มัสยาที่นั่งกับพื้นพิงประตูห้องยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวก ๆ สูดลมหายใจลงปอดจนลึก กัดฟันแน่นแล้วลุกขึ้นยืน แม้ส่วนอ่อนไหวยังปวดแปลบร้าวรานจนต้องสูดปาก แต่เธอกลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดนี้มันช่วยตอกย้ำคนโง่อย่างเธอให้มีสติรู้ตัว
ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวด้วยการตามกลับไปเอาเรื่องหมอนั่นเลย ทั้งที่รู้ว่าสองคนนั้นตั้งใจวางยา แต่เธอกลับมัวแต่โกรธจนประมาทเกินไป
เสียดายความสาวที่ถูกทำลายลงไปราวกับของไร้ค่าด้วยน้ำมือผู้ชายเลวทรามคนนั้น
แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขามันจะเริ่มจากตัวเธอที่ทนต่อความต้องการด้านมืดจากฤทธิ์ยาไม่ไหวจนลงมือยั่วยวนเขาให้ตบะแตก แต่นั่นมันก็เพราะยานรกของเขาทั้งนั้น
“ไอ้สายฟ้า ชาตินี้อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย”
เธอปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเรียกความมั่นใจกลับคืนมาแล้วรีบอาบน้ำล้างคราบคาวที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้เพื่อไปให้ทันเวลาเข้าเรียนในคาบบ่าย
แต่เมื่อออกจากห้องน้ำเธอก็ทรุดฮวบลงนั่งบนเตียง ร่างกายบอบช้ำร้อนผ่าว ส่วนอ่อนไหวแสบขัดจนแทบจะหุบขาไม่ได้ จึงรีบหายากินแล้วนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ไปเรียน
สายฟ้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นหลังจากที่หน้าอกหนั่นแน่นว่างเปล่าได้ไม่นาน เขามองไปรอบห้องไม่เจอคนตัวบางที่เคยนอนกกกอดมาตลอดทั้งคืนจึงรีบเดินหาจนทั่ว
ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ มีเพียงเสื้อผ้าเปียกชุ่มที่กองทิ้งไว้บนพื้นห้องน้ำ...เอาไว้ให้เขาดูต่างหน้า
“ทำไมยัยนั่นไม่ปลุกเราวะ”
เขาเสยผมลวก ๆ ด้วยความหงุดหงิด ไม่น่านอนหลับสนิทจนไม่รู้สึกตัวเลย ความสุขสมเมื่อคืนจนถึงเช้ามันคงทำให้เขาเหนื่อยเกินไปเลยหลับเป็นตาย ไม่อย่างนั้นคงได้คุยกันให้รู้เรื่องก่อนที่เธอจะไป
ทั้งที่เป็นครั้งแรกของเธอแท้ ๆ และทั้งที่เธอโดนเพื่อนเขาวางยา เราทั้งคู่ไม่ได้ตั้งใจจะมีอะไรกัน แทนที่เธอจะตื่นมาโวยวาย ด่าทอ ทุบตี หรือเรียกร้องค่าเสียหายจากเขาอย่างที่ควรจะเป็น แบบนั้นเขาคงสบายใจมากกว่านี้
เขาถอนหายใจ เดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ภาพความวาบหวามเมื่อคืนยังคงฉายชัดในความทรงจำ มันไม่อาจทำให้เขาเย็นลงได้เลยแม้แต่น้อย
แต่จะไปตามหาเธอได้จากที่ไหน ในเมื่อเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอทั้งนั้น ข้อมูลเดียวที่เขารู้คือเธอเป็นเพื่อนของอลิษา และถ้าหากเขาถามข้อมูลของเธอจากอลิษา ต้องโดนทุกคนจับได้แน่ ว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรชั่วช้าไว้กับเธอบ้าง
“เฮ้อ ช่างแม่ง เธอไม่เรียกร้องก็แปลว่าไม่แคร์ แล้วเราจะแคร์ทำไมวะ คิดมากไปได้ไอ้ฟ้า”
“เอ่อ ลิซ เมื่อวานที่ฉันไม่ได้มาเรียน พอดีว่าฉัน...”
