“เย้ สอบเสร็จแล้ว ไปฉลองกันดีกว่าลิซ”
ในที่สุด การเรียนในภาคเรียนแรกก็จบลง หลังจากวันที่มีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้น เธอสองคนก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนและทำงานหาเงินจนแทบไม่มีเวลาจะคิดอะไรเหมือนเดิม กลายเป็นว่าความผิดพลาดในคืนนั้นถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังจนแทบจะลืมมันไปแล้ว
“แต่คืนนี้ยังต้องไปนอนคอนโดริวน่ะสิ”
“ขอสักคืนไม่ได้เหรอ ที่ผ่านมาแกอ่านหนังสือโคตรหนักเลยนะ ให้แกไปฉลองสอบเสร็จแล้วนอนกับฉันสักคืนไม่ได้เลยหรือไง”
“แกก็รู้ว่าหมอนั่นงกจะตาย”
“ลองดูก่อนไหม”
“อืม ก็ได้ จะโทรไปขอเดี๋ยวนี้แหละ”
อลิษาโทรหาคิริวที่ตอนนี้มาจอดรถรอรับเธอยังจุดเดิมนานแล้ว เขากดรับสายอย่างรวดเร็วราวกับนั่งจ้องหน้าจอตลอดเวลาเพื่อรอให้เธอโทรหาอย่างไรอย่างนั้น
“ไง สอบเสร็จแล้วใช่ไหม ฉันจอดรถรออยู่ที่เดิมนะ”
“เอ่อ ริว คือฉันจะขออนุญาตไปฉลองกับเมี่ยง คืนนี้ก็จะนอนห้องเมี่ยงนะ ได้ไหม”
“ได้ยังไง พรุ่งนี้วันเสาร์ เธอก็ต้องกลับไปนอนกับแม่ แล้วฉันรอเธอมาตั้งเกือบครึ่งเดือนแล้วนะยัยแม่มด ฉันจะลงแดงตายอยู่แล้ว จะให้น้ำฉันมันไหลออกมาทางหูเลยหรือไง”
คิริวโวยวายเสียงดังลั่นรถ ใบหน้าถมึงทึงไม่พอใจ ก่อนสอบถึงสองสัปดาห์ เธอตั้งกฎไม่ให้เขาจับเธอกิน เพราะเธอต้องทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือและติวกับเพื่อน
“ตะโกนมาได้ ก็แค่อีกวันเดียวเอง นายเข้าห้องน้ำอีกคืนหนึ่ง ได้ไหมริว”
“ไม่ได้ ไม่ยอม ฉันไม่อนุญาตให้เธอทิ้งฉันไปไหนทั้งนั้น”
ถ้าทิ้งตัวลงดิ้นกับพื้นตรงนี้ได้ เขาคงทำไปแล้ว พยายามอย่างยิ่งที่จะวางอำนาจกับเธอ แต่เสียงที่เปล่งออกไปมันอ่อนเสียจนแทบจะกลายเป็นการขอร้องอ้อนวอนเสียแล้ว
“ริว แต่มันแค่...”
