แชร์

09 - น้องสาวที่รัก

ผู้เขียน: WangFei
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-29 21:25:41

ทั้งสองพี่น้องอยู่สนทนากันสักพัก กูกูใหญ่ของวังก็มารายงานว่าลู่อ๋องนั้นกลับจากวังหลวงแล้ว เฟิ่งอี้จึงจำเป็นต้องลากลับก่อนตามมารยาท ส่วนเฟิ่งหรั่นก็ต้องทำหน้าที่ในฐานะภรรยา จัดหาของว่างและอาหารตระเตรียมให้ผู้เป็นพระสวามีของนาง

          แต่ทว่าแทนที่เฟิ่งอี้จะรีบกลับ นางกลับเลือกที่จะเดินชมนกชมไม้ในสวนของวังอ๋องอย่างถือวิสาสะ ด้วยถือว่าพี่สาวนั้นมีศักดิ์เปนพระชายาเอกของลู่อ๋อง นางย่อมทำสิ่งใดก็คงไม่มีใครมาห้ามปรามนางแน่ นางจึงเดินชมนกชมไม้อย่างเพลิดเพลินใจ

          ลู่อ๋องที่เดินทางกลับมาถึงวัง เห็นน้องสาวของชายาตนเองกำลังเดินเล่นอยู่ในอุทยานจึงเข้าไปทักทายในฐานะพี่เขยของนาง

          “อ๊ะ!” เฟิ่งอี้ที่ไม่ทันระวัง นางเดินถอยหลังชนเข้ากับแผงอกของลู่อ๋องจนเกือบเซล้มลง แต่โชคดีนักที่ลู่อ๋องคว้าเอวของนางเอาไว้ได้ทัน ทั้งสองหันมาสบตากันเพียงชั่วขณะหนึ่ง หัวใจของเฟิ่งอี้เต้นแรงไม่เป็นส่ำยามได้สบสายตาคมปลาบของลู่อ๋องหรืออ๋องเก้า

          “อะ เอ่อ...” ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันที เฟิ่งอี้ตะกุกตะกักด้วยความเขินอาย “หม่อมฉันขอประทานอภัยด้วยเพคะ พอดีมาเยี่ยมพี่สาว แต่

ว่าเห็นอุทยานที่นี่ร่มรื่นนัก เลยมาเดินชมเพคะ”

          ลู่อ๋องยิ้มกับความเก้อเขินของนาง เขาส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้อีกฝ่ายอย่างจงใจ “เอาเถิด ที่นี่ก็เหมือนบ้านเจ้า เจ้าเป็นน้องสาวของชายาข้า ข้าไม่ว่าอันใดเจ้าหรอก”

          เฟิ่งอี้เกลี่ยผมทัดใบหูด้านหลังด้วยความขวยเขิน นางหลบสายตาซ่อนรอยยิ้มความพึงพอใจเอาไว้ ก่อนจะย่อกายคำนับแล้วลากลับไป ลู่อ๋องหันหลังมามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มแฝงประกายบางอย่าง แล้วเดินไปหาเฟิ่งหรั่นชายารักที่ตำหนักของนาง

          นานร่วมเก้าเดือนที่ลู่เฟยหลงประทับอยู่ที่จงโจว เขายึดเมืองจงโจวเป็นที่ตั้งฐานของกองทัพตนเองในฐานะผู้ชนะสงคราม ซึ่งฮ่องเต้ผู้เป็นพระเชษฐาก็มิได้ว่ากล่าวอันใด เนื่องจากเข้าพระทัยดีถึงความรู้สึกของพระอนุชาในตอนนี้ว่าเป็นอย่างไร ให้เขาอยู่แดนไกลดีกว่าต้องกลับมาเห็นภาพที่เจ็บปวดยามลู่อ๋องพาเฟิ่งหรั่นมาเข้าเฝ้า

          เสียงทหารฝึกดาบกันในค่ายดังขึ้นเป็นระยะอย่างแข็งขัน หัวหน้าครูฝึกของกองทัพแต่ละหน่วยต่างคุมเข้มฝึกทหารอย่างจริงจัง ลู่เฟยหลงเดินออกมาชมการฝึกด้วยตนเอง ทุกคนเมื่อเห็นองค์รัชทายาทเสด็จมาก็รีบหยุดการซ้อมแล้วถวายความเคารพทันที

