Share

PLAYBOY : 2

Author: C
last update Last Updated: 2024-11-22 12:16:14

Pream Part

.

“แค่ก! แค่ก!”

ซ่า

“ทำไมมันเวียนหัวขนาดนี้” ฉันทิ้งร่างลงบนพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรงหลังจากล้างหน้าล้างตาจนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง สองสามวันมานี้ฉันลุกขึ้นมาอาเจียนตอนตีสี่ตีห้าทุกวัน ได้กลิ่นอาหารอะไรก็เหม็นไปหมด ตอนแรกคิดว่าเพราะพักผ่อนน้อย แต่พอลองนอนเยอะ ๆ เกินแปดชั่วโมงต่อวันแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม หรือว่าฉันกำลังป่วยเป็นอะไรร้ายแรง

เพราะความคิดในแง่ลบนั้นทำให้ฉันพาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงมาถึงโรงพยาบาลจนได้ และเพราะเป็นโรงพยาบาลเอกชนจึงไม่ต้องรอคิวนานก็ได้เข้าตรวจ

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ”

“หน้าคนไข้ดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ” แม้แต่หมอยังเอ่ยทัก ตอนนี้ฉันคงดูไม่จืดจริง ๆ “จากที่คนไข้แจ้งพยาบาลไว้คือเวียนหัว เบื่ออาหาร อาเจียน แค่นี้เหรอครับ”

“ใช่ค่ะ”

“ไม่ได้มีอาการท้องเสียร่วมด้วยใช่ไหมครับ”

“ไม่มีค่ะ”

“ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ”

“ประจำเดือนหรือคะ” ฉันรู้สึกกระดากขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อถูกถามแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ยอมตอบออกไปแต่โดยดี “น่าจะสองเดือนที่แล้วค่ะ”

“งั้นรบกวนคนไข้เก็บปัสสาวะมาให้หมอ จะได้ตรวจหาสาเหตุของอาการพวกนี้ได้มากขึ้น”

“คะ...ค่ะ” ฉันรับคำอย่างงง ๆ แต่ไม่ได้ติดใจอะไร แค่ตรวจปัสสาวะมันเป็นการตรวจขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว

“เชิญทางนี้ค่ะคุณพริมาตา”

“ค่ะ” ฉันเดินตามพยาบาลไปอย่างว่าง่าย พยาบาลสาวยื่นกระบอกเก็บตัวอย่างปัสสาวะให้ก่อนจะเดินมาส่งที่หน้าห้องน้ำ เพราะสภาพฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“เดี๋ยวดิฉันรออยู่ข้างนอกนะคะ เพราะหน้าคุณพริมาตาซีดมาก ถ้ามีอะไรส่งเสียงเรียกได้เลยค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” ฉันส่งยิ้มให้พยาบาลก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป จัดการทำธุระจนเรียบร้อยก็เดินออกมาพร้อมกับยื่นกระบอกเล็ก ๆ ให้พยาบาลที่ยังยืนเฝ้าอยู่จริง ๆ

“เดี๋ยวคุณพริมาตานั่งรอที่ห้องนี้นะคะ ได้ผลเมื่อไหร่คุณหมอจะเรียกเข้าไปพูดคุยเพิ่มเติม”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

“ยินดีค่ะ”

ฉันมองตามร่างบางในชุดสีขาวที่เดินจากไป ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปนั่งรอในห้องที่พยาบาลแจ้งไว้ ภายในห้องมีโซฟานุ่ม ๆ ให้นั่งได้สบายหลายตัว มีคนนั่งอยู่ในนั้นเพียงคนเดียว เครื่องปรับอากาศที่เปิดในอุณหภูมิที่พอดี และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของห้องทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย ฉันเอนตัวลงบนโซฟาและหลับตาลง อาการเวียนหัวดีขึ้นจนนึกอยากอยู่ในห้องนี้ไปนาน ๆ

ผลัก!

