พี่บอกหรอว่าเราจะกลับโรงแรม 1/2
- 7 -
“เธอไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมครับ”
ฉันได้สติแล้วแต่เปลือกตามันไม่สามารถสั่งให้ขยับลืมขึ้นได้ดั่งใจเลยสักนิด หูได้ยินเสียงพี่ภูที่กำลังถามใครสักคน ไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหนหรือฉันเป็นอะไร และพี่ภูคุยกับใคร ฉันพยายามขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งนี่เพื่อให้เปิดขึ้นแล้วความพยายามของฉันก็สำเร็จ เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นกับเพดานสีขาวสะอาดตารอบห้องสีขาว ฉันขยับตัวเล็กน้อยและพบกับความเจ็บแปลบที่ข้อมือ เมื่อฉันยกมือขึ้นก็เห็นสายน้ำเกลือที่ระโยงระยาง ที่นี่คือโรงพยาบาลสินะ
“ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แค่ตากหิมะนานเกินไปและร่างกายปรับตัวไม่ทันเท่านั้นนอนพักผ่อนให้มากหน่อย พยายามอย่าให้ไข้ขึ้นก็พอครับ”
ฉันหันไปตามเสียงก็เห็นพี่ภูที่ยืนคุยกับคุณหมอด้วยใบหน้าแบบใดฉันมองไม่เห็น พี่ภูพยักหน้าให้คุณหมอครั้งหนึ่ง ก่อนที่พี่ภูจะหันมาก็เห็นฉันที่ได้สตินั่งมองพี่ภูกับคุณหมอตาแป๋ว พี่ภูเองก็สะกิดบอกคุณหมอทันที คุณหมอตรวจอาการเบื้องต้นฉันสักพักเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ก็อธิบายแนะนำอีกเล็กน้อยและเดินออกจากห้องพักไปเพื่อตรวจคนไข้คนอื่นต่อ พี่ภูเดินมานั่งข้าง ๆ มองหน้าฉันนิ่งไม่มีใครพูดอะไรสักคำมันก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยแฮะ
“หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ต้องพักผ่อน”
แล้วทำไมพี่ภูต้องทำหน้าหงิกเป็นปลาทูแม่กลองขนาดนั้นด้วยละเนี่ย หรือว่าเป็นเพราะฉันที่ทำให้เสียเวลาไม่ได้ไปเที่ยวหรือเปล่านะ ถึงได้อารมณ์เสียขนาดนี้หรือฉันจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไปจริง ๆ แค่อยากขึ้นไปแขวนกุญแจเอง
'ไอ้วิน ฝากบอกปันหยาด้วยพรุ่งนี้ไปเที่ยวกันได้เลย กูกับยาหยีคงไม่ได้ไปด้วยนะ'
'ตอนนี้ยาหยีอยู่ โรงพยาบาล มีไข้นิดหน่อยเพราะตากหิมะ'
พี่ภูพูดกับปลายสายด้วยน้ำเสียงติดฉุนเฉียวเล็กน้อย แต่สายตาอันคมกริบนั้นกลับมองมาที่ฉันอย่างคาดโทษ ประดุจฉันทำอะไรผิดที่ร้ายแรงมาก ๆ อย่างไรอย่างนั้น
'น่าจะอีกวัน สองสามวัน...ไม่ต้องมาเยี่ยมหรอก ถ้าออกโรงพยาบาลไม่ทันก็ฝากปันหยาไปเลื่อนตั๋วให้กูกับยาหยีด้วย'
'อืม ไว้เจอกัน'
พี่ภูกดวางสายแล้วถอนหายใจใส่ฉันเบา ๆ ทำเอาฉันรู้สึกผิดไม่ทันเลยนะ แง่!