          “องค์รัชทายาท...” หัวหน้าครูฝึกเดินเข้ามาเอ่ยด้วยวาจาพินอบพิเทา เขาเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อเห็นแววตาดุดันและท่าทีทรงอำนาจของอีกฝ่าย โบราณเขาว่าเอาไว้ก้นเสือนั้นลูบเล่นไม่ได้7 เห็นทีจะเป็นเรื่องจริง เพราะแววตาและท่าทีทรงอำนาจทำให้เขาดูน่าเกรงขามไม่น้อย แม้แต่เหล่าทหารก็รู้สึกเช่นนั้น

          “การฝึกทหารใหม่วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยถามหัวหน้าครูฝึกเสียงเข้ม แววตาคมปลาบทอดมองไปยังเหล่าบรรดาทหารที่กำลังฝึกปรืออาวุธยืนตรงต่อหน้าเขา บางส่วนล้วนเป็นทหารเก่าและบางส่วนก็คือทหารใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างเข้มงวด ดังนั้นวันนี้เพื่อระบายความรู้สึกมากมายในใจตลอดเก้าเดือน เขาควรได้ประลองอาวุธเพื่อระบายทุกสิ่งในใจออกมา

          หัวหน้าครูฝึกเอ่ย “เป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาใดพะยะค่ะ”

          ลู่เฟยหลงยกยิ้ม “อืม งั้นก็ดี วันนี้ข้าต้องการทดสอบทหารใหม่ในสังกัดของเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ขัด จัดหาทหารในกลุ่มนี้ที่ฝีมือดีที่สุดมาประลองกับข้า”

          หัวหน้าครูฝึกลอบกลืนน้ำลายลงคอ ทั่วทั้งแผ่นดินจงหยวนนี้ล้วนทราบกันดี กิตติศัพท์ขององค์รัชทายาทเป็นดั่งเทพสงครามไป๋หู่แห่งทิศตะวันตกของกองทัพสวรรค์ ทหารแต่ละคนสีหน้าเลิ่กลั่กด้วยเพราะรู้ซึ้งในกิตติศัพท์ของลู่เฟยหลงว่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งยากจะล้มยิ่ง หากผู้ใดได้ประมือกับเขามิแคล้วต้องมีสภาพบาดเจ็บที่น่ากลัว แต่หากคิดในทางกลับกันก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ได้ประลองฝีมือกับยอดนักรบแห่งแคว้นเหลียว

          หัวหน้าครูฝึกต่างเห็นใจบรรดาทหารเก่าและใหม่ของตนเอง มีแต่ทหารรุ่นก่อนหน้านี้เท่านั้นที่เคยมีโอกาสประมือกับลู่เฟยหลงมาแล้ว แต่ทหารที่อยู่ตรงหน้านี้พวกเขาล้วนไม่เคยทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ประสบการณ์การใช้อาวุธยังไม่เยอะเท่าที่ควร

          “ในกองทัพของเจ้า ไม่มีทหารที่มีความสามารถเลยรึ?” ลู่เฟยหลง

ถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง สายตาคมมองครูฝึกอย่างตำหนิ

          หัวหน้าครูฝึกหลุบตาต่ำลงอย่างอับอาย

          “ถ้าหากไม่เป็นการบังอาจ กระหม่อมจะขอท้าประลองกับพระองค์เองพะยะค่ะ” เสียงของนายทหารกล้าผู้หนึ่งดังขึ้น เขากล่าวอย่างมั่นใจ ท่าทางองอาจ รูปร่างสูงสง่าดังเช่นองค์รัชทายาทในตอนนี้

          ลู่เฟยหลงมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา แล้วถาม “เจ้ามีนามว่ากระไร”

          ทหารผู้นั้นค้อมศีรษะกล่าว “กระหม่อมมีนามว่าจูเชว่พะยะค่ะ”

          ลู่เฟยหลงยกยิ้มอย่างพึงพอใจ อย่างน้อยชายผู้นี้ก็คงเป็นคู่ประลองที่สมน้ำสมเนื้อกับเขาที่สุด

          “จูเชว่ เป็นทหารที่ฝีมือดีที่สุดในบรรดาทหารกลุ่มนี้พะยะค่ะ ขอพระองค์ทรงปราณีเขาด้วยเถิด อย่างไรเสีย...” ยังไม่ทันที่หัวหน้าครูฝึกจะกล่าวจบ ลู่เฟยหลงกล่าวตัดบทขึ้นมาน้ำเสียงเด็ดขาด

