช่ไหม” ติยากรหันไปถามเพื่อน
“ใช่ มีแม่บ้านพักอยู่สองคน ห้องแม่บ้านก็อยู่ชั้นสอง แกก็อยู่ชั้นสองแหละ” อิสริยาย้ำ
“แกโชคดีจังเอ๋ ได้ผัวดี๊ดี ถึงจะเคยทำตัวไม่ดีก็ยังกลับตัวกลับใจได้ คนเราก็มีดีบ้างไม่ดีบ้างก็ธรรมดานะ”
ณาราชมสามีเพื่อน เธอรู้เรื่องของอิสริยาดีว่าทำไมช่วงหนึ่งเพื่อนจึงย้ายไปอยู่ที่ตึกนั่น
เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านที่สกนธีเคยละเลยไปไม่ใช่ประเด็นกับคนที่มีทรัพย์สินในมือแบบอิสริยา แต่เรื่องความซื่อสัตย์ต่างหากที่เคยเข้าใจว่าเขานอกใจนั่นคือเรื่องที่คนเป็นเมียแบบเพื่อนเธอจะไม่ทน แต่ในที่สุดสกนธีก็เคลียร์ตัวเองได้ ว่าเขาไม่เคยนอกใจภรรยานั่นเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่จะทำให้ทั้งสองคนเรียกคืนความสัมพันธ์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวชายหนุ่มว่าจะทำให้อีกคนมั่นใจแค่ไหน
“จริง ถ้าเทียบกับเรื่องของฉัน พี่เก่งโคตรดีเลยเอ๋ คืนดีจริงๆ กับเขาเถอะ เห็นหน้าจ๋อยๆ แล้วสงสาร” ติยากรพูดบ้าง
อิสริยานิ่งฟัง หากเทียบกับเรื่องของติยากรเธอก็ชักเห็นความดีของสกนธีแล้วเหมือนกัน แต่นั่นล่ะเธอคิดว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา
“แกแค่โชคร้ายที่เจอคนอย่างไอ้หมอนั่นติม ส่วนตอนนี้เขาก็หมดบุญที่จะอยู่กับคนดีๆ แบบแกแล้ว พ้นจากไอ้เวรนี่เดี๋ยวแกก็ต้องเจอคนดีๆ เข้ามา”
เธอปลอบใจเพื่อน ให้มันรู้ไปว่าฟ้าหลังฝนจะไม่มีจริง
เมื่ออิสริยายกห้องชั้นสองของตึกให้เพื่อนอยู่ เธอจึงต้องไปเก็บของของตัวเองย้ายกลับบ้านที่เคยเป็นของสกนธี แต่ตอนนี้เขายกให้เธอแล้วถูกต้องตามกฎหมาย
“รถเราขนกันเองพอไหม ถ้าไม่พอเดี๋ยวพี่เรียกลูกน้องมาช่วย” สกนธีกระตือรือร้นมากสมกับที่รอวันนี้มานานเป็นปี นึกขอบใจที่ติยากรยอมย้ายมาอยู่ที่นี่ทำให้อิสริยาต้องย้ายกลับ
“ไม่เป็นไรค่ะน่าจะพอไปกันเองได้ นี่ก็ว่าจะเอาไปเฉพาะพวกของใช้ส่วนตัวเสื้อผ้ากับพวกของในเซฟ” เธอเลือกแต่ของจำเป็นไปส่วนพวกเฟอร์นิเจอร์หรืออุปกรณ์ของใช้ในบ้านในห้องครัวต่างๆ ไม่ได้เอาไปเลยเพราะตั้งใจเอาไว้ให้เพื่อนใช้
“แล้วทนายว่าคดีติมเป็นยังไงคะ เราจะมีแนวโน้มชนะบ้างไหม” เธอถามถึงคดีเพื่อนไปด้วยเก็บของไปด้วย
“มีน่ะมี แต่มันเป็นคดีเล็กๆ ติดคุกก็สักกระทงละปีสองปี นอกจากว่าเราจะพยายามทำให้มันได้รับโทษทุกข้อกล่าวหา ก็ต้องหาหลักฐานกันมากหน่อย ยิ่งถ้ามีหลักฐานว่ามันเอาคลิปติมไปลงเน็ตจริงก็มีข้อหาเพิ่ม”
สกนธีบอกตามข้อกฎหมาย แต่ตัวเขาเองก็คิดว่าจะให้ดีที่สุดขอให้คลิปที่เคนอ้างถึงนั้นไม่มีจริง เพราะอะไรก็ตามที่ถูกอัปโหลดเข้าสู่ระบบออนไลน์ไปแล้ว มันจะคงอยู่ไปตลอด การจะตามลบไม่ให้มีหลงเหลือนั้นยากมากจนถึงอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย
พวกเขาเก็บของเสร็จก็แวะไปรับลูกที่บ้านเสี่ยกวง เด็กหญิงดีใจมากเมื่อรู้ว่าต่อไปนี้จะย้ายกลับมาอยู่บ้านแบบถาวร
“ดีใจจังเลยค่ะ คุณแม่คุณพ่อดีกันแล้วจริงๆ ใช่ไหมคะ”
เด็กหญิงถามขณะอยู่บนรถ อิสริยาทำสีหน้าแปลกใจ เธอไม่เคยบอกลูกเสียหน่อยว่ายังไม่ได้คืนดีกับสกนธีจริงๆ แล้วลูกไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน
“ทำไมหนูถามแบบนั้นล่ะคะ”
“หนูเห็นพ่อแม่นอนคนละห้องค่ะ ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อนเลย” เด็กหญิงพูดตามที่เธอเห็น ซึ่งทำให้คุณแม่วางหน้าไม่ถูก
“ไม่เห็นเกี่ยวเลยลูก” เธอตอบแค่นั้นไม่รู้จะพูดอะไร ยิ่งได้ยินสกนธีหัวเราะเบาๆ ก็หันไปค้อนใส่เขาที
“ไม่เกี่ยวหรอกครับลูก พอดีวันที่หนูเห็นแม่เขาไม่สบายเลยไม่อยากให้พ่ออยู่ด้วย”
“อ๋อ... คุณแม่ไม่สบายเลยกลัวคุณพ่อติดไข้เหรอคะ” น้องเพียงพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้ว
“ค่ะลูก แบบที่คุณพ่อบอกน่ะล่ะ” อิสริยาตอบให้ลูกสบายใจ
การย้ายกลับมาอยู่บ้านแบบถาวรไม่ได้ทำให้อิสริยาต้องปรับตัวอะไรมากนัก เพราะก่อนหน้านี้เธอมาค้างที่นี่ในวันหยุดพร้อมลูกเป็นเวลาเกินกว่าครึ่งปีแล้ว แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากอดีตก่อนที่จะแตกหักกันนั้นคือพฤติกรรมของสกนธี เขากลับมาเป็นสามีที่ใส่ใจเธอ ช่วยทำงานบ้าน ช่วยซัปพอร์ตเธอในเรื่องต่างๆ ได้เหมือนในตอนที่คบหาและแต่งงานกันใหม่ๆ
“พี่ช่วยจัดของเอ๋หมดแล้วนะ เสื้อผ้าเอาใส่ตู้เสร็จเรียบร้อย เครื่องสำอางจัดให้แล้ว ของใช้ในห้องน้ำก็จัดแล้ว เอกสารเอาเก็บใส่ตู้หมดแล้วครับ” เขาโผล่หน้ามาบอกขณะที่อิสริยาทำกิจกรรมกับลูกตอนก่อนนอน นั่นคือการคุยกันว่าในวันนี้ลูกทำอะไร เป็นอย่างไรบ้างซึ่งเป็นสิ่งที่อิสริยาทำทุกวันยกเว้นวันที่ป่วยหรือมีเหตุสุดวิสัยจริงๆ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวหันมาสนใจลูกต่อ “แล้วพอหนูบอกแบบนั้นอากงว่าไงคะลูก”
เด็กหญิงกระชับผ้าห่มจนถึงหน้าอก ขยับตัวยุกยิกมองพ่อที่เดินเข้ามาหาและนั่งลงข้างๆ อีกฝั่งตรงข้ามกับอิสริยา “อากงบอกว่าพ่อเก่งค่ะ ห้างที่พ่อเป็นคนสร้างให้จะเสร็จแล้วค่ะ”
อิสริยายิ้ม เรื่องงานสกนธีเป็นคนเก่งเธอยอมรับ “ค่ะลูก เอาไว้ฉลองเปิดห้างเราไปกันนะคะ”
“แม่ซื้อชุดสวยๆ ให้หนูด้วยนะคะ หนูอยากได้ชุดเจ้าหญิงสีชมพู” เด็กหญิงอ้าปากหาว ท่าทางง่วงมากจริงๆ
“เดี๋ยวพ่อซื้อให้เองค่ะ หนูอยากได้แบบไหนเดี๋ยวไปเลือกกัน” สกนธีลูบศีรษะลูกเบาๆ รู้ว่าเด็กหญิงจะหลับแล้ว
“ได้เลยค่ะ หนูนอนนะคะ กู๊ดไนท์ค่ะ” คนเป็นแม่บอกราตรีสวัสดิ์และก้มลงหอมแก้ม
“กู๊ดไนท์ค่ะลูก” สกนธีหอมหน้าผากลูกสาวแล้วลุกขึ้นรอให้อิสริยาเดินออกมาจากห้องลูก “พี่ปิดไฟเอง”