“ลิซ ไม่เป็นไร แกไปกับริวเหอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปหาแกที่หอ พาแม่ไปกินหมูกระทะกันดีกว่า”
เสียงของคนงอแงดังเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ทำให้มัสยาล่าถอย ขนาดไม่เห็นหน้า ได้ยินแค่เสียง ยังรู้เลยว่าหมอนั่นท่าทางจะใกล้ลงแดงตายแล้วจริง ๆ
เห็นแก่ที่หมอนั่นเลี้ยงดูปูเสื่อเพื่อนรักของเธออย่างดี ทั้งให้เงินเดือน ซื้อของใช้ราคาแพงให้ไม่เคยขาด คอยตามรับตามส่งแม้ว่าวันนั้นเขาจะไม่มีเรียนหรือต้องแหกขี้ตาตื่นมาแต่เช้าเพียงใดก็ไม่เคยปล่อยให้เพื่อนรักของเธอต้องโหนรถเมล์มาเรียนอีก
จะว่าเขาเอาแต่ใจตัวเองตามประสาลูกคนรวยและตามประสานายจ้าง ก็ตรงที่เขามักจะใช้งานเพื่อนเธอบนเตียงจนคุ้ม บางครั้งออกจะคุ้มเกินคุ้มด้วยซ้ำ แต่เมื่อวันไหนเพื่อนของเธอซึ่งใต้ตาดำคล้ำมานั่งเรียน อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงต่อมา จะมีเสียงข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีเพื่อนของเธอหลักแสนทุกครั้งไป
งานพาร์ตไทม์ใหม่ของอลิษาที่เจ้าตัวตั้งชื่ออาชีพให้กับตัวเองว่า “เด็กของคิริว” มันช่างน่าอิจฉา ทั้งสุขสม อบอุ่น อิ่มท้อง และสุขสบาย ผู้ชายคนนั้นซึ่งไม่เคยมีประวัติใช้ผู้หญิงคนเดิมซ้ำหลายครั้ง กลับวนเวียนนัวเนียเพื่อนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่มีท่าทีจะเบื่อหน่าย ทั้งยังปฏิบัติตัวราวกับว่าเขากับอลิษาเป็นแฟนกันอย่างไรอย่างนั้น จนเธอแย้งหลายรอบว่าอาชีพนี้มันไม่ใช่ “เด็กของคิริว” แต่มันเป็นอาชีพ “แฟนของคิริว” ต่างหาก
“เห็นไหม เมี่ยงยังบอกให้เธอไปกับฉันเลย ฉันเป็นนายจ้างเธอนะ สั่งอะไรก็ต้องทำสิ ไหนว่าจะตามใจฉันทุกอย่างไง”
“อืม ได้ งั้นก็รออยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวเดินไปหา”
อลิษากดวางสาย ก่อนจะถอนหายใจยาว รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไปฉลองกับเพื่อนเพราะปกติแล้วทุกครั้งที่สอบเสร็จ เธอสองคนจะฉลองกันแบบนี้มาตลอด
“เมี่ยง ขอโทษทีนะ”
“ไม่เป็นไร แกรีบไปเหอะ เกิดหมอนั่นทรงพระกริ้วจนจับแกกดไม่ได้ลงจากเตียง พรุ่งนี้แกตื่นกลับหอไม่ไหว ฉันกับแม่อดกินหมูกระทะกันพอดี”
“อืม งั้นแกกลับห้องดี ๆ พรุ่งนี้เย็นเจอกัน”
“โอเค บาย อย่าขัดใจหมอนั่นล่ะ รู้ไหม”
“รู้แล้วน่า”
เมื่อถึงวันนัด คิริวพาสามสาวมาถึงร้านหมูกระทะเจ้าประจำ แต่ยังไม่ทันที่จะได้กินหมูย่างหอม ๆ เลยสักชิ้น ก็ต้องพากันมาที่โรงพยาบาลท่ามกลางความโกลาหล เมื่อมัสยาอาเจียนและเป็นลมล้มลงกลางร้านทันทีที่คีบหมูเข้าปาก
มัสยาถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินร่วมชั่วโมง ก่อนที่หมอจะออกมาตามญาติคนไข้ให้เข้าไปฟังผลตรวจพร้อมกัน
“เมี่ยงเป็นอะไรคะหมอ”
