“นี่มัน…เกินกว่าที่ฉันเคยจินตนาการไว้จริง ๆ”เสียงหัวใจดังสะท้อนในอกทุกย่างก้าวที่พาฉันเข้าใกล้ห้องโถงของคฤหาสน์ มืออุ่นของพายุจับฉันไว้แน่น มั่นคงจนต่างกับร่างกายที่กำลังสั่นไหวของฉันโดยสิ้นเชิง ทุกอย่างตรงหน้าเหมือนหลุดมาจากอีกโลก โลกที่ฉันไม่เคยเอื้อมถึง และพายุ…คือคนที่ดึงฉันข้ามประตูไปอย่างง่ายดายสายตาฉันไล่ไปตามรายละเอียดรอบตัว ทุกมุมสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เบื้องหน้าคือบันไดหินอ่อนโค้งงดงาม แสงไฟสะท้อนผิวหินเงาวับราวกับฉากในละครหรู…ฉากที่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยืนอยู่ด้วยตัวเอง“เชิญครับ”แค่สองคำสั้น ๆ จากเขา…แต่สำหรับฉัน มันคือคำเชิญจากผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุด และแน่นอน…ฉันไม่มีวันปฏิเสธฉันส่งรอยยิ้มบาง ๆ มองใบหน้าคมคายของชายหนุ่ม ที่ใครต่อใครต่างใฝ่ฝันอยากครอบครอง และฉันก็อดคิดเล่น ๆ ไม่ได้ว่า หากฉันคือ “หนูตกถังข้าวสาร” ตัวนั้น บางทีหัวใจก็คงเผลอไหวตาม ไม่ต่างจากใครหลายคนที่แอบเพ้อถึงโชคดีเช่นนั้นความคิดละมุนเกือบทำให้ฉันลืมลมหายใจ ทุกอย่างรอบตัวคล้ายจะเจือไปด้วยประกายระยิบตา ทว่าก่อนที่ฉันจะปรับจังหวะหัวใจให้เข้ากับความอลังการตรงหน้า เสียงทุ้มลึกก็ดังแทรกขึ้นจากมุมหนึ่งขอ
มื้อค่ำที่แสนแพง… และอาจเป็นมื้อค่ำที่แพงที่สุดในชีวิตฉัน เพิ่งสิ้นสุดลงแต่หัวใจฉันยังคงหลงใหลกับสร้อยทองคำขาวรูปหัวใจที่ห้อยอยู่บนอก มือเผลอยกขึ้นแตะเบา ๆ พลางอมยิ้มให้เงาสะท้อนของตัวเองในกระจกห้องน้ำหญิงที่หรูหราไม่แพ้ด้านนอก กลายเป็นที่ที่ฉันสูดเอาความอิ่มเอมไว้เต็มปอดหัวใจเต้นเป็นจังหวะละมุนกระทั่ง… เสียงส้นรองเท้าคู่หนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ก้องกังวานอย่างมั่นคงเป็นจังหวะ เสียงนั้นสะกิดหัวใจฉันให้เต้นแรงขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างไหลวูบเข้ามา ฉันตวัดสายตาขึ้นมองผ่านกระจก และ… ฉันก็เห็น เธอ อีกครั้งหญิงสาวผมยาวบลอนด์จมูกคมสัน ในเดรสรัดรูปสีเลือดนก สั้นจนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้จินตนาการ เธอก้าวเข้ามา ลิปสติกสีแดงสดบนเรียวปากของเธอช่างโดดเด่นจนยากจะละสายตา ใช่…เธอคือคนเดียวกันกับที่ฉันเห็นเมื่อเช้าวาน และถ้าความทรงจำของฉันไม่ผิดพลาด ชื่อของเธอคือ “มาริสา”เสียงส้นสูงกระทบพื้นดังใกล้ขึ้นทีละก้าว ก่อนที่เธอจะหยุดยืนขนาบข้างฉัน ร่างสูงโปร่งปราดเปรียวสะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ ฉันต้องหันคอเล็กน้อยเพื่อไปมองเธอให้ชัดดวงตาเฉี่ยวคมของมาริสาจ้องฉันผ่านกระจกเหมือนกำลังสแกนทุกชั้นของฉัน ตั้งแต่ผิว
