รับประทานอาหารแล้วอังกูรพาหวานหวานกับณิชชาออกไปข้างนอก โดยที่แม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้อยากไปแต่ก็ขัดไม่ได้ เมื่อเขาบอกว่าจะพาไปรับน้องวินที่โรงเรียนเรียนพิเศษแล้วเลยไปดูบ้านใหม่ ท่าทางดีอกดีใจของลูกที่จะได้ไปไหนมาไหนกับพ่อทำให้หญิงสาวอดทนเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้
“สวัสดีฮะพ่อ แม่ หวานหวานด้วย”
เด็กชายรติวัชร์เปิดประตูรถด้านหลังขึ้นนั่งหลังจากที่สวัสดีบิดามารดาและทักทายน้องสาวฝาแฝดแล้ว หวานหวานจึงยุกยิกเดินข้ามจากเบาะหน้าจะนั่งกับคู่แฝด
“ณิชมานั่งหน้าดีกว่าครับ ข้างหลังให้เด็กๆ นั่งด้วยกัน”
ณิชชาถอนใจ ไม่อยากโต้เถียงกับเขาต่อหน้าลูกจึงทำตามเงียบๆ โดยที่ไม่ได้ตอบอะไร แต่อาการถอนใจแรงก็ทำให้อังกูรรู้ว่าเธอไม่พอใจ หรือว่าเธออาจจะยังโกรธเรื่องที่เขาพูดไม่ดีตอนก่อนกินข้าวก็ได้
“เรื่องโรงเรียนลูก ผมว่าถามลูกก่อนก็ได้ว่าอยากย้ายไหม ลูกว่ายังไงเราก็ค่อยว่ากันมันยังมีเวลากว่าจะปิดเทอม”
ณิชชาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเป็นคำพูด หญิงสาวหันหน้ามองไปทางนอกตัวรถสนทนาโต้ตอบกับเด็กๆ บ้างเวลาคู่แฝดมีคำถามอะไร อังกูรเห็นอาการนั้นก็ถอนใจแต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีกจนไปถึงหมู่บ้านหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเพราะราคาบ้านแต่ละหลังนั้นเริ่มต้นที่แปดหลักขึ้นไป
เมื่อไปถึงมีเซลของโครงการมารออยู่แล้ว บ้านที่ชายหนุ่มเลือกไว้มีพื้นที่หนึ่งร้อยตารางวาหรือหนึ่งงาน มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านสี่ห้องนอนหกห้องน้ำและมีสระว่ายน้ำขนาดเล็กส่วนตัว ออกแบบตกแต่งแบบโมเดิร์นมีสวนกลางบ้านและม่านน้ำตก
“บ้านหลังนี้ตกแต่งพร้อมอยู่นะคะ สระว่ายน้ำมีบริการทำความสะอาดและดูแลให้ฟรีตลอดระยะเวลาสองปีแรกค่ะ”
เซลอธิบายส่วนต่างๆ ในบ้านและแจ้งโพรโมชันให้กับลูกค้าวีไอพี ส่วนเด็กๆ ก็ดูส่วนนั้นส่วนนี้กันอย่างสนุกสนาน
“โอ้โฮ มีสระว่ายน้ำด้วยค่ะแม่”
“หู... สวยจังครับพ่อ”
“เราจะย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอคะแม่”
เด็กแฝดสองคนมองบ้านใหม่อย่างตื่นเต้นพลางมองพ่อและแม่อย่างรอคำตอบ อังกูรเองก็มองปฏิกิริยาของณิชชาว่าเธอจะว่าอย่างไร
“ลูกชอบที่นี่ แล้วณิชล่ะว่ายังไงโอเคไหม”