อลิษาถามหมอด้วยน้ำเสียงร้อนรน คนถึก ๆ อย่างมัสยา เคยเจ็บป่วยหรือเป็นอะไรกับใครที่ไหนกัน ถ้าถึงขั้นเป็นลมและอาเจียนกลางร้านหมูกระทะแปลว่าต้องเป็นอะไรหนักหนาแน่ ๆ
“คุณมัสยาไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ แค่อาการปกติทั่วไปของคนท้อง”
“ท้อง”
มัสยาเบิกตาโพลง น้ำใส ๆ เอ่อรื้นขอบตาจวนเจียนจะไหลลงมาเต็มที ไม่ต่างจากอลิษาที่ก้าวพรวดไปจับมือเพื่อนรักทันทีเพื่อให้กำลังใจ แม้เธอเองจะตกใจมากจนแทบช็อกก็ตาม
“ครับ อายุครรภ์ประมาณสองเดือนได้แล้วครับ ยังไงรีบมาฝากครรภ์นะครับ จะได้ตรวจโรคของพ่อกับแม่ด้วย”
“อะ เอ่อ ขอบคุณมากค่ะหมอ”
เมื่อหมอวัยกลางคนเดินออกจากห้องไป ความเงียบก็เข้าปกคลุมทันทีจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ไงวะลิซ ก็วันนั้นฉันกินยาแล้ว”
คิริวเดินเลี่ยงออกไปชำระค่ารักษาพยาบาลให้มัสยา เปิดโอกาสให้สองสาวคุยกันในเรื่องส่วนตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขากับแม่ของอลิษาได้ยินผลตรวจที่หมอบอกแล้ว
คนตัวบางใบหน้าซีดเซียวโผเข้ากอดเพื่อนรัก หัวใจเธอตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม โลกทั้งใบของเธอมันแตกสลายไปในพริบตาเมื่อผลตรวจที่ออกมาปรากฏว่าเธอตั้งครรภ์
“แกใจเย็นก่อนเมี่ยง อย่าร้องไห้ เรามาค่อย ๆ ช่วยกันคิดทางออกดีไหม”
“มันไม่มีทางออกแล้วลิซ อนาคตฉันจบแล้ว ฉันจะอุ้มท้องไปเรียนได้ยังไง นี่เหลืออีกตั้งหนึ่งเทอม”
“ทำไมจะไม่ได้ มันก็เคยมีรุ่นพี่เราท้องอยู่เป็นเทอม อาจารย์ไม่ดับอนาคตเราหรอก ตราบใดที่แกยังไม่คลอดก่อนจะสอบ แกก็มีสิทธิ์เรียนจนจบพร้อมเพื่อน”
ซึ่งจากการคำนวณระยะเวลาดูแล้ว อย่างไรมัสยาก็ไม่มีทางคลอดก่อนจะสอบ นั่นแปลว่าอนาคตเธอไม่ได้ดับวูบอย่างที่กังวลแต่แรก
“อืม ฉันจะตั้งใจเรียนให้จบ ต่อไปนี้ต้องทำงานหนักกว่าเดิม ไม่งั้นฉันไม่มีเงินคลอด ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกินแน่ ๆ”
มือเล็กลูบเบา ๆ บนหน้าท้องที่ยังแบนราบ แม้เด็กคนนี้จะเกิดจากความผิดพลาด แถมเธอยังเกลียดชังผู้ชายคนนั้นที่ยังคอยตามหลอกหลอนเธอทั้งยามหลับและยามตื่น แต่เธอจะไม่มีวันทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเด็ดขาด เพราะลูกของเธอไม่ได้ผิดอะไร ผู้ชายคนนั้นต่างหากที่เป็นคนทำให้เกิดเรื่องทั้งหมด
“แปลว่าแกจะไม่บอกสายฟ้าใช่ไหม”
อลิษาเลิกคิ้วตกใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถึงแม้จะเกิดจากความผิดพลาด แต่คนทั้งคนกำลังจะเกิดมา ฝ่ายนั้นควรมีส่วนรับผิดชอบที่พังอนาคตเพื่อนของเธอ
“แกอย่าเรียกชื่อนั้นให้ฉันได้ยินอีก ผู้ชายคนนั้นมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน เด็กคนนี้เป็นลูกของฉันคนเดียวเท่านั้น”
มัสยาละล่ำละลักตอกกลับปากคอสั่น แค่คิดถึงใบหน้าหล่อ ๆ ที่วนเวียนเข้ามาในความทรงจำแทบตลอดเวลาก็ให้รู้สึกหงุดหงิด มือเล็กกำแน่นจนสั่นไปทั้งตัว