          “ไม่ต้องกล่าวอันใดให้มากความ ในเมื่อเขาอาสาประลองกับข้าเอง ก็ไม่ต้องคิดยั้งมือ ทหารในสังกัดกองทัพของข้าทุกคนล้วนอ่อนแอไม่ได้ หากอ่อนแอต้องอ่อนนอกแต่แข็งใน ไม่มีทางปราณีต่อศัตรูเด็ดขาด” คำกล่าวอันเด็ดขาดของลู่เฟยหลงทำให้จูเชว่ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย

          “ให้เจ้าเลือกอาวุธที่เจ้าถนัดมือมาที่สุด ส่วนข้า...จะใช้ทวนนี้สู้กับเจ้า” ลู่เฟยหลงหยิบทวนที่ตั้งตรงอยู่บนที่วางอาวุธ ก่อนจะถอดเสื้อเกราะสีเงินออก เผยให้เห็นแผงอกกำยำสมส่วน ไหล่หนาผึ่งผายที่บ่งบอกว่าผ่านการออกกำลังกายมากมากเพียงใด กล้ามท้องที่เรียงเป็นลอนสวยงามและรอยบาดแผลบางอย่างจากแผ่นหลังทำให้เหล่าทหารต้องหลบสายตาหนี

          จูเชว่ทำเช่นนั้นเหมือนกัน ราวกับว่าสายตาและท่าทีของลู่เฟยหลง

นั้นไม่มีผลต่อเขาเลยสักนิด ก่อนจะหยิบทวนของตนเองขึ้นมาบ้าง

          การประลองอาวุธเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด ท่ามกลางเสียโห่ร้องกองเชียร์จากเหล่าทหารที่แบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย ทั้งลู่เฟยหลงและจูเชว่นั้นต่างมีฝีมือกันทั้งคู่ ลู่เฟยหลงที่เป็นถึงองค์รัชทายาทนั้นดูจะมีชั้นเชิงในการต่อสู้มากกว่าจูเชว่ระดับหนึ่ง แต่ทว่าจูเชว่นั้นก็ต่อสู้สวนกลับอย่างรุนแรงเช่นกัน เขาที่เป็นหัวหน้าครูฝึก แม้จะประมือประลองอาวุธกับองค์รัชทายาทบ่อยครั้งก็อดตะลึงในความสามารถของจูเชว่ไม่ได้

          สายตาของลู่เฟยหลงสบประสานกับจูเชว่โดยบังเอิญ มีอยู่ครู่หนึ่งที่เขาสังเกตเห็นภาพบางอย่างสะท้อนในดวงตาของอีกฝ่าย เป็นเหมือนภาพของพยัคฆ์ขาวตัวหนึ่งกับหงส์เพลิงในสถานที่ที่มีสภาวะงดงามเป็นดินแดนทิพย์ เหมือนกับเสือตัวนั้นคือเขาเอง!

          จูเชว่ยกยิ้มอย่างพึงพอใจที่ทำให้ลู่เฟยหลงมองเห็นภาพสะท้อนในอดีต ก่อนจะเร่งฟาดฟันอาวุธใส่ไม่ยั้ง แต่ลู่เฟยหลงนั้นได้สติทันแล้วตั้งรับจูเชว่ได้ทุกกระบวนท่า กระบวนท่าที่หฤโหดเพียงนี้แม้เขาจะเคยเจอมานับไม่ถ้วน แต่ในหมู่ทหารหน้าใหม่เหล่านี้ล้วนไม่เคยเจอ จูเชว่ผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

          ประลองกันไปได้สักพักก็เป็นจูเชว่ที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ อาวุธของเขาถูกองค์รัชทายาทใช้ขาเตะปัดกระเด็นหลุดมือไปไกล ก่อนที่จะโดนอีกฝ่ายใช้ปลายของทวนจ่อที่ลำคอ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างมีท่าทีเหนื่อยหอบยิ่ง จูเชว่นับว่าเป็นทหารรุ่นใหม่ที่มีฝีมือร้ายกาจมากทีเดียว คนแบบนี้เหมาะสมนักหากจะได้อยู่ในแถวหน้าของกองทัพหากได้ฝึกปรือเพิ่มอีกสักนิด

          หัวหน้าครูฝึกรีบเดินเข้ามาทันที เขาคิดว่าตนเองคงโดนตำหนิเป็นแน่ แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น