“มันน่าจะใหญ่ไปนะคะคุณต้น” บ้านแบบนี้เธอเห็นจากในโบรชัวร์ของโครงการราคาไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน หากเธอยอมรับบ้านหลังนี้จากอังกูรในสายตาคนอื่นเธอคงกลายเป็นเมียเล็กเมียเก็บของเสี่ยที่ไหนสักคนแน่นอน
“งั้นไปดูอีกหลังก็ได้ค่ะ ถ้าคุณผู้หญิงยังไม่ตัดสินใจ” เซลเสนอผายมือให้และเดินนำไปยังบ้านอีกหลังที่อยู่เยื้องๆ กัน
พวกเขาไปดูบ้านอีกหลังและในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาอังกูรก็ตกลงใจทำเรื่องซื้อบ้านหลังแรกที่ไปดูเพราะว่าเด็กๆ อยากได้สระว่ายน้ำนั่นเอง
“จะมีห้องของวินด้วยใช่ไหมฮะพ่อ” เด็กชายถาม
“มีสิลูก” อังกูรตอบ ขณะนั้นยงธนัทมาถึงพอดีพร้อมกับเอกสารในมือ
“ลุงย้งสวัสดีค่ะ” หวานหวานยกมือไหว้ยงธนัทอย่างคุ้นเคย อังกูรปรายตามองอย่างไม่พอใจ เขายังไม่ได้ชำระความเรื่องที่มันช่วยณิชชาปิดบังเรื่องการมีอยู่ของหวานหวานเลย
“สวัสดีฮะอาย้ง อามาทำไมฮะ” วินเรียกชายหนุ่มว่าอาตามศักดิ์ที่ยงธนัทเป็นรุ่นน้องของพ่อ สองพี่น้องจึงใช้สรรพนามเรียกเขาไม่เหมือนกัน
“สวัสดีครับเด็กๆ เฮียต้นแล้วก็คุณณิชด้วย” เขาทักทายทุกคนจากนั้นจึงตอบคำถามของน้องวิน
“อามาทำเรื่องซื้อบ้านให้แม่น้องวินไง ตกลงใส่ชื่อคุณณิชนะเฮีย” ท้ายประโยคเขาหันไปถามคุณพ่อของเด็กแฝดที่พยักหน้าทันที
“คุณณิชส่งเอกสารให้ผมด้วยนะครับ เดี๋ยวเย็นๆ ผมตามไปรับที่บ้านก็ได้ ออกจากนี่เฮียจะไปไหนอีกหรือเปล่า” ยงธนัทนัดแนะกับณิชชาก่อนจะหันมาสอบถามเจ้านายโดยตรงของตัวเอง
“นายไม่ต้องไปก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเอาเอกสารณิชที่ห้องทำงานฉันก็ได้ วันนี้เตรียมเอกสารอื่นให้เรียบร้อย”
“งั้นเดี๋ยวผมทำเรื่องออกเช็คเงินสดให้นะเฮีย จะจ่ายในนามส่วนตัวเนอะ” ยงธนัทเตรียมรายละเอียดอื่นๆ ที่ต้องใช้ในการซื้อขาย
“เอ่อ... ณิชว่าใส่ชื่อลูกดีกว่าค่ะคุณต้น”
ณิชชาเพิ่งหาจังหวะแย้งสองหนุ่มได้ เธอไม่อยากรับอะไรจากเขาให้ถูกทวงบุญคุณอีกแล้ว เหตุการณ์ในห้องครัวตอนสายๆ ของวันนี้ยังคงชัดเจนในความรู้สึก และเธออยากให้เขารู้ว่าเงินของเขามันไม่ได้สำคัญเหนือทุกสิ่ง
“ลูกมีสองคนจะใส่ชื่อแกให้ยุ่งยากทำไม อีกอย่างบ้านนี้ผมจะให้เป็นสิทธิ์ของณิช” อังกูรทำหน้าไม่เห็นด้วย
“ก็ใส่ไปทั้งสองคน มันคงไม่ได้ยุ่งยากจนทำไม่ได้หรอกค่ะ” ณิชชายังไม่คล้อยตาม
อังกูรถอนใจ เขาลุกขึ้นยืน “ผมว่าเรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน เรามาคุยกันทางนี้ดีกว่า” ชายหนุ่มดึงมือณิชชาให้ลุกจากเก้าอี้เดินตามออกไปจากตรงนั้นและบอกขอเวลาส่วนตัวกับทุกคน