“แกใจเย็นก่อนเมี่ยง ฉันแค่คิดว่าเขาอาจจะรับผิดชอบ”
อลิษาจับมือเพื่อนพร้อมลูบเบา ๆ บนหลังมือให้เจ้าตัวรู้สึกผ่อนคลาย
“คนเลว ๆ อย่างหมอนั่น มันจะรับผิดชอบอะไรฉัน มันจะพาฉันไปทำแท้งน่ะสิ ฉันจะไม่บอกมันเด็ดขาด”
“เขาอาจไม่ได้เลวขนาดนั้น แต่ในเมื่อแกเลือกแล้วว่าจะทำแบบนี้ ฉันก็จะอยู่ข้างแก แกไม่ต้องทำงานพิเศษเพิ่ม มันอันตรายกับแกและหลานฉัน ค่าคลอดกับค่าเลี้ยงดูในช่วงแรกที่แกยังทำงานไม่ได้ ฉันจะรับผิดชอบเอง”
ดวงตารีเล็กเบิกกว้าง แต่ก็อดซึ้งในน้ำใจของเพื่อนไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอมีปัญหาก็จะมีอลิษาอยู่เคียงข้าง และทุกครั้งที่อลิษามีปัญหา ก็จะมีเธออยู่เคียงข้างด้วยเสมอ
“แกจะไปเอาเงินมาจากไหน มันไม่ใช่น้อย ๆ นะลิซ”
“ฉันมีเงิน ถึงฉันไม่มี แฟนฉันก็มี แกไม่ต้องกลัว หลานฉันทั้งคนจะให้ลำบากได้ยังไง ตอนนี้ฉันไม่ได้ตกระกำลำบากเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ แกอย่าลืม”
“แต่ฉันไม่อยากรบกวน”
“แกห้ามคิดมากเด็ดขาด กลับกันถ้าแกเป็นฉัน แล้วฉันเป็นแกในตอนนี้ แกก็ต้องทำอย่างฉัน เชื่อสิ”
มันคือเรื่องจริงทั้งหมด เธอทั้งสองคนรักและเป็นห่วงกันมาก เมื่อคนใดคนหนึ่งตกที่นั่งลำบากแล้วอีกคนพอช่วยเหลือได้ ไม่มีทางเลยที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายสู้กับความยากลำบากเพียงลำพัง และนั่นเป็นเหตุผลให้มัสยายอมรับความช่วยเหลือจากอลิษาแต่โดยดี
“เย้ สอบเสร็จแล้ว ไปฉลองกันดีกว่าลิซ”ในที่สุด การเรียนในภาคเรียนแรกก็จบลง หลังจากวันที่มีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้น เธอสองคนก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนและทำงานหาเงินจนแทบไม่มีเวลาจะคิดอะไรเหมือนเดิม กลายเป็นว่าความผิดพลาดในคืนนั้นถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังจนแทบจะลืมมันไปแล้ว“แต่คืนนี้ยังต้องไปนอนคอนโดริวน่ะสิ”“ขอสักคืนไม่ได้เหรอ ที่ผ่านมาแกอ่านหนังสือโคตรหนักเลยนะ ให้แกไปฉลองสอบเสร็จแล้วนอนกับฉันสักคืนไม่ได้เลยหรือไง”“แกก็รู้ว่าหมอนั่นงกจะตาย”“ลองดูก่อนไหม”“อืม ก็ได้ จะโทรไปขอเดี๋ยวนี้แหละ”อลิษาโทรหาคิริวที่ตอนนี้มาจอดรถรอรับเธอยังจุดเดิมนานแล้ว เขากดรับสายอย่างรวดเร็วราวกับนั่งจ้องหน้าจอตลอดเวลาเพื่อรอให้เธอโทรหาอย่างไรอย่างนั้น“ไง สอบเสร็จแล้วใช่ไหม ฉันจอดรถรออยู่ที่เดิมนะ”“เอ่อ ริว คือฉันจะขออนุญาตไปฉลองกับเมี่ยง คืนนี้ก็จะนอนห้องเมี่ยงนะ ได้ไหม”“ได้ยังไง พรุ่งนี้วันเสาร์ เธอก็ต้องกลับไปนอนกับแม่ แล้วฉันรอเธอมาตั้งเกือบครึ่งเดือนแล้วนะยัยแม่มด ฉันจะลงแดงตายอยู่แล้ว จะให้น้ำฉันมันไหลออกมาทางหูเลยหรือไง”คิริวโวยวายเสียงดังลั่นรถ ใบหน้าถมึงทึงไม่พอใจ ก่อนสอบถึงสองสัปดาห์ เธอตั้งกฎไม่ใ