เช้าวันต่อมา มัสยาหาข้อแก้ตัวทันทีที่เจอหน้าเพื่อนรัก แต่อลิษากลับเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเธอเองไม่รู้มาก่อนว่ามัสยาโดดเรียนเหมือนกัน ถึงว่าทำไมไม่โทรมาถามสักนิดว่าเธอหายไปไหน
“เมื่อวานแกก็ไม่ได้มาเรียนเหรอเมี่ยง”
“อ้าว พูดแบบนี้แปลว่าแกก็ไม่ได้มาเหมือนกันเหรอลิซ”
“อืม หมอนั่นไม่ยอมให้มา แล้วแกล่ะ ทำไมไม่มา เมาค้างเหรอ ก็ไม่ได้ดื่มเยอะนี่นา”
มัสยากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ดวงตากลมรีวูบไหวฉับพลัน เป็นสัญญาณบอกให้อลิษารู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนรักของเธอแน่
“อะไรนะ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง”
หลังจากเรียนคาบแรกเสร็จ สองสาวก็มาหาที่เงียบ ๆ คุยกัน มัสยาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้อลิษาฟังทั้งหมด
“ฉันบอกแกแล้ว ว่าไอ้สายฟ้ามันไม่ใช่คนดี แกก็ไม่เชื่อฉัน”
ใบหน้าของอลิษาสลดวูบ เพราะเธอหลงเชื่อใจคนผิด จึงทำให้เพื่อนรักของเธอซวยไปด้วย การที่เด็กสาวผู้ไม่เคยผ่านมือชายมาก่อนโดนวางยาจนต้องเสียตัวให้ผู้ชายที่ไม่ชอบขี้หน้า คงเป็นรอยแผลเป็นในหัวใจไปทั้งชีวิต
“ฉันขอโทษนะเมี่ยง ฉันไม่น่าไปยุ่งกับคนพวกนั้นเลย เพราะฉัน แกเลยต้องมาเสียตัว...”
“เออ ช่างมันเหอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ฉันไม่คิดมาก ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่เยื่อบาง ๆ ไม่มีใครเก็บเอาไว้กันหรอกสมัยนี้”
“แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนแก”
“เออน่า บอกไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ ดีแค่ไหนที่แกไม่โดนวางยาไปด้วย ถ้าคิริวเข้ามาเจอแกตอนกำลังนัวกับไอ้ชั่วนั่นเพราะโดนวางยา ฉันว่าแกจบแบบศพไม่สวยแน่ รวมทั้งฉันและไอ้หมอนั่นด้วย”
ก็น่าจะจริง เพราะขนาดแค่เขาเข้ามาเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนนั้น เขายังไม่ยอมพูดกับเธอเลยตลอดทางจนถึงคอนโด ตอนนั้นเธอเกร็งแทบแย่ บรรยากาศในรถสุดแสนจะมาคุ ดวงตาคมกริบของเขามันดูน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้
“นั่นสิ แล้วสายฟ้าเขาได้ป้องกันหรือเปล่า”
มัสยาเบิกตากว้าง เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร หมอนั่นไม่ได้ป้องกันแม้แต่ครั้งเดียว แถมยังแตกกระจายน้ำทุเรศ ๆ นั่นในตัวเธอทุกครั้งอีกต่างหาก
“ไอ้เมี่ยง ทำหน้าแบบนี้แปลว่า...”
“อืม หมอนั่นไม่ได้ใส่ถุง แล้วก็...”