          “มีทหารที่เก่งกาจเพียงนี้ ตั้งใจฝึกให้ดี แม้แต่พวกเขาทุกคนในนี้เช่นกัน วันนี้ไม่เก่งแต่วันข้างหน้าจะกลายเป็นนักรบที่เกรียงไกรอย่างแน่นอน...” ลู่เฟยหลงรับเสื้อคลุมจากรองแม่ทัพองครักษ์ซ่งมาสวมใส่ ก่อนจะส่งมอบทวนให้อีกฝ่ายนำไปเก็บไว้ที่กระโจมของตนเอง

          “กระหม่อมนั้นยังอ่อนด้อยประสบการณ์อยู่มาก ขอองค์รัชทายาทโปรดอภัยด้วย” จูเชว่คุกเข่าประสานมืออย่างแข็งขัน เขาก้มหน้าลงด้วยไม่กล้าสบตากับองค์รัชทายาท

          “เจ้าลุกขึ้นมาเถิด กองทัพมีทหารที่มีฝีมือเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีนัก หากได้มีโอกาสกลับเมืองหลวงอีก ข้าจะทูลขอฝ่าบาทให้เจ้าเป็นหนึ่งในแม่ทัพองครักษ์” ลู่เฟยหลงเอ่ยอย่างใจกว้าง วันนี้เขาได้ประมือกับจูเชว่แล้วรู้สึกดียิ่งนัก เหมือนกับได้ปลดปล่อยอารมณ์และความเครียดที่สั่งสมในกายมานานนับเกือบปีในวันนี้ ก่อนจะเดินกลับกระโจมใหญ่ของตนเองไป

          จูเชว่มองตามหลังลู่เฟยหลงด้วยสายตายากจะอธิบายความรู้สึก

         

          บัดนี้ภายในกระโจมหลังใหญ่ของลู่เฟยหลง หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่น

อาหารเลิศรสที่เหล่านางครัวจัดมาถวายเป็นสำรับมื้อกลางวัน ชายหนุ่มมองอาหารที่แม้จะหน้าตาน่ารับประทานเพียงใด แต่ความหอมอร่อยของมันก็ไม่

อาจบรรเทาทุกข์ในใจของเขาได้

          ซ่งหลานหรือรองแม่ทัพองครักษ์ซ่ง ซึ่งถือเป็นพระสหายที่สนิทที่สุดตั้งแต่วัยเยาว์เอ่ยขึ้นมา “หากพระองค์ทรงคิดถึงพระชายาเฟิ่งหรั่น เห็นทีควรเสด็จกลับเมืองหลวงนะพะยะค่ะ ทรงไม่ค่อยเสวยพระกระยาหารเช่นนี้

หากประชวรขึ้นมา เหล่าทหารอาจเสียขวัญ”

          ลู่เฟยหลงมองซ่งหลานด้วยแววตาดุดัน “เดี๋ยวนี้เจ้าอ่านความคิดข้าออกตั้งแต่เมื่อใดกัน”

          ซ่งหลานคุกเข่าประสานมือน้อมขออภัย “ขอพระราชทานอภัยพะยะค่ะ แต่กระหม่อมในฐานะบ่าวก็ไม่อาจเห็นพระองค์เป็นกังวลเช่นนี้ได้ ยิ่งนับวันมีข่าวลือหนาหูนักว่าอ๋องเก้าดึงอำนาจสกุลเฟิ่งเข้ามาในมือ เพื่อคิดการใหญ่บางอย่าง กระหม่อม...”

          ซ่งหลานหยุดกล่าวเมื่อได้ยินเสียงดาบวางกระทบกับโต๊ะดังเคร้ง

          “แม้เจ้าจะสงสัยอ๋องเก้า แต่ก็ไม่ควรตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวเขา อย่างไรเขาก็รับใช้เสด็จพี่มาดีตลอด เขาแต่งงานกับเฟิ่งหรั่นก็ไม่แปลกหากจะดึงอำนาจสกุลเฟิ่งเข้าไปได้” ลู่เฟยหลงกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น เขาลุกขึ้นเดินออกมานอกกระโจมที่พัก ซ่งหลานเห็นดังนั้นแล้วจึงลุกเดินตามไปด้วย ภายในใจรู้สึกเป็นห่วงนายของตนเองไม่น้อยเลย

          “อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันพระราชสมภพของฝ่าบาทแล้ว พระองค์จะให้กระหม่อมเตรียมจัดกองทัพเสด็จหรือไม่พะยะค่ะ” ซ่งหลานเอ่ยถาม