มัสยาที่นั่งกับพื้นพิงประตูห้องยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวก ๆ สูดลมหายใจลงปอดจนลึก กัดฟันแน่นแล้วลุกขึ้นยืน แม้ส่วนอ่อนไหวยังปวดแปลบร้าวรานจนต้องสูดปาก แต่เธอกลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดนี้มันช่วยตอกย้ำคนโง่อย่างเธอให้มีสติรู้ตัวไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวด้วยการตามกลับไปเอาเรื่องหมอนั่นเลย ทั้งที่รู้ว่าสองคนนั้นตั้งใจวางยา แต่เธอกลับมัวแต่โกรธจนประมาทเกินไปเสียดายความสาวที่ถูกทำลายลงไปราวกับของไร้ค่าด้วยน้ำมือผู้ชายเลวทรามคนนั้นแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขามันจะเริ่มจากตัวเธอที่ทนต่อความต้องการด้านมืดจากฤทธิ์ยาไม่ไหวจนลงมือยั่วยวนเขาให้ตบะแตก แต่นั่นมันก็เพราะยานรกของเขาทั้งนั้น“ไอ้สายฟ้า ชาตินี้อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย”เธอปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเรียกความมั่นใจกลับคืนมาแล้วรีบอาบน้ำล้างคราบคาวที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้เพื่อไปให้ทันเวลาเข้าเรียนในคาบบ่ายแต่เมื่อออกจากห้องน้ำเธอก็ทรุดฮวบลงนั่งบนเตียง ร่างกายบอบช้ำร้อนผ่าว ส่วนอ่อนไหวแสบขัดจนแทบจะหุบขาไม่ได้ จึงรีบหายากินแล้วนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ไปเรียนสายฟ้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นหลังจากที่หน้าอกหนั่น
“รู้ ฉันทรมาน ทำยังไงดี”ดวงตาสับสนตื่นกลัวช่างน่าสงสาร เขาไม่ได้ตั้งใจจะวางยาเธอ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว ก็เป็นความรับผิดชอบของเขาที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้“อดทนหน่อยเมี่ยง แช่น้ำอีกหน่อย”แม้รู้ว่าเพียงแค่แช่น้ำจะไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้ แต่ถ้าเขาทำอะไรเธอลงไป พรุ่งนี้เช้าเขาต้องตายแน่ ๆ“ไม่เอา ฉันไม่ไหวแล้ว”คนตัวบางคว้าท่อนร้อนมาจดจ่อที่ปากทางรักก่อนจะกดตัวลงช้า ๆ เพื่อครอบครองเขาทีละนิดจนมิดโคน“อ๊าย...เจ็บ”ร่างบางสั่นสะท้าน ร่องรักคับแน่นตอดรัดระรัวพร้อมพยายามผลักไสท่อนร้อนของเขาออกจากร่างกาย ทำให้รู้ได้ในทันทีเลยว่าเขาได้ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอไปเสียแล้ว“เมี่ยง...”“ฉันเจ็บ”เขามองใบหน้าสวยที่มีน้ำตาคลอเบ้า ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูสดสั่นระริก ช่างน่าสงสารจนหัวใจดวงโตอ่อนยวบ“เดี๋ยวจะดีขึ้น ฉันรับปาก”ตัดสินใจสอดมือเข้าล็อกต้นคอของเธอแล้วประกบปากละเลียดจูบอย่างเชื่องช้าฉ่ำหวาน ริมฝีปากสั่นระริกนั่นพยายามอย่างยิ่งที่จะจูบเขาตอบ ทั้งที่เงอะงะไม่เป็นงานเลยก็ตามที“เธอมันซวยจริง ๆ เลย เมี่ยง”สายฟ้าพึมพำเสียงกระเส่าในขณะที่ไต่จูบซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง สัมผัสวาบหวามเล่นงานจนผนังบอบบา