“พี่ภูไปกับคนอื่น ๆ เถอะค่ะ หยีอยู่คนเดียวได้"
“ไม่ไป เราพักผ่อนเถอะ อีกห้าวันทุกคนจะบินกลับแล้ว พี่รอกลับพร้อมเรานี่แหละ ถ้าพี่กลับแล้วเราจะทำไง”
ฉันพยักหน้าให้พี่ภู แต่ในใจก็แอบเสียดายนิดหน่อยอุตส่าห์ได้มาเกาหลีทั้งที แต่กลับมาทริปล่มเพราะความดื้อด้านของฉันเอง แถมยังมาพาพี่ภูอดเที่ยวไปด้วยอีกต่างหาก ฉันล้มตัวนอนอีกครั้งขยับหันตะแคงมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างซึ่งตอนนี้มีหิมะตกโปรยปรายนิดหน่อยเท่านั้น ลบภาพหิมะที่ตกหนาแบบเมื่อวานไปสนิท คาดว่าหิมะคงจะหยุดในอีกไม่ช้านี่แหละนะ อยู่ ๆ ก็อยากร้องไห้ขึ้นมา ประเทศที่อยากมาแทบตาย เฮ้อ!
ตื๊ด ตื๊ด!
'ครับแม่ ภูอยู่โรงพยาบาลครับ เปล่าครับภูไม่ได้เป็นอะไร พอดีน้องที่ร้านไม่สบายนิดหน่อย'
'ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แต่ภูกับน้องน่าจะบินกลับหลังเพื่อน ๆ นะแม่'
'ทำไมแม่อยากรู้ละ ว่าใครไม่สบาย ปกติแม่ไม่เคยสนใจเด็ก ๆ ที่ร้านภูเลยนะ'
ฉันขยับหันหลังกลับไปมองพี่ภูที่กำลังคุยโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี จากที่ได้ยินคงเป็นแม่ของพี่ภูไม่ผิดแน่ ๆ พี่ภูเวลาคุยกับแม่น่ารักมากเลยดูใจดี ผิดกับเวลาคุยกับฉันสนิทเลย ยาหยีอยากร้องไห้
'น้องใหม่ครับแม่ ชื่อยาหยีน้องตากหิมะนานไปหน่อย เลยเป็นหวัดครับ'
พี่ภูคุยกับปลายสายที่เป็นคุณแม่ก็จริง แต่พอพูดถึงฉันแล้วสายตาก็หันมองมาที่ฉันจู่ ๆ สายตาและน้ำเสียงของพี่ภูก็เรียบนิ่งทันที ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าแม่พี่ภูคุยอะไร ทำไมถึงทำให้พี่ภูดูจริงจังขนาดนั้น และเมื่อฉันเห็นทีท่าไม่ดีฉันตัดสินใจหันหลังให้พี่ภูเหมือนเดิม พี่ภูนิ่งฟังปลายสายอยู่นานโดยที่ฉันไม่ได้ยินคำพูดใดออกมาจากพี่ภูเลยสักคำ จน..