          “เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเสด็จพี่ ข้าไม่ร่วมงานก็คงไม่ได้ เจ้าไม่ต้อง

จัดเตรียมกองทัพ เตรียมทหารม้าฝีมือดีเอาไว้สักสามร้อยคน ส่วนที่เหลือให้ประจำอยู่ที่นี่ อีกเจ็ดวันค่อยเดินทางกลับมา...” ชายหนุ่มเอ่ยรวดเดียวเสร็จสรรพก่อนจะเดินกลับเข้าไปในกระโจมอีกครั้ง

          ซ่งหลานมองตามหลังแล้วได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

         

          งานวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ลู่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันเฟิ่งหรั่น

ถูกเซียวฮองเฮาเรียกเข้าพบในวังหลวง เพื่อหวังจะให้ช่วยกันจัดงานครบรอบวันพระราชสมภพครานี้ หญิงสาวช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงานอย่างขะมักขะเม้น เรื่องอาหารคาวหวานนางก็ช่วยจัดการดูแลมิได้ขาด เหมือนประหนึ่งที่นางเคยรับใช้อ๋องเก้าผู้เป็นพระสวามี

          มีอยู่ช่วงจังหวะหนึ่งที่เฟิ่งหรั่นมานั่งพักคลายความเหนื่อยในเขตพระราชฐานฝ่ายใน เซียวฮองเฮาสบโอกาสจึงถามบางอย่างกับนาง

          “เจ้ากับอ๋องเก้าสบายดีหรือไม่?” เซียวฮองเฮาถามอย่างไม่สบายพระทัยระคนเป็นห่วง พระนางได้ยินกิตติศัพท์ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับอ๋องเก้ามาเยอะนัก อีกฝ่ายติดพันสตรีมากมาย ได้ยินว่ารอบกายมีสตรีไม่ห่างกาย อีกทั้งยังมีหญิงคณิกาตามหอคณิกาใหญ่ๆ อีกมากมายคอยปรนนิบัติอยู่ไม่ห่าง

          “หม่อมฉันกับท่านอ๋องสบายดีเพคะ ก่อนจะมาที่นี่พระองค์ก็เปรยๆ เอาไว้ว่าหากไม่ติดพันราชกิจจนยุ่ง ก็อยากมาช่วยเป็นเรี่ยวแรงจัดงานนี้เพคะ” เฟิ่งหรั่นเอ่ยขึ้นมา เมื่อวันก่อนที่เซียวฮองเฮาต้องการให้นางเข้าเฝ้า นางกับลู่อ๋องผู้เป็นสามีก็คาดเดาได้ว่าต้องเป็นเรื่องวันพระราชสมภพที่กำลังจะมาถึงเป็นแน่ นางจึงได้ตอบรับมาช่วยฮองเฮาอีกแรง ส่วนอ๋องเก้าผู้เป็นสามีนั้นได้ปฏิเสธไป เนื่องด้วยติดพันต้องช่วยฮ่องเต้สะสางราชกิจสำคัญก่อน

วันงานจะมาถึง นางจึงต้องเดินทางมาที่วังหลวงเพียงคนเดียวพร้อมบ่าวรับใช้อีกไม่กี่คนเท่านั้น

          แต่ทว่านางกลับรู้สึกแปลกๆ บางอย่าง นับตั้งแต่นางแต่งงานเข้าวังอ๋อง บ่าวไพร่ที่เคารพนางกลับมีท่าทีที่แฝงไปด้วยความหยิ่งยโสโอหัง นางก็พอสืบรู้มาบ้างว่าลู่อ๋องนั้นมีอนุในจวนอยู่ไม่น้อย แต่ไม่คิดว่าพวกนางเหล่านั้นจะกระทำการเหิมเกริมออกนอกหน้าเช่นนี้กับนางที่เป็นนายหญิง

ของวัง

          มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางต้องการปักอาภรณ์ นางกำนัลแรกรุ่นที่คอยตามรับใช้นางกลับนำเพียงอาภรณ์ลวดลายธรรมดา เปื้อนฝุ่นมาให้นาง อีกทั้งสำรับอาหารที่ยกตั้งถวายนางนั้น ดูก็รู้แล้วว่าเป็นอาหารเก่าที่ค้างคืน แต่ทว่าด้วยความที่ครอบครัวอบรมมาดีจึงทำให้นางไม่อยากมีเรื่องกับใคร และอยากนั่งในใจคนด้วยความเมตตามากกว่าการใช้อำนาจกดขี่ นางจึงแสร้งปิดตาหนึ่งข้างเพื่อรักษาดวงตาอีกข้างหนึ่งเอาไว้