เสียงเปิดประตูทำให้ฉันอดหันไปมองไม่ได้ ผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่ฉันคับคล้ายคับคลาว่าเคยเห็นในทีวีมาก่อนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด เธอเดินผ่านฉันและไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่ฉันเห็นก่อนหน้านี้

“หมอว่าไง”

“ฉันท้อง”

“ท้อง!” ผู้ชายที่นั่งอยู่ลุกพรวดขึ้นทันที เขาตะโกนเสียงดังลั่นเหมือนลืมว่าในห้องนี้มีฉันอยู่ด้วย ทั้ง ๆ ที่ตอนที่ฉันเปิดประตูเข้ามาเขายังส่งยิ้มให้ฉันอยู่เลย

“ใช่ ท้องได้หกสัปดาห์แล้ว”

“ท้องกับใคร”

“ว่ายังไงนะ!”

“ฉันถามว่าท้องกับใคร” เสียงของผู้ชายลดระดับลง แต่ถึงอย่างนั้นในห้องที่เงียบกริบแบบนี้ฉันก็ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดชัดเจนอยู่ดี

“ทำไมถามหมา ๆ แบบนี้ ฉันนอนกับคุณคนเดียว แล้วจะให้ฉันท้องกับหมาที่ไหน!!”

“ใครจะไปรู้ เธออาจจะท้องกับคนอื่นแล้วโยนให้ฉันเพราะอยากจับฉันก็ได้” คำพูดนั้นทำให้ฉันหายใจเข้าออกแรง ๆ รู้สึกโกรธแทนผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาดื้อ ๆ ผู้ชายคนนี้หน้าตาดี แต่งตัวก็ดี แต่กลับพูดจาไม่ให้เกียรติเพศแม่ตัวเองแบบนี้ ต่อให้สวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงแค่ไหนไม่ได้ทำให้ดูดีขึ้นเลย

“คุณ...ว่ายังไงนะ” เสียงของผู้หญิงเบาลงและเจือด้วยแววสะอื้น ฉันนึกสงสารจนอยากลุกขึ้นไปดึงเธอออกมาจากผู้ชายแบบนั้น แต่ก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องของฉัน ขืนยื่นมือเข้าไปยุ่งจะโดนด่าว่าสอดไม่เข้าเรื่องเปล่า ๆ

“ตามนั้น ขี้เกียจพูดซ้ำ”

“ทำไมคุณใจร้ายแบบนี้ เขาเป็นลูกคุณนะ!”

“ฉันไม่มีทางเชื่อจนกว่าจะได้ตรวจดีเอ็นเอ เธอจะยอมอุ้มท้องจนเก้าเดือนเพื่อรอตรวจไหมล่ะ หรือถ้าไม่มั่นใจก็เอาเด็กออกซะ จะได้ไม่ต้องท้องโย้ให้ขายขี้หน้าคนทั้งวงการ” คำพูดเหมือนชีวิต ๆ หนึ่งไร้ค่าทำให้ฉันทนไม่ไหว ฉันลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่และหันไปหาสองคนที่ยังยืนเถียงกันไม่จบไม่สิ้น แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

“คุณพริมาตา เชิญที่ห้องตรวจค่ะ”

“...”

“นี่มีคนอยู่ด้วยเหรอ ถ้าเขาจำฉันได้จะทำยังไง” ผู้หญิงสวย ๆ คนนั้นรีบกระเป๋าราคาแพงขึ้นบังหน้าตัวเองทันทีเมื่อรู้ว่าฉันอยู่ในห้องด้วย ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่คงเป็นคนที่มีชื่อเสียงพอสมควร ฉันมองท่าทีของเธอก่อนจะเดินจากมา ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่คิดเอาเด็กออกเพราะผู้ชายห่วย ๆ คนหนึ่งไม่ยอมรับผิดชอบ หรือเพราะห่วงชื่อเสียงของตัวเองก็แล้วกัน

“เชิญนั่งครับ”

“ค่ะ”

“สีหน้าดูดีขึ้นมากนะครับ” หมอบอกด้วยรอยยิ้ม

“ค่ะ เป็นปกติที่สาย ๆ หน่อยจะหายเวียนหัว”

“ปกติแล้วคุณพริมาตาทานข้าวตรงเวลาไหมครับ”

“ตรงค่ะ” ถ้าไม่ยุ่งมากเกินไปฉันจะพยายามไม่กินข้าวผิดเวลา เพราะไม่ชอบเวลาตัวเองป่วยเท่าไหร่ ตอนไปอยู่ต่างประเทศเวลาป่วยฉันต้องดูแลตัวเองเลยทำให้ขยาด อะไรที่ทำแล้วสุขภาพดีฉันเลือกที่จะทำดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง ยกเว้นสองสามวันมานี้ที่ฉันกินข้าวเช้าไม่ค่อยได้ แค่ได้กลิ่นก็พาลให้คลื้นไส้ไปหมด