“แล้วแกกินยาคุมหรือยัง ยาคุมฉุกเฉินน่ะ”
สาวหมวยส่ายหน้าช้า ๆ ดวงตาเรียวเล็กรูปเมล็ดอัลมอนด์เบิกโพลงตลอดเวลา
“นี่กี่ชั่วโมงแล้ว โห เมี่ยง จะสามสิบหกชั่วโมงได้แล้วมั้ง ใช่ไหม”
“อืม ทำไงดี ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย”
“ไป ไปร้านขายยากัน เดี๋ยวนี้เลย”
สองสาวจำต้องโดดเรียนในคาบต่อไปเพื่อออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งจากเวลาแล้วก็สุดแสนจะเฉียดฉิว คงต้องอ้อนวอนต่อพระเจ้าให้น้ำเชื้อของหมอนั่นไม่มีพลังมากพอจะทำให้เธอตั้งท้องได้
“แกบล็อกเบอร์ บล็อกไลน์หมอนั่นได้ไหมลิซ อย่าติดต่อกับไอ้ชั่วนั่นอีกเลยนะ”
เมื่อกินยาเรียบร้อยแล้ว สติก็กลับคืนสู่ตัวอีกครั้ง จึงร้องขอให้เพื่อนรักตัดขาดจากผู้ชายชั่วร้ายคนนั้น ครั้นจะไปโวยวายเรียกร้องความยุติธรรม พวกเธอเป็นฝ่ายหญิง มีแต่เสียกับเสีย ต่อให้แจ้งความไปก็คงจะเท่านั้น บ้านเขาใหญ่อย่างกับวัง คงมีเงินมากพอจะเปลี่ยนดำให้เป็นขาวได้ ลูกกำพร้าขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างพวกเธอจะไปสู้อะไรได้ สู้ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปตามกาลเวลาและไม่ต้องติดต่อพบเจอกันอีกเลยน่าจะดีที่สุด
“ได้สิ ฉันก็ไม่อยากรู้จักกับคนเลว ๆ แบบนั้นอีก”
อลิษาจัดการบล็อกทุกช่องทางการติดต่อกับผู้ชายคนนั้นทันที รู้สึกเสียใจมากที่เงินเพียงสองหมื่นบาทซึ่งได้มาจากการถ่ายละครสั้นให้เขา มันต้องแลกมาด้วยการสูญเสียของเพื่อนรัก
“ฉันขอโทษอีกครั้งนะเมี่ยง”
“อย่าคิดมากสิ ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ”
“รับอะไรดีคะ”
ทั้งที่พนักงานสาวเดินมารับออเดอร์อยู่ตรงหน้า แต่สายฟ้ากลับกวาดตามองรอบร้านเพื่อหาคนที่ทำให้เขาต้องมานั่งอยู่ตรงนี้
“เอ่อ อลิซไม่มาทำงานเหรอครับ”
“อ๋อ อลิซลาออกไปแล้วค่ะ”
ดวงตาสลดวูบ กว่าที่เขาจะทำใจกล้ามาหาอลิษาที่ร้านซึ่งเธอทำงานพิเศษได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน แถมก่อนหน้านี้พยายามติดต่อทุกช่องทางแต่เธอก็บล็อกเขาไปหมดแล้ว
“แล้วมีเบอร์ติดต่ออลิซไหมครับ”
พนักงานคนเดิมมองเขาแล้วอมยิ้ม คงจะเป็นอีกหนึ่งคนที่ตามจีบ ตั้งแต่อลิษามาทำงานที่นี่ มีผู้ชายมาขอเบอร์โทรศัพท์ของสาวสวยคนนั้นหลายคนแล้ว
“เอ่อ ผมเป็นเพื่อนเขา เรียนนิเทศ จะชวนไปถ่ายละครสั้นอีก อลิซเคยไปช่วยผมมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พอดีติดต่อเบอร์เดิมไม่ได้ครับ ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเบอร์หรือเปล่า เราอยู่คนละคณะกัน ไม่ได้รู้จักใครที่พอจะติดต่อได้ด้วย”
สายฟ้าร่ายยาวอย่างรวดเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน ที่จริงหลายสัปดาห์มานี้ เขาพยายามแล้วที่จะไม่นึกถึงเรื่องราวคืนนั้น สุดท้ายสมองและหัวใจไม่รักดีก็เอาแต่คิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ภาพความเร่าร้อนแสนน่ารัก กลิ่นกายหอมกรุ่นติดจมูก และเรือนร่างบอบบางแน่นหนึบ ทุกอย่างที่เป็นเธอยังคงฝังตราตรึงอยู่ในทุกประสาทสัมผัส จนเขาต้องมาตามหาอลิษาซึ่งเป็นคนเดียวที่จะเชื่อมไปถึงผู้หญิงคนนั้นได้