          แต่ทว่ายิ่งนางนิ่งเงียบก็เหมือนยิ่งให้พวกนางเหล่านั้นกระทำการเหิมเกริม ไม่เกรงใจนางมากขึ้น

          อันที่จริงเซียวฮองเฮาทรงมีหูตากว้างไกลพอสมควร เรื่องในวังหน้าพระนางก็พอรู้มาบ้าง แม้แต่เรื่องในวังอ๋องเก้านางก็พอรู้ บ่าวไพร่พวกนั้นกระทำตนเหิมเกริมไม่เกรงใจเฟิ่งหรั่น แต่นางกลับไม่ได้มีท่าทีตอบโต้แต่อย่างใด

          “แต่วันนี้ฝ่าบาททรงไม่ได้มีราชกิจอันใดต้องสะสางนะ ราชกิจทั้งหลายล้วนยกให้รุ่ยกงกงจัดการทั้งหมด ทรงไม่ได้มีบัญชาเรียกอ๋องเก้ามาเลยสักนิด” เซียวฮองเฮาขมวดคิ้ว พระนางเองก็เป็นผู้ช่วยแบ่งเบาราชกิจของฝ่าบาท ยิ่งเพลานี้อ๋องเก้ากระทำการเหิมเกริมทุกวันหลังแต่งงานกับเฟิ่งหรั่น พระองค์ก็แทบไม่มีราชกิจใดให้ลู่อ๋องช่วยอีก ส่วนมากจะยกให้รุ่ยกงกงช่วยตัดสินใจในบางเรื่องเท่านั้น เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

          “มีบางวันที่ท่านอ๋องทรงบอกว่าเจ็ดราตรีที่ไม่ได้กลับจวน ก็เพราะนอนค้างในวังหลวง ฝ่าบาทมิใช่เรียกท่านอ๋องมาช่วยสะสางราชกิจหรือเพคะ” เฟิ่งหรั่นเริ่มประหวั่นพรั่นพรึงในใจ หากลู่อ๋องไม่ได้มาช่วยราชกิจดังที่เคยกล่าวกับนางเอาไว้ แล้วเขาไปที่ใดกัน?!

          แต่ช่างเถิด หากมาสงสัยตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อันใด ลู่อ๋องรักนางมาก เขาต้องไม่มีทางออกนอกลู่นอกทางแน่นอน นางมั่นใจ

______________________________

7ก้นเสือลูบเล่นไม่ได้ เป็นสำนวนจีนหมายถึงว่า มีความน่าเกรงขามมาก ล้อเล่นไม่ได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    21 - หวนคืนสู่นครา

    โรงเตี๊ยมแห่งนี้แม้จะเล็กไปหน่อย แต่ก็เป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารชั้นดีเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วลู่เฟยหลงนั้นอยู่เบื้องหลังการชำระล้างมลทินให้เฟิ่งหรั่น มีแต่คนกล่าวเพียงว่าอัครมหาเสนาบดีเฟิ่งผู้เป็นบิดาที่คอยหาหลักฐานมากมายร่วมสามปี จนได้หลักฐานว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการใส่ร้ายอดีตพระชายาเก้าจนถึงแก่ความตาย ก็คือขันทีคนสนิทของลู่อ๋อง แม้จะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีหลายคำถามมากมายที่ผู้คนต่างกล่าวขานกัน ว่าเป็นเพราะลู่อ๋องต้องหลงเสน่ห์ชายารององค์ใหม่เป็นแน่ เฟิ่งหรั่นยกยิ้มอย่างพึงใจ อย่างน้อยสามปีที่นางหายไปท่านพ่อท่านแม่ก็ยังคงทวงความยุติธรรมให้นางมาตลอด การกลับมาคราวนี้นางจะต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีที่เคยถูกย่ำยีกลับคืนมา เปิดโปงความชั่วของพวกมันทั้งสองคนในชั่วพริบตานางย่อมทำได้ แต่หากทำเช่นนั้นศัตรูที่นางเคียดแค้นชิงชังจะตายง่ายไป นางต้องการแย่งชิงสิ่งที่พวกมันหมายปองให้มาอยู่แทบเท้านาง ในเมื่อเคยเป็นคนดีแต่กลับถูกคนชั่วหลอกใช้ นางก็ขอกลายเ