บารมีสั่งให้เพื่อนอีกคนนำเครื่องดื่มสีสวยที่เขาชงเองกับมือมาเสิร์ฟให้กับสองสาวและเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มอีกหลายคนอลิษาลังเลที่จะดื่ม เพราะหลายแก้วที่เธอดื่มไปทำเอาเธอมึนศีรษะไม่น้อย“ดื่มหน่อยน่า อลิซ ใกล้กลับแล้วนี่ครับ”“เอ่อ...”ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปฏิเสธ คนที่จอดรถรออยู่หน้าบ้านก็โทรหาเพื่อเตือนเวลาต้องกลับ“อีกห้านาที ตอนนี้ฉันอยู่หน้าบ้านแล้ว เตรียมตัวออกมาได้”“โอเค”อลิษากำลังจะกดวางสาย แต่บารมีก็โพล่งขึ้นเสียก่อน ทำให้เธอเงยหน้ามองเขาโดยลืมเรื่องที่จะกดวางสายไปเสียแล้ว“อลิซ อย่าเพิ่งรีบกลับสิ บอกให้เพื่อนกลับไปก่อนเถอะ นี่แค่สี่ทุ่มเอง เดี๋ยวให้ไอ้ฟ้าไปส่งก็ได้ หรือไม่ก็นอนที่นี่สิครับ บ้านไอ้ฟ้าออกจะใหญ่ ห้องนอนก็เยอะ”“เอ่อ เราไม่สะดวก พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”“งั้นก็ดื่มแก้วนี้ก่อนสิครับ แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะกลับหรือไม่กลับ”คิริวที่ยังถือสายฟังอยู่รู้สึกไม่ชอบมาพากลที่คนพวกนั้นคะยั้นคะยอให้อลิษาดื่มเครื่องดื่มแก้วนั้นให้หมด จึงรีบลงจากรถแล้วพรวดพราดเข้าไปในโซนงานเลี้ยงทันที“เราขอไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า เดี๋ยวกลับมาดื่มนะ”เธอเดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้นเพื่อเข้าห้องน้ำ โดย
แสงแดดยามสายส่องผ่านประตูกระจกซึ่งเปิดผ้าม่านเอาไว้มองเห็นระเบียงกว้างของห้องนอนในคฤหาสน์หลังใหญ่ ปลุกหญิงสาวแสนสวยที่หลับเป็นตายมาหลายชั่วโมงให้ตื่นขึ้นดวงตากลมแต่เรียวเล็กราวเมล็ดอัลมอนด์กะพริบถี่ ความรู้สึกบอบช้ำจากการเสียตัวครั้งแรกทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แรงขยับเพียงเล็กน้อยทำเอาจุดอ่อนไหวกลางกายสาวเจ็บแสบร้าวรานจนต้องสูดปากเบา ๆภาพความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาในสมองเป็นฉาก ๆ แม้จะมึนเมาเพราะฤทธิ์ยาเสียสาว แต่ความรู้สึกวาบหวามยังคงตราตรึงเมี่ยง มัสยา นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจชั้นปีที่สี่ สาวกำพร้าปากกัดตีนถีบสู้ชีวิตที่ทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอกแกร่งที่ให้เธอใช้หนุนนอนต่างหมอนมาทั้งคืน เขายังคงนอนหลับตาพริ้ม หายใจสม่ำเสมอ ริมฝีปากหยักได้รูปสีชมพูยกยิ้มเล็กน้อยราวกับกำลังฝันดี“บ้าฉิบ ซวยอะไรอย่างนี้วะ”คนตัวบางย่องลงจากเตียง จำได้ว่าเสื้อผ้าของตัวเองถูกถอดทิ้งอยู่ในห้องน้ำจึงรีบวิ่งเข้าไปในนั้น แต่สภาพของมันเปียกชุ่มทั้งชุดจนไม่สามารถใส่ได้ จึงขโมยเสื้อผ้าของคนบนเตียงมาใส่แก้ขัดแล้วรีบวิ่งลงจากคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งเงียบเหงาราวกับไม่มีคนอาศัยอยู