สิบปีต่อมา “พ่อขา หนูขอไปเรียนต่อที่มช.นะ พ่อให้หนูไปนะคะ” สุพิชชาในวัยสิบแปดปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วอ้อนขอบิดาในเรื่องเรียน “อืม... พ่อว่า” สกนธีคิดหนัก เขาเป็นพ่อที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะคนโตที่กำลังเป็นสาวสะพรั่ง จะทำใจปล่อยให้ไปอยู่ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร “หนูยื่นคะแนนผ่านแล้วหรือยังลูก” อิสริยาถามแทน“ผ่านแล้วค่ะแม่สาขาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ อาทิตย์หน้าต้องไปสัมภาษณ์ รอบรับตรงคะแนนผ่านยี่สิบคนรับสิบห้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวพ่อแม่ไปด้วย” สกนธีตัดสินใจ ในวัยของลูกเขาเองก็ผ่านมาแล้ว รู้ว่าไม่ควรห้ามและปิดกั้นลูกไม่ให้ออกไปเผชิญโลกภายนอก“พิงค์ไปด้วยค่ะ” สโรชาวิ่งลงมาจากบันไดทันได้ยินพอดี “ไปกันหมดบ้านล่ะ ถ้าน้องเพียงสอบผ่านเราก็หาบ้านไว้ที่นั่นสักหลังนะคะพี่เก่ง” อิสริยาสรุป“เย้... ดีใจจังเราจะมีบ้านที่เชียงใหม่แล้ว” ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กจะดีใจกว่าคนที่ขอไปเรียนเสียอีก สกนธีมองลูกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าเขาเองจะมีความใจหายลึกๆ ว่าอีกหน่อยลูกจะโตกันหมดแล้วก็ตามห้าวันต่
หนึ่งปีต่อมา“เราจะซื้อไปทำไมคะแม่ ดอกไม้พวกนี้” น้องเพียงในวัยแปดขวบถามหลังจากที่ช่วยมารดายกถุงใส่พวงมาลัยสดขนาดยาวสามเมตรขึ้นรถ“เอาไปไหว้เหล่ากงไงลูก” น้องเพียงทำหน้านึก “อ๋อ... ไปเชงเม้งเหรอคะแม่”“ใช่จ้ะลูก บ้านเราไปกันพรุ่งนี้” เพราะว่าครอบครัวของอิสริยาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลเชงเม้งหรือการไปไหว้บรรพบุรุษ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องไปพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ว่าจะเป็นเสี่ยกวงและภรรยา ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกเขย และบรรดาหลานๆโดยที่ปีนี้ครอบครัวของอิสริยาจะเอารถไปเอง โดยที่เธอนัดกับคนอื่นๆ ไว้ว่าให้ไปเจอกันที่สุสานที่จังหวัดสระบุรีในช่วงสายได้เลย เช้าวันนั้นเด็กๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปต่างจังหวัดจึงพากันตื่นเร็วทั้งพี่ทั้งน้อง อิสริยาให้พี่เลี้ยงลูกตามไปหนึ่งคนเพื่อคอยดูเด็กๆ ในช่วงที่ทำพิธีไหว้เมื่อจัดของขึ้นรถเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า ยังไม่ถึงหกนาฬิกาดีรถยนต์เจ็ดที่นั่งก็เคลื่อนตัวออกเดินทาง สกนธีเพิ่งเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้เมื่อต้นปีเพราะมันเป็นรถรุ่นครอบครัว เหมาะกับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน “ลูกอมกาแฟหน่อยไหมคะ