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    20 - เมืองเจี้ยงจู

    ไป๋ลู่หัวเสียอย่างยิ่ง หากนางทำสิ่งใดทำไมต้องมีคนมาขัดจังหวะนางตลอดเวลานะ! เซียนสาวหันมาเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนทางด้านหลัง นางยิ้มแหยๆ ให้กับจูเชว่อย่างอารมณ์ดี เขาอายุมากกว่านางหลายพันปีอีกทั้งยังเป็นคนที่คอยขัดขวางนางทุกเรื่องหากนางคิดอ่านสิ่งใด เขาทำตนราวกับตนเองมีเนตรทิพย์แดนสวรรค์ที่สามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่งได้ นางเกลียดยิ่งนัก! “เซียนที่ต้องทัณฑ์ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาแดนสวรรค์ และยิ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าหอชะตาเซียน เจ้าบังอาจฝ่าฝืนกฎเช่นนี้ ไม่กลัวสวรรค์ลงทัณฑ์หรือไร?”จูเชว่ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หากเขาไม่สะกดรอยมาเห็นนางเสียก่อน เกรงว่านางคงทำเรื่องไม่น่าให้อภัยไปแล้ว “แล้วท่านแม่ทัพเล่า มีเวลาว่างมากนักรึถึงมาตามจับผิดข้า คราวก่อนก็ครั้งนึงแล้ว ท่านตามติดข้าเป็นเงาเช่นนี้ คงมิใช่ทำร้ายอันใดกับข้าอยู่ใช่มั้ย?” พยัคฆ์สาวแสร้งเอ่ยปกปิดเรื่องราวของตน และได้ผล...แม้ว่าจูเชว่จะชอบขัดขวางนาง แต่ทว่าไม่เคยตาม

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    19 - ร่างที่ไร้ลมหายใจ

    บริเวณลานประหาร ร่างบอบบางที่ถูกตรึงด้วยไม้กางเขน สภาพร่างกายของนางอันบอบบางราวกิ่งหลิวเปียกชุ่มไปด้วยคราบโลหิตจากทัณฑ์ทรมาน เส้นผมที่เคยถูกรวบเกล้าประดับด้วยเครื่องประดับอันงดงาม บัดนี้กลับหลุดลุ่ยปรกใบหน้า ดวงตาที่เคยอ่อนหวานในยามนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น ที่ไม่มีโอกาสได้มอบความตายคืนให้กับคนที่กระทำนาง ‘เฟิ่งหรั่น’ คือบุตรีของอัครมหาเสนาบดี นางผู้เปี่ยมด้วยรูปโฉมอันงดงามและอำนาจบารมีของบิดา วาสนาชีวิตที่เคยเป็นถึงพระชายาอ๋อง บัดนี้กลับตกต่ำกลายเป็นนักโทษประหารความผิดไม่น่าให้อภัย ดวงตางดงามค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละนิดมองสภาพแวดล้อมรายรอบที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่รุมสาปแช่งนาง นางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันในโชคชะตาของตนเอง นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าวาสนาที่ตนเองเคยเป็นชายาของอ๋องเก้าบุรุษที่ยิ่งใหญ่ บัดนี้จะตกต่ำเป็นถึงนักโทษประหาร คิดแล้วช่างน่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    18 - ทัณฑ์หลิงฉือ

    ลู่เฟยหลงลอบเดินออกมาทางด้านหลังตำหนัก ซึ่งเป็นช่องทางลับที่เขาแอบสร้างเอาไว้นานแล้ว ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะได้ใช้ช่องทางลับนี้ ช่องทางลับที่แม้แต่ฝ่าบาทกับพระมารดาก็ไม่ทรงทราบ ซ่งหลานบอกเขาว่าเฟิ่งหรั่นถูกนำตัวไปขังในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดของคุกหลวง คุกที่ไม่มีแม้กระทั่งแสงเดือนหรือแสงตะวันสาดส่อง ชายหนุ่มลอบย่องเข้ามาเงียบๆ วรยุทธ์ของเขานั้นสูงส่งเกินกว่าที่ทหารยามจะคาดเดาได้ เขานำห่อผ้าห่มผืนใหญ่มาด้วยเพื่อหวังจะโอบนางให้คลายความหนาวแล้วพาหนีออกจากคุกแห่งนี้ แต่ทว่าเขาต้องหยุดฝีเท้าเมื่อเจอกับสตรีอีกหนึ่งนางกำลังตรงไปที่ห้องขังเฟิ่งหรั่น เฟิ่งอี้! ชายหนุ่มกำหมัดแน่นเมื่อเห็นสตรีตัวต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด กำลังเดินอย่างแช่มช้ามิรู้ร้อนรู้หนาวอันใด กริยาท่าทางราวกับคนใจเย็นสุขุม ทั้งๆ ที่บิดาและมารดาของนางกำลังร้อนรนเพราะหาทางช่วยเฟิ่งหรั่น แต่นางคนนี้กลับมีท่าทีราวกับเบิกบานใจ