วันนี้ เวลาช่างเดินช้ากว่าทุกวัน ความจริงแล้วมันก็หมุนตามวงโคจรปกติ แต่เพราะหัวใจฉันต่างหากที่เต้นนำไปก่อนจนเวลาไล่ไม่ทันจนกระทั่ง…มันก็มาถึงจนได้ ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ข้างในอาจเป็นเพียงความตื่นเต้นเล็กน้อย หรือจริงๆ แล้วมากกว่านั้นก็ได้ แต่แน่นอน ฉันคงไม่บอกใครหรอก เพราะนี่คือความลับเล็กๆ ของหัวใจฉันเอง ลินลี่ฉันยืดตัวตรงอย่างมั่นใจ ราวกับหงส์ที่กางปีก เดรสยาวสีครีมบางเบาแนบไปกับรูปร่างขาวเพรียว เนื้อผ้าพลิ้วไหวตามแรงลมทุกครั้งที่พัดผ่าน ให้ความรู้สึกสบายเหมือนหายใจได้เต็มปอด แต่ในอกกลับสั่นไหวไม่หยุดเส้นผมที่ถูกหนีบจนตรงเรียบลงข้างแก้ม สะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามเย็นระยิบระยับ ผิวแก้มแต้มด้วยสีส้มอ่อนบางเบา เมื่อแสงอัสดงกระทบยิ่งดูเหมือนภาพวาดที่งามเกินจินตนาการฉันยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ ระหว่างความจริงและความฝันที่ทับซ้อนกันอย่างพอดีเสียงเครื่องยนต์ต่ำค่อยๆ เคลื่อนใกล้เข้ามา ก่อนรถสปอร์ตสีเข้มจะชะลอเทียบชิดขอบฟุตบาท กระจกหน้าถูกเลื่อนลงจนสุด เผยให้เห็นเขา ชายหนุ่มที่ฉันเฝ้ารอ รอยยิ้มกว้างที่ประดับบนใบหน้าเหมือนประกาศชัดว่า…ค่ำคืนนี้ เขาคือพระเอกของฉันและฉันก็ก้าวไปหาอย่างไม่ลังเลแต่…ใ
ไฟบาร์สลัว ๆ สาดแสงสีอำพันบนโต๊ะไม้ มาริสานั่งนิ่งบนเก้าอี้กลมหน้าบาร์ นิ้วเรียวโอบแก้วไวน์ไว้แน่น หวังปล่อยความโกรธค่อย ๆ ซึมลึกลงไปในน้ำสีแดงเข้มที่สั่นระริกในมือ เธอยกแก้วขึ้นแตะริมฝีปากไห้รสเปรี้ยวฝาดไหลผ่านลิ้น คล้ายยารสขมที่ช่วยกลบเพลิงโทสะให้แผ่วลงดวงตาคมกริบของมาริสากวาดมองผู้คนในบาร์หรูของโรงแรมที่ครอบครัวเธอถือหุ้นใหญ่ ทุกมุมเต็มไปด้วยความพรีเมี่ยมและกลิ่นอายอำนาจของตระกูล Delacour Vincentเธอวางแก้วลงอย่างเบามือ สูดลมหายใจลึก ราวกับกำลังกลั่นความร้อนรุ่มในอกให้กลายเป็นความเย็นเยียบที่ควบคุมได้เธอเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะ นิ้วเรียวเลื่อนหารายชื่อที่ต้องการ“เจน” เลขาหน้าห้องของพายุไม่ทันสิ้นเสียง ตรู๊ด แรก ปลายสายกดรับอย่างฉับไว เหมือนตั้งใจรอรับสายของเธออยู่แล้วเจน:“สวัสดีค่ะ คุณมาริสา”มาริสา:“งานที่ฉันให้ทำ ถึงไหนแล้ว?”น้ำเสียงของเธอเรียบเย็นแต่แฝงความคมกริบเจน:“ได้ข้อมูลแล้วค่ะคุณมาริสา… และที่สำคัญนะคะ! เจนสังเกตทุกอิริยาบทของหล่อนเลยค่ะ ดูเหมือนจะเล่นบทสาวใสเรียบร้อย แต่สายตาจิกคุณพายุไม่ปล่อยเลยค่ะ สงสัย…สงสัยอยากเป็นหนูตกถังข้าวสารจริง ๆ ค่ะ!”คำพูดขอ