'ภูทราบครับแม่ ภูรู้ว่ากำลังทำอะไร ภูไม่รู้ว่าแม่ทราบเรื่องนี้จากที่ไหน หรือมานานแค่ไหน แต่อยากให้แม่เชื่อใจภู'
สุดท้าย..ก็เป็นเธอ- 21 -“พี่ภูคะ เราเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหมคะ” ฉันหยุดเท้าที่กำลังเดินตามพี่ภูลง ทำให้ผู้ชายด้านหน้าเองก็หยุดชะงักพร้อมกันนั้นพี่ภูเองก็หันหน้ามามองฉันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จากคนขี้เล่น เป็นสายตาที่ดูจริงจังละกังวล“ทำไมยาหยีถึงถามเรื่องนี้กับพี่อีกแล้วคะ หรือไปรู้อะไรมาเหรอ” พี่ภูยืนนิ่งอยู่ที่เดิมถามฉันด้วยน้ำเสียงกังวล“ทุกครั้งที่ยาหยีถาม พี่ภูจะกังวลเรื่องนี้ทุกครั้ง พี่ภูดูมีพิรุธนะคะ มีอะไรอยากเล่าให้หยีฟังไหม” ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่า ไอ้ความฝันที่ผ่านมาตั้งแต่เด็ก ๆ หรือภาพที่เห็นมันคือเรื่องจริงหรือสิ่งที่ฉันมโนขึ้น จะบอกว่าเป็นเพราะความฝัน มันก็ดูจะไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากไม่มีเค้าโครงความจริงอะไร ทำไมพี่ภูไม่เคยปฏิเสธ“ยาหยีจะเป็นเจ้าสาวของพี่ภูคนเดียวเท่านั้น..คำนี้คุ้นไหมคะ”“...” ฉันเงียบฟังคำที่พี่ภูเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่งงเหมือนไก่ตาแตก และฉันมั่นใจว่านั่นมันคือความฝันที่ฉันฝันเห็นและได้ยินบ่อย ๆ แล้วทำไมพี่ภูเองถึงรู้ความฝันนั้นฉันได้ละ“ถ้ายาหยีโตขึ้น ยาหยีก็จะเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดของพี่คนเดียว ยาหยีสัญญาเลยค่ะ..คำนี้คุ้นไหมคะ”“...”“หนูตอบพี่สิ
ตัดสินใจยุติข้อห้าม- 20 -“พี่ภูคะ..พี่ภูกับหยี เคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหมคะ” ฉันสังเกตเห็นแววตาของพี่ภูที่สั่นไหวแบบแปลกไป แต่ก็เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น พี่ภูก็ปรับอารมณ์กลับมาได้ปกติ“หนูเป็นอะไรคะ เมื่อกี้พี่ตกใจมากรู้ไหม นั่งตัวแข็งทื่อ พี่เรียกก็ไม่หือไม่อือ จนพวกพี่จะโทรเรียกรถพยาบาลแล้วนะคะ” พี่ภูยังคงเอ่ยถามฉันด้วยท่าทางกังวล“น้องตกใจมากนะภู พาไปโรงพยาบาลก่อนไหม” พี่ปันหยาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างเรียบเฉย แต่น้ำเสียงแสดงออกถึงอาการเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดในน้ำเสียง“ทำไมพี่ ๆ มาอยู่ที่นี่กันได้คะ” ฉันที่พอจะรู้สึกตัวเองดีแล้ว หันมองพี่ ๆ ทุกคนหลังจากเอ่ยถามไปด้วยความไม่เข้าใจ เพราะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายคือฉันไม่ได้ลุกขึ้นไปเปิดประตู และพี่ภูเองก็นอนหลับอยู่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย“เรื่องนี้พี่ก็อยากรู้ค่ะ ว่าทำไมภูผากับยาหยีถึงมาอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสอง..หวังว่าแกจะจำสิ่งที่แกรับปากพวกฉันได้นะภูผา” พี่ปันหยาเอ่ยย้ำในสิ่งที่ทุกคนในห้องนี้รู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร ด้วยสายตาที่จริงจัง จนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานอยู
ความทรงจำที่หายไป- 19 -กว่าที่ฉันจะแกะมือปลาหมึกของพี่ภูออกมาได้ ก็เล่นเอาหอบเหนื่อยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพี่ภูนั้นเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา แต่พอฉันรวบรวมความกล้าที่มีตวาดลั่นดุพี่ภูอย่างจริงจัง ผู้ชายคนนี้ก็หน้าหงิกเป็นเด็กน้อยแล้วหันหลังใส่ฉันพร้อมกับนอนหลับไปเสียอย่างนั้นครืด!ฉันลุกขึ้นไปหยิบมือถือของตัวเองที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะกระจกขึ้นมา ก็เห็นว่าเป็นพี่มาวินที่โทรเข้ามาหลายสายแล้ว แต่เวลานั้นฉันกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย“ค่ะพี่มาวิน” ฉันกรอกเสียงลงไปอย่างรีบร้อน เพราะไม่รู้เลยว่าพี่มาวินมีธุระอะไรหรือไม่“น้องหยี ไอ้ภูอยู่ห้องน้องไหม มันเมาแล้วบอกจะกลับห้อง แล้วออกไปเลย พี่หามันไม่เจอ” ฉันฟังเสียงที่ตื่นตกใจของพี่มาวิน พร้อมกับมองบุคคลที่ถามถึงก่อนจะกดเปิดวิดีโอคอล แล้วชูหน้าจอไปที่คนที่หลับไม่ได้สติ“ไอ้ภู! พี่ก็วิ่งหามันทั่วคอนโด ไม่คิดว่ามันจะเมาแล้วเรื้อนขนาดนี้ งั้นพี่ฝากน้องหยีดูมันด้วยนะ พี่ลงมาข้างล่างแล้วคงไม่กลับขึ้นไปแล้ว” พี่มาวินร่ายยาว ใบหน้าแสดงอาการทั้งดมโห ทั้งขำ ปนเปกันไปหมด ฉันพยักหน้าให้เป็นการรับปากแต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้กดวางมือถือ เสียงของผู้หญิงที่แทร
สิบห้าปี..ยังหนีไม่พ้น- 18 -“ไอ้ภู! มึงกับน้อง..” พี่มาวินตาโต นิ้วชี้ค้างกลางอากาศ แต่มีหรือพี่ภูจะสนใจ ฉันเองได้แต่นั่งนิ่ง หยิบขนมมาเคี้ยว “ไอ้ภูเอ๊ย”“เลิกเรียกกูได้แล้ว จะกินมั้ยเหล้าอะ” พี่ภูเดินมาทิ้งตัวลงข้างฉัน ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นไปหยิบแก้วใสมาวางให้สองใบ พร้อมกันนั้นก็หยิบหอบข้าวของไปแกะใส่จานมาวางไว้ให้ทั้งคู่“งั้นหนูกลับห้องก่อนนะคะ” ฉันเอื้อมมือไปหยิบขนมอีกชิ้นในซองมาเคี้ยวก่อนจะทำท่าจะเดินออกจากห้อง “อ่อ..พี่ภูพรุ่งนี้ไปดูทำเลร้านพร้อมหนูไหมคะ ถ้าไปก็อย่าดื่มมากนะคะ”“ครับ” ผมยิ้มหวานให้เด็กสาว เธอเองก็ยิ้มตอบก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป“เล่า!” ทันทีที่ในห้องเหลือเพียงผมกับไอ้วิน วิญญาณนักข่าวก็เข้าสิงมันทันที“ก็อย่างที่มึงเห็น กูคบกับน้อง” ผมพูดจบพร้อมกระดกเหล้าเข้าปากอย่างสบายอารมณ์“แล้วเรื่องกฎของร้านมึงจะทำไง” ไอ้วินเองก็ถามคำ กินเหล้าคำพอ ๆ กับผม แต่จากสายตาของผม มันเองก็ดูเหมือนจะมีอะไรในใจเหมือนกัน“ก็ไม่ทำไง เดิมทีกูก็จะปรึกษาพวกมึงเรื่องนี้”“แล้วทำไมไม่ปรึกษา”“ยาหยีอยากออกจากที่ร้าน”“ทำไมวะ เพราะกฎนี้นะเหรอ เฮ้ย! มันต้องมีทางออกอื่น”“น้องอยากทำธุรกิจ