“ผมขอเวลานอกสักครู่ ย้งฝากดูเด็กๆ ด้วย”
อังกูรจับข้อมือบางไว้แน่นพาหญิงสาวออกมาอีกห้องข้างๆ กัน เขากดล็อกหลังจากที่ดันตัวเธอให้ผ่านเข้าประตูไปได้แล้ว
“คุณจะทำอะไรน่ะ” ณิชชาถอยกรูดเมื่อเขาเดินตรงเข้าหา ตั้งแต่วันที่เธอบอกเขาว่าตั้งครรภ์เมื่อเก้าปีก่อนจนถึงปัจจุบัน นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขามาจับมือถือแขนใกล้ชิดขนาดนี้
“ผมไม่ชอบให้ณิชดื้อ” เขาพูดทื่อๆ ตามติดไม่ลดละ ณิชชาถอยจนไปจนมุมที่ผนังห้องที่ถูกบุผนังอย่างดีเพราะว่ามันเป็นห้องโฮมเธียร์เตอร์ของบ้าน ฝ่ามือข้างหนึ่งเขายันกับผนังข้างเอว แขนอีกข้างวางทาบลงไปข้างศีรษะจนเธอขยับไปไหนไม่ได้ เกร็งทั้งตัว
“ณิชไม่เคยดื้อ คุณอย่ามากล่าวหากันแบบนี้”
หญิงสาวตกใจจนกลายเป็นความโกรธ ความในใจที่เก็บมานานจึงถูกพูดออกไป
“คุณบอกให้ณิชทำอะไร อยู่แบบไหนณิชก็ทำตามนั้นมาตลอดตั้งแต่ณิชท้อง คุณให้ณิชอยู่ในที่ของตัวเองณิชก็อยู่ คุณสั่งให้ณิชไปเรียนณิชก็ไป คุณแย่งลูกไปจากณิชทั้งๆ ที่ตอนท้องคุณเองก็ไม่เคยมาดูมาแลณิชก็ยอมเพราะเห็นแก่อนาคตของลูก คุณจะเอายังไงอีก”
ณิชชายกมือขึ้นป้ายน้ำตาลวกๆ การที่เธอต้องอยู่ตามลำพังต้องอยู่กับความเงียบเหงาในช่วงที่ตั้งครรภ์ และต้องเก็บตัวอยู่แต่ในห้องพักตามที่เขาสั่งและคนสั่งก็ไม่เคยมาดูแลแม้แต่ครั้งเดียว จะได้ไปไหนมาไหนก็แค่ช่วงที่หมอนัดเป็นความทรมานใจที่เธอไม่เคยลืม
“เรื่องณิชแอบพาหวานหวานไปอยู่ด้วยจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ ถ้าคุณทำหน้าที่พ่อให้ดีกว่านี้ตั้งแต่ตอนที่แกอยู่ในท้อง หรือถ้าคุณคิดว่าแค่การให้เงินหรือการใช้เงินฟาดหัวใคร นั่นก็คือการทำหน้าที่ที่สมบูรณ์แบบแล้วณิชก็จะบอกว่าไม่ใช่”
เธอฉวยจังหวะในตอนที่อังกูรนิ่งอึ้งผลักอกกว้างออกห่างจนเขาเซ ณิชชามุดตัวลอดออกจากวงแขนเขาไปได้แค่สองก้าวก็ถูกรวบตัวไปกอดจากด้านหลัง
“ผมขอโทษ”
ณิชชาตัวแข็ง เธอดึงท่อนแขนที่รัดเอวไว้แน่นออกแต่ไม่มีผลอะไร เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
“ปล่อยค่ะ”
“ผมขอโทษทุกเรื่องเลย เรื่องเมื่อเช้าด้วยผมไม่ได้หมายความแบบนั้นไม่ได้จะว่าณิช ขอโทษเรื่องเก่าๆ ด้วยได้ไหม”