แสงไฟวอร์มไวท์จากโคมคริสตัลสะท้อนกับผนังกระจกใส ห้องเสื้อผ้าขนาดใหญ่เต็มไปด้วยราวแขวนเดรสเรียงตามโทนสี กลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังลอยอวลอยู่ในอากาศมาริสายืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ จ้องเงาสะท้อนของตัวเองในชุดเดรสยาวสีขาวเปิดไหล่ ที่แนบกับรูปร่างราวกับมันตัดเย็บขึ้นเพื่อเธอโดยเฉพาะ ริมฝีปากยกยิ้มบางๆ อย่างพอใจในความงามไร้ที่ติของตนช่างทำผมขยับมือเกลี่ยลอนผมสีบลอนด์ให้โค้งรับกรอบหน้าอย่างประณีต ใบหน้ารูปใข่ ถูกแต่งเติมอย่างพิถีพิถันด้วยเครื่องสำอางชั้นสูง บนโต๊ะด้านข้าง สร้อยเพชรมรกตระยับเขียวขจีราวหยดน้ำแข็งที่กลืนแสงไฟ มูลค่ามหาศาล รอให้เธอสวมประดับในงานเย็นนี้ เธอเตรียมพร้อมกับแสงไฟและเฟลช เพื่อความเฉิดฉายให้สมฐานะของตระกูล Delaour Vincentเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง ตัดความนิ่งงามในอากาศออกเป็นริ้ว หญิงสาวในชุดเมดก้มศีรษะต่ำ เสียงของเธอสั่นน้อยๆ “คุณมาริสาคะ… เอ่อ ” เธออ้ำอึ้งเหมือนคำที่จะเอ่ยออกมาไม่สมควรให้เย็นนี้ต้องได้ยินมาริสาเลิกคิ้ว ดวงตาคมตวัดมองผ่านกระจกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “มีอะไรก็พูดมาเถอะ ฉันไม่ตำหนิเธอหรอก… แต่อย่าอ้ำอึ้ง มันน่ารำคาญ”เมดสูดลมหายใจเบาๆพลางก้
บนชั้นสูงสุดของ PWW TOWER พื้นที่ปิดตายที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์ให้ก้าวเข้า พายุ ยังคงนั่งนิ่งหลังโต๊ะยาวมันวาว รัศมีความเป็นประธานใหญ่แผ่ข่มจนความตึงเครียดซึมไปทั่วทุกมุมห้อง ทุกสายตามุ่งมั่นอยู่กับการไขปริศนาระหว่าง งบลับ กับการตายอย่างมีเงื่อนงำของ ไมเคิลและแม้บรรยากาศจะกดดันและหนักหน่วงเพียงใด ฉัน ‘ลินลี่’ ยังคงขยับหมากตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ได้อย่างราบรื่น...แยบยล ในขณะที่ใบหน้าฉันยังคงสงบนิ่ง แต่ลึกลงไปข้างใน ซ่อนบางสิ่งที่ไม่ควรถูกเปิดเผยไว้เช่นกันสายตาคมเฉียบของพายุไล่กวาดผู้เข้าร่วมประชุมด้วยความนิ่งและเจาะลึก ราวกับจะค้นหาเบื้องลึกของทุกคำตอบในห้องนี้ แต่เมื่อสายตาหยุดลงตรงฉัน สายตาคู่นั้นกลับอ่อนโยนลงแววห่วงใยที่ซ่อนอยู่ในความเข้มแข็งนั้นทำให้หัวใจฉันสั่นไหวเพียงเสี้ยววินาทีทว่า…ไม่ไกลจากนั้น สายตาของเจน เลขาหน้าห้องพายุ ก็ไม่ละจากฉันไปแม้แต่วินาทีเดียว เธอมองฉันด้วยความระแวงเหมือนนักสืบที่พยายามถอดรหัสบางอย่างจากผู้ต้องสงสัย..การประชุมยืดเยื้อไปอย่างอึดอัด เสียงเอกสารพลิกดังสลับกับเสียงแตะจอแทปเล็ตรัวๆ บรรยากาศในห้องหนาแน่นจนแทบหายใจไม่ทั่