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    17 - ดั่งดวงใจ

    เฟิ่งหรั่นถูกคุมขังอยู่ในตำหนักหลายวัน ขณะที่ลู่อ๋องไม่สนใจความเป็นความตายของนาง เขากลับแต่งตั้งเฟิ่งอี้น้องสาวนางเป็นพระชายารอง ให้ดูแลงานทุกอย่างภายในวังอ๋องแทนนางที่ถูกคุมขังในตำหนัก แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตากับนางอยู่บ้าง กงกงของวังหาได้เชื่อว่านางเป็นคนทรยศ จึงคอยลอบส่งข่าวสารผ่านจิงเจียวถึงแผนการของลู่อ๋อง “เจ้าคนชั่ว!” เฟิ่งหรั่นเปล่งวาจาด้วยบันดาลโทสะ ฝ่ามือบางที่เคยขาวผ่อง ตอนนี้กลับชุ่มโชกไปด้วยเลือดเนื่องจากนางฟาดฝ่ามือของตนเองเข้ากับผนังกำแพงโดยไม่นึกถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด “พระชายาเพคะ” จิงเจียวมองนายของตนด้วยความสงสาร ทั้งหมดนั่นคือการใส่ร้ายกันชัดๆ เจ้านายของนางไม่เคยกระทำตนออกนอกลู่นอกทาง ทุกอย่างเป็นแผนการใส่ร้ายทั้งสิ้น ลู่อ๋องใส่ร้ายเจ้านายของนางจนต้องโดนลงทัณฑ์เช่นนี้! “ข้าแต่งงานกับเขาก็เพื่อหวังช่วยเสริมฐานอำนาจให้เ

  • Phoenix's Rebirth หงส์หวนรัก    16 - แผนใส่ร้าย

    ในขณะที่ตำหนักหนึ่งกำลังบรรเลงบทเพลงรักอย่างเร่าร้อน ทางด้านตำหนักของเฟิ่งหรั่นกลับเงียบเหงายิ่งนัก หญิงสาวตื่นขึ้นมาในยามดึก เนื่องด้วยเพลานี้นางพักผ่อนจนพิษไข้สร่างลงไปมาก ด้านข้างกันนั้นมีจิงเจียวคอยช่วยตระเตรียมห่อยาและคอยเช็ดตัวให้กับนาง เฟิ่งหรั่นขยี้ตามองสรรพสิ่งรอบๆ กาย นางกลับมาที่ตำหนักตั้งแต่เมื่อไหร่! ครั้งล่าสุดนางจำได้ว่าเฟิ่งอี้พานางไปเดินเล่นแถวๆ เขตตำหนักบูรพา จากนั้นนางก็เมามายจนสติเลือนรางจดจำสิ่งใดไม่ค่อยได้ นางจำได้แค่เพียงว่ากลิ่นกายของบุรุษที่มิใช่ลู่อ๋อง และเสียงทะเลาะกันในขณะนั้นคล้ายกับว่าเป็นห้วงความฝัน แต่เป็นห้วงฝันที่เหมือนจริงเสียเหลือเกิน “พระชายา ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ ทรงนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด อีกหลายชั่วยามเพคะกว่าฟ้าจะสาง” จิงเจียวเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้พระชายาของนางกำลังตกที่นั่งลำบาก นางไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปลอบใจอย่างไรดี “ข้าจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย” เฟิ่งหรั่นกำลังจะก้าวขาลงจากเตียงแต่จิงเจียวปรามเอาไว้ก่อน “อย่าเพิ่งเลยเพคะพระชายา ตอนนี้ท่านอ๋องทรงมีคำสั่งกักบริเวณพระองค์เอา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status