“คุณพ่อขา แม่จะต้องอยู่ข้างในนานไหมคะ” เด็กหญิงสุพิชชากระตุกมือคุณพ่อของเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด“เดี๋ยวคุณแม่ก็ออกมาลูก” สกนธีจูงมือลูกสาวพามานั่งรอด้วยกัน “หนูหิวหรือยังคะ ไปหาอะไรกินก่อนไหมพ่อพาไป” ชายหนุ่มมองเวลา จากที่คุณหมอแจ้งไว้น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยพาลูกไปหาอะไรรับประทาน“หิวค่ะ แต่หนูอยากรอแม่” เพราะว่าเด็กหญิงเพิ่งกลับจากโรงเรียนก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเลย “ไปกินก่อนลูก กว่าแม่จะผ่าตัดเสร็จกว่าจะขึ้นห้องพัก” ชายหนุ่มบอกลูกสาว กำลังจะพาเด็กหญิงไปชั้นล่างแต่คุณนายอิสรีย์เดินมาถึงเสียก่อน“น้องเพียงไปกับอาม่าก็ได้ลูก เก่งรอดูเอ๋เถอะเดี๋ยวแม่พาน้องเพียงไปเอง” “ขอบคุณครับม้า” สกนธีขอบคุณแม่ของภรรยาที่มาช่วยดูแลหลาน หลังจากที่อันธิกาเป็นคนไปรับหลานจากโรงเรียนมาส่งหาพ่อแม่ที่โรงพยาบาล“แล้วนี่เอ๋จะทำหมันด้วยเลยไหม” นางถามต่อ“ไม่ทำครับ เดี๋ยวผมทำเอง” แม่ยายชะงักมองหน้าลูกเขย ก่อนจะยิ้ม “ดี ทำหมันก็เจ็บตัวเพิ่มแค่ผ่าคลอดก็เจ็บพอแล้ว ขอบใจนะ” หาได้น้อยบ้านที่ผู้ชายจะยอมเป็นฝ่ายทำหมัน เนื่องจากมองกันว่าไหนๆ ฝ่ายหญิงก็คลอดลูกอยู่แล้ว ควรจะทำหมันไปด
อิสริยาและสกนธีจรดปลายปากกาลงในทะเบียนสมรสต่อหน้านายทะเบียนที่เชิญมานอกสถานที่ ทั้งสองผลัดกันเซ็นแล้วนายทะเบียนลงนามและตรวจสอบความเรียบร้อยดีแล้ว จากนั้นจึงมอบให้คู่บ่าวสาวเก็บไว้ถือคนละฉบับวันนี้เป็นวันแต่งงานอีกครั้งของสกนธีและอิสริยา ซึ่งจัดเป็นพิธีแบบครึ่งวันไม่มีงานเลี้ยงเย็นเนื่องจากเจ้าสาวตั้งครรภ์อยู่ ไม่สะดวกเข้าพิธีที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานแขกที่พวกเขาเชิญมาร่วมงานมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทหรือญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมวงการทั้งสิ้น งานจัดแบบสบายๆ เป็นงานแต่งงานในสวน ตามตารางเวลาจะมีพิธีเลี้ยงภัตตาหารและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีส่งตัว จบที่การเชิญแขกร่วมรับประทานมื้อเที่ยงแบบเป็นกันเอง“รักกันนานๆ ดูแลกันไปตลอดนะลูก” คุณธิดาให้พรเป็นคนแรกในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวอีกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งที่สองของลูกชายคนเดียว“พ่อขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ทำอะไรเจริญก้าวหน้านะลูก เด็กๆ แข็งแรง พระเจ้าอวยพรลูก” ตามด้วยคุณศิริหลั่งน้ำสังข์พร้อมกับให้พรและมีเงินขวัญถุงใส่ซองให้บ่าวสาวคู่บ่าวสาวก้มลงไหว้คนทั้งสอง “ขอบคุณค่ะคุณแม่คุณพ่อ” “ขอบคุณครับพ่อแ