อันธิกาหยิบโบชัวร์โครงการบ้านหรูที่วางบนโต๊ะทำงานของยงธนัทมาดูอย่างแปลกใจ เขาจะซื้อบ้านหรืออย่างไร เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมเธอจึงไม่เคยรู้มาก่อน หญิงสาวถือวิสาสะหยิบแฟ้มเอกสารที่วางด้วยกันขึ้นมาดู เห็นว่าคนรักเตรียมเอกสารสำหรับการซื้อและโอนบ้านเป็นชื่อของหญิงสาวที่เธอไม่รู้จักก็เริ่มขมวดคิ้ว“ณิชชา...ใครน่ะ ใครคือณิชชา แล้วทำไมเฮียย้งต้องซื้อบ้านให้ผู้หญิงคนนี้ หรือว่าแอบซุกเมียน้อยเมียเก็บไว้” หญิงสาวยิงคำถามใส่ยงธนัททันทีเพราะเจ้าตัวเข้ามาในห้องพอดี ชายหนุ่มหน้าซีดเมื่อประมวลผลคำถามออกว่าคนรักกำลังเข้าใจผิดไปใหญ่โต“เดี๋ยวๆ แบมจ๋า ใจเย็นนะคะ คือว่าเฮียไม่ได้ซื้อบ้านให้ผู้หญิงที่ไหนเลย” “อย่ามาตอแหล แล้วนี่อะไร” แฟ้มบินเฉียดหูเขาไปนิดเดียวเพราะยงธนัทหลบทัน“แบมใจเย็น เฮียอธิบายได้” เขารีบยกมือเป็นเชิงยอมแพ้“ต้องอธิบายอะไรอีก ชัดขนาดนี้” อันธิกาหันรีหันขวางแต่ไม่รู้จะโยนอะไรที่มีน้ำหนักพอใส่หัวคนเจ้าชู้อีก“แบมๆๆ เฮียไม่ได้ซื้อ บ้านนี่เฮียต้นเป็นคนซื้อต่างหากไม่เชื่อแบมดูบนโต๊ะมีเช็คที่เฮียต้นเซ็นไว้เป็นค่าบ้านสิ” ยงธนัทรีบพูดเมื่อเห็นสาวเจ้าหยิบที่ทับกระดาษที่
หลังจากที่ณิชชากลับลงไปทำงานแล้ว บรรดาทีมผู้ช่วยเลขาของอังกูรก็เกิดเสียงซุบซิบว่าอังกูรเรียกหญิงสาวขึ้นมาทำไมเป็นนานสองนาน“ทำงานกันได้แล้วจ้ะพวกเธอ ถ้าคุณย้งหรือบอสมาเจอระวังจะเป็นเรื่อง” สุพรรษาเดินมาปรามเมื่อมองมายังเห็นสาวๆ สามสี่คนจับกลุ่มคุยกันไม่เริ่มทำงานสักที“คุณสุคะ เมื่อกี้ณิชขึ้นมาทำอะไรเหรอคะ” เมลินดาเป็นตัวแทนหมู่บ้านถามเรื่องที่อยากรู้ สรรพนามที่หล่อนใช้เรียกณิชชาทำให้สุพรรษาชะงักมองหน้าเจ้าตัว“ทำไมเรียกคุณณิชชาเขาสั้นๆ แบบนั้น รู้จักกันเหรอจ๊ะ” “ใช่ค่ะ เมลกับณิชเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน ก็คนที่ตอนนั้นเมลบอกคุณสุว่ามีเพื่อนทำงานอยู่ที่ออฟฟิศข้างล่างไงคะ ที่ว่าจะชวนมาสมัครงานข้างบนแต่ว่าณิชเขาบอกว่าไม่ถนัด” “อ้อ คุณณิชเองหรอกเหรอที่เราบอกพี่ตอนนั้น” “ค่ะคนนี้ละ เมลเลยไม่เซ้าซี้เพราะว่าณิชอาจจะมีวุฒิไม่ถึงก็ได้ เจ้าตัวเขาคงรู้เลยบอกว่าไม่ถนัด” เมลินดาพูดต่อสุพรรษาขมวดคิ้ว “คุณณิชเนี่ยนะ วุฒิไม่ถึง” เท่าที่เธอรู้ข้อมูลมาคือณิชชาจบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารองค์กรจากต่างประเทศด้วยซ้ำแล้วจะเอาอะไรมาบอกว่าวุฒิไม่ถึง เธอคิดว่าตำแหน่งปัจจุบันท