คนนี้ของยาหยี 2/2- 17 -เธอใช้สองมือลูบแก้มตัวเองป้อย ๆ แก้เขิน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากแกล้งเธอมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก“ไม่ชอบจริงเหรอ” ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนผู้หญิงด้านหน้า จนเธอหันมามองหน้าผมชัด ๆในจังหวะที่ประตูลิฟต์กำลังจะเปิดออก เธอเลือกที่จะหอมแก้มหนัก ๆ ของผมฟอดใหญ่ด้วยความเร็วและรีบวิ่งออกจากลิฟต์กลับไปทางห้องของตัวเองแบบไม่หันกลับมามองผมเลยสักนิด ผมยืนนิ่งอยู่ในลิฟต์เพียงชั่วครู่ก่อนจะเดินออกมายืนมองเธอที่รีบกดรหัสผ่านเข้าห้องไปด้วยความเอ็นดูติ๊ง!‘พี่ภูเป็นแฟนกับยาหยีนะคะ’ ผมเปิดอ่านข้อความที่มาจากคนตัวเล็กส่งมาหลังจากที่ผมทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มในห้องนอนของตัวเอง‘พี่ต้องเป็นคนขอไม่ใช่เหรอ’‘รอพี่ภูขอ หยีแก่ตายพอดี’'ยาหยี..เป็นแฟนพี่นะครับ’‘ตกลงค่ะ!’ผมได้แต่นอนยิ้มให้กับหน้าจอมือถือราวกับคนบ้า เราเริ่มสนทนากันมากขึ้น เริ่มศึกษานิสัยและความชอบของกันและกันมากขึ้น เวลาผ่านไปหลายเดือนที่เราใช้ชีวิตด้วยกันแบบไม่ได้บอกผู้ใหญ่หรือครอบครัว โดยเฉพาะกับคนที่ร้าน“พี่ว่าจะบอกไอ้วินกับปันหยา เรื่องของเรา” พี่ภูวางหนังสือที่กำลังอ่านลงบนหน้าอกพูดขึ้นในขณะที่ยังนอนหนุนตักของฉันที
คนนี้ของยาหยี 1/2- 17 -“คืออะไรกันคะ ทำไม..” ฉันได้แต่ยืนมองหน้าป้านภาสลับกับมองหน้าพี่ภู โดยที่ไม่รู้เลยว่าฉันจะต้องพูดหรือรู้สึกอย่างไร ป้านภาเป็นคนแนะนำให้ฉันมาสมัครที่ร้านนี้แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นร้านของใคร และพี่ภูคือลูกชายของป้านภาแต่ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้จักมาก่อนทั้งที่บ้านเราทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่ฉันจำความได้“ป้าก็อยากรู้ว่าทำไมเจ้าของรองเท้าเบอร์สามสิบแปดที่จอดหน้าห้องเจ้าภูถึงเป็นของหนูยาหยี” ป้านภามองหน้าฉันสลับกับพี่ภูอย่างต้องการหาคำตอบ แต่ยังเป็นแววตาที่เอ็นดูฉันเหมือนเดิม“มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดแน่นอนครับ พอดีผมขอให้น้องมาทายาให้เฉย ๆ”“ยา..ทายาอะไรลูกเป็นอะไร” ป้านภาตรงดิ่งเข้ามาหาพี่ภู จับลูกชายของเขาหมุนซ้ายหมุนขวา โดยที่ใบหน้าของพี่ภูยังคงดุตกใจเหลอหลาอย่างเห็นได้ชัด “ไหน”“แม่ครับ แม่ใจเย็น ๆ ก่อน ภูไม่ได้เป็นอะไรมาก” พี่ภูจับไหล่ของป้านภาก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มฟอดใหญ่“คุณ พาหนูหยีกลับเข้าไปในห้องก่อนเลยค่ะ” เสียงของหญิงสูงวัยหันไปเอ่ยกับผู้เป็นสามีที่ยืนเงียบ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร “หนูยาหยีเข้าห้องไปก่อนนะจ๊ะ ป้ามีเรื่องอยากคุยกับเราสองคน”ฉันนึกขึ้นได้จึงยกมือไหว้ป