“หลังจากนี้ก็รักษาสิ่งที่ทำไว้นะครับ ร่างกายจะได้แข็งแรง”

“สรุปแล้ว...ฉันป่วยเป็นอะไรเหรอคะคุณหมอ”

“ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรครับ” ฉันยิ้มออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น ที่เป็นแบบนี้คงเพราะพักผ่อนน้อยไปจริง ๆ หลังจากนี้คงต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น อีกสองวันคุณย่าก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วคงไม่ต้องแวะไปที่นั่นหลังเลิกงานทุกวันเหมือนเคย เวลาพักผ่อนมากขึ้น อาการพวกนี้คงหายไปเอง “แต่...”

“คะ” ฉันหุบยิ้มทันทีเมื่อรู้ว่าหมอยังพูดไม่จบ อยู่ดี ๆ หัวใจฉันก็เต้นแรงขึ้นมาดื้อ ๆ ใบหน้าของหมอเต็มไปด้วยรอยยิ้มบ่งบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ทำไมฉันรู้สึกกลัวแบบนี้....

“ยินดีด้วยนะครับ คุณตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว”

"...คะ..." ประโยคแสดงความยินดีนั้นทำให้สมองฉันโล่งไปหมด ฉันมองหน้าหมอแทบไม่กระพริบตาเพื่อหาว่าอีกฝ่ายกำลังล้อเล่นอยู่หรือฉันแค่ฝันไป แต่เสียงเรียกของอีกฝ่ายก็ทำให้ฉันรู้ว่าทุกอย่างมันคือความจริง

“คุณพริมาตาครับ”

“คะ...มะ...เมื่อกี้คุณหมอ ว่ายังไงนะคะ”

“หมอบอกว่าคุณพริมาตาตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้วครับ อาการที่คุณเป็นเป็นอาการปกติของคนท้อง ช่วงสามสี่เดือนแรกจะหนักหน่อย แต่ถ้าพ้นไปได้จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ” หูฉันดับไปตั้งแต่ที่หมอยืนยันว่าฉันกำลังท้องจริง ๆ แล้ว ฉันเผลอเอามือวางบนหน้าท้องที่ยังแบนราบไม่รู้ถึงการเติบโตของสิ่งมีชีวิตในนั้นอย่างลืมตัว น้ำตามากมายจากไหนไม่รู้ไหลลงมาไม่ขาดสาย ฉันสับสนและตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยร้องไห้ออกมาจนหมอรีบถามด้วยความกังวล

“คุณพริมาตา ไม่เป็นไรนะครับ”

“คุณหมอคะ ผลไม่ได้ผิดพลาดใช่ไหมคะ” ฉันถามออกไปเสียงสะอื้น แม้จะรู้ดีว่าโรงพยาบาลที่ฉันนั่งอยู่นี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนราคาแพงที่มีเครื่องมือครบครันและแม่นยำที่สุดในประเทศ แต่มันก็อดถามออกมาไม่ได้จริง ๆ ฉันยังมีความหวังว่าเรื่องที่ได้รู้วันนี้จะเป็นแค่เรื่องที่เข้าใจผิด ฉันจะไม่โกรธและไม่ตำหนิโรงพยาบาลเลยถ้ามันเป็นแบบนั้น

“ไม่ผิดแน่นอนครับ เครื่องมือของเราทันสมัยและแม่นยำ หรือถ้าคุณพริมาตาไม่แน่ใจ ให้หมอส่งไปอัลตร้าซาวด์​ที่แผนกสูตินารีแพทย์ดีไหมครับ”

“คือ...” ฉันมองหน้าหมอทั้งน้ำตา ใจหนึ่งฉันก็กลัว แต่อีกใจก็อยากรู้ให้แน่ชัดไปเลย “ก็ดีค่ะ”

ตอนหน้าไปอัลตร้าซาวด์หลานกันนะคะทุกคน เรื่องนี้ไม่ดราม่าจ้า อ่านสบาย ๆ เป็นเรื่องที่ดราม่าน้อยที่สุดในบรรดาสี่เรื่องแล้ว