“อืม งั้นก็ได้ค่ะ เบอร์นี้นะคะ”
“เบอร์เดียวกับที่ผมมีเลยครับ แต่โทรไม่ติด”
พนักงานสาวพยักหน้ารับรู้ จะโทรไม่ติดได้อย่างไร เมื่อวานเธอยังโทรถามสารทุกข์สุกดิบกันอยู่เลย ที่เป็นแบบนี้แสดงว่าอลิษาคงบล็อกผู้ชายคนนี้ไปแล้ว
“เหรอคะ มีแค่เบอร์นี้เสียด้วยสิ”
“งั้นไม่เป็นไรครับ ถ้าอลิซมาที่นี่ หรือเจอใครที่รู้จักอลิซ รบกวนช่วยเอานามบัตรนี้ให้อลิซโทรกลับหาผมทีนะครับ มีเรื่องด่วนจริง ๆ ขอบคุณมากครับ”
เมื่อส่งนามบัตรให้พนักงานคนนั้นเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกจากร้านไปโดยที่ยังไม่ทันได้สั่งอะไรกินเลยสักเมนูเดียว ความผิดหวังที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด
เขามั่นใจว่าอลิษาบล็อกเบอร์โทรของเขา หรือไม่ก็เปลี่ยนเบอร์หนีไปแล้ว เพราะเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับมัสยาในคืนนั้นคงถึงหูเธอแล้วแน่ ๆ ก็สองสาวสนิทสนมกันออกจะปานนั้น ทั้งเสียดายและเสียใจที่ไม่ได้ขอโทษพวกเธอและไม่ได้อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย
แต่ในเมื่อพวกเธอไม่อยากติดต่อกับเขาอีกแล้ว ก็คงต้องยอมรับความจริง แล้วเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป แม้จะไม่ได้ง่ายดายปานนั้นเมื่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมันยังคงฝังใจ และเขาเองไม่สามารถลบเลือนความทรงจำเหล่านั้นไปได้เลย...สักวินาทีเดียว
“เย้ สอบเสร็จแล้ว ไปฉลองกันดีกว่าลิซ”ในที่สุด การเรียนในภาคเรียนแรกก็จบลง หลังจากวันที่มีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้น เธอสองคนก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนและทำงานหาเงินจนแทบไม่มีเวลาจะคิดอะไรเหมือนเดิม กลายเป็นว่าความผิดพลาดในคืนนั้นถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังจนแทบจะลืมมันไปแล้ว“แต่คืนนี้ยังต้องไปนอนคอนโดริวน่ะสิ”“ขอสักคืนไม่ได้เหรอ ที่ผ่านมาแกอ่านหนังสือโคตรหนักเลยนะ ให้แกไปฉลองสอบเสร็จแล้วนอนกับฉันสักคืนไม่ได้เลยหรือไง”“แกก็รู้ว่าหมอนั่นงกจะตาย”“ลองดูก่อนไหม”“อืม ก็ได้ จะโทรไปขอเดี๋ยวนี้แหละ”อลิษาโทรหาคิริวที่ตอนนี้มาจอดรถรอรับเธอยังจุดเดิมนานแล้ว เขากดรับสายอย่างรวดเร็วราวกับนั่งจ้องหน้าจอตลอดเวลาเพื่อรอให้เธอโทรหาอย่างไรอย่างนั้น“ไง สอบเสร็จแล้วใช่ไหม ฉันจอดรถรออยู่ที่เดิมนะ”“เอ่อ ริว คือฉันจะขออนุญาตไปฉลองกับเมี่ยง คืนนี้ก็จะนอนห้องเมี่ยงนะ ได้ไหม”“ได้ยังไง พรุ่งนี้วันเสาร์ เธอก็ต้องกลับไปนอนกับแม่ แล้วฉันรอเธอมาตั้งเกือบครึ่งเดือนแล้วนะยัยแม่มด ฉันจะลงแดงตายอยู่แล้ว จะให้น้ำฉันมันไหลออกมาทางหูเลยหรือไง”คิริวโวยวายเสียงดังลั่นรถ ใบหน้าถมึงทึงไม่พอใจ ก่อนสอบถึงสองสัปดาห์ เธอตั้งกฎไม่ใ