คดีของติยากรคืบหน้าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มไปในทางดี เพราะว่าทนายติดต่อไปยังอดีตแฟนสาวอีกคนของเคน และได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันกับที่ติยากรได้พบ นอกจากนั้นในอีกส่วนซึ่งเป็นคดีของสกนธีเองก็มีการได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน และพบว่าเคนไม่ได้ทำกับสกนธีเป็นคนแรก ดังนั้นจึงมีการรวบรวมผู้เสียหายหลายคนรวมฟ้องกันเป็นหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระและมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายสิบล้านคดีของติยากรและผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่คดีที่เกี่ยวกับการแบล็กเมล ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วและได้ตัดสินให้เคนจำคุกทั้งหมดสี่ปีสิบสองเดือน และเสียค่าปรับอีกสามแสนบาทและมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้โจทก์ในระยะห่างที่ศาลกำหนดจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลได้รับอุทธรณ์ตามขั้นตอน นั่นหมายความคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกนาน ในส่วนคดีของสกนธีศาลได้ประทับรับฟ้องเคนเป็นจำเลยที่หนึ่ง และผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นจำเลยที่สองและสามอีกหลายคน ซึ่งคดีของสกนธีเป็นคดีที่มีมูลความผิดและอัตราโทษที่รุนแรงไม่แพ้กัน คือคดีปลอมแปลงเอกสารราชการซึ่งถือเป็นความผิดอาญามีโทษทั้งจำและปรับทีมกฎหมายของคดีที่สกน
การก่อสร้างห้างใหม่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาหนึ่งปีพอดี ในวันเปิดงานหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ปีถัดมา นั้นก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเข้าศกใหม่และย้ายโกดัง สำนักงานและสินค้าทั้งหมดเข้าห้างใหม่ไปในเวลาเดียวกันกรรมการบริหาร หุ้นส่วน พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างล้วนถูกเชิญให้มาร่วมในงานทำบุญเปิดห้างเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งรวมถึงอิสริยาและสกนธีกับทีมงานของเขาก็มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน“แม่ขาหนูสวยยังคะ” น้องเพียงในวัยหกขวบหมุนตัวไปมาให้มารดาดู เธอสวมชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องสีชมพูที่เธอร้องอยากได้และคุณพ่อเป็นคนซื้อให้ตามสัญญา“สวยแล้วค่ะ อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ รอพระสวดเสร็จก่อนลูก” หญิงสาวปรามลูกไม่ให้ขยับตัวไปมาเยอะจนเป็นการรบกวนคนอื่นให้เสียสมาธิในการรับพร“หนูจะไปหาคุณพ่อ” ว่าแล้วเธอก็วิ่งปรู๊ดไปหาสกนธีที่กำลังคุยกับเสี่ยกวงและอังกูร พ่อและพี่ชายของภรรยา“ขอบใจมากนะอาเก่ง ลื้อเก่งจริงๆ ดูสิเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้” เสี่ยกวงขอบใจพ่อของหลานสาวที่เป็นธุระเรื่องการสร้างห้างใหม่ให้ชายหนุ่มก้มศีรษะน้อมรับคำชมนั้น ซึ่งไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำให้งานสำเร็จลงได้ การก่