คอมเมนต์ติชมได้เหมือนเดิม หรืออย่างน้อยกดไลค์ให้ไรท์ก็ได้ค่ะเพื่อเป็นกำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่รอกัน ไรท์ป่วยค่ะเลยหายไป ตอนนี้จะกลับมาอัพปกติไม่หยุดปีใหม่แล้ววว คิดถึงทุกคนม๊าก ๆ เลยนะคะ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   ตอนพิเศษ : วันของเรา

    Chris Part . ข้อดีของความรักที่ไม่ได้เริ่มจากร้อย คือเวลาผ่านไปมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด . เช้าวันเสาร์ วันนี้พอใจและพีทไปนอนที่บ้านพ่อและแม่ของพรีม ส่วนน้องพอร์ชก็ไปนอนที่บ้านของป๊ากับหม่าม้า เท่ากับว่าวันนี้เราสองคนจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันแบบที่ไม่มีลูกอยู่ด้วย ผมรักลูกมากนะ แต่เพราะผมกับพรีมแต่งงานกันตอนที่พรีมท้องแล้ว เพราะฉะนั้นมันน้อยมากจริง ๆ ที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมเลยจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ไว้ให้มากที่สุด ผมมองคนขี้เซาที่ยังหลับอยู่ เมื่อคืนพรีมนั่งคิดงานจนดึกดื่น ผมรอจนหลับไปเลยไม่รู้ว่าพรีมเข้านอนตอนไหน แต่ดูจากขอบตาที่คล้ำลงเล็กน้อยก็ทำให้รู้ว่าคงดึกพอสมควร ช่วงนี้พรีมกำลังจะเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ พรีมเลยทำงานหนักกว่าปกติ ไหนจะต้องเลี้ยงลูกที่ยังเล็กทั้งสามคนอีก เราสองคนไม่ได้มีเวลาพูดคุยหรือสวีทกันเลย สองเดือนแล้วมั้ง เมคเลิฟครั้งล่าสุดของเรา ผมก้มลงไปหอมแก้มนิ่มเบา ๆ โดยที่ไม่รบกวนคนที่นอนหลับสบายอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ ย่องลงจากเตียงและเดินออกมาที่สวนหน้าบ้าน ออสก้าพอเห็นผมปุ๊ปมันก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาทันที “โฮ่ง!” “

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   ตอนพิเศษ : ไปโรงเรียนวันแรก

    เวลาเดินเร็วจนใจหาย เผลอแปปเดียวพอใจและพีทก็ต้องเข้าโรงเรียนแล้ว คริสปรึกษากับพรีมค่อนข้างจริงจังสำหรับเรื่องนี้ ทั้งอายุที่ควรให้ลูกเข้าอนุบาลหนึ่ง หรือโรงเรียนที่จะให้ลูกเรียน แต่ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าช่วงสามถึงห้าขวบจะหาครูมาสอนเด็ก ๆ ที่บ้านเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าโรงเรียนจริง และให้ลูกเริ่มเข้าอนุบาลหนึ่งตอนห้าขวบ คริสเครียดหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเขาเคยอ่านเจอมาว่าถ้าส่งลูกเข้าเรียนเร็วไปก็ไม่ดี เด็ก ๆ จะยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ครูก็ไม่ใช่พ่อแม่ที่จะรักและดูแลเด็กได้ดีเท่ากับพ่อแม่แท้ ๆ เขาปรึกษากับพรีม พ่อแม่ของพรีม พ่อแม่ของตัวเอง รวมถึงเพื่อน ๆ ในกลุ่มอยู่หลายเดือน และสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าห้าขวบคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ส่วนโรงเรียนเนตั้นเป็นคนแนะนำมา ซึ่งพอได้เข้าไปเดินดูและพูดคุยกับครูหลาย ๆ ครั้งก็ทำให้เขารู้สึกพอใจมากกับโรงเรียนนี้ เมื่อได้โรงเรียนที่ถูกใจแล้วเขาก็สมัครให้ลูกเสร็จสรรพ เพียงไม่นานก็ถึงวันแรกที่ลูก ๆ ต้องไปเรียน เช้าแรกของการพาลูกไปโรงเรียนวุ่นวายเสมอ เขาได้รู้ซึ้งถึงการเป็นพ่อจริง ๆ เมื่อตอนที่ลูกงอแงไม่ยอมตื่นนี่แหละ “พอใจขา ตื่นได้แล้วลูก” “...” เงียบ ไ