มัสยาที่นั่งกับพื้นพิงประตูห้องยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวก ๆ สูดลมหายใจลงปอดจนลึก กัดฟันแน่นแล้วลุกขึ้นยืน แม้ส่วนอ่อนไหวยังปวดแปลบร้าวรานจนต้องสูดปาก แต่เธอกลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดนี้มันช่วยตอกย้ำคนโง่อย่างเธอให้มีสติรู้ตัวไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวด้วยการตามกลับไปเอาเรื่องหมอนั่นเลย ทั้งที่รู้ว่าสองคนนั้นตั้งใจวางยา แต่เธอกลับมัวแต่โกรธจนประมาทเกินไปเสียดายความสาวที่ถูกทำลายลงไปราวกับของไร้ค่าด้วยน้ำมือผู้ชายเลวทรามคนนั้นแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขามันจะเริ่มจากตัวเธอที่ทนต่อความต้องการด้านมืดจากฤทธิ์ยาไม่ไหวจนลงมือยั่วยวนเขาให้ตบะแตก แต่นั่นมันก็เพราะยานรกของเขาทั้งนั้น“ไอ้สายฟ้า ชาตินี้อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย”เธอปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเรียกความมั่นใจกลับคืนมาแล้วรีบอาบน้ำล้างคราบคาวที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้เพื่อไปให้ทันเวลาเข้าเรียนในคาบบ่ายแต่เมื่อออกจากห้องน้ำเธอก็ทรุดฮวบลงนั่งบนเตียง ร่างกายบอบช้ำร้อนผ่าว ส่วนอ่อนไหวแสบขัดจนแทบจะหุบขาไม่ได้ จึงรีบหายากินแล้วนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ไปเรียนสายฟ้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นหลังจากที่หน้าอกหนั่น
“รู้ ฉันทรมาน ทำยังไงดี”ดวงตาสับสนตื่นกลัวช่างน่าสงสาร เขาไม่ได้ตั้งใจจะวางยาเธอ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว ก็เป็นความรับผิดชอบของเขาที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้“อดทนหน่อยเมี่ยง แช่น้ำอีกหน่อย”แม้รู้ว่าเพียงแค่แช่น้ำจะไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้ แต่ถ้าเขาทำอะไรเธอลงไป พรุ่งนี้เช้าเขาต้องตายแน่ ๆ“ไม่เอา ฉันไม่ไหวแล้ว”คนตัวบางคว้าท่อนร้อนมาจดจ่อที่ปากทางรักก่อนจะกดตัวลงช้า ๆ เพื่อครอบครองเขาทีละนิดจนมิดโคน“อ๊าย...เจ็บ”ร่างบางสั่นสะท้าน ร่องรักคับแน่นตอดรัดระรัวพร้อมพยายามผลักไสท่อนร้อนของเขาออกจากร่างกาย ทำให้รู้ได้ในทันทีเลยว่าเขาได้ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอไปเสียแล้ว“เมี่ยง...”“ฉันเจ็บ”เขามองใบหน้าสวยที่มีน้ำตาคลอเบ้า ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูสดสั่นระริก ช่างน่าสงสารจนหัวใจดวงโตอ่อนยวบ“เดี๋ยวจะดีขึ้น ฉันรับปาก”ตัดสินใจสอดมือเข้าล็อกต้นคอของเธอแล้วประกบปากละเลียดจูบอย่างเชื่องช้าฉ่ำหวาน ริมฝีปากสั่นระริกนั่นพยายามอย่างยิ่งที่จะจูบเขาตอบ ทั้งที่เงอะงะไม่เป็นงานเลยก็ตามที“เธอมันซวยจริง ๆ เลย เมี่ยง”สายฟ้าพึมพำเสียงกระเส่าในขณะที่ไต่จูบซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง สัมผัสวาบหวามเล่นงานจนผนังบอบบา