ณิชชาไปทำงานในเช้าวันต่อมา เธอได้รับคำสั่งจากหัวหน้าฝ่ายว่าให้ขึ้นไปที่ฝ่ายบริหารชั้นเก้า ซึ่งเป็นชั้นที่พนักงานรู้กันดีว่าเป็นพื้นที่ของประธานกรรมการบริหารคืออังกูรและทีมผู้ช่วย เลขานุการของเขาทำงานที่ชั้นนั้น“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะพี่หยง” “พี่ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ คุณสุเลขาของคุณอังกูรโทรลงมาเองเลย บอกว่าถ้าณิชมาแล้วให้ขึ้นไปพบท่านข้างบน” ตันหยงหัวหน้าฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของณิชชาแจ้ง เธอมองลูกน้องสาวอย่างเป็นห่วงเพราะว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครในแผนกที่ถูกอังกูรเรียกขึ้นไปเช่นนี้ณิชชาตรงไปยังลิฟต์ตัวพิเศษที่เป็นตัวเดียวที่จะขึ้นไปได้ถึงชั้นเก้า พนักงานรักษาความปลอดภัยด้านหน้ารีบกดลิฟต์ให้เธอทันทีเมื่อหญิงสาวแจ้งชื่อตัวเอง“สวัสดีค่ะ” สุพรรษารีบลุกขึ้นเมื่อเห็นเธอก้าวออกจากลิฟต์“ดิฉันมาพบคุณอังกูรตามที่มีแจ้งลงไปน่ะค่ะ” ณิชชาบอกจุดประสงค์ที่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้อยู่แล้ว“บอสรอคุณณิชอยู่ค่ะ เชิญทางนี้เลย” เลขานุการสาวรีบเปิดประตูห้องทำงานของเจ้านายหลังจากที่เคาะให้สัญญาณแล้ว จากนั้นเธอปิดประตูให้ความเป็นส่วนตัวกับคนในห้องเต็มที่ณิชชาเดินเข้าไ
รับประทานอาหารแล้วอังกูรพาหวานหวานกับณิชชาออกไปข้างนอก โดยที่แม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้อยากไปแต่ก็ขัดไม่ได้ เมื่อเขาบอกว่าจะพาไปรับน้องวินที่โรงเรียนเรียนพิเศษแล้วเลยไปดูบ้านใหม่ ท่าทางดีอกดีใจของลูกที่จะได้ไปไหนมาไหนกับพ่อทำให้หญิงสาวอดทนเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ “สวัสดีฮะพ่อ แม่ หวานหวานด้วย” เด็กชายรติวัชร์เปิดประตูรถด้านหลังขึ้นนั่งหลังจากที่สวัสดีบิดามารดาและทักทายน้องสาวฝาแฝดแล้ว หวานหวานจึงยุกยิกเดินข้ามจากเบาะหน้าจะนั่งกับคู่แฝด“ณิชมานั่งหน้าดีกว่าครับ ข้างหลังให้เด็กๆ นั่งด้วยกัน” ณิชชาถอนใจ ไม่อยากโต้เถียงกับเขาต่อหน้าลูกจึงทำตามเงียบๆ โดยที่ไม่ได้ตอบอะไร แต่อาการถอนใจแรงก็ทำให้อังกูรรู้ว่าเธอไม่พอใจ หรือว่าเธออาจจะยังโกรธเรื่องที่เขาพูดไม่ดีตอนก่อนกินข้าวก็ได้“เรื่องโรงเรียนลูก ผมว่าถามลูกก่อนก็ได้ว่าอยากย้ายไหม ลูกว่ายังไงเราก็ค่อยว่ากันมันยังมีเวลากว่าจะปิดเทอม” ณิชชาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเป็นคำพูด หญิงสาวหันหน้ามองไปทางนอกตัวรถสนทนาโต้ตอบกับเด็กๆ บ้างเวลาคู่แฝดมีคำถามอะไร อังกูรเห็นอาการนั้นก็ถอนใจแต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีกจนไป
เสียงกริ่งหน้าบ้านทำให้ณิชชาชะงักมือจากการเตรียมทำอาหาร วันนี้เป็นวันหยุดทั้งเธอและลูกสาวต่างก็ตื่นสายกว่าทุกวันเป็นเรื่องปกติ และเธอเองก็ไม่ได้มีแพลนจะพาลูกไปไหนในวันนี้ด้วยจึงตั้งใจจะทำอะไรกินกันง่ายๆ ที่บ้านสองแม่ลูก“หนูไปดูเองค่ะแม่” เด็กหญิงรติชาหรือน้องหวานหวานวัยแปดขวบลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งออกไปดูยังหน้าบ้าน“คุณพ่อ...” นาทีต่อมาเสียงของหวานหวานดังขึ้นลั่นบ้านทำให้ณิชชาขมวดคิ้ว อังกูรมาหรือ? แล้วเหตุใดไม่เห็นเขาบอกล่วงหน้าว่าจะมาอังกูรจอดรถที่หน้าบ้านชายหนุ่มลงจากรถพอดีกับที่หวานหวานเดินไปถึงหน้าบ้านเพื่อเปิดประตูรั้วให้ “คุณพ่อสวัสดีค่ะ มาคนเดียวเหรอคะ” เด็กหญิงมองไปทางด้านหลังของเขา เผื่อว่าจะเห็นคู่แฝดของตัวเองมาด้วย“วินไปเรียนพิเศษน่ะลูก พ่อไปส่งเขามาแล้วเลยมาหาลูกที่บ้าน หนูกับแม่กินอะไรหรือยังคะ” ชายหนุ่มลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างเอ็นดูพลางถามถึงมารดาของแก“แม่ทำกับข้าวอยู่ค่ะ” หวานหวานเข้าไปในครัวบอกมารดาว่าคุณพ่อมา เด็กหญิงรินน้ำใส่แก้วจะยกไปให้คุณพ่อแต่อังกูรตามเข้ามาพอดี “ไม่ต้องยกไปให้พ่อหรอกลูก เดี๋ยวพ่อช่วยแม่ทำกับข้าวดีกว่า หนูออกไปดูทีวีข้างนอ
ในระหว่างที่ณิชชาอึ้งกับคำพูดของชายหนุ่ม ประตูห้องถูกเคาะเบาๆ สามครั้งและเปิดเข้ามา เป็นยงธนัทที่พาเด็กหญิงรติชาขึ้นมาตามคำสั่งของอังกูรนั่นเอง “มาแล้วครับเฮีย” ยงธนัทเตรียมล้างหูฟังอังกูรบ่นเต็มที่ หรือดีไม่ดีอาจจะด่าด้วยก็ได้แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อ... “นายไปทำเรื่องย้ายตำแหน่งณิชขึ้นมาทำงานบนนี้ทีย้ง” สองคนที่ได้ยินหน้าตาตื่น “ไม่นะคะคุณต้น ณิชไม่ย้ายงานค่ะ” “นั่นสิฮะ แล้วจะให้ณิชทำงานตำแหน่งอะไรละเฮีย บนนี้ไม่มีตำแหน่งว่างเลย” ยงธนัทถึงกับเกาศีรษะแกรก ในขณะที่เด็กหญิงวิ่งมาหามารดา“แม่ขาเสร็จงานหรือยังคะ” ณิชชาอุ้มลูกขึ้นมานั่งบนตัก “ค่ะ หนูจะกลับบ้านแล้วเหรอ” อังกูรทำมือโบกไล่ให้ยงธนัทออกไปจากห้อง “นายออกไปก่อนย้ง มีไรเคลียร์กันวันหลัง” ประโยคว่าเคลียร์กันวันหลังทำให้ยงธนัทรีบออกไปอย่างรวดเร็ว นึกขอบใจที่วันนี้มีเด็กหญิงรติชาอยู่ด้วยทำให้ทุกอย่างนุ่มนวลลงมาก เขาสังเกตสีหน้าของทั้งอังกูรและณิชชาพบว่าไม่ได้แย่มากนัก จึงปลีกตัวออกมาอย่างโล่งใจ ยงธนัทออกไปแล้ว เหลือเพียงอังกูรที่จ้องสองแม่ลูก จนเด็กหญิงเริ่มขยับตัวอย่างอึ