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : Epilogue

    Chris Part . สองปีต่อมา . ผมได้แต่คิดว่าบางทีเวลามันก็เดินไวเกินไป เหมือนผมกระพริบตาแค่ครั้งเดียว เวลาก็ล่วงเลยมาสองปีแล้วหลังจากที่ได้ยินคำว่ารักจากพรีม ตอนนี้เราทั้งครอบครัวย้ายกลับมาอยู่ที่ไทยถาวรได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว เลยกำหนดที่ควรกลับไปสี่เดือนกว่า เพราะอาชีพของพรีมกำลังเติบโต ผมเลยไม่คิดจะเร่งรัดเธอและเฝ้ารออย่างอดทน พรีมขอเวลาเพิ่มอีกสี่เดือน ผมได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับว่ารอได้ ก็ผมรอเธอมาสองปีแล้ว ทำไมจะรอต่ออีกสี่เดือนไม่ได้ และเมื่อครบสี่เดือนปุ๊ป เราก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยทันที และเนื่องจากความไม่ลงตัวของสองบ้าน ที่อยากให้ผมและพรีมรวมถึงลูก ๆ ไปอยู่ด้วย ผมเลยตัดสินใจสร้างบ้านของตัวเองขึ้นมา และสัญญากับพวกท่านว่าจะพาหลานกลับไปนอนบ้านทุกอาทิตย์สลับกันไป พวกท่านฮึดฮัดนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยอมตามใจผมและพรีมแต่โดยดี ผมจัดการเรื่องบ้านตั้งแต่ลูกอายุหนึ่งขวบ พรีมให้ผมเป็นคนตัดสนใจเกือบทั้งหมด เพราะผมมีความรู้เรื่องนี้ ส่วนพรีมจะช่วยตัดสินใจแค่บางอย่างเท่านั้น บ้านหลังนี้จึงเป็นบ้านที่ค่อนข้างมีกลิ่นอายของผมอยู่มาก แต่ดูเหมือนว่าพรีมเองก็พอใจกับมันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะพื้

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : 47

    Pream Part . “ตื่นเต้นไหมพิมมี่” เสียงของนิโคลัสทำให้ฉันละความสนใจจากงานตรงหน้าและหันกลับไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้เขา “ถ้าบอกว่าไม่เลยค่ะ ฉันไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่นิดเดียว แบบนี้บอสจะเชื่อฉันไหมคะ?” “ไม่มีทาง แฟชั่นโชว์แรกของผมตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลม คุณจะมาแข็งแกร่งกว่าผมไม่ได้นะ” นิโคลัสตอบกลับขำ ๆ และคำพูดของเขาก็ทำให้ฉันหัวเราะออกมาจนได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่นิโคลัสก็มักจะผ่อนคลายความเครียดและความกังวลให้คนอื่นได้เสมอ เขาเก่งเรื่องนี้จริง ๆ “ตื่นเต้นค่ะ แต่ตอนนี้หายตื่นเต้นนิดหนึ่งแล้วเพราะได้คุยกับบอสนี่แหละ” นิโคลัสขำออกมาเสียงดัง ฉันไม่ได้พูดเกินจริงหรืออยากจะยอเขา แต่เพราะพอได้คุยกับนิโคลัสฉันก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นจริง ๆ เรายืนคุยกันได้ไม่นานนิโคลัสก็ถูกตามตัว เขาหันมาชูกำปั้นให้ฉันเป็นเชิงว่าให้สู้ ๆ ก่อนจะเดินตามทีมงานไป ฉันหันกลับมาดูชุดที่เตรียมไว้ให้นางแบบใส่อีกครั้ง มองผลงานของตัวเองด้วยความชื่นใจ กว่าเก้าเดือนที่ฉันลงแรงไปกับมัน วันนี้ผลงานของฉันกำลังจะเปิดเผยให้คนอื่นได้เห็นแล้ว แม้คอลเลคชั่นนี้จะเปิดตัวภายใต้แบรนด์ของนิโคลัส แต่นิโคลัสก็ให้เครดิตฉันร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาใช

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : 46

    Pream Part . หนึ่งเดือนต่อมา . “น้องพีท หนูจะเอาอะไรคะลูก หืม... มองน้าไม่หยุดเลยนะคะ” ฉันหัวเราะออกมาเมื่อนับดาวเอาแต่ชวนน้องพีทคุยไม่หยุด น้องพีทกลับมาอยู่ที่บ้านได้สามวันแล้ว พอรู้เรื่องทุกคนก็รีบบินมาเยี่ยมหลานทันที ร่างกายของน้องพีทเติบโตขึ้นเร็วมาก จนคิดไม่ถึงว่าเด็กแก้มกลมคนนี้จะเคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาก่อน ตอนนี้น้องพีทกลายเป็นเด็กสดใสและคุยเก่งอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเพราะว่าเขาอยู่โรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน เวลาเจอคนเยอะ ๆ เลยตื่นเต้นและคอยแต่จะร้องเรียกหาไม่หยุด ในขณะที่พอใจกลับติดแค่พ่อและแม่มากขึ้น ไม่ค่อยเล่นกับคนอื่น ๆ เหมือนตอนแรก ๆ แล้ว ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ใช่... ในที่สุดพอใจกับคริสก็เข้าขากันได้ แม้จะชอบแหย่กันมากกว่ารักกันก็ตาม... แต่ทุกวันนี้คริสสามารถช่วยฉันกล่อมพอใจนอน ช่วยอาบน้ำ และเปลี่ยนผ้าอ้อมให้พอใจได้โดยที่พอใจไม่โยเยแล้ว เขาแบ่งเบาฉันได้เยอะมากเลยทีเดียว ช่วงสองอาทิตย์ก่อนที่น้องพีทจะออกจากโรงพยาบาล หมอมิเชลให้ฉันลองเอาน้องพีทเข้าเต้า เพราะฉันแจ้งกับหมอไปว่าต้องการให้น้องพีทดื่มนมจากเต้าเป็น วันแรก ๆ น้องพีททำไม่เป็นเลย ฝึกกันอยู่หลายวันจนสุดท้า

  • PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด   PLAYBOY : 45

    Chris Part . “ฉันรักเธอ” “เรื่อง...จริงเหรอ” “เรื่องจริง” ผมยืนยันหนักแน่น “ฉันไม่ได้พูดเพื่อให้เธอหายโกรธ ฉันถามตัวเองมาทั้งคืนแล้ว และคำตอบที่ได้ก็อย่างที่ฉันบอกไป ว่าฉันรักเธอ” พรีมเงียบไป เธอมองหน้าผมนิ่ง ๆ ผมเองก็มองเธอกลับไม่คิดจะหลบตา ผมรู้ดีว่าทั้งประวัติที่ผ่านมาของผม และเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อคืนอาจจะทำให้พรีมไม่มั่นใจ แต่ผมไม่เคยโกหกความรู้สึกตัวเอง ผมไม่คิดจะพูดคำว่ารักออกไปเพียงเพื่อให้พรีมหายโกรธ แต่ผมพูด เพราะผมรู้ตัวแล้วว่าผมรักเธอจริง ๆ “เธอยังไม่เชื่อว่าฉันรักเธอก็ไม่เป็นไร แต่อย่าพูดเหมือนไม่หวงฉันแบบนี้ได้ไหม ฉันเสียใจนะรู้ไหม” พอเห็นว่าพรีมเริ่มอ่อนลงผมก็ใช้ลูกอ้อนทันที ผมใช้วิธีนี้อ้อนหม่าม้าเวลาทำให้หม่าม้าโกรธอยู่บ่อย ๆ ซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่าการพูดด้วยเสียงอ่อน ๆ ทำหน้าตาให้น่าสงสารแบบนี้ ใช้ได้ผลกับหม่าม้าทุกครั้ง รวมถึงพรีมด้วย เพราะตอนนี้พรีมกำลังยิ้มออกมาทั้ง ๆ ที่ตาแดง จมูกแดงจากการร้องไห้ก่อนหน้า แต่เพียงแค่ครู่เดียวเธอก็กลับไปทำหน้านิ่งอีกครั้ง “แล้วนายจะอธิบายเรื่องผู้หญิงคนนั้นยังไง ฉันเห็นรูปที่นายจูบกับเธอด้วย” “อย่าใช้คำว่าฉันจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status