บารมีสั่งให้เพื่อนอีกคนนำเครื่องดื่มสีสวยที่เขาชงเองกับมือมาเสิร์ฟให้กับสองสาวและเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มอีกหลายคนอลิษาลังเลที่จะดื่ม เพราะหลายแก้วที่เธอดื่มไปทำเอาเธอมึนศีรษะไม่น้อย“ดื่มหน่อยน่า อลิซ ใกล้กลับแล้วนี่ครับ”“เอ่อ...”ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปฏิเสธ คนที่จอดรถรออยู่หน้าบ้านก็โทรหาเพื่อเตือนเวลาต้องกลับ“อีกห้านาที ตอนนี้ฉันอยู่หน้าบ้านแล้ว เตรียมตัวออกมาได้”“โอเค”อลิษากำลังจะกดวางสาย แต่บารมีก็โพล่งขึ้นเสียก่อน ทำให้เธอเงยหน้ามองเขาโดยลืมเรื่องที่จะกดวางสายไปเสียแล้ว“อลิซ อย่าเพิ่งรีบกลับสิ บอกให้เพื่อนกลับไปก่อนเถอะ นี่แค่สี่ทุ่มเอง เดี๋ยวให้ไอ้ฟ้าไปส่งก็ได้ หรือไม่ก็นอนที่นี่สิครับ บ้านไอ้ฟ้าออกจะใหญ่ ห้องนอนก็เยอะ”“เอ่อ เราไม่สะดวก พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”“งั้นก็ดื่มแก้วนี้ก่อนสิครับ แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะกลับหรือไม่กลับ”คิริวที่ยังถือสายฟังอยู่รู้สึกไม่ชอบมาพากลที่คนพวกนั้นคะยั้นคะยอให้อลิษาดื่มเครื่องดื่มแก้วนั้นให้หมด จึงรีบลงจากรถแล้วพรวดพราดเข้าไปในโซนงานเลี้ยงทันที“เราขอไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า เดี๋ยวกลับมาดื่มนะ”เธอเดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้นเพื่อเข้าห้องน้ำ โดย
แสงแดดยามสายส่องผ่านประตูกระจกซึ่งเปิดผ้าม่านเอาไว้มองเห็นระเบียงกว้างของห้องนอนในคฤหาสน์หลังใหญ่ ปลุกหญิงสาวแสนสวยที่หลับเป็นตายมาหลายชั่วโมงให้ตื่นขึ้นดวงตากลมแต่เรียวเล็กราวเมล็ดอัลมอนด์กะพริบถี่ ความรู้สึกบอบช้ำจากการเสียตัวครั้งแรกทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แรงขยับเพียงเล็กน้อยทำเอาจุดอ่อนไหวกลางกายสาวเจ็บแสบร้าวรานจนต้องสูดปากเบา ๆภาพความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาในสมองเป็นฉาก ๆ แม้จะมึนเมาเพราะฤทธิ์ยาเสียสาว แต่ความรู้สึกวาบหวามยังคงตราตรึงเมี่ยง มัสยา นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจชั้นปีที่สี่ สาวกำพร้าปากกัดตีนถีบสู้ชีวิตที่ทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอกแกร่งที่ให้เธอใช้หนุนนอนต่างหมอนมาทั้งคืน เขายังคงนอนหลับตาพริ้ม หายใจสม่ำเสมอ ริมฝีปากหยักได้รูปสีชมพูยกยิ้มเล็กน้อยราวกับกำลังฝันดี“บ้าฉิบ ซวยอะไรอย่างนี้วะ”คนตัวบางย่องลงจากเตียง จำได้ว่าเสื้อผ้าของตัวเองถูกถอดทิ้งอยู่ในห้องน้ำจึงรีบวิ่งเข้าไปในนั้น แต่สภาพของมันเปียกชุ่มทั้งชุดจนไม่สามารถใส่ได้ จึงขโมยเสื้อผ้าของคนบนเตียงมาใส่แก้ขัดแล้วรีบวิ่งลงจากคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งเงียบเหงาราวกับไม่มีคนอาศัยอยู